เอสรา 6

พระราชกฤษฎีกาของดาริอัส

1 กษัตริย์ดาริอัสจึงมีพระราชโองการให้สืบค้นในหอจดหมายเหตุที่พระคลังในบาบิโลน

2 ก็พบหนังสือม้วนฉบับหนึ่งในป้อมเอคบาทานาในมณฑลมีเดีย ซึ่งมีข้อความว่า

บันทึก

3 ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลกษัตริย์ไซรัส กษัตริย์ทรงมีพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับพระวิหารของพระเจ้าที่เยรูซาเล็มดังนี้ว่า

ให้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่เพื่อเป็นที่ถวายเครื่องบูชาต่างๆ และวางฐานรากไว้ พระวิหารต้องมีขนาดสูง 60 ศอกและกว้าง 60 ศอก

4 ให้ก่อด้วยหินใหญ่สามชั้นและไม้ซุงอีกหนึ่งชั้น ค่าใช้จ่ายเบิกได้จากพระคลังหลวง

5 อีกทั้งให้นำเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้าซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงนำจากพระวิหารในเยรูซาเล็มมายังบาบิโลนกลับไปยังพระวิหารในเยรูซาเล็ม เก็บไว้ในพระนิเวศของพระเจ้าตามเดิม

6 จึงบัญชามายังทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส กับเชธาร์โบเซนัยและพวกท่านที่เป็นข้าราชการส่วนอื่นๆ ประจำแว่นแคว้นให้หลีกห่างจากที่นั่น

7 อย่าขัดขวางการก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้า ให้ผู้ว่าการกับบรรดาผู้อาวุโสของชาวยิวสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม

8 นอกจากนี้ ในการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า เราขอประกาศกฤษฎีกาให้เจ้าทำสิ่งต่างๆ เพื่อผู้อาวุโสชาวยิวดังต่อไปนี้

ให้อนุมัติเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเต็มจำนวนแก่พวกเขาจากพระคลังหลวงซึ่งเก็บได้ในเขตอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่องานจะได้ไม่หยุดชะงัก

9 สิ่งใดๆ ที่ต้องใช้เช่น วัวผู้ แกะผู้ และลูกแกะตัวผู้ เพื่อเป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ทั้งข้าวสาลี เกลือ เหล้าองุ่น และน้ำมัน ซึ่งบรรดาปุโรหิตในเยรูซาเล็มขอมานั้น จงมอบแก่เขาทุกวันไม่ให้ขาด

10 เพื่อพวกเขาจะสามารถถวายเครื่องบูชาเป็นที่พอพระทัยแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และอธิษฐานเผื่อสวัสดิภาพของกษัตริย์กับเหล่าราชโอรส

11 ยิ่งกว่านั้นเราประกาศว่าหากผู้ใดบิดเบือนข้อความนี้ ให้ดึงไม้คานอันหนึ่งออกจากบ้านของผู้นั้น แล้วยกเขาขึ้นเสียบด้วยไม้นั้น และให้บ้านของเขากลายเป็นกองขยะ

12 ขอพระเจ้าผู้ทรงสถาปนาพระนามของพระองค์ที่นั่น ทรงทำลายล้างกษัตริย์และใครก็ตามที่อาจเอื้อมบิดเบือนกฤษฎีกานี้ หรือทำลายพระวิหารนี้ในเยรูซาเล็ม เราดาริอัสเป็นผู้ออกกฤษฎีกา จงทำตามคำบัญชานี้ด้วยความพากเพียร

พระวิหารสร้างเสร็จและการมอบถวายพระวิหาร

13 เพราะพระราชกฤษฎีกาที่กษัตริย์ดาริอัสส่งมา ทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เชธาร์โบเซนัย และพวกพ้องของเขาจึงปฏิบัติตามอย่างขยันขันแข็ง

14 ดังนั้นบรรดาผู้อาวุโสของชาวยิวจึงดำเนินการก่อสร้างและงานก็คืบหน้าไปตามคำเทศนาของผู้เผยพระวจนะฮักกัยกับเศคาริยาห์วงศ์วานของอิดโด พวกเขาสร้างพระวิหารสำเร็จเรียบร้อยตามพระบัญชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล และพระราชกฤษฎีกาของบรรดากษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ได้แก่ไซรัส ดาริอัส และอารทาเซอร์ซีส

15 พระวิหารเสร็จสมบูรณ์ในวันที่สามของเดือนอาดาร์ ในปีที่หกแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส

16 แล้วประชากรอิสราเอล คือปุโรหิต คนเลวี และเชลยคนอื่นๆ ที่กลับมาก็ฉลองการถวายพระนิเวศของพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดี

17 ในพิธีถวายพระนิเวศของพระเจ้า พวกเขาถวายวัวผู้หนึ่งร้อยตัว แกะผู้สองร้อยตัว และลูกแกะตัวผู้สี่ร้อยตัว และนำแพะผู้สิบสองตัวมาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับอิสราเอลทั้งปวง หนึ่งตัวสำหรับอิสราเอลหนึ่งเผ่า

18 แล้วพวกเขาก็แต่งตั้งปุโรหิตตามหมู่เหล่าและคนเลวีตามกลุ่มต่างๆ เพื่อรับใช้พระเจ้าในเยรูซาเล็มตามที่กำหนดไว้ในหนังสือของโมเสส

พิธีปัสกา

19 ในวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่ง บรรดาเชลยที่กลับมาก็ฉลองปัสกา

20 ปุโรหิตและคนเลวีได้ชำระตนให้บริสุทธิ์และพวกเขาทุกคนก็ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี คนเลวีฆ่าแกะปัสกาสำหรับเชลยทั้งปวง สำหรับตัวเอง และปุโรหิตผู้เป็นญาติพี่น้อง

21 ดังนั้นชนอิสราเอลที่กลับมาจากการเป็นเชลยจึงรับประทานปัสการ่วมกับคนทั้งปวงที่แยกตัวออกจากธรรมเนียมปฏิบัติอันเป็นมลทินของชนต่างชาติซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขา เพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

22 พวกเขาฉลองเทศกาลขนมปังไม่ใส่เชื้อด้วยความชื่นชมยินดีตลอดเจ็ดวัน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้พวกเขาชื่นชมยินดี โดยทรงเปลี่ยนท่าทีของกษัตริย์อัสซีเรียให้หันมาช่วยเหลือพวกเขาในการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าผู้เป็นพระเจ้าแห่งอิสราเอล

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/6-a3bbb29d508c7a8323eb27befe3c92ec.mp3?version_id=179—

เอสรา 7

เอสรามายังเยรูซาเล็ม

1 หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ ระหว่างรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย เอสราผู้เป็นบุตรของเสไรอาห์ ผู้เป็นบุตรของอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของฮิลคียาห์

2 ผู้เป็นบุตรของชัลลูม ผู้เป็นบุตรของศาโดก ผู้เป็นบุตรของอาหิทูบ

3 ผู้เป็นบุตรของอามาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของเมราโยท

4 ผู้เป็นบุตรของเศราหิยาห์ ผู้เป็นบุตรของอุสซี ผู้เป็นบุตรของบุคคี

5 ผู้เป็นบุตรของอาบีชูวา ผู้เป็นบุตรของฟีเนหัส ผู้เป็นบุตรของเอเลอาซาร์ ผู้เป็นบุตรของอาโรนหัวหน้าปุโรหิต

6 เอสราผู้นี้เดินทางมาจากบาบิโลน เอสราเป็นครูผู้เชี่ยวชาญในบทบัญญัติของโมเสสซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลประทาน กษัตริย์ประทานทุกอย่างตามที่เขาทูลขอ เพราะพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาอยู่เหนือเขา

7 ชาวอิสราเอลบางคนรวมทั้งปุโรหิต คนเลวี นักร้อง ยามเฝ้าประตู และผู้ช่วยงานในพระวิหารร่วมเดินทางมายังเยรูซาเล็มในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสด้วย

8 เอสรามาถึงเยรูซาเล็มในเดือนที่ห้าปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลของกษัตริย์องค์นั้น

9 เอสราออกเดินทางจากบาบิโลนวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง และมาถึงเยรูซาเล็มในวันที่หนึ่งเดือนที่ห้า เพราะพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือเอสรา

10 เพราะเอสราได้อุทิศตนในการศึกษาและปฏิบัติตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อสอนกฎหมายและบทบัญญัตินั้นในอิสราเอล

สาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสถึงเอสรา

11 นี่เป็นสำเนาพระราชสาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสถึงเอสราผู้เป็นปุโรหิตและเป็นครูซึ่งรอบรู้เกี่ยวกับพระบัญชาและกฎหมายขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับอิสราเอล ความว่า

12 จากจอมกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส

ถึงปุโรหิตเอสราผู้สอนบทบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์

สวัสดี

13 บัดนี้ เราออกกฤษฎีกาว่า ชาวอิสราเอลคนใดในราชอาณาจักรของเรา รวมทั้งปุโรหิตและคนเลวีที่ประสงค์จะกลับไปยังเยรูซาเล็มกับท่านก็ไปได้

14 กษัตริย์และที่ปรึกษาทั้งเจ็ดของพระองค์ส่งท่านไปเพื่อสอบถามถึงเรื่องยูดาห์และเยรูซาเล็มเกี่ยวกับบทบัญญัติของพระเจ้าซึ่งอยู่ในมือของท่าน

15 ยิ่งกว่านั้นจงนำทองคำและเงินซึ่งกษัตริย์กับที่ปรึกษาของพระองค์มอบถวายด้วยความสมัครใจแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ประทับในเยรูซาเล็มไปด้วย

16 พร้อมทั้งเงินและทองทั้งหมดที่รวบรวมได้จากแคว้นบาบิโลนกับของถวายตามความสมัครใจจากประชาชนและบรรดาปุโรหิต สำหรับพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม

17 จงใช้เงินเหล่านี้ซื้อวัวผู้ แกะผู้ ลูกแกะตัวผู้ เครื่องธัญบูชา และเครื่องดื่มบูชา แล้วถวายบนแท่นบูชาของพระวิหารของพระเจ้าของท่านในเยรูซาเล็ม

18 เงินและทองที่เหลืออาจจะใช้ทำอะไรก็ได้ตามแต่ท่านและพี่น้องชาวยิวของท่านเห็นสมควรตามพระประสงค์ของพระเจ้าของท่าน

19 จงนำเครื่องใช้ทั้งหมดซึ่งเรามอบให้ท่านดูแลไปถวายพระเจ้าแห่งเยรูซาเล็มเพื่อใช้สำหรับการนมัสการในพระวิหารของพระเจ้าของท่าน

20 อนุญาตให้เบิกปัจจัยอื่นที่จำเป็นสำหรับพระวิหารของพระเจ้าของท่านจากคลังหลวงได้

21 บัดนี้เรา กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ขอบัญชามายังนายคลังทุกแห่งในมณฑลที่อยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสว่า จงจัดหาสิ่งต่างๆ แก่ปุโรหิตเอสราผู้สอนบทบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์อย่างสุดความสามารถตามที่เขายื่นคำขอ

22 จนถึงจำนวนเงินหนักประมาณ 3.4 ตันข้าวสาลีประมาณ 22 กิโลลิตรเหล้าองุ่นประมาณ 2.2 กิโลลิตรน้ำมันมะกอกประมาณ 2.2 กิโลลิตร และเกลือไม่จำกัดจำนวน

23 จงจัดหาทุกสิ่งที่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ทรงระบุไว้อย่างแข็งขันเพื่อพระวิหารของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ เหตุใดจึงต้องให้พระเจ้าทรงพระพิโรธต่อราชอาณาจักรของกษัตริย์และโอรสของพระองค์เล่า?

24 พึงรู้อีกด้วยว่าพวกท่านไม่มีสิทธิอำนาจที่จะเรียกเก็บภาษีอากร บรรณาการ หรือค่าธรรมเนียมใดๆ จากปุโรหิต คนเลวี นักร้อง ยามเฝ้าประตู ผู้ช่วยงานพระวิหาร หรือคนงานอื่นๆ ในพระนิเวศของพระเจ้า

25 สำหรับท่าน เอสรา จงใช้สติปัญญาซึ่งพระเจ้าประทานให้แต่งตั้งตุลาการกับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ความยุติธรรมแก่ประชากรทุกคนที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสซึ่งรู้บทบัญญัติของพระเจ้า ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักบทบัญญัติ ท่านก็จงสอนเขา

26 ผู้ใดไม่ยอมปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้าของท่านและกฎหมายของกษัตริย์ ต้องถูกลงอาญาถึงตาย ถูกเนรเทศ ริบทรัพย์ หรือจำคุก

27 ขอถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา ผู้ทรงบันดาลให้กษัตริย์มีพระทัยที่จะนำเกียรติยศมาสู่พระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มเช่นนี้

28 ผู้ทรงโปรดปรานและเชิดชูข้าพเจ้าต่อหน้ากษัตริย์ ต่อหน้าเหล่าที่ปรึกษาและข้าราชสำนักผู้ทรงอำนาจทั้งปวง เพราะว่าพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงมีใจกล้า รวบรวมผู้นำจากอิสราเอลขึ้นไปกับข้าพเจ้า

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/7-d865bee26e96d7c0f33105729294c3f7.mp3?version_id=179—

เอสรา 8

รายชื่อหัวหน้าครอบครัวที่กลับมากับเอสรา

1 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อเหล่าผู้นำและบรรดาผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับพวกเขา ที่ร่วมทางมากับข้าพเจ้าจากบาบิโลนในรัชกาลอารทาเซอร์ซีส

2 จากวงศ์วานฟีเนหัสคือ เกอร์โชม

จากวงศ์วานอิธามาร์คือ ดาเนียล

จากวงศ์วานดาวิดคือ ฮัททัช

3 ซึ่งสืบเชื้อสายมาทางเชคานิยาห์

จากวงศ์วานปาโรชคือ เศคาริยาห์ และชายอีก 150 คนที่ขึ้นทะเบียนกับเขา

4 จากวงศ์วานปาหัทโมอับคือ เอลีเอโฮเอนัยบุตรเศราหิยาห์ และชายอีก 200 คน

5 จากวงศ์วานศัทธูคือ เชคานิยาห์บุตรยาฮาซีเอล และชายอีก 300 คน

6 จากวงศ์วานอาดีนคือ เอเบดบุตรโยนาธาน และชายอีก 50 คน

7 จากวงศ์วานเอลามคือ เยชายาห์บุตรอาธาลิยาห์ และชายอีก 70 คน

8 จากวงศ์วานเชฟาทิยาห์คือ เศบาดิยาห์บุตรมีคาเอล และชายอีก 80 คน

9 จากวงศ์วานโยอาบคือ โอบาดีห์บุตรเยฮีเอล และชายอีก 218 คน

10 จากวงศ์วานบานีคือ เชโลมิทบุตรโยสิฟียาห์ และชายอีก 160 คน

11 จากวงศ์วานเบบัยคือ เศคาริยาห์บุตรเบบัย และชายอีก 28 คน

12 จากวงศ์วานอัสกาดคือ โยฮานันบุตรฮักคาทาน และชายอีก 110 คน

13 จากวงศ์วานอาโดนีคัมพวกสุดท้ายซึ่งมีชื่อว่า เอลีเฟเลท เยอูเอล เชไมอาห์ และชายอีก 60 คน

14 จากวงศ์วานบิกวัยคือ อุธัย ศักเคอร์ และชายอีก 70 คน

การกลับสู่เยรูซาเล็ม

15 ข้าพเจ้าให้พวกเขามาชุมนุมกันที่ลำน้ำซึ่งไหลไปสู่อาหะวาและตั้งค่ายอยู่ที่นั่นสามวัน เมื่อข้าพเจ้าตรวจดูหมู่ประชาชนและปุโรหิตพบว่าไม่มีคนเลวีเลย

16 ข้าพเจ้าจึงให้ไปตามบรรดาผู้นำคือ เอลีเยเซอร์ อารีเอล เชไมอาห์ เอลนาธัน ยารีบ เอลนาธัน นาธัน เศคาริยาห์ และเมชุลลาม ทั้งให้ตามโยยาริบและเอลนาธันซึ่งเป็นผู้รอบรู้มาด้วย

17 ข้าพเจ้าส่งคนเหล่านี้ไปพบอิดโดหัวหน้าชาวยิวที่คาสิเฟีย ข้าพเจ้าบอกพวกเขาให้กล่าวแก่อิดโดและพี่น้องผู้ช่วยงานในพระวิหารที่อาศัยอยู่ที่คาสิเฟีย เพื่อพวกเขาจะได้พาคนที่จะทำงานในพระนิเวศของพระเจ้าของเรามาหาเรา

18 เพราะพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือเรา พวกเขาส่งเชเรบิยาห์ผู้มีความสามารถพร้อมทั้งบุตรและพี่น้องของเขาสิบแปดคนมาให้ เชเรบิยาห์เป็นวงศ์วานของมาห์ลีผู้เป็นบุตรของเลวีผู้เป็นบุตรของอิสราเอล

19 และฮาชาบิยาห์กับเยชายาห์จากวงศ์วานของเมรารีพร้อมทั้งพี่น้องและหลานชายยี่สิบคน

20 ทั้งยังส่งผู้ช่วยงานในพระวิหารอีก 220 คน นี่เป็นกลุ่มคนซึ่งดาวิดและข้าราชบริพารตั้งขึ้นเพื่อให้คอยช่วยงานคนเลวี คนทั้งหมดนี้มีชื่อขึ้นทะเบียนไว้

21 ข้าพเจ้าประกาศที่ริมลำน้ำอาหะวาให้ถืออดอาหาร เพื่อเราจะถ่อมใจลงต่อหน้าพระเจ้าของเรา และอธิษฐานทูลขอให้ทั้งตัวเรา ลูกหลาน และข้าวของทุกอย่างเดินทางโดยปลอดภัย

22 ข้าพเจ้าละอายใจที่จะทูลขอกำลังทหารและทหารม้าจากกษัตริย์ให้อารักขาเราจากศัตรูตามรายทาง เพราะเราได้กราบทูลกษัตริย์ไว้ว่า “พระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าของเราอยู่เหนือทุกคนที่หวังพึ่งพระองค์ แต่ทรงพระพิโรธอย่างยิ่งต่อคนทั้งปวงที่ละทิ้งพระองค์”

23 ดังนั้นเราจึงถืออดอาหารและทูลอ้อนวอนพระเจ้าของเราในเรื่องนี้ และพระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานของเรา

24 แล้วข้าพเจ้าแต่งตั้งผู้นำปุโรหิตสิบสองคนพร้อมด้วยเชเรบิยาห์ ฮาชาบิยาห์ กับพี่น้องของเขาสิบคน

25 และข้าพเจ้าชั่งเงิน ทองคำ และเครื่องใช้ต่างๆ มอบให้พวกเขา กษัตริย์ ที่ปรึกษาของพระองค์ ข้าราชการ และประชากรอิสราเอลทั้งปวงที่อยู่ที่นั่นได้ถวายสิ่งเหล่านี้เพื่อพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

26 ข้าพเจ้าชั่งน้ำหนักสิ่งต่อไปนี้มอบให้พวกเขา มีเงินหนักประมาณ 22 ตันเครื่องเงินต่างๆ หนักประมาณ 3.4 ตันทองคำหนักประมาณ 3.4 ตัน

27 ชามทองคำ 20 ใบ มีค่าเท่ากับทองคำประมาณ 8.5 กิโลกรัมทั้งมีเครื่องทองสัมฤทธิ์ขัดเงาชั้นดีสองชิ้น ซึ่งมีค่าเทียบเท่าทองคำ

28 ข้าพเจ้ากล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านและเครื่องใช้เหล่านี้ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าส่วนเงินและทองคำเป็นของถวายตามความสมัครใจแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน

29 จงปกป้องรักษาของทั้งหมดนี้ไว้ให้ดีจนกว่าท่านจะนำออกมาชั่งที่คลังพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มต่อหน้าบรรดาหัวหน้าปุโรหิต คนเลวี และหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอล”

30 แล้วปุโรหิตและคนเลวีจึงรับเงิน ทองคำ และภาชนะศักดิ์สิทธิ์ซึ่งชั่งแล้วนั้น เพื่อนำไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของเราในเยรูซาเล็ม

31 เราออกเดินทางจากลำน้ำอาหะวามุ่งสู่เยรูซาเล็มในวันที่สิบสองของเดือนที่หนึ่ง พระหัตถ์ของพระเจ้าของเราอยู่เหนือเรา และพระองค์ทรงคุ้มครองเราจากศัตรูและโจรผู้ร้ายตามทาง

32 ดังนั้นเรามาถึงเยรูซาเล็มและพักอยู่เป็นเวลาสามวัน

33 ในวันที่สี่ที่พระนิเวศของพระเจ้าของเรา เราชั่งเงิน ทองคำ และเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ มอบให้ปุโรหิตเมเรโมทบุตรของอุรียาห์ และเอเลอาซาร์บุตรฟีเนหัส พร้อมกับคนเลวี ได้แก่โยซาบาดบุตรเยชูอาและโนอัดยาห์บุตรบินนุยก็อยู่ที่นั่นด้วย

34 มีการตรวจรับทุกอย่างตามจำนวนและน้ำหนัก และจดน้ำหนักทั้งหมดไว้ในครั้งนั้น

35 แล้วเชลยที่กลับมาถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้แก่ วัวผู้ 12 ตัวสำหรับอิสราเอลทั้งปวง แกะผู้ 96 ตัว และลูกแกะตัวผู้ 77 ตัว พร้อมทั้งแพะผู้ 12 ตัว เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

36 พวกเขายังมอบพระราชโองการของกษัตริย์แก่เสนาบดีและผู้ว่าการมณฑลต่างๆ ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส พวกเขาจึงให้ความช่วยเหลือแก่ประชากรและแก่พระนิเวศของพระเจ้า

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/8-431dfb8387e2ae0075f29c0a5041a921.mp3?version_id=179—

เอสรา 9

คำอธิษฐานของเอสราเรื่องการแต่งงานกับคนต่างชาติ

1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้น เหล่าผู้นำมาแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า “ประชากรอิสราเอลรวมทั้งปุโรหิตและคนเลวีไม่ได้แยกตัวจากชนชาติเพื่อนบ้าน ซึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอันน่าชิงชังแบบเดียวกับชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุส ชาวอัมโมน ชาวโมอับ ชาวอียิปต์ และชาวอาโมไรต์

2 พวกเขารับบุตรสาวของคนเหล่านั้นมาเป็นภรรยาและเป็นสะใภ้ ทำให้เผ่าพันธุ์บริสุทธิ์ปนเปกับชนชาติทั้งหลายโดยรอบ ทั้งพวกผู้นำและเจ้าหน้าที่ก็เป็นตัวการในเรื่องความไม่ซื่อสัตย์นี้”

3 เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเช่นนี้ก็ฉีกเสื้อผ้าทึ้งผมทึ้งหนวด และนั่งลงด้วยความตระหนกตกใจ

4 แล้วทุกคนที่ยำเกรงพระดำรัสของพระเจ้าแห่งอิสราเอลจนตัวสั่นก็มานั่งล้อมรอบข้าพเจ้า เนื่องด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของเหล่าเชลย ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่นั่นด้วยความตกใจจวบจนเวลาถวายเครื่องเผาบูชายามเย็น

5 แล้วเมื่อถึงเวลาถวายเครื่องเผาบูชายามเย็น ข้าพเจ้าจึงลุกขึ้นจากการนั่งเป็นทุกข์ทั้งที่เสื้อผ้าขาดวิ่น คุกเข่าชูมือต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า

6 และอธิษฐานว่า

“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อดสูละอายใจเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นต่อพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายสูงท่วมศีรษะ และความผิดของเหล่าข้าพระองค์ขึ้นถึงฟ้าสวรรค์

7 นับแต่สมัยบรรพบุรุษจวบจนบัดนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความผิดใหญ่หลวง เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกับกษัตริย์และเหล่าปุโรหิตตกเป็นเหยื่อคมดาบ ตกเป็นเชลยถูกย่ำยีและถูกปล้นชิง ได้รับความอัปยศอดสูโดยน้ำมือของบรรดากษัตริย์ต่างชาติดังเช่นทุกวันนี้

8 “แต่บัดนี้ ในชั่วขณะหนึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงเมตตาให้มีชนหยิบมือที่เหลือ ทรงให้เหล่าข้าพระองค์มีที่มั่นคงในสถานนมัสการของพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งปวงทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ชื่นตาชื่นใจ บรรเทาจากภาวะคับแค้นที่ตกเป็นทาส

9 ถึงแม้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นทาส พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ทิ้งเหล่าข้าพระองค์ไว้ให้ถูกจองจำ พระองค์ทรงเมตตากรุณาเหล่าข้าพระองค์ต่อหน้าบรรดากษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์ประทานชีวิตใหม่แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายขึ้นใหม่ และซ่อมแซมส่วนที่ปรักหักพัง และประทานปราการป้องกันในยูดาห์และเยรูซาเล็ม

10 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ถึงขนาดนี้แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายจะกราบทูลว่าอะไรได้? เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายได้ละเลยพระบัญชา

11 ซึ่งพระองค์ประทานไว้ผ่านทางบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ว่า ‘ดินแดนที่เจ้าจะเข้าครอบครองนั้นเสื่อมทรามไปเพราะมลทินบาปของชาวดินแดนนั้น พวกเขาทำให้ดินแดนแปดเปื้อนมลทินจากสุดเขตด้านหนึ่งจดอีกด้านหนึ่งโดยการประพฤติอันน่าชิงชัง

12 ฉะนั้นอย่ายกบุตรสาวให้แต่งงานกับบุตรชายของเขา หรือรับบุตรสาวของเขามาเป็นสะใภ้ อย่าทำสัญญาผูกมิตรกับพวกเขาไม่ว่าจะเป็นเวลาใด เพื่อว่าเจ้าจะได้เข้มแข็งและอิ่มเอมกับความอุดมสมบูรณ์ของดินแดนและสืบทอดเป็นมรดกแก่ลูกหลานตลอดไป’

13 “สิ่งที่เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลายนั้นก็เป็นผลจากการประพฤติชั่วและความผิดใหญ่หลวงของข้าพระองค์ทั้งหลาย ถึงกระนั้น ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ก็ทรงกรุณาลงโทษข้าพระองค์ทั้งหลายน้อยกว่าที่ข้าพระองค์ทั้งหลายสมควรจะได้รับ และทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายมีคนหยิบมือหนึ่งที่เหลือนี้

14 ก็แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายยังจะละเมิดพระบัญชาของพระองค์ และไปแต่งงานกับชนชาติที่ยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติอันน่าชิงชังเช่นนั้นอีกหรือ? มีหรือที่พระองค์จะไม่ทรงพระพิโรธจนทำลายล้างข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนหยิบมือเดียว?

15 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระองค์ทรงชอบธรรมแล้ว! ทุกวันนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเพียงคนหยิบมือที่เหลือ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความผิดต่อหน้าพระองค์ เพราะมลทินนี้ข้าพระองค์ไม่อาจยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์ได้แม้สักคนเดียว”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/9-0dcbc936c0c390e4911c9583fae3aa5f.mp3?version_id=179—

เอสรา 10

ประชาชนสารภาพบาป

1 ขณะที่เอสราอธิษฐานและสารภาพบาป ร่ำไห้และทิ้งกายลงหน้าพระนิเวศของพระเจ้า ฝูงชนอิสราเอลหมู่ใหญ่ทั้งผู้ชายผู้หญิงและเด็กมาห้อมล้อมเขา พวกเขาร้องไห้อย่างรันทดเช่นกัน

2 แล้วเชคานิยาห์บุตรเยฮีเอลวงศ์วานเอลามกล่าวกับเอสราว่า “พวกข้าพเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของเราที่ไปแต่งงานกับผู้หญิงจากชนชาติต่างๆ ที่แวดล้อมเรา แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความหวังเหลืออยู่สำหรับอิสราเอล

3 บัดนี้ให้เราทำพันธสัญญาต่อหน้าพระเจ้าของเราว่าจะทิ้งภรรยาเหล่านี้กับลูกๆ ตามคำแนะนำของเจ้านายของข้าพเจ้ากับบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระบัญชาของพระเจ้าของเรา ขอให้เป็นไปตามบทบัญญัติเถิด

4 ลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้สุดแท้แต่ท่าน เราจะสนับสนุนท่าน ขอให้กล้าหาญและลงมือทำเถิด”

5 ดังนั้นเอสราจึงลุกขึ้นและให้บรรดาหัวหน้าปุโรหิต คนเลวี และชนอิสราเอลทั้งปวงปฏิญาณว่าจะทำตามที่เสนอมา พวกเขาก็ปฏิญาณ

6 แล้วเอสราละจากหน้าพระนิเวศของพระเจ้าเข้าไปในห้องของเยโฮฮานันบุตรเอลียาชีบ ขณะอยู่ที่นั่นเขาไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพราะทุกข์โศกเนื่องด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของเชลยที่กลับมา

7 จากนั้นมีการออกหมายประกาศทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็มให้เชลยทุกคนมารวมกันที่เยรูซาเล็ม

8 ผู้ใดไม่มาปรากฏตัวภายในสามวันจะถูกริบทรัพย์สินทั้งหมดตามมติของบรรดาเจ้าหน้าที่กับผู้อาวุโส และถูกขับออกจากชุมนุมของพวกเชลย

9 ภายในสามวันคนยูดาห์และเบนยามินทั้งหมดก็มาชุมนุมกันในเยรูซาเล็ม และในวันที่ยี่สิบเดือนที่เก้าประชากรทั้งปวงมานั่งอยู่ในลานหน้าพระนิเวศของพระเจ้า เป็นทุกข์ยิ่งนักเพราะเรื่องนี้และเพราะฝนตก

10 แล้วปุโรหิตเอสราจึงลุกขึ้นและกล่าวแก่พวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายไม่ซื่อสัตย์ ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ เพิ่มความผิดให้อิสราเอล

11 บัดนี้จงสารภาพผิดต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน และทำตามพระประสงค์ของพระองค์ จงแยกตัวออกจากชนชาติทั้งหลายโดยรอบและจากภรรยาต่างชาติของท่าน”

12 ทั้งชุมชนก็ตอบเสียงดังว่า “ท่านพูดถูก! เราต้องทำตามที่ท่านบอก

13 แต่เรื่องนี้ไม่อาจจัดการให้เสร็จภายในวันสองวัน เพราะเราได้ทำบาปมากในเรื่องนี้ และที่นี่มีคนมากมาย ทั้งเป็นฤดูฝน เราจึงไม่อาจทนอยู่ข้างนอก

14 ขอให้บรรดาเจ้าหน้าที่จัดการแทนทั้งชุมชน แล้วให้ทุกคนในเมืองของเราที่มีภรรยาเป็นชาวต่างชาติมาพบกับผู้อาวุโสและตุลาการในแต่ละเมืองตามเวลาที่กำหนด จนกว่าพระพิโรธอันรุนแรงของพระเจ้าของเราในเรื่องนี้จะหันเหไปจากเรา”

15 มีแต่โยนาธานบุตรอาสาเฮลและยาไซอาห์บุตรทิกวาห์ที่ต่อต้านเรื่องนี้โดยได้รับการสนับสนุนจากเมชุลลามกับชับเบธัยคนเลวี

16 เหล่าเชลยจึงทำตามที่เสนอมา ปุโรหิตเอสราเลือกหัวหน้าครอบครัวคนหนึ่งจากกลุ่มครอบครัวแต่ละกลุ่มที่ได้แบ่งไว้และระบุชื่อทุกคน หัวหน้าเหล่านี้นั่งลงเพื่อไต่สวนแต่ละกรณีในวันที่หนึ่งเดือนที่สิบ

17 เมื่อถึงวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง พวกเขาก็จัดการกับทุกคนที่ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติเรียบร้อย

รายชื่อผู้กระทำผิด

18 คนที่ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติในหมู่วงศ์วานปุโรหิตได้แก่

จากวงศ์วานของเยชูอาบุตรโยซาดักและพี่น้องของเขาได้แก่ มาอาเสอาห์ เอลีเยเซอร์ ยารีบ และเกดาลิยาห์

19 (พวกเขาทั้งหมดยกมือปฏิญาณว่าจะทิ้งภรรยาและมอบแกะผู้จากฝูงคนละตัวเป็นเครื่องบูชาลบความผิด)

20 จากวงศ์วานของอิมเมอร์ได้แก่ ฮานานี และเศบาดิยาห์

21 จากวงศ์วานของฮาริมได้แก่ มาอาเสอาห์ เอลียาห์ เชไมอาห์ เยฮีเอล และอุสซียาห์

22 จากวงศ์วานของปาชเฮอร์ได้แก่ เอลีโอเอนัย มาอาเสอาห์ อิชมาเอล เนธันเอล โยซาบาด และเอลาสาห์

23 ในหมู่คนเลวีได้แก่ โยซาบาด ชิเมอี เคลายาห์ (คือเคลิทา) เปธาหิยาห์ ยูดาห์ และเอลีเยเซอร์

24 จากพวกนักร้องได้แก่ เอลียาชีบ

จากพวกยามเฝ้าประตูได้แก่ ชัลลูม เทเลม และอูรี

25 และในหมู่ชาวอิสราเอลอื่นๆ ได้แก่

จากวงศ์วานของปาโรชได้แก่ รามียาห์ อิสซียาห์ มัลคียาห์ มิยามิน เอเลอาซาร์ มัลคียาห์ และเบไนยาห์

26 จากวงศ์วานของเอลามได้แก่ มัททานิยาห์ เศคาริยาห์ เยฮีเอล อับดี เยเรโมท และเอลียาห์

27 จากวงศ์วานของศัทธูได้แก่ เอลีโอเอนัย เอลียาชีบ มัททานิยาห์ เยเรโมท ศาบาด และอาซีซา

28 จากวงศ์วานของเบบัยได้แก่ เยโฮฮานัน ฮานันยาห์ ศับบัย และอัทลัย

29 จากวงศ์วานของบานีได้แก่ เมชุลลาม มัลลุค อาดายาห์ ยาชูบ เชอัล และเยเรโมท

30 จากวงศ์วานของปาหัทโมอับได้แก่ อัดนา เคลาล เบไนยาห์ มาอาเสอาห์ มัททานิยาห์ เบซาเลล บินนุย และมนัสเสห์

31 จากวงศ์วานของฮาริมได้แก่ เอลีเยเซอร์ อิสชีอาห์ มัลคียาห์ เชไมอาห์ ชิเมโอน

32 เบนยามิน มัลลุค และเชมาริยาห์

33 จากวงศ์วานของฮาชูมได้แก่ มัทเทนัย มัททัตตาห์ ศาบาด เอลีเฟเลท เยเรมัย มนัสเสห์ และชิเมอี

34 จากวงศ์วานของบานีได้แก่ มาอาดัย อัมราม อูเอล

35 เบไนยาห์ เบไดยาห์ เคลุฮี

36 วานิยาห์ เมเรโมท เอลียาชีบ

37 มัททานิยาห์ มัทเทนัย และยาอาสุ

38 จากวงศ์วานของบินนุยได้แก่ ชิเมอี

39 เชเลมิยาห์ นาธัน อาดายาห์

40 มัคนาเดบัย ชาชัย ชารัย

41 อาซาเรล เชเลมิยาห์ เชมาริยาห์

42 ชัลลูม อามาริยาห์ และโยเซฟ

43 จากวงศ์วานของเนโบได้แก่ เยอีเอล มัททีธิยาห์ ศาบาด เศบินา ยาดดัย โยเอล และเบไนยาห์

44 คนทั้งหมดนี้ได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ และบางคนมีบุตรที่เกิดจากภรรยาเหล่านั้น

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/10-d0cd021d197c716fd40e1f8e408625f5.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 1

บันทึกประวัติศาสตร์ตั้งแต่อาดัมถึงอับราฮัม

จากอาดัมถึงบุตรทั้งหลายของโนอาห์

1 อาดัม เสท เอโนช

2 เคนัน มาหะลาเลล ยาเรด

3 เอโนค เมธูเสลาห์ ลาเมค โนอาห์

4 บุตรของโนอาห์ ได้แก่

เชม ฮาม และยาเฟท

เชื้อสายของยาเฟท

5 บุตรของยาเฟท ได้แก่

โกเมอร์ มาโกก มาดัย ยาวาน ทูบัล เมเชค และทิราส

6 บุตรของโกเมอร์ ได้แก่

อัชเคนัส รีฟาทและโทการมาห์

7 บุตรของยาวาน ได้แก่

เอลีชาห์ ทารชิช คิททิม และโรดานิม

เชื้อสายของฮาม

8 บุตรของฮาม ได้แก่

คูช มิสราอิมพูต และคานาอัน

9 บุตรของคูช ได้แก่

เสบา ฮาวิลาห์ สับทา ราอามาห์ และสับเทคา

บุตรของราอามาห์ ได้แก่

เชบากับเดดาน

10 คูชเป็นบิดาของ

นิมโรดซึ่งต่อมาได้เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ของโลก

11 มิสราอิมเป็นบิดาของ

ชาวลูดิม ชาวอานามิม ชาวเลหะบิม ชาวนัฟทูฮิม

12 ชาวปัทรุสิม ชาวคัสลูฮิม (ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของชาวฟีลิสเตีย) และชาวคัฟโทร์

13 คานาอันเป็นบิดาของ

ไซดอนผู้เป็นบุตรหัวปีและของชาวฮิตไทต์

14 ชาวเยบุส ชาวอาโมไรต์ ชาวเกอร์กาชี

15 ชาวฮีไวต์ ชาวอารคี ชาวสินี

16 ชาวอารวัด ชาวเศเมอร์ และชาวฮามัท

เชื้อสายของเชม

17 บุตรของเชม ได้แก่

เอลาม อัสชูร์ อารปัคชาด ลูด และอารัม

บุตรของอารัม ได้แก่

อูส ฮูล เกเธอร์ และเมเชค

18 อารปัคชาดเป็นบิดาของเชลาห์

เชลาห์เป็นบิดาของเอเบอร์

19 เอเบอร์มีบุตรชายสองคน ได้แก่

เปเลกเพราะโลกถูกแบ่งแยกในช่วงชีวิตของเปเลก และอีกคนหนึ่งคือ โยกทาน

20 โยกทานเป็นบิดาของ

อัลโมดัด เชเลฟ ฮาซารมาเวท เยราห์

21 ฮาโดรัม อุซาล ดิคลาห์

22 โอบาลอาบีมาเอล เชบา

23 โอฟีร์ ฮาวิลาห์ และโยบับ คนเหล่านี้เป็นบุตรของโยกทาน

24 เชม อารปัคชาดเชลาห์

25 เอเบอร์ เปเลก เรอู

26 เสรุก นาโฮร์ เทราห์

27 และอับราม (คืออับราฮัม)

ครอบครัวของอับราฮัม

28 บุตรของอับราฮัม ได้แก่

อิสอัคกับอิชมาเอล

วงศ์วานของนางฮาการ์

29 วงศ์วานของอิชมาเอล ได้แก่

เนบาโยทผู้เป็นบุตรหัวปี เคดาร์ อัดเบเอล มิบสัม

30 มิชมา ดูมาห์ มัสสา ฮาดัด เทมา

31 เยทูร์ นาฟิช และเคเดมาห์ คนเหล่านี้เป็นบุตรของอิชมาเอล

วงศ์วานของนางเคทูราห์

32 บุตรซึ่งเกิดจากนางเคทูราห์ภรรยาน้อยของอับราฮัม ได้แก่

ศิมราน โยกชาน เมดาน มีเดียน อิชบาก และชูอาห์

บุตรของโยกชาน ได้แก่

เชบากับเดดาน

33 บุตรของมีเดียน ได้แก่

เอฟาห์ เอเฟอร์ ฮาโนค อาบีดา และเอลดาอาห์

คนเหล่านี้เป็นวงศ์วานของนางเคทูราห์

วงศ์วานของนางซาราห์

34 อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค

อิสอัคมีบุตรชายสองคน ได้แก่

เอซาวกับอิสราเอล

เชื้อสายของเอซาว

35 บุตรของเอซาว ได้แก่

เอลีฟัส เรอูเอล เยอูช ยาลาม และโคราห์

36 บุตรของเอลีฟัส ได้แก่

เทมาน โอมาร์ เศโฟกาทาม เคนัส

และอามาเลขซึ่งเกิดจากนางทิมนา

37 บุตรของเรอูเอล ได้แก่

นาหาท เศราห์ ชัมมาห์ และมิสซาห์

ประชากรของเสอีร์ในเอโดม

38 บุตรของเสอีร์ ได้แก่

โลทาน โชบาล ศิเบโอน อานาห์ ดีโชน เอเซอร์ และดีชาน

39 บุตรของโลทาน ได้แก่

โฮรีกับโฮมัม ทิมนาเป็นน้องสาวของโลทาน

40 บุตรของโชบาล ได้แก่

อัลวานมานาฮาท เอบาล เชโฟ และโอนัม

บุตรของศิเบโอน ได้แก่

อัยยาห์กับอานาห์

41 บุตรของอานาห์ ได้แก่

ดีโชน

บุตรของดีโชน ได้แก่

เฮมดานเอชบาน อิธราน และเคราน

42 บุตรของเอเซอร์ ได้แก่

บิลฮาน ศาอาวาน และอาขาน

บุตรของดีชานได้แก่

อูสกับอารัน

ผู้ปกครองของเอโดม

43 กษัตริย์ซึ่งปกครองในเอโดมก่อนที่จะมีกษัตริย์อิสราเอลได้แก่

เบลาบุตรเบโอร์แห่งเมืองดินฮาบาห์

44 เมื่อเบลาสิ้นพระชนม์ โยบับบุตรเศราห์จากโบสราห์ขึ้นครองราชย์แทน

45 เมื่อโยบับสิ้นพระชนม์ หุชามจากดินแดนของชาวเทมานขึ้นครองราชย์แทน

46 เมื่อหุชามสิ้นพระชนม์ ฮาดัดบุตรเบดัด ผู้ซึ่งพิชิตกองทัพมีเดียนในดินแดนโมอับขึ้นครองราชย์แทน เมืองของฮาดัดคืออาวีท

47 เมื่อฮาดัดสิ้นพระชนม์ สัมลาห์จากมัสเรคาห์ขึ้นครองราชย์แทน

48 เมื่อสัมลาห์สิ้นพระชนม์ ชาอูลจากเรโหโบทริมแม่น้ำขึ้นครองราชย์แทน

49 เมื่อชาอูลสิ้นพระชนม์ บาอัลฮานันบุตรอัคโบร์ขึ้นครองราชย์แทน

50 เมื่อบาอัลฮานันสิ้นพระชนม์ ฮาดัดขึ้นครองราชย์แทน เมืองของพระองค์คือปาอูมเหสีของฮาดัดคือ เมเหทาเบลธิดาของมัทเรด ผู้เป็นธิดาของเมซาหับ

51 ต่อมาฮาดัดก็สิ้นพระชนม์เช่นกัน

ประมุของค์ต่างๆ ของเอโดม ได้แก่

ทิมนา อัลวาห์ เยเธท

52 โอโฮลีบามาห์ เอลาห์ ปิโนน

53 เคนัส เทมาน มิบซาร์

54 มักดีเอล และอิราม คนเหล่านี้คือประมุขของเอโดม

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/1-7846cca46a3a930c8d3b149f2064c672.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 2

เชื้อสายของอิสราเอล

1 บุตรของอิสราเอล ได้แก่

รูเบน สิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ เศบูลุน

2 ดาน โยเซฟ เบนยามิน นัฟทาลี กาด และอาเชอร์

ยูดาห์

ถึงบุตรของเฮสโรน

3 บุตรของยูดาห์ ได้แก่

เอร์ โอนัน และเชลาห์ ทั้งสามคนเกิดจากธิดาของชูอาชาวคานาอัน เอร์บุตรหัวปีนั้นเป็นคนชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์จึงทรงประหารเขา

4 ทามาร์ลูกสะใภ้ของยูดาห์ให้กำเนิดลูกแฝด คือเปเรศกับเศราห์แก่ยูดาห์ ยูดาห์จึงมีบุตรชายทั้งหมดห้าคน

5 บุตรของเปเรศ ได้แก่

เฮสโรนกับฮามูล

6 บุตรของเศราห์ ได้แก่

ศิมรี เอธาน เฮมาน คาลโคล์ และดารดารวมห้าคน

7 บุตรของคารมี ได้แก่

อาคาร์ผู้นำความทุกข์ร้อนมาสู่อิสราเอลโดยเก็บสิ่งที่พระเจ้าตรัสสั่งให้ทำลาย

8 บุตรของเอธาน ได้แก่

อาซาริยาห์

9 บุตรของเฮสโรน ได้แก่

เยราห์เมเอล ราม และคาเลบ

จากรามบุตรของเฮสโรน

10 รามเป็นบิดาของ

อัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบิดาของนาห์โชนผู้นำของตระกูลยูดาห์

11 นาห์โชนเป็นบิดาของสัลโมนสัลโมนเป็นบิดาของโบอาส

12 โบอาสเป็นบิดาของโอเบด โอเบดเป็นบิดาของเจสซี

13 เจสซีเป็นบิดาของ

เอลีอับบุตรหัวปี บุตรคนที่สองคืออาบีนาดับ คนที่สามคือชิเมอา

14 คนที่สี่คือเนธันเอล คนที่ห้าคือรัดดัย

15 คนที่หกคือโอเซม และคนที่เจ็ดคือดาวิด

16 เจสซีมีบุตรสาวสองคนคือเศรุยาห์กับอาบีกายิล บุตรชายสามคนของนางเศรุยาห์ได้แก่ อาบีชัย โยอาบ และอาสาเฮล

17 อาบีกายิลมีบุตรชื่ออามาสา มีสามีชื่อเยเธอร์ชาวอิชมาเอล

จากคาเลบบุตรของเฮสโรน

18 คาเลบบุตรเฮสโรนมีภรรยาสองคนคือ อาซูบาห์กับเยรีโอท บุตรของอาซูบาห์ได้แก่ เยเชอร์ โชบับ และอารโดน

19 เมื่ออาซูบาห์สิ้นชีวิตแล้ว คาเลบแต่งงานกับเอฟรัทซึ่งให้กำเนิดบุตรชื่อเฮอร์

20 เฮอร์เป็นบิดาของอูรี อูรีเป็นบิดาของเบซาเลล

21 เฮสโรนแต่งงานกับบุตรสาวของมาคีร์บิดาของกิเลอาด (เขาแต่งงานเมื่ออายุหกสิบปี) และนางให้กำเนิดบุตรชื่อเสกุบ

22 เสกุบเป็นบิดาของยาอีร์ซึ่งครองเมือง 23 แห่งในแดนกิเลอาด

23 (แต่เกชูร์และอารัมยึดเมืองฮัฟโวทยาอีร์ไปจากเขา และยึดเมืองเคนัทกับหมู่บ้านหกสิบแห่งโดยรอบไปด้วย) คนเหล่านี้ล้วนเป็นวงศ์วานของมาคีร์บิดากิเลอาด

24 หลังจากที่เฮสโรนเสียชีวิตในคาเลบเอฟราธาห์ อาบียาห์ภรรยาของเฮสโรนให้กำเนิดบุตรชื่ออัชฮูร์ซึ่งเป็นบิดาของเทโคอา

จากเยราห์เมเอลบุตรของเฮสโรน

25 บุตรของเยราห์เมเอลบุตรหัวปีของเฮสโรน ได้แก่

รามผู้เป็นบุตรหัวปี บูนาห์ โอเรน โอเซม และอาหิยาห์

26 อาทาราห์ภรรยาอีกคนหนึ่งของเยราห์เมเอลให้กำเนิดบุตรชื่อโอนัม

27 บุตรของรามบุตรหัวปีของเยราห์เมเอล ได้แก่

มาอัส ยามีน และเอเคอร์

28 บุตรของโอนัม ได้แก่

ชัมมัยกับยาดา

บุตรของชัมมัย ได้แก่

นาดับกับอาบีชูร์

29 อาบีชูร์กับภรรยาชื่ออาบีฮายิลมีบุตรชื่อ อาห์บานกับโมลิด

30 บุตรของนาดับ ได้แก่

เสเลดกับอัปปาอิม เสเลดสิ้นชีวิตโดยไม่มีบุตร

31 บุตรของอัปปาอิม ได้แก่

อิชอีบิดาของเชชัน เชชันเป็นบิดาของอาห์ลัย

32 บุตรของยาดาน้องชายชัมมัย ได้แก่

เยเธอร์กับโยนาธาน เยเธอร์เสียชีวิตโดยไม่มีบุตร

33 บุตรของโยนาธาน ได้แก่

เปเลธกับศาซา

คนเหล่านี้คือวงศ์วานของเยราห์เมเอล

34 เชชันมีแต่บุตรสาว ไม่มีบุตรชาย

เขามีคนใช้ชาวอียิปต์คนหนึ่งชื่อยารฮา

35 เชชันยกบุตรสาวคนหนึ่งให้ยารฮา นางให้กำเนิดบุตรชื่ออัททัย

36 อัททัยเป็นบิดาของนาธัน

นาธันเป็นบิดาของศาบาด

37 ศาบาดเป็นบิดาของเอฟลาล

เอฟลาลเป็นบิดาของโอเบด

38 โอเบดเป็นบิดาของเยฮู

เยฮูเป็นบิดาของอาซาริยาห์

39 อาซาริยาห์เป็นบิดาเฮเลส

เฮเลสเป็นบิดาของเอเลอาสาห์

40 เอเลอาสาห์เป็นบิดาของสิสะมัย

สิสะมัยเป็นบิดาของชัลลูม

41 ชัลลูมเป็นบิดาของเยคามิยาห์ เยคามิยาห์เป็นบิดาของเอลีชามา

ตระกูลของคาเลบ

42 บุตรของคาเลบน้องชายของเยราห์เมเอล ได้แก่

เมชาบุตรหัวปีซึ่งเป็นบิดาของศิฟ ศิฟเป็นบิดาของมาเรชาห์ซึ่งเป็นบิดาของเฮโบรน

43 บุตรของเฮโบรน ได้แก่

โคราห์ ทัปปูวาห์ เรเคม และเชมา

44 เชมาเป็นบิดาของราฮัม ราฮัมเป็นบิดาของโยรเคอัม เรเคมเป็นบิดาของชัมมัย

45 ชัมมัยมีบุตรชื่อมาโอน มาโอนเป็นบิดาของเบธซูร์

46 เอฟาห์ภรรยาน้อยของคาเลบเป็นมารดาของฮาราน โมซา และกาเซส ฮารานเป็นบิดาของกาเซส

47 บุตรของยาดัย ได้แก่

เรเกม โยธาม เกชาน เปเลท เอฟาห์ และชาอัฟ

48 มาอาคาห์ภรรยาน้อยของคาเลบมีบุตรชื่อเชเบอร์และทีรหะนาห์

49 นางยังให้กำเนิดชาอัฟผู้เป็นบิดาของมัดมันนาห์ และเชวาผู้เป็นบิดาของมัคเบนาห์กับกิเบอา และคาเลบมีบุตรสาวชื่ออัคสาห์

50 คนเหล่านี้คือวงศ์วานของคาเลบ

บุตรของเฮอร์ผู้เป็นบุตรชายหัวปีของเอฟราธาห์ ได้แก่

โชบาลผู้เป็นบิดาของคีริยาทเยอาริม

51 สัลมาผู้เป็นบิดาของเบธเลเฮม และฮาเรฟผู้เป็นบิดาของเบธกาเดอร์

52 วงศ์วานของโชบาลผู้เป็นบิดาของคีริยาทเยอาริม ได้แก่

ฮาโรเอห์ซึ่งเป็นต้นตระกูลของชาวมานาฮาทครึ่งหนึ่ง

53 และตระกูลต่างๆ ของคีริยาทเยอาริมได้แก่ ตระกูลอิทไรต์ ตระกูลปุไท ตระกูลชูมัท และตระกูลมิชรา ชาวโศราห์และชาวเอชทาโอลสืบเชื้อสายมาจากตระกูลเหล่านี้

54 วงศ์วานของสัลมา คือ

เบธเลเฮม ชาวเนโทฟาห์ อัทโรทเบธ โยอาบ ชาวมานาฮาทอีกครึ่งหนึ่ง และชาวโศราห์

55 รวมทั้งตระกูลต่างๆ ของบรรดาอาลักษณ์ซึ่งอาศัยที่ยาเบสได้แก่ ตระกูลทิราไธต์ ตระกูลชิเมอัท และตระกูลสุคา คนเหล่านี้เป็นชาวเคไนต์ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากฮัมมัทต้นตระกูลเรคาบ

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/2-37c7afce09fba0ebf0b15f67c7c43b82.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 3

เชื้อสายของดาวิด

1 โอรสของดาวิดที่ประสูติในเฮโบรน ได้แก่

อัมโนนโอรสหัวปี ประสูติจากนางอาหิโนอัมแห่งยิสเรเอล องค์ที่สองคือดาเนียลประสูติจากนางอาบีกายิลแห่งคารเมล

2 องค์ที่สามคืออับซาโลม ประสูติจากนางมาอาคาห์ธิดากษัตริย์ทัลมัยแห่งเกชูร์

องค์ที่สี่คืออาโดนียาห์ ประสูติจากนางฮักกีท

3 องค์ที่ห้าคือเชฟาทิยาห์ ประสูติจากนางอาบีทัล

องค์ที่หกคืออิทเรอัม ประสูติจากนางเอกลาห์

4 ทั้งหกพระองค์นี้ประสูติในเฮโบรน ที่ซึ่งดาวิดครองราชย์อยู่เจ็ดปีหกเดือน

ดาวิดทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มอีก 33 ปี

5 โอรสซึ่งประสูติที่นั่น ได้แก่

ชัมมุวาโชบับ นาธัน และโซโลมอน ทั้งสี่องค์นี้ประสูติจากนางบัทเชบาธิดาอัมมีเอล

6 ดาวิดมีโอรสองค์อื่นๆ อีก ได้แก่ อิบฮาร์ เอลิชูอาเอลีเฟเลท

7 โนกาห์ เนเฟก ยาเฟีย

8 เอลีชามา เอลียาดา และเอลีเฟเลท รวมเป็นเก้าองค์

9 รายชื่อเหล่านี้ไม่รวมโอรสที่ประสูติจากสนม ดาวิดทรงมีธิดาชื่อว่าทามาร์ด้วย

กษัตริย์ยูดาห์

10 โอรสของโซโลมอนคือเรโหโบอัม

ซึ่งมีบุตรคืออาบียาห์

ซึ่งมีบุตรคืออาสา

ซึ่งมีบุตรคือเยโฮชาฟัท

11 ซึ่งมีบุตรคือเยโฮรัม

ซึ่งมีบุตรคืออาหัสยาห์

ซึ่งมีบุตรคือโยอาช

12 ซึ่งมีบุตรคืออามาซิยาห์

ซึ่งมีบุตรคืออาซาริยาห์

ซึ่งมีบุตรคือโยธาม

13 ซึ่งมีบุตรคืออาหัส

ซึ่งมีบุตรคือเฮเซคียาห์

ซึ่งมีบุตรคือมนัสเสห์

14 ซึ่งมีบุตรคืออาโมน

ซึ่งมีบุตรคือโยสิยาห์

15 โอรสของโยสิยาห์ ได้แก่

โยฮานันโอรสหัวปี

องค์ที่สองคือเยโฮยาคิม

องค์ที่สามคือเศเดคียาห์

องค์ที่สี่คือชัลลูม

16 ผู้ครองราชย์สืบต่อจากเยโฮยาคิม ได้แก่

เยโฮยาคีนผู้เป็นโอรส

และเศเดคียาห์

ราชวงศ์หลังจากตกเป็นเชลย

17 วงศ์วานของเยโฮยาคีนผู้ตกเป็นเชลย ได้แก่

เชอัลทิเอลโอรสของพระองค์

18 มัลคีราม เปดายาห์ เชนาสซาร์ เยคามิยาห์ โฮชามา และเนดาบียาห์

19 บุตรของเปดายาห์ ได้แก่

เศรุบบาเบลกับชิเมอี

บุตรของเศรุบบาเบล ได้แก่

เมชุลลามกับฮานันยาห์

บุตรสาวคือเชโลมิท

20 และบุตรคนอื่นๆ อีกห้าคน ได้แก่

ฮาชูบาห์ โอเฮล เบเรคิยาห์ ฮาสาดิยาห์ และยูชับเฮเสด

21 วงศ์วานของฮานันยาห์ ได้แก่

เปลาทียาห์และเยชายาห์กับบุตรทั้งหลายของเรไฟยาห์ ของอารนัน ของโอบาดีห์ และของเชคานิยาห์

22 วงศ์วานของเชคานิยาห์ ได้แก่

เชไมอาห์และบุตรคือ ฮัททัช อิกาล บารียาห์ เนอารียาห์ และชาฟัท รวมหกคน

23 บุตรของเนอารียาห์ ได้แก่

เอลีโอนัย ฮิสคีอาห์ และอัสรีคัม รวมสามคน

24 บุตรของเอลีโอนัย ได้แก่

โฮดาวิยาห์ เอลียาชีบ เปไลยาห์ อักขูบ โยฮานัน เดไลยาห์ และอานานี รวมเจ็ดคน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/3-7969a7380e177bb35bbc537512b7dd0d.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 4

ตระกูลอื่นๆ ของยูดาห์

1 วงศ์วานของยูดาห์ ได้แก่

เปเรศ เฮสโรน คารมี เฮอร์ และโชบาล

2 เรอายาห์บุตรของโชบาลซึ่งเป็นบิดาของยาหาท ยาหาทเป็นบิดาของอาหุมัยและลาฮาด คนเหล่านี้อยู่ในตระกูลโศราห์

3 บุตรของเอตามได้แก่ ยิสเรเอล อิชมา อิดบาช และฮัสเซเลลโพนีผู้เป็นธิดา

4 เปนูเอลบิดาของเกโดร์ และเอเซอร์บิดาของ หุชาห์

คนเหล่านี้คือวงศ์วานของเฮอร์ ซึ่งเป็นบุตรชายหัวปีของเอฟราธาห์และเป็นบิดาของเบธเลเฮม

5 อัชฮูร์บิดาของเทโคอา มีภรรยาสองคนคือ เฮลาห์กับนาอาราห์

6 นางนาอาราห์ให้กำเนิดอาหุสซาม เฮเฟอร์ เทเมนี และฮาอาหัชทารี คนเหล่านี้เป็นวงศ์วานของนางนาอาราห์

7 ส่วนนางเฮลาห์ให้กำเนิด

เศเรท โศหาร์ เอทนาน

8 และโคสซึ่งเป็นบิดาของอานูบกับฮัสโซเบบาห์ และตระกูลต่างๆ ของอาหารเฮลบุตรฮารูม

9 ยาเบสเป็นผู้ที่ทรงเกียรติกว่าพี่ๆ น้องๆ มารดาตั้งชื่อเขาว่า ยาเบสเพราะนางกล่าวว่า “เพราะเราคลอดเขาด้วยความเจ็บปวด”

10 ยาเบสอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า “ขอทรงโปรดอวยพรข้าพระองค์ และขยายพรมแดนของข้าพระองค์! ขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่กับข้าพระองค์ และปกป้องข้าพระองค์จากภยันตราย เพื่อข้าพระองค์จะพ้นจากความเจ็บปวด” และพระเจ้าประทานตามที่เขาทูลขอ

11 เคลูบพี่น้องของชูฮาห์ มีบุตรคือเมหิร์ผู้เป็นบิดาของเอชโทน

12 เอชโทนเป็นบิดาของเบธราฟา ปาเสอาห์และเทหินนาห์ซึ่งเป็นบิดาของอิร์นาหาชคนเหล่านี้เป็นคนของเรคาห์

13 บุตรของเคนัส ได้แก่

โอทนีเอลกับเสไรอาห์

บุตรของโอทนีเอล ได้แก่

ฮาธาทกับเมโอโนธัย

14 เมโอโนธัยเป็นบิดาของโอฟราห์

เสไรอาห์เป็นบิดาของโยอาบบิดาแห่งเกหะราชิมที่ได้ชื่อเช่นนั้นเพราะมีช่างฝีมือจำนวนมากอาศัยอยู่

15 บุตรของคาเลบผู้เป็นบุตรเยฟุนเนห์ ได้แก่

อิรู เอลาห์ และนาอัม

บุตรของเอลาห์ ได้แก่

เคนัส

16 บุตรของเยฮาลเลเลล ได้แก่

ศิฟ ศิฟาห์ ทิรียา และอาสาเรล

17 บุตรของเอสราห์ ได้แก่

เยเธอร์ เมเรดเอเฟอร์ และยาโลน ภรรยาคนหนึ่งของเมเรดให้กำเนิดมิเรียม ชัมมัย และอิชบาห์ผู้เป็นบิดาของเอชเทโมอา

18 (ภรรยาชาวยูดาห์ของเอชเทโมอาให้กำเนิดเยเรดบิดาของเกโดร์ เฮเบอร์บิดาของโสโคและเยคูธีเอลบิดาของศาโนอาห์) คนเหล่านี้คือบุตรของบิธิยาห์ธิดาฟาโรห์ ซึ่งเมเรดแต่งงานด้วย

19 ภรรยาของโฮดียาห์เป็นน้องสาวของนาฮัม

มีบุตรเป็นบิดาของเคอีลาห์แห่งการมี และเอชเทโมอาแห่งมาอาคาห์

20 บุตรของชิโมน ได้แก่

อัมโนน รินนาห์ เบนฮานัน และทิโลน

วงศ์วานของอิชอี ได้แก่ โศเหทกับเบนโศเฮท

21 บุตรของเชลาห์ผู้เป็นบุตรของยูดาห์ ได้แก่ เอร์บิดาของเลคาห์ ลาอาดาห์บิดาของมาเรชาห์ และตระกูลช่างผ้าลินินที่เมืองเบธอัชเบอา

22 โยคิมชาวโคเซบา โยอาช และสาราฟซึ่งปกครองในโมอับและเมืองยาชูบิเลเฮม (บันทึกเหล่านี้มาจากครั้งโบราณ)

23 พวกเขาเป็นช่างปั้นหม้อผู้อาศัยอยู่ที่เนทาอิมกับเกเดราห์ และทำงานถวายกษัตริย์

วงศ์วานของสิเมโอน

24 วงศ์วานของสิเมโอน ได้แก่

เนมูเอล ยามิน ยาริบ เศราห์ และชาอูล

25 ชาอูลมีบุตรชื่อชัลลูม หลานชื่อมิบสัม และเหลนชื่อมิชมา

26 วงศ์วานของมิชมา ได้แก่

ฮัมมูเอลซึ่งมีบุตรชื่อศักเกอร์ และหลานชื่อชิเมอี

27 ชิเมอีมีบุตรชายสิบหกคน บุตรสาวหกคน แต่พี่น้องของชิเมอีมีบุตรน้อย ดังนั้นทั้งตระกูลของพวกเขาจึงมีจำนวนคนไม่มากเหมือนชาวยูดาห์

28 พวกเขาอาศัยอยู่ที่เมืองเบเออร์เชบา เมืองโมลาดาห์ เมืองฮาซาร์ชูอัล

29 บิลฮาห์ เอเซม โทลัด

30 เบธูเอล โฮรมาห์ ศิกลาก

31 เบธมาร์คาโบท ฮาซารสูสิม เบธบิรี และชาอาราอิม เมืองเหล่านี้เป็นของพวกเขาจวบจนรัชกาลของดาวิด

32 หมู่บ้านโดยรอบได้แก่ เอตาม อายิน ริมโมน โทเคน และเอชัน รวมห้าแห่ง

33 และหมู่บ้านทั้งปวงโดยรอบเมืองเหล่านี้จดบาอาลัทคือถิ่นฐานของพวกเขา และพวกเขาเก็บบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลเอาไว้

34 เมโชบับ ยัมเลค โยชาห์บุตรอามาซิยาห์

35 โยเอล เยฮูบุตรโยชิบิยาห์ผู้เป็นบุตรของเสไรอาห์ ผู้เป็นบุตรของอาสิเอล

36 เอลีโอนัย ยาอาโคบาห์ เยโชไฮยาห์ อาสายาห์ อาดีเอล เยสิมีเอล เบไนยาห์

37 และศิซาบุตรซิฟี ผู้เป็นบุตรอัลโลน ผู้เป็นบุตรเยดายาห์ ผู้เป็นบุตรชิมรี ผู้เป็นบุตรเชไมอาห์

38 รายชื่อข้างต้นนี้เป็นผู้นำของตระกูล ซึ่งครอบครัวของพวกเขาขยายใหญ่

39 และพวกเขาได้ไปยังรอบนอกของเกโดร์สู่ฟากตะวันออกของหุบเขา เพื่อเสาะหาทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงแพะแกะ

40 พวกเขาพบทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ อุดมสมบูรณ์ และสงบสุข มีเชื้อสายของฮามอาศัยอยู่ที่นั่นมาก่อน

41 ในรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ คนทั้งหมดตามบันทึกรายชื่อข้างต้นได้บุกเข้าโจมตีและทำลายล้างเชื้อสายของฮามกับชาวเมอูนีซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นจนหมดสิ้น ดังที่เห็นเด่นชัดจวบจนบัดนี้ แล้วตั้งรกรากแทนเนื่องจากมีทุ่งหญ้าสำหรับฝูงแพะแกะของตน

42 และชนเผ่าสิเมโอนเหล่านี้จำนวนห้าร้อยคน นำโดยเปลาทียาห์ เนอารียาห์ เรไฟยาห์ และอุสซีเอลซึ่งล้วนเป็นบุตรของอิชอี พากันบุกแดนเทือกเขาเสอีร์

43 พวกเขาทำลายล้างชนชาวอามาเลขที่ยังเหลืออยู่ แล้วอาศัยอยู่ที่นั่นตราบจนบัดนี้

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/4-bba4b7121faaaf7ac666afb0b795d663.mp3?version_id=179—

1พงศาวดาร 5

วงศ์วานของรูเบน

1 รูเบนบุตรชายหัวปีของอิสราเอล (เนื่องจากทำให้เตียงสมรสของบิดาเป็นมลทิน สิทธิบุตรหัวปีของเขาจึงตกอยู่แก่บุตรของโยเซฟผู้เป็นบุตรของอิสราเอล บันทึกลำดับวงศ์ตระกูลจึงไม่ได้เอ่ยถึงรูเบนในฐานะบุตรหัวปี

2 โยเซฟได้รับสิทธิบุตรหัวปี แม้ว่ายูดาห์เป็นตระกูลที่เข้มแข็งที่สุดในหมู่พี่น้อง และมีเจ้านายองค์หนึ่งมาจากยูดาห์)

3 บุตรของรูเบนผู้เป็นบุตรหัวปีของอิสราเอลได้แก่

ฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคารมี

4 วงศ์วานของโยเอล ได้แก่

บุตรชื่อเชไมอาห์ ซึ่งมีบุตรคือโกก ซึ่งมีบุตรคือชิเมอี

5 ซึ่งมีบุตรคือมีคาห์ ซึ่งมีบุตรคือเรอายาห์ ซึ่งมีบุตรคือบาอัล

6 บุตรของบาอัลคือเบเอราห์ผู้นำคนหนึ่งของตระกูลรูเบน ซึ่งถูกจับไปเป็นเชลยของกษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรีย

7 ญาติของเขาตามตระกูลต่างๆ ที่บันทึกในลำดับวงศ์ตระกูล ได้แก่

เยอีเอลผู้เป็นหัวหน้า เศคาริยาห์

8 และเบลาผู้เป็นบุตรของอาซาส ผู้เป็นบุตรของเชมา ผู้เป็นบุตรของโยเอล พวกเขาตั้งถิ่นฐานจากเมืองอาโรเออร์จดเมืองเนโบและเมืองบาอัลเมโอน

9 ทางตะวันออก พวกเขาครอบครองดินแดนไปจดเขตถิ่นกันดารซึ่งไปสู่แม่น้ำยูเฟรติส เพราะฝูงสัตว์ขยายเพิ่มขึ้นในดินแดนกิเลอาด

10 ในรัชกาลกษัตริย์ซาอูลพวกเขารบชนะชาวฮาการ์และครอบครองที่อยู่อาศัยของพวกเขาทั่วภูมิภาคตะวันออกทั้งหมดของกิเลอาด

วงศ์วานของกาด

11 ชนเผ่ากาดอาศัยถัดจากพวกเขาในดินแดนบาชานจนจดเมืองสาเลคาห์

12 โยเอลเป็นหัวหน้า รองลงมาคือชาฟาม จากนั้นคือยานัยกับชาฟัทในบาชาน

13 ญาติของเขาตามครอบครัวต่างๆ ได้แก่ มีคาเอล เมชุลลาม เชบา โยรัย ยาคาน ศิอา และเอเบอร์ รวมเจ็ดคน

14 คนเหล่านี้คือบุตรของอาบีฮายิล ผู้เป็นบุตรของหุรี ผู้เป็นบุตรของยาโรอาห์ ผู้เป็นบุตรของกิเลอาด ผู้เป็นบุตรของมิคาเอล ผู้เป็นบุตรของเยชิชัย ผู้เป็นบุตรของยาโด ผู้เป็นบุตรของบูส

15 อาหิบุตรของอับดีเอล ผู้เป็นบุตรของกูนี เป็นหัวหน้าครอบครัว

16 ชนเผ่ากาดอาศัยอยู่ในดินแดนกิเลอาด ในดินแดนบาชาน และหมู่บ้านโดยรอบ และตลอดไปจนสุดทุ่งหญ้าแห่งชาโรน

17 ทั้งหมดนี้ล้วนมีชื่ออยู่ในบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลในรัชกาลกษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์และกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอล

18 ชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่ามีกำลังพล 44,760 คนเพื่อออกรบ ทุกคนล้วนแข็งแรงแกล้วกล้า สามารถถือโล่ จับดาบ ใช้ธนู และผ่านการฝึกเพื่อสู้รบ

19 พวกเขาสู้รบกับชาวฮาการ์ ชาวเยทูร์ ชาวนาฟิช และชาวโนดับ

20 พระเจ้าทรงช่วยเหลือพวกเขาในการสู้รบ และพระองค์ทรงมอบชาวฮาการ์กับพันธมิตรทั้งปวงแก่พวกเขา เพราะพวกเขาร้องทูลพระองค์ขณะสู้รบ พระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเขาเนื่องจากพวกเขาวางใจในพระองค์

21 พวกเขายึดฝูงสัตว์มาจากชาวฮาการ์ มีอูฐ 50,000 ตัว แกะ 250,000 ตัว ลา 2,000 ตัว และเชลย 100,000 คน

22 ศัตรูมากมายถูกฆ่าตายเพราะศึกครั้งนี้เป็นของพระเจ้า พวกเขาครอบครองดินแดนอยู่จนกระทั่งตกเป็นเชลย

วงศ์วานของมนัสเสห์ครึ่งเผ่า

23 เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าตั้งรกรากอยู่ทั่วแดนจากบาชานจดบาอัลเฮอร์โมน คือเสนีร์ (หรือภูเขาเฮอร์โมน) พวกเขามีจำนวนมาก

24 หัวหน้าครอบครัวของพวกเขาได้แก่ เอเฟอร์ อิชอี เอลีเอล อัสรีเอล เยเรมีย์ โฮดาวิยาห์ และยาดีเอล ล้วนแล้วแต่เป็นนักรบกล้าหาญ มีชื่อเสียง และเป็นผู้นำครอบครัว

25 แต่พวกเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของบรรพบุรุษ กลับปล่อยตัวปล่อยใจให้กับเทพเจ้าต่างๆ ของบรรดาชนชาติที่พระเจ้าได้ทรงทำลายล้างไปต่อหน้าพวกเขา

26 ฉะนั้นพระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงดลใจกษัตริย์ปูล (คือทิกลัทปิเลเสอร์)แห่งอัสซีเรียให้มาพิชิตและกวาดต้อนชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าไปเป็นเชลยอยู่ในแดนฮาลาห์ ฮาโบร์ ฮารา และแม่น้ำโกซานจวบจนทุกวันนี้

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1CH/5-1a07b53d2cfeef5ef963f29607e5d892.mp3?version_id=179—