1พงศาวดาร 16

1 พวกเขาอัญเชิญหีบพันธสัญญาของพระเจ้ามาตั้งไว้ในพลับพลาซึ่งดาวิดทรงจัดเตรียมไว้ และถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชาต่อหน้าพระเจ้า

2 หลังจากที่ถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาเสร็จแล้ว ดาวิดก็ทรงอวยพรประชาชนในพระนามของพระยาห์เวห์

3 และประทานขนมปัง อินทผลัมอัด และขนมลูกเกดอย่างละหนึ่งก้อนแก่อิสราเอลทุกคนทั้งชายและหญิง

4 ดาวิดทรงแต่งตั้งคนเลวีบางคนให้ปฏิบัติงานอยู่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยการทูลขอ ขอบพระคุณ และถวายคำสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้แก่

5 อาสาฟเป็นหัวหน้า รองลงมาคือเศคาริยาห์ คนอื่นๆ ได้แก่ เยอีเอล เชมิราโมท เยฮีเอล มัททีธิยาห์ เอลีอับ เบไนยาห์ โอเบดเอโดม และเยอีเอล คนเหล่านี้เล่นพิณใหญ่และพิณเขาคู่ อาสาฟเป็นผู้ตีฉาบ

6 ปุโรหิตเบไนยาห์และยาฮาซีเอลเป่าแตรเป็นประจำหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า

บทสดุดีขอบพระคุณของดาวิด

7 ในวันนั้นดาวิดทรงมอบบทสดุดีขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าให้อาสาฟกับผู้ช่วยของเขาเป็นครั้งแรกดังนี้ว่า

8 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าและร้องทูลออกพระนามของพระองค์

ให้ประชาชาติทั้งหลายได้รู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำ

9 จงร้องเพลงถวายพระองค์ ร้องสรรเสริญถวายพระองค์

บอกถึงพระราชกิจอันมหัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์

10 จงเทิดทูนพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์

ให้จิตใจของผู้ที่แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าชื่นชมยินดี

11 จงหมายพึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพลังอำนาจของพระองค์

จงแสวงหาพระพักตร์พระองค์เสมอ

12 จงระลึกถึงปาฏิหาริย์ที่พระองค์ทรงกระทำ

ถึงการอัศจรรย์และคำพิพากษาที่พระองค์ทรงประกาศ

13 วงศ์วานอิสราเอลผู้รับใช้ของพระองค์เอ๋ย

ลูกหลานของยาโคบที่ทรงเลือกสรรเอ๋ย

14 พระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา

การพิพากษาของพระองค์อยู่ทั่วพื้นแผ่นดินโลก

15 พระองค์ทรงระลึกถึงพันธสัญญาของพระองค์ตลอดกาล

ทรงระลึกถึงพระดำรัสที่ทรงบัญชาไว้ตลอดพันชั่วอายุคน

16 พันธสัญญาที่พระองค์ทรงทำกับอับราฮัม

คำปฏิญาณที่พระองค์ทรงสัญญากับอิสอัค

17 พระองค์ทรงยืนยันต่อยาโคบเป็นกฎเกณฑ์

ต่ออิสราเอลเป็นพันธสัญญานิรันดร์

18 “เราจะยกดินแดนคานาอันให้เจ้า

ให้เป็นมรดกของเจ้าทั้งหลาย”

19 เมื่ออิสราเอลยังมีจำนวนน้อยนัก

น้อยเหลือเกิน และเป็นเพียงคนแปลกหน้าในดินแดนนั้น

20 พวกเขาระเหเร่ร่อนจากชนชาติหนึ่งไปอีกชนชาติหนึ่ง

จากอาณาจักรหนึ่งไปอีกอาณาจักรหนึ่ง

21 พระองค์ไม่ทรงยอมให้ใครข่มเหงรังแกเขา

เพราะเห็นแก่เขา พระองค์ทรงกำราบกษัตริย์ทั้งหลาย

22 “อย่าแตะต้องบรรดาผู้ที่เราเจิมตั้งไว้

อย่าทำอันตรายใดๆ แก่เหล่าผู้เผยพระวจนะของเรา”

23 ทั่วทั้งโลกจงร้องเพลงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า

จงประกาศความรอดของพระองค์ทุกๆ วัน

24 จงประกาศพระเกียรติสิริของพระองค์ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย

ประกาศพระราชกิจล้ำเลิศของพระองค์ท่ามกลางชนชาติทั้งมวล

25 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่นัก และควรแก่การสรรเสริญเป็นที่สุด

พระองค์ทรงเป็นที่เคารพยำเกรงเหนือพระทั้งปวง

26 เพราะพระของชนชาติต่างๆ เป็นเพียงรูปเคารพ

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างฟ้าสวรรค์

27 สง่าราศีและพระบารมีอยู่ต่อหน้าพระองค์

พระเดชานุภาพและความปีติยินดีอยู่ในที่ประทับของพระองค์

28 ทุกครอบครัวในชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงพระเกียรติสิริและพระเดชานุภาพของพระองค์

29 จงเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าตามพระเกียรติสิริที่ควรแก่พระนามของพระองค์

จงนำเครื่องบูชามาต่อหน้าพระองค์

จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าในสง่าราศีแห่งความบริสุทธิ์ของพระองค์

30 โลกทั้งโลกจงสั่นสะท้านต่อหน้าพระองค์

โลกได้รับการสถาปนาไว้อย่างมั่นคง จะไม่มีวันคลอนแคลน

31 ฟ้าสวรรค์จงชื่นชมยินดี แผ่นดินโลกจงเปรมปรีดิ์

ให้ประชาชาติทั้งหลายกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครอง!”

32 ท้องทะเลและสรรพสิ่งในนั้นจงแซ่ซ้องกังวาน

ท้องทุ่งและทุกสิ่งในนั้นจงร่าเริง

33 แล้วต้นไม้ในป่าจะร้องเพลง

พวกมันจะร้องเพลงอย่างชื่นบานต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

เพราะพระองค์เสด็จมาเพื่อพิพากษาแผ่นดินโลก

34 จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงแสนดี

ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์

35 จงร้องทูลพระองค์ว่า “ข้าแต่พระเจ้า องค์พระผู้ช่วยให้รอด ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้รอด

ขอทรงรวบรวมและกอบกู้ข้าพระองค์ทั้งหลายจากชนชาติต่างๆ

เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะขอบพระคุณพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์

เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะยกย่องสรรเสริญพระองค์”

36 ขอสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

จากนิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล

แล้วให้ปวงประชากรจงกล่าวว่า “อาเมน” และ “สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า”

37 ดาวิดทรงมอบหมายให้อาสาฟและคณะปฏิบัติหน้าที่อย่างสม่ำเสมอที่หน้าหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าโดยจัดการทุกอย่างให้ครบถ้วนตามข้อกำหนดทุกวัน

38 และให้โอเบดเอโดม และเพื่อนร่วมงาน 68 คนร่วมปรนนิบัติด้วย โอเบดเอโดมบุตรเยดูธูนและโฮสาห์เป็นยามเฝ้าประตู

39 ดาวิดทรงให้ปุโรหิตศาโดกและปุโรหิตคนอื่นๆ ซึ่งรับใช้ร่วมกันกับเขาประจำอยู่ที่พลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าบนสถานบูชาบนที่สูงในกิเบโอน

40 เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเช้าทุกเย็นตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ประทานแก่อิสราเอล

41 และให้เฮมาน เยดูธูน กับคนอื่นๆ อีกหลายคนที่ได้รับเลือกและระบุชื่อไว้เป็นผู้ถวายคำขอบพระคุณแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์”

42 เฮมานกับเยดูธูนรับผิดชอบการเป่าแตร ตีฉาบ และบรรเลงเครื่องดนตรีต่างๆ คลอไปกับบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ บุตรทั้งหลายของเยดูธูนประจำอยู่ที่ประตู

43 จากนั้นประชาชนทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ส่วนดาวิดเสด็จกลับพระราชวังไปอวยพรเชื้อพระวงศ์

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/16-5e99144a2fb855fa0a35c12188daa12e.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 17

คำสัญญาของพระเจ้าต่อดาวิด

1 หลังจากดาวิดเข้าประทับในพระราชวังแล้ว พระองค์ตรัสกับผู้เผยพระวจนะนาธันว่า “ดูเถิด เราอยู่ในวังไม้สนซีดาร์ ในขณะที่หีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ในเต็นท์”

2 นาธันทูลตอบว่า “ขอทรงทำตามพระดำริของฝ่าพระบาทเถิด เพราะพระเจ้าสถิตกับฝ่าพระบาท”

3 ในคืนนั้นมีพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงนาธันความว่า

4 “จงไปบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าไม่ใช่ผู้ที่จะสร้างวิหารให้เราอยู่

5 เราไม่เคยอยู่ในวิหารเลย นับตั้งแต่เรานำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์จวบจนทุกวันนี้ เราไปมากับเต็นท์ตลอด ไม่ว่าย้ายไปที่ไหน

6 ไม่ว่าเราไปที่ไหนกับปวงชนอิสราเอล เราเคยออกปากกับผู้นำคนใดซึ่งเราสั่งให้เลี้ยงดูประชากรของเราหรือว่า “ทำไมไม่สร้างวิหารด้วยไม้สนซีดาร์ให้เรา?”’

7 “บัดนี้จงบอกดาวิดผู้รับใช้ของเราว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า เราพาเจ้าออกมาจากทุ่งหญ้า จากการต้อนฝูงแกะมาปกครองอิสราเอลประชากรของเรา

8 เราอยู่กับเจ้าไม่ว่าเจ้าไปที่ไหนและเราทำลายศัตรูทั้งปวงของเจ้าออกไปให้พ้นหน้าเจ้า บัดนี้เราจะทำให้นามของเจ้าเลื่องลือไปเหมือนนามบุคคลสำคัญทั้งหลายของโลก

9 และเราจัดเตรียมที่แห่งหนึ่งให้อิสราเอลประชากรของเราตั้งรกราก เพื่อเขาจะมีบ้านเรือนเป็นของตนเองและไม่ต้องถูกรบกวนอีก คนชั่วจะไม่มาข่มเหงรังแกพวกเขาอย่างที่เคยทำอีกต่อไป

10 และเป็นอย่างนั้นเรื่อยมานับตั้งแต่เราได้ตั้งผู้นำทั้งหลายปกครองอิสราเอลประชากรของเรา เราจะปราบศัตรูทั้งปวงของเจ้าด้วย

“ ‘เราขอประกาศว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะสถาปนาวงศ์วานสำหรับเจ้า

11 เมื่อเจ้าหมดอายุขัยและล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของเจ้าแล้ว เราจะตั้งบุตรชายคนหนึ่งของเจ้าขึ้นครองราชย์ต่อจากเจ้า เป็นบุตรคนหนึ่งของเจ้าเอง และเราจะสถาปนาอาณาจักรของเขา

12 เขาเป็นผู้ที่จะสร้างวิหารให้เรา และเราจะสถาปนาบัลลังก์ของเขาตลอดกาล

13 เราจะเป็นบิดาของเขาและเขาจะเป็นบุตรของเรา เราจะไม่ริบความรักมั่นคงของเราไปจากเขา เหมือนที่เราริบจากผู้ที่ปกครองก่อนหน้าเจ้า

14 เราจะตั้งเขาไว้ในนิเวศและอาณาจักรของเราตลอดไป เราจะสถาปนาบัลลังก์ของเขาไว้ตลอดนิรันดร์’ ”

15 นาธันจึงกราบทูลพระดำรัสทั้งสิ้นที่ทรงเปิดเผยนี้ให้ดาวิดทราบ

คำอธิษฐานของดาวิด

16 จากนั้นกษัตริย์ดาวิดจึงเสด็จเข้าไปประทับนั่งต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและทูลว่า

“ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์ ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่า วงศ์ตระกูลของข้าพระองค์เป็นใครหนอ พระองค์จึงทรงนำข้าพระองค์มาถึงเพียงนี้?

17 และไม่เพียงเท่านี้ ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ยังตรัสถึงอนาคตของวงศ์วานผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงทอดพระเนตรข้าพระองค์ราวกับว่าเป็นผู้มีเกียรติสูงส่ง ข้าแต่พระเจ้าพระยาห์เวห์

18 “ดาวิดจะกราบทูลอะไรมากไปกว่านี้ได้ที่ทรงให้เกียรติผู้รับใช้ของพระองค์ถึงเพียงนี้? เพราะพระองค์ทรงรู้จักผู้รับใช้ของพระองค์

19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ และประทานคำมั่นสัญญาอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ เพราะเห็นแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ และตามพระประสงค์ของพระองค์

20 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเท่าที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยินมากับหู ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์

21 และมีชนชาติใดเล่าทั่วพิภพที่เสมอเหมือนอิสราเอลประชากรของพระองค์ ซึ่งพระเจ้าของเขาเสด็จมาไถ่ประชากรเพื่อพระองค์เอง และเพื่อนำเกียรติยศมาสู่พระนามของพระองค์ และทรงกระทำการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่น่าเกรงขาม โดยขับไล่ประชาชาติต่างๆออกไปให้พ้นหน้าประชากรของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงไถ่ออกจากอียิปต์

22 พระองค์ทรงให้อิสราเอลประชากรของพระองค์เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เองตลอดนิรันดร์ และข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของพวกเขา

23 “และบัดนี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอให้คำมั่นสัญญาที่ทรงให้ไว้เกี่ยวกับผู้รับใช้และวงศ์วานนั้นได้รับการสถาปนาไว้ตลอดนิรันดร์ ขอทรงกระทำตามพระสัญญา

24 เพื่อการนั้นจะตั้งมั่นอยู่และเพื่อพระนามของพระองค์จะยิ่งใหญ่นิรันดร์ แล้วคนทั้งหลายจะกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าเหนืออิสราเอล ทรงเป็นพระเจ้าของอิสราเอล’ และวงศ์วานดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์จะได้รับการสถาปนาไว้ต่อหน้าพระองค์

25 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเปิดเผยแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ว่าจะทรงสถาปนาวงศ์วานเพื่อเขา ดังนั้นผู้รับใช้ของพระองค์จึงกล้าทูลอธิษฐานเช่นนี้

26 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า! พระองค์ทรงสัญญาจะประทานสิ่งดีเหล่านี้ให้แก่ผู้รับใช้ของพระองค์

27 บัดนี้พระองค์ทรงพอพระทัยที่จะอวยพรวงศ์วานของผู้รับใช้ของพระองค์ให้ยืนยงตลอดไปในสายพระเนตรของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงอวยพรวงศ์วานของข้าพระองค์แล้ว และพวกเขาจะได้รับพระพรของพระองค์สืบไปนิรันดร์”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/17-40523d9f77262161d8167c1f7e934c41.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 18

ชัยชนะของดาวิด

1 ต่อมาดาวิดทรงพิชิตชาวฟีลิสเตียอย่างราบคาบ ทรงยึดเมืองกัทและหมู่บ้านโดยรอบจากฟีลิสเตีย

2 ดาวิดยังได้ทรงพิชิตชาวโมอับด้วย พวกเขาตกเป็นเมืองขึ้นและนำเครื่องบรรณาการมาถวาย

3 ยิ่งกว่านั้นดาวิดยังทรงสู้รบกับกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ไปจนถึงเมืองฮามัท ในคราวที่ฮาดัดเอเซอร์ทรงเสด็จไปสถาปนาราชอำนาจแถบแม่น้ำยูเฟรติส

4 ดาวิดทรงยึดรถม้าศึกหนึ่งพันคัน พลรถรบเจ็ดพันคน และทหารราบสองหมื่นคน ทรงตัดเอ็นขาม้าศึกทั้งหมด ยกเว้นม้าสำหรับเทียมรถหนึ่งร้อยตัว

5 เมื่อชาวอารัมจากเมืองดามัสกัสมาช่วยกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์ ดาวิดทรงสังหารพวกเขา 22,000 คน

6 ทรงวางกำลังทหารไว้ในอาณาจักรอารัมแห่งดามัสกัส ชาวอารัมก็ขึ้นกับดาวิดและต้องส่งบรรณาการมาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน

7 ดาวิดทรงนำโล่ทองคำของบรรดานายทหารของฮาดัดเอเซอร์มายังกรุงเยรูซาเล็ม

8 และนำทองสัมฤทธิ์จำนวนมหาศาลมาจากเมืองเทบาห์และเมืองคูนของฮาดัดเอเซอร์ โซโลมอนทรงใช้ทองสัมฤทธิ์เหล่านี้ทำขันสาคร เสาหาน และภาชนะทองสัมฤทธิ์ต่างๆ

9 เมื่อกษัตริย์โทอูแห่งเมืองฮามัทได้ข่าวว่าดาวิดทรงรบชนะทั้งกองทัพของกษัตริย์ฮาดัดเอเซอร์แห่งเมืองโศบาห์

10 ก็ส่งฮาโดรัมราชโอรสมาถวายคำนับกษัตริย์ดาวิดและร่วมยินดีในชัยชนะเหนือฮาดัดเอเซอร์ เพราะฮาดัดเอเซอร์และโทอูเป็นศัตรูที่ขับเคี่ยวกันมา ฮาโดรัมนำเครื่องเงิน เครื่องทอง และเครื่องทองสัมฤทธิ์มาถวายด้วย

11 กษัตริย์ดาวิดทรงถวายสิ่งเหล่านี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับเงินและทองที่ทรงริบมาจากชนชาติทั้งหมดต่อไปนี้คือ เอโดม โมอับ อัมโมน ฟีลิสเตีย และอามาเลข

12 อาบีชัยบุตรนางเศรุยาห์สังหารชาวเอโดม 18,000 คนที่หุบเขาเกลือ

13 เขาวางกำลังทหารไว้ในเอโดม และชาวเอโดมทั้งปวงก็ยอมสวามิภักดิ์ต่อดาวิดองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานชัยชนะแก่ดาวิดไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน

ข้าราชบริพารของดาวิด

14 ดาวิดทรงปกครองทั่วแดนอิสราเอล ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องเที่ยงธรรมเพื่อปวงประชากรของพระองค์

15 โยอาบบุตรนางเศรุยาห์เป็นแม่ทัพเยโฮชาฟัทบุตรอาหิลูดเป็นอาลักษณ์หลวง

16 ศาโดกบุตรอาหิทูบและอาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์เป็นปุโรหิต ชัฟชาเป็นราชเลขา

17 เบไนยาห์บุตรเยโฮยาดาดูแลคนเคเรธีและคนเปเลท บรรดาโอรสของดาวิดเป็นราชมนตรี

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/18-75a78ccf60f4c8eb5a0cf0ec58796785.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 19

ดาวิดพิชิตชาวอัมโมน

1 ต่อมากษัตริย์นาหาชแห่งอัมโมนสิ้นพระชนม์ และโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน

2 ดาวิดทรงรำพึงว่า “เราจะแสดงความกรุณาต่อฮานูนบุตรนาหาชเพราะบิดาของเขาเคยแสดงความกรุณาต่อเรา” ดาวิดจึงทรงส่งทูตไปแสดงความเสียใจต่อฮานูนที่สูญเสียราชบิดา

แต่เมื่อคณะทูตของดาวิดมาเข้าเฝ้าฮานูนที่ดินแดนอัมโมนเพื่อแสดงความเห็นใจต่อเขา

3 พวกขุนนางชาวอัมโมนทูลฮานูนว่า “ฝ่าพระบาททรงคิดว่าดาวิดให้เกียรติแก่ราชบิดาของฝ่าพระบาทโดยส่งคนเหล่านี้มาแสดงความเห็นใจต่อฝ่าพระบาทหรือ? พวกเขามาสอดแนมดูลาดเลาก่อนเข้าโจมตีไม่ใช่หรือ?”

4 ดังนั้นฮานูนจึงจับคนของดาวิดโกนเคราและตัดเสื้อผ้าตรงสะโพกออก แล้วปล่อยไป

5 เมื่อดาวิดทรงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงส่งผู้สื่อสารไปพบคนเหล่านั้นเพราะพวกเขารู้สึกอับอายขายหน้าอย่างมาก กษัตริย์ตรัสว่า “จงพักอยู่ที่เยรีโคจนกว่าเคราจะขึ้นดังเดิม แล้วค่อยกลับมา”

6 ถึงตอนนี้ชาวอัมโมนตระหนักดีว่าได้ยั่วยุดาวิดอย่างร้ายแรง ฮานูนและชาวอัมโมนจึงนำเงินหนักประมาณ 34 ตันไปจ้างรถม้าศึกและพลรถรบจากอารัมนาหะราอิม อารัม มาอาคาห์ และโศบาห์

7 ฮานูนทรงจ้างรถม้าศึก 32,000 คันและพลรถรบ และให้เงินกษัตริย์มาอาคาห์กับกองทัพซึ่งมาตั้งค่ายพักอยู่ใกล้เมืองเมเดบา ขณะที่ชาวอัมโมนเคลื่อนทัพมาจากเมืองต่างๆ เพื่อสู้รบ

8 เมื่อดาวิดทรงทราบเช่นนั้นก็ส่งโยอาบและกองทัพอิสราเอลทั้งหมดไป

9 กองทัพอัมโมนออกมาตั้งประจันหน้ากับกองทัพของดาวิดที่ทางเข้าเมืองของพวกเขา ในขณะที่บรรดากษัตริย์ซึ่งเสด็จมาร่วมรบด้วยนั้นตั้งค่ายอยู่ในที่โล่งนอกเมือง

10 โยอาบเห็นว่ากองกำลังของศัตรูตั้งแนวรบอยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ก็จัดกำลังทหารฝีมือดีที่สุดของอิสราเอลส่วนหนึ่งไปรับมือชาวอารัม

11 โยอาบให้ทหารส่วนที่เหลืออยู่ภายใต้การบัญชาการของอาบีชัยน้องชายของเขา และจัดทัพเคลื่อนออกไปรับมือกับชาวอัมโมน

12 โยอาบกล่าวว่า “ถ้าพวกอารัมแข็งแกร่งเกินกำลังของเรา เจ้าจงมาช่วยเรา แต่ถ้าพวกอัมโมนแข็งแกร่งเกินกำลังของเจ้า เราจะไปช่วยเจ้า

13 จงเข้มแข็งและให้เราต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อพี่น้องร่วมชาติของเรา และเพื่อนครแห่งพระเจ้าของเราองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำตามที่ทรงเห็นชอบ”

14 แล้วโยอาบกับกองทหารก็บุกเข้าโจมตี ชาวอารัมก็ถอยหนี

15 เมื่อชาวอัมโมนเห็นชาวอารัมล่าถอย พวกเขาก็ถอยหนีจากอาบีชัยน้องชายของโยอาบเข้าไปในเมือง โยอาบจึงยกทัพกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม

16 หลังจากชาวอารัมเห็นว่าถูกอิสราเอลรุกไล่พวกเขาก็ส่งคนไปนำกำลังชาวอารัมจากอีกฟากหนึ่งของ แม่น้ำยูเฟรติสโดยแม่ทัพโชฟาคของฮาดัดเอเซอร์นำทัพมา

17 เมื่อดาวิดทรงทราบข่าว พระองค์ทรงระดมพลอิสราเอลทั้งหมดและข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปรบกับศัตรู ทรงตั้งแนวรบประจันหน้ากับชาวอารัมและสู้รบกัน

18 แต่พวกเขาพ่ายหนีต่อหน้าอิสราเอล และดาวิดทรงสังหารพลรถรบของพวกเขาเจ็ดพันคนกับทหารราบอีกสี่หมื่นคน และทรงสังหารโชฟาคแม่ทัพของพวกเขาด้วย

19 เมื่อข้ารับใช้ของฮาดัดเอเซอร์เห็นว่าพวกเขาพ่ายแพ้อิสราเอลก็ขอสงบศึกและยอมเป็นเมืองขึ้นของดาวิด ชาวอารัมจึงไม่กล้ามาช่วยชาวอัมโมนสู้รบอีกเลย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/19-1ce087e8074f626e93b7551c8dd464dd.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 20

การยึดเมืองรับบาห์

1 ในฤดูใบไม้ผลิอันเป็นช่วงที่กษัตริย์ทั้งหลายมักออกไปรบ โยอาบนำทัพอิสราเอลไปทำลายล้างดินแดนของชาวอัมโมน แล้วเขาก็ไปล้อมเมืองรับบาห์ แต่ดาวิดยังคงประทับอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม โยอาบโจมตีรับบาห์และทิ้งให้เป็นซากปรักหักพัง

2 ดาวิดทรงถอดมงกุฎจากพระเศียรของกษัตริย์ของพวกเขามาสวมบนพระเศียรของพระองค์ มงกุฎนั้นทำด้วยทองคำหนักประมาณ 34 กิโลกรัมประดับเพชรนิลจินดา ดาวิดทรงริบของเชลยได้มากมายจากเมืองนั้น

3 และทรงเกณฑ์ชาวเมืองนั้นให้มาทำงานโดยใช้เลื่อย จอบ เสียมและขวาน ดาวิดทรงทำเช่นนี้กับทุกเมืองของอัมโมน แล้วดาวิดกับกองทัพทั้งหมดก็กลับกรุงเยรูซาเล็ม

สงครามกับชาวฟีลิสเตีย

4 ต่อมามีการสู้รบกับชาวฟีลิสเตียอีกที่เกเซอร์ ครั้งนั้นสิบเบคัยชาวหุชาห์ได้สังหารสิปปัยวงศ์วานของพวกมนุษย์ยักษ์เรฟาอิม และชาวฟีลิสเตียก็ยอมแพ้

5 ในการรบกับฟีลิสเตียอีกครั้งหนึ่ง เอลฮานันบุตรยาอีร์ได้สังหารลามีน้องชายของโกลิอัทชาวกัท ผู้ซึ่งถือหอกด้ามใหญ่เหมือนไม้กระพั่นทอผ้า

6 ในการรบอีกครั้งที่เมืองกัท คนร่างยักษ์ผู้หนึ่งมีนิ้วมือนิ้วเท้าข้างละ 6 นิ้วรวมเป็น 24 นิ้ว ซึ่งเป็นวงศ์วานราฟาเช่นกัน

7 ได้มาข่มขู่อิสราเอล แต่ถูกโยนาธานบุตรชิเมอาพี่ชายของดาวิดสังหาร

8 แล้วดาวิดและทหารปลิดชีพคนเหล่านี้ซึ่งเป็นวงศ์วานของราฟาแห่งเมืองกัท

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/20-cc602cce891e222ed9d414751465fcf9.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 21

ดาวิดทรงนับไพร่พล

1 ซาตานลุกขึ้นเล่นงานอิสราเอล และดลใจให้ดาวิดทำสำมะโนไพร่พลอิสราเอล

2 ดาวิดจึงตรัสกับโยอาบและเหล่าแม่ทัพนายกองว่า “จงไปนับไพร่พลอิสราเอลจากเมืองเบเออร์เชบาจดเมืองดานแล้วกลับมารายงาน เพื่อเราจะรู้ว่ามีคนอยู่เท่าไร”

3 โยอาบทูลทัดทานว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเพิ่มพูนกำลังพลของพระองค์ร้อยเท่า ทั้งหมดก็เป็นคนของฝ่าพระบาทไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงทรงประสงค์ให้ทำเช่นนี้? ควรหรือที่จะนำความผิดมาสู่อิสราเอล?”

4 แต่คำบัญชาของกษัตริย์ย่อมมีอำนาจเหนือโยอาบ โยอาบจึงเดินทางไปทั่วดินแดนอิสราเอลแล้วกลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม

5 โยอาบทูลรายงานดาวิดว่าจำนวนคนที่ออกรบได้ทั่วทั้งอิสราเอลมี 1,100,000 คน และ 470,000 คนในยูดาห์

6 แต่โยอาบไม่ได้รวมจำนวนคนเลวีและเบนยามิน เพราะเขารู้สึกว่าคำบัญชานี้น่ารังเกียจ

7 คำบัญชานี้ก็เป็นสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้าด้วย ดังนั้นพระองค์จึงทรงลงโทษอิสราเอล

8 ดาวิดกราบทูลพระเจ้าว่า “สิ่งที่ข้าพระองค์ทำนั้นบาปมาก บัดนี้ขอทรงโปรดยกโทษความผิดของผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าพระองค์ได้ทำสิ่งที่โง่เขลามาก”

9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกาดผู้ทำนายของดาวิดว่า

10 “จงไปบอกดาวิดว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เรามีข้อเสนอสามประการ ให้เจ้าเลือกอย่างหนึ่งแล้วเราจะจัดการกับเจ้าตามนั้น’ ”

11 กาดจึงเข้าเฝ้าและทูลดาวิดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ‘จงเลือกเอา

12 ระหว่างการกันดารอาหารสามปี หรือถูกดาบของศัตรูของเจ้าล้างผลาญสามเดือนหรือถูกลงโทษด้วยดาบขององค์พระผู้เป็นเจ้าสามวันคือ โรคระบาดร้ายแรงซึ่งทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะนำหายนะมาสู่อิสราเอลทุกหย่อมหญ้า’ ดังนั้นขอทรงแจ้งคำตอบเพื่อข้าพระบาทจะนำไปทูลพระองค์ผู้ทรงใช้ข้าพระบาทมา”

13 ดาวิดตรัสตอบกาดว่า “เราลำบากใจมาก แต่ขอตกอยู่ในอุ้งพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าดีกว่าตกอยู่ในเงื้อมมือของมนุษย์ เพราะพระเมตตาคุณของพระองค์ใหญ่หลวงนัก”

14 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้เกิดโรคระบาดในอิสราเอล เป็นผลให้มีคนล้มตายเจ็ดหมื่นคน

15 ในช่วงโรคระบาด พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาทำลายล้างกรุงเยรูซาเล็ม แต่ขณะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรแล้วทรงทุกข์พระทัยเนื่องด้วยภัยพิบัตินั้น จึงตรัสแก่ทูตผู้ทำลายว่า “พอแล้ว! ยั้งมือเถิด” ขณะนั้นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังยืนอยู่ที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุส

16 เมื่อดาวิดทอดพระเนตรเห็นทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ายืนอยู่ระหว่างฟ้าสวรรค์กับแผ่นดินโลก และถือดาบอยู่เหนือกรุงเยรูซาเล็ม ดาวิดกับบรรดาผู้อาวุโสซึ่งสวมผ้ากระสอบอยู่จึงหมอบกราบซบหน้าลงกับพื้น

17 ดาวิดกราบทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ไม่ใช่หรือที่สั่งให้นับจำนวนไพร่พล ข้าพระองค์คือผู้ที่ทำผิดทำบาป ประชากรเหล่านี้เป็นแต่เพียงฝูงแกะ พวกเขาทำผิดอันใดเล่า? ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงลงโทษข้าพระองค์กับครอบครัวเท่านั้นเถิด แต่อย่าให้ภัยพิบัตินี้ยังคงอยู่กับประชากรของพระองค์เลย”

18 ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงสั่งกาดให้ไปแจ้งดาวิดให้ขึ้นไปสร้างแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุส

19 ดาวิดจึงไปปฏิบัติตามพระดำรัสซึ่งกาดได้กล่าวไว้ในพระนามของพระยาห์เวห์

20 ขณะอาราวนาห์กำลังนวดข้าวสาลีอยู่ เขาเหลียวมาเห็นทูตสวรรค์ บุตรชายสี่คนของเขาที่อยู่ด้วยก็วิ่งหนีไปซ่อนตัว

21 แล้วอาราวนาห์เห็นดาวิดเดินเข้ามาหา จึงวิ่งจากลานนวดข้าวมากราบซบหน้าลงถึงดินต่อหน้าดาวิด

22 ดาวิดตรัสกับอาราวนาห์ว่า “เราขอซื้อลานนวดข้าวแห่งนี้จากเจ้าเต็มราคา แล้วเราจะสร้างแท่นบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จะได้ทรงระงับโรคระบาดครั้งนี้”

23 อาราวนาห์ทูลดาวิดว่า “ข้าแต่องค์กษัตริย์ ขอฝ่าพระบาททรงรับไปเถิด จะใช้ทำสิ่งใดก็ตามแต่จะโปรด ขอทรงรับวัวไปเป็นเครื่องเผาบูชา เลื่อนนวดข้าวสามารถใช้เป็นฟืน และข้าวสาลีสำหรับเป็นเครื่องธัญบูชา ข้าพระบาทขอถวายทั้งหมดนี้”

24 แต่กษัตริย์ดาวิดตรัสตอบอาราวนาห์ว่า “เรายืนยันที่จะซื้อเต็มราคา เราไม่อาจรับสิ่งที่เป็นของเจ้าไปถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าหรือจะถวายเครื่องเผาบูชาโดยไม่ลงทุนอะไรเลย”

25 ดาวิดจึงทรงจ่ายทองคำหนักประมาณ 7 กิโลกรัมให้แก่อาราวนาห์เป็นค่าที่ดิน

26 แล้วดาวิดสร้างแท่นบูชาขึ้นที่นั่นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและถวายเครื่องเผาบูชากับเครื่องสันติบูชาด้วย ดาวิดร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบโดยให้ไฟจากฟ้าสวรรค์มาเผาเครื่องบูชาบนแท่นนั้น

27 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ทูตองค์นั้นเก็บดาบเข้าฝัก

28 เมื่อดาวิดเห็นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบคำวิงวอนที่ลานนวดข้าวของอาราวนาห์ชาวเยบุส ก็ทรงถวายเครื่องบูชาที่นั่นอีก

29 พลับพลาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและแท่นบูชาซึ่งโมเสสได้สร้างขึ้นในถิ่นกันดารยังคงอยู่บนสถานบูชาบนที่สูงในกิเบโอน

30 แต่ดาวิดไม่สามารถเสด็จไปทูลถามพระเจ้าที่นั่น เพราะกลัวดาบของทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้า

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/21-46669517e54333a2643c23f333683b53.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 22

1 แล้วดาวิดตรัสว่า “พระนิเวศของพระเจ้าพระยาห์เวห์และแท่นบูชาสำหรับเครื่องเผาบูชาของอิสราเอลจะอยู่ที่นี่”

เตรียมก่อสร้างพระวิหาร

2 ดาวิดจึงทรงเกณฑ์คนต่างด้าวที่อาศัยในอิสราเอล และมอบหมายให้เป็นช่างสกัดหิน เตรียมหินสำหรับก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้า

3 ดาวิดทรงให้เตรียมเหล็กจำนวนมาก เพื่อทำหมุดสำหรับใช้กับบานประตูและเหล็กยึด และหลอมทองสัมฤทธิ์ จำนวนมหาศาลเกินกว่าจะชั่งได้

4 ทั้งเตรียมซุงไม้สนซีดาร์มากมายเกินกว่าจะนับได้ ซึ่งชาวไซดอนและชาวไทระได้นำมาถวายดาวิด

5 ดาวิดตรัสว่า “โซโลมอนลูกของเรายังเด็กและอ่อนประสบการณ์ พระนิเวศซึ่งจะสร้างขึ้นเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าควรจะงดงามโอ่อ่าตระการ มีชื่อเสียงเลื่องลือในสายตามวลประชาชาติ ฉะนั้นเราจะตระเตรียมเพื่อการนี้” ดาวิดจึงทรงเตรียมการไว้อย่างเต็มที่ก่อนสิ้นพระชนม์

6 แล้วดาวิดตรัสกำชับโซโลมอนราชโอรสให้สร้างพระนิเวศถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล

7 ดาวิดตรัสว่า “ลูกเอ๋ย ใจพ่อคิดจะสร้างพระนิเวศเพื่อพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพ่อ

8 แต่มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงพ่อว่า ‘เจ้าได้ฆ่าคนมากมายในสงคราม ทำให้เลือดนองแผ่นดินในสายตาของเรา ฉะนั้นเจ้าจะไม่ได้เป็นผู้สร้างนิเวศเพื่อนามของเรา

9 แต่จะมีลูกคนหนึ่งของเจ้าเป็นบุคคลแห่งสันติ ซึ่งเราจะให้เขาพักสงบจากศัตรูรอบด้าน ลูกคนนี้จะมีชื่อว่า โซโลมอนและเราจะให้อิสราเอลอยู่เย็นเป็นสุขตลอดรัชกาลของเขา

10 เขาคือผู้ที่จะสร้างนิเวศเพื่อนามของเรา เขาจะเป็นบุตรของเรา และเราจะเป็นบิดาของเขา และจะสถาปนาราชบัลลังก์ของเขาเหนืออิสราเอลตลอดไป’

11 “บัดนี้ ลูกเอ๋ย ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเจ้า ให้เจ้าประสบความสำเร็จ และสร้างพระนิเวศสำหรับพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าดังที่พระองค์ตรัสไว้แล้ว

12 ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความสุขุมรอบคอบกับความเข้าใจแก่เจ้า เมื่อทรงตั้งเจ้าขึ้นปกครองอิสราเอล เพื่อเจ้าจะรักษาบทบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

13 หากเจ้าใส่ใจปฏิบัติตามกฎหมายและบทบัญญัติซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่โมเสสสำหรับอิสราเอล เจ้าก็จะประสบความสำเร็จ จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรืออย่าท้อแท้

14 “พ่อเพียรสะสมเพื่อพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทองคำหนักประมาณ 3,450 ตันเงินหนักประมาณ 34,500 ตันเหล็กกับทองสัมฤทธิ์จำนวนมหาศาลเกินกว่าจะชั่งได้ พร้อมทั้งซุงกับหิน เจ้าอาจหาเพิ่มเติมอีกก็ได้

15 เจ้ามีคนงานมากมายทั้งช่างสกัดหิน ช่างก่อ ช่างไม้ ช่างฝีมือทุกประเภท

16 ผู้ชำนาญงานทอง เงิน ทองสัมฤทธิ์ และเหล็ก บัดนี้จงเริ่มงาน ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับลูก”

17 แล้วดาวิดบัญชาให้บรรดาผู้นำอิสราเอลช่วยเหลือโซโลมอนราชโอรสของพระองค์

18 ดาวิดตรัสกับพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสถิตกับท่านไม่ใช่หรือ? และทรงโปรดประทานความสงบรอบด้านแก่พวกท่านไม่ใช่หรือ? เพราะทรงให้ชนชาติทั้งหลายที่อยู่ในดินแดนนี้ก่อนเราพ่ายแพ้เรา และดินแดนนี้ก็ขึ้นต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและต่อประชากรของพระองค์

19 บัดนี้จงทุ่มเทจิตใจและจิตวิญญาณแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงเริ่มสร้างสถานนมัสการของพระเจ้าพระยาห์เวห์ เพื่อท่านจะนำหีบพันธสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเครื่องใช้อันบริสุทธิ์ต่างๆ เข้าสู่พระวิหาร ซึ่งจะสร้างขึ้นเพื่อพระนามของพระยาห์เวห์”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/22-3875cde3db57698062fc8b9fa8c6d00b.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 23

คนเลวี

1 เมื่อดาวิดทรงชรามากแล้ว ก็ตั้งโซโลมอนราชโอรสขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอล

2 ดาวิดทรงเรียกผู้นำทั้งปวงของอิสราเอลมารวมกัน รวมทั้งปุโรหิตและคนเลวี

3 มีการนับจำนวนคนเลวีที่มีอายุสามสิบปีขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 38,000 คน

4 ดาวิดตรัสว่า “ให้ 24,000 คนดูแลงานที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก 6,000 คนเป็นเจ้าหน้าที่และตุลาการ

5 อีก 4,000 คนเป็นยามเฝ้าประตูพระวิหาร และอีก 4,000 คนสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าพร้อมกับบรรเลงเครื่องดนตรีต่างๆ ที่เราเตรียมไว้”

6 ดาวิดทรงแบ่งคนเลวีเป็นสามกลุ่มใหญ่ตามชื่อบุตรของเลวีได้แก่ ตระกูลเกอร์โชน ตระกูลโคฮาท และตระกูลเมรารี

ตระกูลเกอร์โชน

7 จากตระกูลเกอร์โชน ได้แก่

ลาดานกับชิเมอี

8 บุตรของลาดาน ได้แก่

เยฮีเอลผู้เป็นหัวหน้า เศธาม และโยเอล รวมสามคน

9 บุตรของชิเมอี ได้แก่

เชโลโมท ฮาซีเอล และฮาราน รวมสามคน

คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าครอบครัวของเชื้อสายลาดาน

10 บุตรของชิเมอี ได้แก่

ยาหาท ศีซาเยอูช และเบรียาห์

คนเหล่านี้คือบุตรของชิเมอี รวมสี่คน

11 ยาหาทเป็นหัวหน้า คนที่สองคือศีซา ส่วนเยอูชและเบรียาห์มีบุตรชายไม่กี่คน จึงนับเป็นครอบครัวเดียวกัน ได้รับมอบหมายงานเดียวกัน

ตระกูลโคฮาท

12 บุตรของโคฮาท ได้แก่

อัมราม อิสฮาร์ เฮโบรน และอุสซีเอล รวมสี่คน

13 บุตรของอัมราม ได้แก่

อาโรนกับโมเสส

อาโรนและลูกหลานตลอดทุกชั่วอายุถูกแยกไว้เพื่อชำระสิ่งที่บริสุทธิ์ที่สุด เพื่อถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับใช้อยู่ต่อหน้าพระองค์และเพื่อกล่าวอำนวยพรในพระนามของพระองค์ตลอดไป

14 วงศ์วานของโมเสสซึ่งเป็นคนของพระเจ้านับรวมเข้ากับเผ่าเลวี

15 บุตรของโมเสส ได้แก่

เกอร์โชมกับเอลีเอเซอร์

16 วงศ์วานของเกอร์โชม ได้แก่

ชูบาเอลผู้เป็นหัวหน้า

17 ส่วนเอลีเอเซอร์

มีบุตรชายคนเดียวคือเรหับยาห์ผู้เป็นหัวหน้า แต่เรหับยาห์มีบุตรหลานมากมาย

18 บุตรของอิสฮาร์ ได้แก่

เชโลมิทผู้เป็นหัวหน้า

19 บุตรของเฮโบรน ได้แก่

เยรียาห์ผู้เป็นหัวหน้า คนที่สองคืออามาริยาห์

คนที่สามคือยาฮาซีเอล และคนที่สี่คือเยคาเมอัม

20 บุตรของอุสซีเอล ได้แก่

มีคาห์ผู้เป็นหัวหน้า และคนที่สองคืออิสชีอาห์

ตระกูลเมรารี

21 บุตรของเมรารี ได้แก่

มาห์ลีกับมูชี

บุตรของมาห์ลี ได้แก่

เอเลอาซาร์กับคีช

22 เอเลอาซาร์สิ้นชีวิตโดยไม่มีบุตรชายสืบสกุล มีแต่บุตรสาวซึ่งก็ได้แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องคือบุตรชายของคีช

23 บุตรของมูชี ได้แก่

มาห์ลี เอเดอร์ และเยรีโมท รวมสามคน

24 คนเหล่านี้คือวงศ์วานของเลวีตามครอบครัวที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ตามชื่อของหัวหน้าครอบครัว ชายชาวเลวีที่อายุยี่สิบปีขึ้นไปที่กล่าวมานี้ ทุกคนมีหน้าที่ปฏิบัติงานในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

25 เพราะดาวิดตรัสไว้ว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงโปรดให้เหล่าประชากรได้พักสงบ และพระองค์จะประทับอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มตลอดไปเป็นนิตย์

26 คนเลวีจึงไม่จำเป็นต้องแบกหามพลับพลาและเครื่องใช้ต่างๆ โยกย้ายไปมาอีกต่อไป”

27 มีการนับจำนวนคนเลวีที่อายุยี่สิบปีขึ้นไปตามคำสั่งล่าสุดของดาวิด

28 งานของคนเลวีคือช่วยเหลือวงศ์วานของอาโรนในการปฏิบัติหน้าที่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งดูแลลานพระวิหารและห้องต่างๆ ที่อยู่ด้านข้าง ชำระสิ่งที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวงและทำหน้าที่อื่นๆ ในพระนิเวศของพระเจ้า

29 พวกเขารับผิดชอบการจัดขนมปังเบื้องพระพักตร์ แป้งละเอียดสำหรับเครื่องธัญบูชา ขนมปังไม่ใส่เชื้อ การอบปิ้งและการผสม ตลอดจนการชั่งตวงวัด

30 และทุกเช้าทุกเย็นจะยืนร้องเพลงขอบพระคุณและสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

31 ทุกครั้งที่มีการถวายเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในวันสะบาโต งานฉลองวันขึ้นหนึ่งค่ำ และเทศกาลตามกำหนด พวกเขาจะปรนนิบัติรับใช้อยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าสม่ำเสมอครบจำนวนและทำงานตามที่ได้กำหนดไว้

32 คนเลวีจึงปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบสำหรับเต็นท์นัดพบ วิสุทธิสถานและงานต่างๆ ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าภายใต้การบังคับบัญชาของพี่น้องวงศ์วานอาโรน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/23-b72db78898de657291cf7b4232405e1c.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 24

การแบ่งหน้าที่ของปุโรหิต

1 วงศ์วานของอาโรนแบ่งตามหมู่เหล่าได้ดังนี้

บุตรของอาโรน ได้แก่ นาดับ อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์

2 แต่นาดับกับอาบีฮูเสียชีวิตก่อนบิดาโดยไม่มีบุตรชาย เอเลอาซาร์กับอิธามาร์จึงทำหน้าที่ปุโรหิต

3 ดาวิดทรงแยกวงศ์วานของอาโรนเป็นกลุ่มๆ เพื่อแบ่งหน้าที่ปฏิบัติงานโดยมีศาโดกวงศ์วานของเอเลอาซาร์และอาหิเมเลควงศ์วานของอิธามาร์คอยช่วยเหลือพระองค์

4 วงศ์วานของเอเลอาซาร์แยกเป็นสิบหกกลุ่ม และอิธามาร์แยกเป็นแปดกลุ่ม ตามจำนวนหัวหน้าครอบครัวเพราะในกลุ่มวงศ์วานของเอเลอาซาร์มีผู้นำมากกว่า

5 การแบ่งงานใช้วิธีทอดสลากเพื่อไม่ให้เกิดความลำเอียง จะได้มีเจ้าหน้าที่ประจำสถานนมัสการ และเจ้าหน้าที่ของพระเจ้าจากวงศ์วานทั้งของเอเลอาซาร์และของอิธามาร์

6 อาลักษณ์เชไมอาห์บุตรของเนธันเอลชาวเลวีบันทึกรายชื่อของพวกเขาต่อหน้ากษัตริย์ และต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ได้แก่ ปุโรหิตศาโดก อาหิเมเลคบุตรอาบียาธาร์ และหัวหน้าครอบครัวของปุโรหิตและของคนเลวี ทอดสลากมอบหมายงานให้กลุ่มหนึ่งจากสายเอเลอาซาร์ แล้วอีกกลุ่มหนึ่งจากสายอิธามาร์สลับกันไป

7 สลากแรกสุดได้แก่ เยโฮยาริบ

ที่สองคือเยดายาห์

8 ที่สามคือฮาริม

ที่สี่คือเสโอริม

9 ที่ห้าคือมัลคิยาห์

ที่หกคือมิยามิน

10 ที่เจ็ดคือฮักโขส

ที่แปดคืออาบียาห์

11 ที่เก้าคือเยชูอา

ที่สิบคือเชคานิยาห์

12 ที่สิบเอ็ดคือเอลียาชีบ

ที่สิบสองคือยาคิม

13 ที่สิบสามคือหุปปาห์

ที่สิบสี่คือเยเชเบอับ

14 ที่สิบห้าคือบิลกาห์

ที่สิบหกคืออิมเมอร์

15 ที่สิบเจ็ดคือเฮซีร์

ที่สิบแปดคือฮัปปิสเซส

16 ที่สิบเก้าคือเปธาหิยาห์

ที่ยี่สิบคือเยเฮสเคล

17 ที่ยี่สิบเอ็ดคือยาคีน

ที่ยี่สิบสองคือกามูล

18 ที่ยี่สิบสามคือเดไลยาห์

และที่ยี่สิบสี่คือมาอาซิยาห์

19 นี่คือลำดับปฏิบัติงานเมื่อพวกเขาเข้าสู่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามกฎเกณฑ์ที่อาโรนบรรพบุรุษวางไว้ ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงบัญชาอาโรน

วงศ์วานอื่นๆ ของเลวี

20 สำหรับวงศ์วานอื่นๆ ของเลวีมีดังนี้

จากบุตรของอัมรามคือชูบาเอล

จากบุตรของชูบาเอลคือเยเดยาห์

21 ส่วนเรหับยาห์ จากบุตรของเขาคือ

อิสชีอาห์ผู้เป็นหัวหน้า

22 จากสายอิสฮาร์คือเชโลโมท

จากบุตรเชโลโมทคือยาหาท

23 บุตรของเฮโบรนได้แก่

เยรียาห์ผู้เป็นหัวหน้าคนที่สองคืออามาริยาห์ คนที่สามคือยาฮาซีเอล และคนที่สี่คือเยคาเมอัม

24 บุตรของอุสซีเอลคือมีคาห์

จากบุตรของมีคาห์คือชามีร์

25 น้องของมีคาห์คืออิสชีอาห์ จากบุตรของอิสชีอาห์คือเศคาริยาห์

26 บุตรของเมรารีคือมาห์ลีกับมูชี

บุตรของยาอาซียาห์คือเบโน

27 เชื้อสายเมรารี ได้แก่

จากยาอาซียาห์คือ เบโน โชฮัม

ศักเกอร์ และอิบรี

28 จากมาห์ลีคือเอเลอาซาร์ซึ่งไม่มีบุตร

29 จากคีชคือ เยราห์เมเอลบุตรของคีช

30 บุตรของมูชีได้แก่ มาห์ลี เอเดอร์ และเยรีโมท

คนเหล่านี้คือชนเลวีตามครอบครัวของพวกเขา

31 พวกเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ต่างๆ โดยการทอดสลากเช่นเดียวกับวงศ์วานของอาโรน ไม่มีการจำแนกวัยหรือระดับรุ่น การแบ่งหน้าที่โดยการทอดสลากนี้กระทำต่อหน้ากษัตริย์ดาวิดและต่อหน้าศาโดก อาหิเมเลค กับบรรดาหัวหน้าครอบครัวของปุโรหิตและของชนเลวี

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/24-59e51bdbbe474cd99f4b79b2eea9ae1a.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 25

นักร้อง

1 ดาวิดและบรรดาแม่ทัพนายกองได้แยกบางคนจากกลุ่มบุตรของอาสาฟ เฮมาน และเยดูธูน มาทำหน้าที่เผยพระวจนะคลอด้วยเสียงพิณใหญ่ พิณเขาคู่ และฉาบ รายชื่อต่อไปนี้คือผู้ที่ทำหน้าที่ดังกล่าว

2 จากบุตรของอาสาฟ ได้แก่

ศักเกอร์ โยเซฟ เนธานิยาห์ และอาสาเรลาห์ บุตรเหล่านี้อยู่ภายใต้การดูแลของอาสาฟ ซึ่งอาสาฟเผยพระวจนะภายใต้การดูแลของกษัตริย์

3 จากบุตรของเยดูธูน ได้แก่

เกดาลิยาห์ เศรี เยชายาห์ ชิเมอีฮาชาบิยาห์และมัททีธิยาห์ รวมทั้งหมดหกคน อยู่ภายใต้การนำของเยดูธูนบิดาของพวกเขา ซึ่งเผยพระวจนะโดยบรรเลงพิณขอบพระคุณและสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า

4 จากบุตรของเฮมาน ได้แก่

บุคคียาห์ มัททานิยาห์ อุสซีเอล ชูบาเอล เยรีโมท ฮานานิยาห์ ฮานานี เอลียาธาห์ กิดดาลที และโรมัมทีเอเซอร์ โยชเบคาชาห์ มัลโลธี โฮธีร์ และมาหะซิโอท

5 ทั้งหมดนี้คือบุตรของเฮมานผู้ทำนายของกษัตริย์ พระเจ้าประทานบุตรเหล่านี้ให้แก่เขาตามพระสัญญาเพื่อยกย่องเชิดชูพระองค์ พระเจ้าประทานให้เฮมานมีบุตรชายสิบสี่คนและบุตรสาวสามคน

6 คนเหล่านี้มีหน้าที่ตีฉาบ บรรเลงพิณใหญ่และพิณเขาคู่เพื่อปรนนิบัติในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าภายใต้การควบคุมวงโดยบิดาของเขา ทั้งอาสาฟ เยดูธูน และเฮมานขึ้นตรงต่อกษัตริย์

7 เขาทั้งสามและญาติพี่น้องได้รับการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญในด้านดนตรีเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้ารวมทั้งสิ้น 288 คน

8 ต่างได้รับมอบหมายในหน้าที่ตามการทอดสลากอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่ ไม่คำนึงว่าเป็นครูหรือศิษย์

9 สลากแรกเป็นของอาสาฟ ตกแก่โยเซฟ กับบุตรและญาติพี่น้องของเขา
และญาติพี่น้องของเขา รวม 12คน
สลากที่สองเป็นของเกดาลิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
10 สลากที่สามเป็นของศักเกอร์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
11 สลากที่สี่เป็นของอิสรี
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
12 สลากที่ห้าเป็นของเนธานิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
13 สลากที่หกเป็นของบุคคิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
14 สลากที่เจ็ดเป็นของเยสาเรลาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
15 สลากที่แปดเป็นของเยชายาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
16 สลากที่เก้าเป็นของมัททานิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
17 สลากที่สิบเป็นของชิเมอี
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
18 สลากที่สิบเอ็ดเป็นของอาซาเรล
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
19 สลากที่สิบสองเป็นของฮาชาบิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
20 สลากที่สิบสามเป็นของชูบาเอล
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
21 สลากที่สิบสี่เป็นของมัททีธิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
22 สลากที่สิบห้าเป็นของเยรีโมท
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
23 สลากที่สิบหกเป็นของฮานานิยาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
24 สลากที่สิบเจ็ดเป็นของโยชเบคาชาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
25 สลากที่สิบแปดเป็นของฮานานี
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
26 สลากที่สิบเก้าเป็นของมัลโลธี
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
27 สลากที่ยี่สิบเป็นของเอลียาธาห์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
28 สลากที่ยี่สิบเอ็ดเป็นของโฮธีร์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
29 สลากที่ยี่สิบสองเป็นของกิดดาลที
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
30 สลากที่ยี่สิบสามเป็นของมาหะซิโอท
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน
31 สลากที่ยี่สิบสี่เป็นของโรมัมทีเอเซอร์
กับบุตรและญาติพี่น้องรวม 12 คน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/25-f37be4c78e44c00570efe3ad81e2e0f1.mp3?version_id=179—