เนหะมีย์ 9

ชนอิสราเอลสารภาพบาป

1 ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนเดียวกัน ชาวอิสราเอลมาชุมนุมกัน ถืออดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบ และโปรยฝุ่นธุลีบนศีรษะ

2 เชื้อสายชนอิสราเอลแยกตัวออกจากชาวต่างชาติทั้งปวง พวกเขายืนประจำที่และสารภาพบาปของตนและความชั่วร้ายของบรรพบุรุษของพวกเขา

3 พวกเขายืนอยู่กับที่และอ่านบทบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาเป็นเวลาสามชั่วโมง และอีกสามชั่วโมงสารภาพบาปและนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา

4 คนเลวีบางคนได้แก่ เยชูอา บานี ขัดมีเอล เชบานิยาห์ บุนนี เชเรบิยาห์ บานี และเคนานี ยืนอยู่บนขั้นบันได พวกเขาร้องทูลพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาด้วยเสียงอันดัง

5 และคนเลวีได้แก่ เยชูอา ขัดมีเอล บานี ฮาชับเนยาห์ เชเรบิยาห์ โฮดียาห์ เชบานิยาห์ และเปธาหิยาห์ กล่าวว่า “จงยืนขึ้นสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่นิรันดร์กาลจวบจนนิรันดร์กาล”

“ขอถวายสรรเสริญแด่พระนามอันสูงส่งของพระองค์ ขอให้เป็นที่เทิดทูนเหนือการยกย่องสรรเสริญทั้งปวง

6 พระองค์ผู้เดียวทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ ทรงสร้างแม้กระทั่งฟ้าสวรรค์สูงสุดและดวงดาวทั้งปวงในฟากฟ้า ทรงสร้างแผ่นดินโลกกับท้องทะเลและสรรพสิ่งในนั้น พระองค์ประทานชีวิตแก่ทุกสิ่ง และชาวสวรรค์นมัสการพระองค์

7 “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าพระยาห์เวห์ ผู้ทรงเลือกสรรอับรามและนำเขาออกมาจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดียและประทานนามแก่เขาว่าอับราฮัม

8 พระองค์ทรงเห็นว่าเขามีใจซื่อสัตย์ต่อพระองค์ และทรงทำพันธสัญญากับเขาว่าจะประทานดินแดนของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุส และชาวเกอร์กาชีแก่วงศ์วานของเขา พระองค์ทรงทำตามพระสัญญาเพราะพระองค์ทรงชอบธรรม

9 “พระองค์ทอดพระเนตรความทุกข์ยากของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายในอียิปต์ ทรงฟังคำร้องทูลของพวกเขาที่ทะเลแดง

10 พระองค์ทรงแสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อต่อสู้กับฟาโรห์ เหล่าข้าราชบริพาร และชาวอียิปต์ทั้งปวง เพราะทรงทราบว่าชาวอียิปต์ปฏิบัติต่อบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายอย่างเย่อหยิ่ง พระองค์ทรงทำให้พระนามของพระองค์เลื่องลือมาจนถึงทุกวันนี้

11 พระองค์ทรงแยกทะเลออกเพื่อบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้เดินข้ามบนดินแห้ง แต่พระองค์ทรงกวาดศัตรูที่รุกไล่มาลงในห้วงน้ำลึก เหมือนก้อนหินตกสู่กระแสน้ำเชี่ยว

12 พระองค์ทรงนำพวกเขาด้วยเสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืนเพื่อให้ความสว่างตามทางที่จะไป

13 “พระองค์เสด็จลงมาเหนือภูเขาซีนายและตรัสกับเขาเหล่านั้นจากฟ้าสวรรค์ และประทานกฎระเบียบกับบทบัญญัติที่เที่ยงตรงและถูกต้องและประทานกฎหมายกับพระบัญชาอันดีงาม

14 พระองค์ทรงสอนพวกเขาให้รู้จักสะบาโตอันบริสุทธิ์ของพระองค์ และประทานพระบัญชา กฎหมาย และบทบัญญัติผ่านทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์

15 ยามพวกเขาหิว พระองค์ประทานอาหารจากฟ้าสวรรค์ ยามพวกเขากระหายก็ประทานน้ำจากศิลา พระองค์ทรงบัญชาให้พวกเขาเข้าไปยึดครองดินแดนซึ่งพระองค์ได้ทรงยกพระหัตถ์ปฏิญาณมอบให้แก่พวกเขาแล้ว

16 “แต่บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายเย่อหยิ่งและดื้อดึง ไม่ยอมเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์

17 ไม่ยอมรับฟัง และไม่ได้จดจำการอัศจรรย์ต่างๆ ที่ทรงทำในหมู่พวกเขา แต่กลับใจแข็งและคิดคดทรยศ และตั้งผู้นำคนหนึ่งเพื่อพากันกลับไปเป็นทาสในอียิปต์ แต่พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ให้อภัย ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและความเอ็นดูสงสาร ทรงพระพิโรธช้าและเปี่ยมด้วยความรัก ฉะนั้นพระองค์จึงไม่ได้ทรงทอดทิ้งพวกเขา

18 แม้แต่ขณะที่พวกเขาได้หล่อเทวรูปลูกวัวขึ้นสำหรับตนและประกาศว่า ‘นี่คือพระเจ้าผู้พาเราออกมาจากอียิปต์’ หรือขณะที่พวกเขาหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง

19 “เนื่องด้วยพระกรุณาคุณอันยิ่งใหญ่ พระองค์ไม่ได้ทรงละทิ้งพวกเขาไว้ในถิ่นกันดาร เสาเมฆยังคงนำพวกเขาไปตามทางในเวลากลางวันและเสาเพลิงยังส่องทางตลอดค่ำคืน

20 พระองค์ประทานพระวิญญาณล้ำเลิศมาสั่งสอนพวกเขา พระองค์ไม่ได้ให้มานาของพระองค์ขาดจากปากของพวกเขาและพระองค์ประทานน้ำดับความกระหายให้พวกเขา

21 ตลอดสี่สิบปีพระองค์ทรงเลี้ยงดูพวกเขาในถิ่นกันดาร พวกเขาไม่ขัดสนสิ่งใด เสื้อผ้าของเขาไม่ได้เก่าคร่ำคร่าและเท้าก็ไม่ได้บวมช้ำ

22 “พระองค์ทรงมอบอาณาจักรและชนชาติต่างๆ แก่พวกเขา ทรงแบ่งสรรปันส่วนให้แม้แต่ชายแดนที่ไกลโพ้น พวกเขายึดครองดินแดนของกษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบนและดินแดนของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน

23 พระองค์ทรงโปรดให้พวกเขามีลูกหลานมากมายเหมือนดวงดาวในท้องฟ้า และนำพวกเขามายังดินแดนซึ่งพระองค์ตรัสสั่งบรรพบุรุษของพวกเขาให้เข้าครอบครอง

24 ลูกหลานของพวกเขาเข้ายึดครองดินแดนนั้น พระองค์ทรงปราบชาวคานาอันซึ่งอยู่ในดินแดนนั้นลงต่อหน้าพวกเขา ทรงมอบชาวคานาอัน รวมทั้งกษัตริย์และประชาชนในดินแดนนั้นแก่พวกเขา แล้วแต่พวกเขาจะจัดการตามใจชอบ

25 พวกเขายึดหัวเมืองป้อมปราการและดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ ครอบครองบ้านเรือนที่มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้น มีบ่อน้ำที่ขุดแล้ว สวนองุ่น สวนมะกอก และผลหมากรากไม้อุดมสมบูรณ์ พวกเขาจึงอิ่มหนำและอิ่มเอมกับความประเสริฐเลิศล้ำของพระองค์

26 “แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังและกบฏต่อพระองค์ ทอดทิ้งบทบัญญัติ สังหารบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ซึ่งเตือนให้พวกเขาหันกลับมาหาพระองค์ พวกเขาหมิ่นประมาทพระองค์อย่างร้ายแรง

27 ฉะนั้นพระองค์ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของศัตรูผู้ที่กดขี่ข่มเหงพวกเขา แต่เมื่อพวกเขาถูกกดขี่ข่มเหง พวกเขาก็ร้องทูลพระองค์ พระองค์ทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์และโปรดประทานผู้ช่วยกู้มาช่วยพวกเขาให้พ้นจากมือของเหล่าศัตรูด้วยความเอ็นดูสงสาร

28 “แต่พอพวกเขาได้พักสงบ พวกเขาก็ทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรของพระองค์อีก พระองค์จึงทรงทิ้งพวกเขาไว้ในมือของศัตรู ให้ศัตรูปกครองพวกเขา และเมื่อพวกเขาร้องทูลพระองค์อีก พระองค์ก็ทรงสดับฟังจากฟ้าสวรรค์และทรงกอบกู้พวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเอ็นดูสงสาร

29 “พระองค์ทรงเตือนให้พวกเขาหันกลับมายังบทบัญญัติของพระองค์ แต่พวกเขาหยิ่งผยองและไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ พวกเขาทำบาปต่อข้อปฏิบัติของพระองค์ซึ่งถ้าผู้ใดปฏิบัติตามจะมีชีวิตอยู่ พวกเขาหันหลังให้พระองค์อย่างดื้อรั้นอวดดีและไม่ยอมฟัง

30 พระองค์ทรงอดกลั้นพระทัยต่อพวกเขามาตลอดหลายปี พระองค์ทรงเตือนสติพวกเขาโดยพระวิญญาณของพระองค์ผ่านทางผู้เผยพระวจนะของพระองค์ แต่พวกเขาก็ไม่แยแส พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในเงื้อมมือของชนชาติเพื่อนบ้าน

31 แต่ด้วยพระกรุณาธิคุณอันใหญ่หลวง พระองค์ไม่ได้ทรงทำลายพวกเขาจนย่อยยับหรือทอดทิ้งพวกเขาไป เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณและพระเมตตา

32 “ฉะนั้นบัดนี้ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ทรงฤทธิ์และน่าเกรงขาม ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาแห่งความรักของพระองค์ ขออย่าให้ความทุกข์ยากลำบากทั้งปวงนี้เป็นสิ่งเล็กน้อยในสายพระเนตรของพระองค์ ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลายกับบรรดากษัตริย์และเหล่าผู้นำกับบรรดาปุโรหิต และผู้เผยพระวจนะทั้งหลายของเรากับบรรพบุรุษของเราและปวงประชากรของพระองค์ตั้งแต่สมัยเหล่ากษัตริย์แห่งอัสซีเรียจนถึงวันนี้

33 ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับข้าพระองค์ทั้งหลายนั้น พระองค์ทรงเที่ยงธรรม พระองค์ทรงทำทุกอย่างด้วยความซื่อสัตย์ขณะที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำผิด

34 บรรดากษัตริย์ ผู้นำ ปุโรหิต และบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ พวกเขาไม่ใส่ใจพระบัญชาและพระดำรัสเตือนของพระองค์

35 แม้ขณะที่พวกเขาอยู่ในอาณาจักรของพวกเขา ได้ชื่นชมความดีเลิศที่ทรงมีต่อพวกเขาในดินแดนอันกว้างขวางและอุดมสมบูรณ์ที่ทรงประทาน พวกเขาไม่ได้ปรนนิบัติรับใช้พระองค์หรือหันจากทางชั่วของพวกเขา

36 “แต่ดูเถิด วันนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายตกเป็นทาสในดินแดนซึ่งทรงประทานแก่เหล่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อพวกเขาจะได้อิ่มเอมกับพืชผลและสิ่งดีงามทั้งปวงของดินแดนนั้น

37 เนื่องจากบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผลผลิตอันมั่งคั่งจึงตกเป็นของบรรดากษัตริย์ซึ่งพระองค์ทรงให้ปกครองข้าพระองค์ทั้งหลาย เขาเหล่านั้นใช้อำนาจเหนือร่างกายและเหนือฝูงสัตว์ของข้าพระองค์ทั้งหลายตามใจชอบ ข้าพระองค์ทั้งหลายทุกข์ยากแสนสาหัส

การถวายปฏิญาณ

38 “เนื่องจากสิ่งทั้งปวงนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอทำข้อตกลงอันมั่นคงและบันทึกไว้ บรรดาผู้นำ คนเลวี และปุโรหิตประทับตราของพวกเขารับรอง”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/9-0f5a75ab16cc2b7a70d83e3f2a624b61.mp3?version_id=179—

เนหะมีย์ 10

1 ผู้ที่ประทับตราได้แก่

ผู้ว่าการเนหะมีย์บุตรฮาคาลิยาห์

เศเดคียาห์

2 เสไรอาห์ อาซาริยาห์ เยเรมีย์

3 ปาชเฮอร์ อามาริยาห์ มัลคียาห์

4 ฮัททัช เชบานิยาห์ มัลลุค

5 ฮาริม เมเรโมท โอบาดีห์

6 ดาเนียล กินเนโธน บารุค

7 เมชุลลาม อาบียาห์ มิยามิน

8 มาอาซิยาห์ บิลกัย และเชไมอาห์

คนเหล่านี้ล้วนเป็นปุโรหิต

9 คนเลวีได้แก่

เยชูอาบุตรอาซันยาห์ บินนุยแห่งวงศ์วานของเฮนาดัด ขัดมีเอล

10 และพวกพ้องได้แก่ เชบานิยาห์ โฮดียาห์

เคลิทา เปไลยาห์ ฮานัน

11 มีคา เรโหบ ฮาชาบิยาห์

12 ศักเกอร์ เชเรบิยาห์ เชบานิยาห์

13 โฮดียาห์ บานี และเบนินู

14 บรรดาผู้นำประชากรได้แก่

ปาโรช ปาหัทโมอับ เอลาม ศัทธู บานี

15 บุนนี อัสกาด เบบัย

16 อาโดนียาห์ บิกวัย อาดีน

17 อาเทอร์ เฮเซคียาห์ อัสซูร์

18 โฮดียาห์ ฮาชูม เบไซ

19 ฮาริฟ อานาโธท เนบัย

20 มักปีอาช เมชุลลาม เฮซีร์

21 เมเชซาเบล ศาโดก ยาดดูวา

22 เปลาทียาห์ ฮานัน อานายาห์

23 โฮเชยา ฮานันยาห์ หัสชูบ

24 ฮัลโลเหช ปิลหา โชเบก

25 เรฮูม ฮาชับนาห์ มาอาเสอาห์

26 อาหิอาห์ ฮานัน อานัน

27 มัลลุค ฮาริม และบาอานาห์

28 “ประชากรอื่นๆ ที่เหลือ ทั้งปุโรหิต คนเลวี ยามเฝ้าประตูพระวิหาร คณะนักร้อง ผู้ช่วยงานในพระวิหาร และคนอื่นๆ ทั้งปวง พร้อมทั้งภรรยาและบุตรชายบุตรสาวซึ่งรู้ความแล้ว ได้แยกตัวออกจากชนชาติเพื่อนบ้านเพราะเห็นแก่บทบัญญัติของพระเจ้า

29 ทั้งหมดนี้ร่วมกับพี่น้องเหล่าขุนนางปฏิญาณตนพร้อมที่จะรับคำสาปแช่งของพระเจ้า หากไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระเจ้าซึ่งประทานผ่านทางโมเสสผู้รับใช้ของพระองค์ และที่จะเชื่อฟังพระบัญชา กฎระเบียบ และกฎหมายทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา

30 “เราสัญญาว่าจะไม่ยกบุตรสาวให้แต่งงานกับชนชาติรอบๆ และไม่รับบุตรสาวของพวกนั้นมาให้บุตรชายของเรา

31 “เมื่อชนชาติเพื่อนบ้านนำสินค้าหรือเมล็ดข้าวมาขายในวันสะบาโต เราจะไม่ซื้อจากพวกเขาในวันสะบาโตหรือวันบริสุทธิ์อื่นๆ ทุกปีที่เจ็ดเราจะให้ดินแดนพักจากการไถหว่านหรือเก็บเกี่ยว และจะยกเลิกหนี้สินทั้งปวง

32 “เรารับผิดชอบที่จะทำตามคำสั่งเหล่านี้โดยให้เงินปีละหนึ่งในสามเชเขลสำหรับการปรนนิบัติในพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

33 สำหรับขนมปังเบื้องพระพักตร์ เครื่องธัญบูชาและเครื่องเผาบูชา สำหรับวันสะบาโต เทศกาลขึ้นหนึ่งค่ำ และเทศกาลต่างๆ ตามกำหนด สำหรับเครื่องถวายศักดิ์สิทธิ์ สำหรับเครื่องบูชาไถ่บาปเพื่อลบบาปให้อิสราเอล และสำหรับกิจการทั้งปวงเกี่ยวกับพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

34 “แล้วเราคือปุโรหิต คนเลวี และประชากรได้ทอดสลากจัดเวรให้แต่ละครอบครัวนำฟืนมายังพระนิเวศของพระเจ้าของเราตามกำหนดเวลาแต่ละปีสำหรับเผาบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติ

35 “แต่ละปีเรายังรับผิดชอบนำผลแรกของพืชพันธุ์ธัญญาหารและผลไม้ทุกชนิดมายังพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

36 “เราจะนำบุตรชายหัวปีของเราและลูกหัวปีจากฝูงสัตว์มายังพระนิเวศของพระเจ้าของเรา แล้วมอบแก่ปุโรหิตซึ่งปฏิบัติงานอยู่ที่นั่นตามที่บันทึกไว้ในบทบัญญัติ

37 “นอกจากนั้นเราจะนำผลผลิตต่างๆ มาให้ปุโรหิตเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระเจ้าของเราได้แก่ ผลแรกของธัญญาหาร ของธัญบูชา ของผลไม้จากต้นไม้ทั้งหมดของเรา ของเหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน และเราจะนำสิบลดคือหนึ่งในสิบของพืชผลมามอบแก่คนเลวี เพราะคนเลวีเป็นผู้เก็บรวบรวมสิบลดในเมืองต่างๆ ที่เราสังกัด

38 ปุโรหิตวงศ์วานของอาโรนหนึ่งนายจะอยู่กับคนเลวีขณะรับสิบลดเหล่านี้ และคนเลวีจะนำหนึ่งในสิบของสิบลดทั้งปวงนั้นมาเก็บไว้ในคลังพระนิเวศของพระเจ้าของเรา

39 ประชากรอิสราเอลรวมทั้งคนเลวีจะต้องนำของถวายต่างๆ คือเมล็ดข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันมายังคลังพระนิเวศ ซึ่งเป็นที่เก็บเครื่องใช้ต่างๆ ของสถานนมัสการ และที่ซึ่งปุโรหิตผู้ปฏิบัติงานยามเฝ้าประตูวิหารและคณะนักร้องพักอาศัยอยู่

“เราจะไม่ละเลยพระนิเวศของพระเจ้าของเรา”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/10-3850ac17bdec7cbb738a7bdf6d5758b5.mp3?version_id=179—

เนหะมีย์ 11

ผู้ที่เพิ่งมาอาศัยในเยรูซาเล็ม

1 ครั้งนั้นบรรดาผู้นำประชากรตั้งถิ่นฐานในเยรูซาเล็ม ส่วนประชาชนทั้งหลายทอดสลากเลือกคนหนึ่งในสิบคนเข้ามาอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มนครศักดิ์สิทธิ์ ที่เหลืออีกเก้าในสิบคนอาศัยในเมืองของตน

2 ประชาชนก็ชมเชยคนทั้งปวงที่สมัครใจเข้ามาอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม

3 ต่อไปนี้คือบรรดาผู้นำจากหัวเมืองต่างๆ ซึ่งเข้ามาอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม (ชาวอิสราเอลบางส่วน ปุโรหิต คนเลวี ผู้ช่วยงานในพระวิหาร และวงศ์วานข้าราชบริพารของโซโลมอนอาศัยอยู่ในที่ของตนตามหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์

4 ในขณะที่ประชากรอีกส่วนจากทั้งยูดาห์และเบนยามินอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม)

จากวงศ์วานของยูดาห์ได้แก่

อาธายาห์ผู้เป็นบุตรของอุสซียาห์ ผู้เป็นบุตรของเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของอามาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของเชฟาทิยาห์ ผู้เป็นบุตรของมาหะลาเลล ซึ่งเป็นวงศ์วานของเปเรศ

5 และมาอาเสอาห์ผู้เป็นบุตรของบารุค ผู้เป็นบุตรของโคลโฮเซห์ ผู้เป็นบุตรของฮาซายาห์ ผู้เป็นบุตรของอาดายาห์ ผู้เป็นบุตรของโยยาริบ ผู้เป็นบุตรของเศคาริยาห์ ซึ่งเป็นวงศ์วานของเชลาห์

6 วงศ์วานของเปเรศซึ่งมาอาศัยที่เยรูซาเล็มมีชายฉกรรจ์ 468 คน

7 จากวงศ์วานของเบนยามินได้แก่

สัลลูผู้เป็นบุตรของเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรของโยเอด ผู้เป็นบุตรของเปดายาห์ ผู้เป็นบุตรของโคลายาห์ ผู้เป็นบุตรของมาอาเสอาห์ ผู้เป็นบุตรของอิธีเอล ผู้เป็นบุตรของเยชายาห์

8 และผู้ติดตามของเขาคือกับบัยและสัลลัย รวม 928 คน

9 หัวหน้าคือ โยเอลบุตรศิครี และยูดาห์บุตรหัสเสนูอาห์ ดูแลเขตสองของเมือง

10 จากเหล่าปุโรหิตได้แก่

เยดายาห์กับบุตรของโยยาริบและยาคีน

11 กับเสไรอาห์ผู้เป็นบุตรของฮิลคียาห์ ผู้เป็นบุตรของเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรของศาโดก ผู้เป็นบุตรของเมราโยท ผู้เป็นบุตรของอาหิทูบผู้ควบคุมดูแลในพระนิเวศของพระเจ้า

12 กับพวกพ้องซึ่งปฏิบัติงานในพระวิหารรวม 822 คน และอาดายาห์ผู้เป็นบุตรของเยโรฮัม ผู้เป็นบุตรของเปลาไลยาห์ ผู้เป็นบุตรของอัมซี ผู้เป็นบุตรของเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของปาชเฮอร์ ผู้เป็นบุตรของมัลคียาห์

13 กับพวกพ้อง 242 คนซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว ต่อไปคืออามาชสัยผู้เป็นบุตรของอาซาเรล ผู้เป็นบุตรของอาซัย ผู้เป็นบุตรของเมชิลเลโมท ผู้เป็นบุตรของอิมเมอร์

14 กับพวกพ้องของเขา128 คนซึ่งล้วนแต่เป็นชายฉกรรจ์ ศับดีเอลบุตรฮักเกโดลิมเป็นหัวหน้า

15 จากคนเลวีได้แก่

เชไมอาห์ผู้เป็นบุตรของหัสชูบ ผู้เป็นบุตรของอัสรีคัม ผู้เป็นบุตรของฮาชาบิยาห์ ผู้เป็นบุตรของบุนนี

16 ชับเบธัยกับโยซาบาด ทั้งคู่เป็นหัวหน้าคนเลวี ดูแลงานภายนอกพระนิเวศของพระเจ้า

17 มัททานิยาห์ผู้เป็นบุตรของมีคา ผู้เป็นบุตรของศับดี ผู้เป็นบุตรของอาสาฟผู้นำในการอธิษฐานและขอบพระคุณ บัคบูคิยาห์ผู้ช่วยของเขา และอับดาผู้เป็นบุตรของชัมมุวา ผู้เป็นบุตรของกาลาล ผู้เป็นบุตรของเยดูธูน

18 รวมทั้งสิ้นมีคนเลวี 284 คนในนครศักดิ์สิทธิ์

19 ยามเฝ้าประตูพระวิหารได้แก่

อักขูบ ทัลโมน กับพวกพ้องซึ่งเฝ้ายามอยู่ที่ประตูต่างๆ รวม 172 คน

20 ปุโรหิตและคนเลวีอื่นๆ กับประชากรที่เหลืออาศัยอยู่ตามเมืองต่างๆ ทั้งหมดของยูดาห์ตามเขตกรรมสิทธิ์ที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ

21 ส่วนผู้ช่วยงานในพระวิหารอาศัยอยู่ที่เนินเขาโอเฟลโดยมีศีหะกับกิชปาคอยดูแล

22 หัวหน้าคนเลวีในเยรูซาเล็มคือ อุสซีผู้เป็นบุตรของบานี ผู้เป็นบุตรของฮาชาบิยาห์ ผู้เป็นบุตรของมัททานิยาห์ ผู้เป็นบุตรของมีคา อุสซีอยู่ในวงศ์วานอาสาฟซึ่งเป็นนักร้อง รับผิดชอบงานพระนิเวศของพระเจ้า

23 พวกนักร้องปฏิบัติหน้าที่ทุกวันตามพระราชโองการของกษัตริย์

24 เปธาหิยาห์บุตรเมเชซาเบลวงศ์วานของเศราห์บุตรยูดาห์ เป็นตัวแทนของกษัตริย์ดูแลกิจการทุกอย่างที่เกี่ยวกับประชาชน

25 ชาวยูดาห์ส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ได้แก่ คีริยาทอารบา ดีโบน เยขับเซเอล และหมู่บ้านรอบเมืองเหล่านี้

26 เยชูอา โมลาดาห์ เบธเปเลท

27 ฮาซารชูอาล เบเออร์เชบากับหมู่บ้านโดยรอบ

28 ศิกลาก เมโคนาห์กับหมู่บ้านโดยรอบ

29 เอนริมโมน โศราห์ ยารมูท

30 ศาโนอาห์ อดุลลัมกับหมู่บ้านโดยรอบ ลาคีชและทุ่งหญ้าใกล้ๆ อาเซคาห์กับหมู่บ้านโดยรอบ กล่าวคืออาศัยอยู่ทั่วไปจากเบเออร์เชบาจดหุบเขาฮินโนม

31 วงศ์วานของเบนยามิน จากเกบาเข้ามาอาศัยอยู่ที่มิคมาช อัยยา เบธเอลกับหมู่บ้านโดยรอบ

32 ที่อานาโธท โนบ และอานานิยาห์

33 ที่ฮาโซร์ รามาห์ และกิททาอิม

34 ที่ฮาดิด เศโบอิม และเนบัลลัท

35 ที่โลดและโอโน และในหุบเขาช่างฝีมือ

36 คนเลวีบางหมู่เหล่าของยูดาห์อาศัยอยู่ในเขตเบนยามิน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/11-02a26f978de62fe9c4203a642107ee2b.mp3?version_id=179—

เนหะมีย์ 12

ปุโรหิตและคนเลวี

1 ต่อไปนี้คือปุโรหิตและคนเลวีซึ่งกลับมาพร้อมกับเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล และเยชูอา ได้แก่

เสไรอาห์ เยเรมีย์ เอสรา

2 อามาริยาห์ มัลลุค ฮัททัช

3 เชคานิยาห์ เรฮูม เมเรโมท

4 อิดโด กินเนโธนอาบียาห์

5 มิยามินโมอัดยาห์ บิลกาห์

6 เชไมอาห์ โยยาริบ เยดายาห์

7 สัลลู อาโมค ฮิลคียาห์ และเยดายาห์

คนเหล่านี้คือบรรดาผู้นำปุโรหิตกับพวกพ้องในสมัยเยชูอา

8 คนเลวีได้แก่ เยชูอา บินนุย ขัดมีเอล เชเรบิยาห์ ยูดาห์ และมัททานิยาห์กับพวกพ้องซึ่งรับผิดชอบเรื่องบทเพลงขอบพระคุณ

9 บัคบูคิยาห์กับอุนนีและพวกพ้องยืนอยู่ตรงกันข้ามกับพวกเขาในการรับใช้

10 เยชูอาเป็นบิดาของโยยาคิม ผู้เป็นบิดาของเอลียาชีบ ผู้เป็นบิดาของโยยาดา

11 ผู้เป็นบิดาของโยนาธาน และโยนาธานเป็นบิดาของยาดดูวา

12 หัวหน้าครอบครัวปุโรหิตในสมัยโยยาคิมได้แก่

เมรายาห์จากครอบครัวของเสไรอาห์

ฮานันยาห์จากครอบครัวของเยเรมีย์

13 เมชุลลามจากครอบครัวของเอสรา

เยโฮฮานันจากครอบครัวของอามาริยาห์

14 โยนาธานจากครอบครัวของมัลลุค

โยเซฟจากครอบครัวของเชคานิยาห์

15 อัดนาจากครอบครัวของฮาริม

เฮลคายจากครอบครัวของเมเรโมท

16 เศคาริยาห์จากครอบครัวของอิดโด

เมชุลลามจากครอบครัวของกินเนโธน

17 ศิครีจากครอบครัวของอาบียาห์

ปิลทัยจากครอบครัวของมินยามิน และ

ครอบครัวของโมอัดยาห์

18 ชัมมุวาจากครอบครัวของบิลกาห์

เยโฮนาธันจากครอบครัวของเชไมอาห์

19 มัทเทนัยจากครอบครัวของโยยาริบ

อุสซีจากครอบครัวของเยดายาห์

20 คาลลัยจากครอบครัวของสัลลู

เอเบอร์จากครอบครัวของอาโมค

21 ฮาชาบิยาห์จากครอบครัวของฮิลคียาห์

เนธันเอลจากครอบครัวของเยดายาห์

22 บันทึกรายชื่อหัวหน้าครอบครัวของเหล่าปุโรหิตและคนเลวีในสมัยของเอลียาชีบ โยยาดา โยฮานัน และยาดดูวา ทำขึ้นในรัชกาลดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

23 หัวหน้าครอบครัวต่างๆ ในหมู่วงศ์วานของเลวีไล่ขึ้นไปถึงสมัยของโยฮานันบุตรเอลียาชีบบันทึกอยู่ในหนังสือพงศาวดาร

24 บรรดาผู้นำของคนเลวีได้แก่ ฮาชาบิยาห์ เชเรบิยาห์ เยชูอาบุตรขัดมีเอล และพวกพ้องซึ่งยืนอยู่ตรงกันข้ามกับพวกเขาร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณตอบโต้กันตามที่ดาวิดคนของพระเจ้าได้กำหนดไว้

25 ยามเฝ้าประตูพระวิหารซึ่งรับผิดชอบคลังต่างๆ ตามแต่ละประตูได้แก่ มัททานิยาห์ บัคบูคิยาห์ โอบาดีห์ เมชุลลาม ทัลโมน และอักขูบ

26 คนเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในสมัยของโยยาคิมบุตรเยชูอา ผู้เป็นบุตรของโยซาดัก และในสมัยผู้ว่าการเนหะมีย์ และเอสราผู้เป็นปุโรหิตและธรรมาจารย์

การมอบถวายกำแพงเยรูซาเล็ม

27 คนเลวีทั้งปวงทั่วแดนถูกตามตัวมายังเยรูซาเล็ม เพื่อฉลองพิธีมอบถวายกำแพงเยรูซาเล็มอย่างรื่นเริงด้วยการร้องเพลงขอบพระคุณ พร้อมด้วยเสียงฉาบ พิณใหญ่และพิณเขาคู่

28 คณะนักร้องก็ถูกรวบรวมมาจากภูมิภาคต่างๆ รอบเยรูซาเล็มคือจากหมู่บ้านชาวเนโทฟาห์

29 จากเบธกิลกาล และจากเขตเกบากับอัสมาเวท เพราะว่านักร้องเหล่านี้ได้สร้างหมู่บ้านเพื่ออยู่อาศัยรอบเยรูซาเล็ม

30 เมื่อปุโรหิตและคนเลวีชำระตัวให้บริสุทธิ์ตามระเบียบพิธีแล้ว พวกเขาก็ทำพิธีชำระประชากร ประตูทั้งหลาย และกำแพงเมือง

31 ข้าพเจ้าให้บรรดาผู้นำยูดาห์ขึ้นไปบนกำแพง และแบ่งนักร้องเป็นสองคณะใหญ่ เพื่อร้องเพลงขอบพระคุณ คณะหนึ่งเดินขึ้นไปบนกำแพงไปทางขวาสู่ประตูกองขยะ

32 โฮชายาห์กับผู้นำยูดาห์ครึ่งหนึ่งตามพวกเขาไป

33 พร้อมด้วยอาซาริยาห์ เอสรา เมชุลลาม

34 ยูดาห์ เบนยามิน เชไมอาห์ เยเรมีย์

35 รวมทั้งปุโรหิตผู้เป่าแตรกับเศคาริยาห์บุตรโยนาธาน ผู้เป็นบุตรของเชไมอาห์ ผู้เป็นบุตรของมัททานิยาห์ ผู้เป็นบุตรของมีคายาห์ ผู้เป็นบุตรของศักเกอร์ ผู้เป็นบุตรของอาสาฟ

36 และพวกพ้องได้แก่ เชไมอาห์ อาซาเรล มิลาลัย กิลาลัย มาอัย เนธันเอล ยูดาห์ และฮานานี ใช้เครื่องดนตรีตามที่ดาวิดคนของพระเจ้าระบุไว้ ธรรมาจารย์เอสราเดินนำหน้าขบวน

37 เมื่อมาถึงประตูน้ำพุก็เดินตรงขึ้นบันไดของเมืองดาวิดที่ทางขึ้นกำแพง และผ่านเหนือวังของดาวิดไปสู่ประตูน้ำทางทิศตะวันออก

38 คณะนักร้องคณะที่สองนำขบวนไปทางตรงข้าม ข้าพเจ้าเดินตามพวกเขาขึ้นไปบนกำแพงพร้อมด้วยประชาชนอีกครึ่งหนึ่ง ผ่านหอคอยเตาอบไปยังกำแพงกว้าง

39 เหนือประตูเอฟราอิม ประตูเยชานาห์ประตูปลา หอคอยฮานันเอล และหอคอยกองร้อย ไกลไปจนถึงประตูแกะ และพวกเขาหยุดที่ประตูยาม

40 คณะนักร้องขอบพระคุณทั้งสองคณะเข้าประจำที่ในพระนิเวศของพระเจ้า ข้าพเจ้ากับเจ้าหน้าที่อีกครึ่งหนึ่งก็เข้าประจำที่ด้วย

41 และปุโรหิตผู้เป่าแตรได้แก่ เอลียาคิม มาอาเสอาห์ มิยามิน มีคายาห์ เอลีโอเอนัย เศคาริยาห์ และฮานันยาห์

42 ร่วมด้วยมาอาเสอาห์ เชไมอาห์ เอเลอาซาร์ อุสซี เยโฮฮานัน มัลคียาห์ เอลาม และเอเซอร์ คณะนักร้องขับร้องเพลงโดยมียิสรายาห์เป็นผู้ควบคุม

43 พวกเขาถวายเครื่องบูชามากมายในวันนั้น ต่างชื่นชมยินดีเพราะพระเจ้าประทานความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง ผู้หญิงกับเด็กก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย เสียงโห่ร้องยินดีในเยรูซาเล็มดังไปไกล

44 ครั้งนั้นมีการแต่งตั้งผู้ดูแลคลังต่างๆ สำหรับของถวายผลแรกและสิบลด พวกเขาจะรวบรวมสิ่งเหล่านี้จากไร่นารอบเมืองต่างๆ มาไว้ในคลังตามที่บทบัญญัติระบุไว้สำหรับให้ปุโรหิตและคนเลวี เพราะชนยูดาห์พึงพอใจในปุโรหิตและคนเลวีผู้ปฏิบัติงาน

45 พวกเขารับใช้พระเจ้าและทำหน้าที่ในพิธีชำระ คณะนักร้องและยามเฝ้าประตูพระวิหารก็เช่นเดียวกัน ต่างปฏิบัติตามพระราชโองการของดาวิดและราชโอรสโซโลมอน

46 เพราะนานมาแล้วในสมัยของดาวิดและอาสาฟมีเหล่าหัวหน้ากำกับคณะนักร้องและกำกับเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณพระเจ้า

47 ดังนั้นในสมัยของเศรุบบาเบลและเนหะมีย์ ชนอิสราเอลทั้งปวงจึงนำของถวายประจำวันมาถวายสำหรับนักร้องและยามเฝ้าประตูพระวิหาร และพวกเขายังได้กันส่วนหนึ่งไว้สำหรับคนเลวีอื่นๆ คนเลวีเองก็กันส่วนหนึ่งไว้สำหรับวงศ์วานของอาโรนด้วย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/12-b6c76e903308a53b8fb42bac68e0a301.mp3?version_id=179—

เนหะมีย์ 13

การปฏิรูปครั้งสุดท้ายของเนหะมีย์

1 ในวันนั้นมีการอ่านหนังสือของโมเสสให้ประชาชนฟัง และพบข้อความตอนหนึ่งระบุว่าไม่ให้คนอัมโมนหรือคนโมอับเข้าร่วมที่ประชุมประชากรของพระเจ้าเป็นนิตย์

2 เพราะพวกเขาไม่ยอมให้อาหารและน้ำแก่ชนอิสราเอล กลับจ้างบาลาอัมมาสาปแช่ง (แต่พระเจ้าของเราทรงเปลี่ยนคำแช่งเป็นพร)

3 เมื่อประชาชนได้ยินกฎข้อนี้ ก็แยกวงศ์วานของคนต่างชาติทั้งปวงออกไปจากอิสราเอล

4 ก่อนหน้านี้ปุโรหิตเอลียาชีบมีหน้าที่ดูแลคลังต่างๆ ของพระนิเวศของพระเจ้าของเรา เขาสนิทกับโทบียาห์

5 และได้จัดห้องใหญ่ห้องหนึ่งให้โทบียาห์ ซึ่งเดิมใช้เก็บธัญบูชา เครื่องหอม และเครื่องใช้ในพระวิหาร รวมทั้งสิบลดของข้าว เหล้าองุ่นใหม่กับน้ำมัน ซึ่งเป็นส่วนที่กำหนดไว้สำหรับคนเลวี คณะนักร้องกับยามประตูพระวิหาร และของถวายสำหรับปุโรหิต

6 แต่ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ในเยรูซาเล็ม เพราะในปีที่สามสิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งบาบิโลนข้าพเจ้ากลับไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ ต่อมาจึงทูลขออนุญาต

7 และกลับมายังเยรูซาเล็ม เมื่อทราบพฤติกรรมอันชั่วร้ายของเอลียาชีบที่จัดห้องสำหรับโทบียาห์ไว้ในลานพระนิเวศของพระเจ้า

8 ข้าพเจ้าโกรธมากและโยนข้าวของทั้งหมดของโทบียาห์ออกจากห้องนั้น

9 ข้าพเจ้าสั่งให้ชำระห้องนั้นให้บริสุทธิ์ แล้วนำเครื่องใช้ประจำพระนิเวศของพระเจ้า ธัญบูชา และเครื่องหอมเข้ามาไว้ดังเดิม

10 ข้าพเจ้ายังทราบด้วยว่าคนเลวีไม่ได้รับส่วนที่เป็นของพวกเขา ฉะนั้นคนเลวีทุกคนกับคณะนักร้องซึ่งควรจะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ก็กลับไปยังไร่นาของตน

11 ข้าพเจ้าจึงตำหนิพวกเจ้าหน้าที่และถามเขาว่า “ทำไมจึงละเลยพระนิเวศของพระเจ้า?” จากนั้นข้าพเจ้าเรียกคนเลวีมาชุมนุมและให้พวกเขาเข้าประจำหน้าที่ดังเดิม

12 ชนยูดาห์ทั้งปวงนำสิบลดของข้าว เหล้าองุ่นใหม่ และน้ำมันมายังคลังพระวิหาร

13 ข้าพเจ้าแต่งตั้งปุโรหิตเชเลมิยาห์ ธรรมาจารย์ศาโดก และเปดายาห์คนเลวีให้ดูแลคลังต่างๆ และแต่งตั้งฮานันบุตรศักเกอร์ ผู้เป็นบุตรของมัททานิยาห์ ให้เป็นผู้ช่วยของพวกเขาเพราะว่าคนเหล่านี้เชื่อถือได้ พวกเขามีหน้าที่แจกจ่ายสิ่งของต่างๆ แก่พี่น้องเผ่าเลวี

14 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ในข้อนี้ และขออย่าทรงลบล้างสิ่งที่ข้าพระองค์ได้ทำอย่างซื่อสัตย์เพื่อพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพระองค์และเพื่อการปรนนิบัติรับใช้ในพระนิเวศ

15 ครั้งนั้นข้าพเจ้าเห็นคนในยูดาห์ย่ำองุ่นในวันสะบาโต และนำเมล็ดข้าวบรรทุกบนหลังลาพร้อมด้วยน้ำองุ่น ผลองุ่น ผลมะเดื่อ และข้าวของนานาชนิดเข้ามาในเยรูซาเล็มในวันสะบาโต ข้าพเจ้าจึงตักเตือนพวกเขาไม่ให้ขายอาหารในวันนั้น

16 คนจากไทระบางคนซึ่งอาศัยในเยรูซาเล็มนำปลาและสินค้านานาชนิดมาขายให้ชาวยูดาห์ในเยรูซาเล็ม ในวันสะบาโต

17 ข้าพเจ้าจึงตำหนิบรรดาขุนนางยูดาห์ว่า “พวกท่านกำลังทำสิ่งชั่วร้ายอะไรกันนี่? ท่านกำลังลบหลู่วันสะบาโต

18 เหล่าบรรพบุรุษก็ทำเช่นนี้ไม่ใช่หรือ? พระเจ้าของเราจึงทรงนำหายนะทั้งปวงมาเหนือเราและเหนือกรุงนี้ บัดนี้พวกท่านกำลังยั่วยุพระพิโรธที่มีต่ออิสราเอลให้หนักขึ้นอีกโดยละเมิดวันสะบาโตเช่นนี้”

19 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงออกคำสั่งให้ปิดประตูเมืองเยรูซาเล็มเมื่อตกค่ำของวันก่อนสะบาโต และไม่ให้เปิดจนกว่าจะสิ้นสุดวันสะบาโต ทั้งส่งคนของข้าพเจ้าไปประจำที่ประตูต่างๆ เพื่อไม่ให้ใครนำสินค้าเข้ามาในวันสะบาโต

20 มีอยู่ครั้งหรือสองครั้งที่บรรดาพ่อค้าและคนขายของชนิดต่างๆ มาพักแรมอยู่นอกเมืองเยรูซาเล็ม

21 แต่ข้าพเจ้าเตือนพวกเขาว่า “พวกท่านมาพักแรมอยู่ริมกำแพงทำไม? ถ้าหากทำอย่างนี้อีกเราจะจัดการกับท่าน” ตั้งแต่นั้นพวกเขาก็ไม่ได้มาในวันสะบาโตอีก

22 แล้วข้าพเจ้าจึงสั่งคนเลวีให้ชำระตนและเฝ้ายามอยู่ที่ประตูเพื่อรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ในข้อนี้ด้วย และขอทรงสำแดงความเมตตาต่อข้าพระองค์ตามความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

23 ยิ่งกว่านั้น ข้าพเจ้ายังเห็นชาวยูดาห์ที่แต่งงานกับผู้หญิงจากอัชโดด อัมโมน และโมอับ

24 และลูกๆ ของพวกเขาครึ่งหนึ่งพูดภาษาอัชโดดหรือภาษาของชาติใดชาติหนึ่งเหล่านั้น แต่พูดภาษายูดาห์ไม่ได้เลย

25 ข้าพเจ้าจึงติเตียนและสาปแช่งชาวยูดาห์เหล่านั้น ข้าพเจ้าทุบตีชายบางคนและทึ้งผมของพวกเขา และให้เขาเหล่านั้นสาบานในพระนามพระเจ้าว่า “เจ้าจะไม่ยกลูกสาวให้แต่งงานกับบุตรชายของคนพวกนั้น หรือรับลูกสาวของพวกนั้นมาเป็นภรรยาของตนเองหรือของลูกชายของตน

26 ก็การแต่งงานข้ามชาติแบบนี้ไม่ใช่หรือที่ทำให้กษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอลทำบาป? ในหมู่ชนชาติทั้งหลายไม่มีกษัตริย์องค์ใดเทียบเทียมโซโลมอน พระองค์เป็นที่รักของพระเจ้า และพระเจ้าทรงตั้งให้เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลทั้งหมด ถึงกระนั้นโซโลมอนก็ถูกหญิงต่างชาติชักนำให้ทำบาป

27 ตอนนี้จะให้เราทนฟังว่าพวกท่านก็ทำสิ่งชั่วร้ายอย่างเดียวกัน และทรยศต่อพระเจ้าโดยไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติหรือ?”

28 บุตรชายคนหนึ่งของโยยาดาบุตรมหาปุโรหิตเอลียาชีบได้แต่งงานกับบุตรสาวคนหนึ่งของสันบาลลัทชาวโฮโรนาอิม ข้าพเจ้าจึงขับไล่เขาออกไปให้พ้นหน้า

29 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงจดจำคนเหล่านี้ เพราะเขาสร้างมลทินแก่ตำแหน่งปุโรหิตและพันธสัญญาของการเป็นปุโรหิตกับพันธสัญญาของคนเลวี

30 เป็นอันว่าข้าพเจ้าได้ชำระหมู่ปุโรหิตกับคนเลวีจากทุกสิ่งของคนต่างชาติ และมอบหมายงานให้แต่ละคนตามหน้าที่

31 ข้าพเจ้ายังได้จัดให้หาฟืนมาถวายตามเวลาที่กำหนดและให้คอยดูแลผลแรก

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์ด้วยความโปรดปรานเถิด

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NEH/13-9d0327851a0c1c47c487a22f5a008aed.mp3?version_id=179—

เอสรา 1

ไซรัสช่วยเชลยกลับภูมิลำเนา

1 ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้พระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสผ่านทางเยเรมีย์สำเร็จ โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียให้ออกประกาศทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ และให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรความว่า

2 “กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียตรัสดังนี้ว่า

“ ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานราชอาณาจักรทั้งสิ้นของโลกนี้แก่ข้าพเจ้า และได้ทรงมอบหมายให้ข้าพเจ้าสร้างพระวิหารถวายแด่พระองค์ที่เยรูซาเล็มในเขตยูดาห์

3 ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่เป็นประชากรของพระเจ้า ขอให้พระเจ้าของเขาสถิตกับเขา และให้เขากลับไปยังเยรูซาเล็มในยูดาห์และสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเจ้าผู้ประทับในเยรูซาเล็ม

4 ให้ประชาชนในถิ่นที่ผู้รอดชีวิตเหล่านี้อาศัยอยู่มอบเงิน ทอง ข้าวของ และฝูงสัตว์ พร้อมทั้งของถวายตามความสมัครใจเพื่อพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มแก่พวกเขา’ ”

5 แล้วบรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่ายูดาห์และเบนยามิน กับปุโรหิตและคนเลวี คือทุกคนที่พระเจ้าทรงดลใจ ก็เตรียมตัวขึ้นไปสร้างพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็ม

6 เพื่อนบ้านทั้งปวงช่วยเหลือจุนเจือพวกเขาโดยให้เครื่องใช้ไม้สอยที่ทำจากเงินและทอง ข้าวของและฝูงสัตว์ พร้อมทั้งของมีค่าต่างๆ นอกเหนือจากของถวายตามความสมัครใจ

7 นอกจากนี้กษัตริย์ไซรัสเองทรงมอบเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ยึดไปจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มและได้เก็บไว้ในวิหารของเทพเจ้าของพระองค์

8 กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียทรงให้ขุนคลังมิทเรดาทนำเครื่องใช้เหล่านี้ออกมานับจำนวนแล้วมอบให้เชชบัสซาร์ซึ่งเป็นเจ้านายของยูดาห์

9 รายการสิ่งของมีดังนี้ คือ

ชามทองคำ 30 ใบ
ชามเงิน 1,000 ใบ
กระทะเงิน 29 ใบ
10 อ่างทองคำ 30 ใบ
อ่างเงินที่เข้าชุดกัน 410 ใบ
เครื่องใช้อื่นๆ 1,000 ชิ้น

11 มีเครื่องใช้ทองและเงินทั้งสิ้น 5,400 ชิ้น เมื่อพวกเชลยออกจากบาบิโลนมายังเยรูซาเล็ม เชชบัสซาร์นำสิ่งของทั้งหมดนี้ไปด้วย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/1-8e62078d2ff09649236cc4a7acbe2c75.mp3?version_id=179—

เอสรา 2

รายชื่อเชลยที่กลับมา

1 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อผู้ที่กลับมาหลังจากที่ถูกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนกวาดต้อนไปยังบาบิโลน (พวกเขากลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของตนในเยรูซาเล็มและยูดาห์

2 พร้อมกับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ เสไรอาห์ เรเอไลยาห์ โมรเดคัย บิลชาน มิสปาร์ บิกวัย เรฮูม และบาอานาห์)

จำนวนประชากรอิสราเอลได้แก่

3 วงศ์วานของปาโรช 2,172 คน
4 ของเชฟาทิยาห์ 372 คน
5 ของอาราห์ 775 คน
6 ของปาหัทโมอับ (ทางสาย เยชูอา และโยอาบ) 2,812 คน
7 ของเอลาม 1,254 คน
8 ของศัทธู 945 คน
9 ของศักคัย 760 คน
10 ของบานี 642 คน
11 ของเบบัย 623 คน
12 ของอัสกาด 1,222 คน
13 ของอาโดนีคัม 666 คน
14 ของบิกวัย 2,056 คน
15 ของอาดีน 454 คน
16 ของอาเทอร์ (ทางสายเฮเซคียาห์) 98 คน
17 ของเบไซ 323 คน
18 ของโยราห์ 112 คน
19 ของฮาชูม 223 คน
20 ของกิบบาร์ 95 คน
21 ชายชาวเบธเลเฮม 123 คน
22 ชาวเนโทฟาห์ 56 คน
23 ชาวอานาโธท 128 คน
24 ชาวอัสมาเวท 42 คน
25 ชาวคีริยาทเยอาริมชาวเคฟีราห์ และชาวเบเอโรท 743 คน
26 ชาวรามาห์และเกบา 621 คน
27 ชาวมิคมาช 122 คน
28 ชาวเบธเอลและชาวอัย 223 คน
29 ชาวเนโบ 52 คน
30 ชาวมักบีช 156 คน
31 ชาวเอลามอีกพวกหนึ่ง 1,254 คน
32 ชาวฮาริม 320 คน
33 ชาวโลด ชาวฮาดิด และชาวโอโน 725 คน
34 ชาวเยรีโค 345 คน
35 ชาวเสนาอาห์ 3,630 คน

36 ปุโรหิตได้แก่

วงศ์วานของเยดายาห์ (ทางครอบครัว ของเยชูอา) 973 คน
37 ของอิมเมอร์ 1,052 คน
38 ของปาชเฮอร์ 1,247 คน
39 ของฮาริม 1,017 คน

40 คนเลวีได้แก่

วงศ์วานของเยชูอาและขัดมีเอล (ทางสายโฮดาวิยาห์) 74 คน

41 คณะนักร้องได้แก่

วงศ์วานของอาสาฟ 128 คน

42 ยามเฝ้าประตูพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของ
ชัลลูม อาเทอร์ ทัลโมน
อักขูบ ฮาทิทาและโชบัย 139 คน

43 ผู้ช่วยงานในพระวิหารได้แก่

วงศ์วานของ

ศีหะ ฮาสูฟา ทับบาโอท

44 เคโรส สีอาฮา พาโดน

45 เลบานาห์ ฮากาบาห์ อักขูบ

46 ฮากาบ ชัลมัย ฮานัน

47 กิดเดล กาฮาร์ เรอายาห์

48 เรซีน เนโคดา กัสซาม

49 อุสซา ปาเสอาห์ เบสัย

50 อัสนาห์ เมอูนิม เนฟัสสิม

51 บัคบูค ฮาคูฟา ฮารฮูร์

52 บัสลูท เมหิดา ฮารชา

53 บารโขส สิเสรา เทมาห์

54 เนซิยาห์ และฮาทิฟา

55 วงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอน ได้แก่

วงศ์วานของ

โสทัย หัสโสเฟเรท เปรุดา

56 ยาอาลา ดารโคน กิดเดล

57 เชฟาทิยาห์ ฮัททิล โปเคเรทหัสเซบาอิม และอามี

58 บรรดาผู้ช่วยงานในพระวิหารและวงศ์วานของข้าราชบริพารของโซโลมอนมี 392 คน

59 อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากเมืองเทลเมลาห์ เทลหารชา เครูบ อัดโดน และอิมเมอร์ แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานว่าครอบครัวของพวกเขาสืบเชื้อสายจากอิสราเอลได้แก

60 วงศ์วานของเดไลยาห์ โทบียาห์ และเนโคดา รวม 652 คน

61 และจากพวกปุโรหิตได้แก่

วงศ์วานของ

โฮบายาห์ ฮักโขส และบารซิลลัย (ซึ่งแต่งงานกับบุตรสาวคนหนึ่งของบารซิลลัยชาวกิเลอาด และได้ชื่อตามนั้น)

62 คนเหล่านี้ได้ค้นหาบันทึกลำดับวงศ์ตระกูลแต่ไม่พบ จึงไม่ถูกรวมอยู่ในกลุ่มปุโรหิตเพราะถือว่าเป็นมลทิน

63 ผู้ว่าการสั่งห้ามพวกเขารับประทานอาหารบริสุทธิ์ที่สุด จนกว่าจะมีปุโรหิตทูลถามเรื่องนี้ผ่านทางอูริมและทูมมิม

64 คนกลุ่มนี้มีทั้งหมด 42,360 คน

65 ไม่รวมคนรับใช้ชายหญิง 7,337 คน และคณะนักร้องชายหญิง 200 คน

66 พวกเขามีม้า 736 ตัว ล่อ 245 ตัว

67 อูฐ 435 ตัว และลา 6,720 ตัว

68 เมื่อพวกเขามาถึงพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็ม หัวหน้าครอบครัวบางคนได้ถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม

69 แต่ละคนถวายเข้าคลังเพื่องานนี้ตามกำลังความสามารถ รวมแล้วได้ทองคำประมาณ 500 กิโลกรัมกับเงินประมาณ 2.9 ตันและเครื่องแต่งกายปุโรหิต 100 ชุด

70 ปุโรหิต คนเลวี คณะนักร้อง ยามเฝ้าประตูพระวิหาร และผู้ช่วยงานในพระวิหาร เข้าอาศัยในเมืองของตนพร้อมกับประชาชนอีกจำนวนหนึ่งและชนอิสราเอลที่เหลือตั้งถิ่นฐานในเมืองของตน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/2-fcf8afd11c0d2410520168b02826498e.mp3?version_id=179—

เอสรา 3

สร้างแท่นบูชาขึ้นใหม่

1 หลังจากชนอิสราเอลได้ตั้งถิ่นฐานในเมืองของตนแล้ว เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด พวกเขาก็มาชุมนุมในเยรูซาเล็มอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

2 แล้วเยชูอาบุตรโยซาดักกับปุโรหิตคนอื่นๆ และเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลกับพวกพ้องเริ่มสร้างแท่นบูชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า

3 ถึงแม้ว่าประชากรเกรงกลัวชนชาติต่างๆ ที่อาศัยในแถบนั้น พวกเขาก็ยังสร้างแท่นบูชาขึ้นบนฐานเดิม และถวายเครื่องเผาบูชายามเช้าและยามเย็นแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

4 แล้วพวกเขาฉลองเทศกาลอยู่เพิงตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติ พร้อมกับถวายเครื่องเผาบูชาตามจำนวนซึ่งระบุไว้สำหรับแต่ละวัน

5 หลังจากนั้นพวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาตามปกติ เครื่องบูชาสำหรับวันขึ้นหนึ่งค่ำและเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเทศกาลที่กำหนดไว้ กับถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจของประชากรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

6 ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด พวกเขาเริ่มถวายเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแม้ยังไม่ได้เริ่มวางฐานรากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

สร้างพระวิหารขึ้นใหม่

7 แล้วพวกเขาให้เงินแก่ช่างก่อและช่างไม้ และมอบอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำมันแก่ชาวไซดอนและชาวไทระ เพื่อให้ผูกซุงไม้สนซีดาร์จากเลบานอนล่องทะเลมายังเมืองยัฟฟาตามที่ได้รับพระราชานุญาตจากกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย

8 ในเดือนที่สองของปีที่สองหลังจากกลับมาถึงพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม เศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล เยชูอาบุตรโยซาดัก และพี่น้องคนอื่นๆ (คือปุโรหิต ชนเลวี และคนทั้งปวงที่กลับมาจากการเป็นเชลยมายังเยรูซาเล็ม) ก็เริ่มปฏิบัติงาน และแต่งตั้งคนเลวีที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า

9 เยชูอากับบรรดาบุตรชายและพี่น้องของเขา ขัดมีเอลกับบรรดาบุตรชายของเขา (วงศ์วานของโฮดาวิยาห์) และบรรดาบุตรชายของเฮนาดัดกับบรรดาบุตรชายและพี่น้องของพวกเขาซึ่งล้วนอยู่ในเผ่าเลวี ร่วมกันควบคุมดูแลการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า

10 เมื่อช่างก่อสร้างวางฐานรากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสร็จแล้ว บรรดาปุโรหิตซึ่งสวมเครื่องแต่งกายปุโรหิตและถือแตร คนเลวี (พงศ์พันธุ์ของอาสาฟ) ถือฉาบเข้าประจำที่เพื่อถวายสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่กษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลทรงกำหนดไว้

11 พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

“พระองค์ประเสริฐ

ความรักมั่นคงของพระองค์ที่ทรงมีต่ออิสราเอลนั้นดำรงนิรันดร์”

จากนั้นประชากรทั้งปวงโห่ร้องสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะฐานรากพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้วางลงเรียบร้อยแล้ว

12 แต่บรรดาปุโรหิต คนเลวี และหัวหน้าครอบครัว ที่เป็นผู้สูงอายุซึ่งเคยเห็นพระวิหารเดิมพากันร้องไห้ระงมเมื่อพวกเขาได้เห็นฐานรากของพระวิหารที่วางเสร็จแล้ว ขณะที่คนอื่นๆ โห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดี

13 เสียงโห่ร้องยินดีกับเสียงร้องไห้ปนเปกันแยกไม่ออกเพราะประชาชนต่างก็เปล่งเสียงดังมากและเสียงนั้นได้ยินไปไกล

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/3-08d9775db169986f4bb73dcce9d3236f.mp3?version_id=179—

เอสรา 4

ศัตรูพยายามขัดขวาง

1 เมื่อบรรดาศัตรูของยูดาห์และเบนยามินได้ยินว่า เชลยทั้งหลายกำลังสร้างพระวิหารเพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล

2 พวกเขาก็มาพบเศรุบบาเบลและหัวหน้าครอบครัวต่างๆ และกล่าวว่า “ขอให้พวกเราช่วยท่านสร้างเถิด เพราะเราก็แสวงหาพระเจ้าของท่านเช่นเดียวกับท่าน เราได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์นับตั้งแต่กษัตริย์เอสารฮัดโดนแห่งอัสซีเรียนำเรามาที่นี่”

3 แต่เศรุบบาเบล เยชูอา และหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอลตอบว่า “ท่านไม่มีส่วนร่วมกับเราในการสร้างพระวิหารถวายแด่พระเจ้าของเรา เราเท่านั้นที่จะสร้างถวายพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตามที่กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียทรงบัญชาเราไว้”

4 บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในถิ่นนั้นจึงพยายามทำลายขวัญของชาวยูดาห์ และทำให้เขาไม่กล้าสร้างต่อ

5 คนเหล่านั้นว่าจ้างที่ปรึกษาไว้คอยก่อกวนขัดขวางงานของพวกเขาตลอดรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียจวบจนรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

การขัดขวางในรัชกาลเซอร์ซีสและอารทาเซอร์ซีส

6 ต้นรัชกาลกษัตริย์เซอร์ซีสพวกเขาตั้งข้อหาฟ้องร้องประชาชนยูดาห์และเยรูซาเล็ม

7 และในรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย บิชลาม มิทเรดาท และทาเบเอลกับพรรคพวกเขียนจดหมายราบทูลพระองค์เป็นภาษาอารเมคและมีผู้แปลถวาย

8 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยเขียนจดหมายฟ้องร้องเยรูซาเล็ม กราบทูลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสดังนี้ว่า

9 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยพร้อมคณะ อันได้แก่ เหล่าตุลาการ และเจ้าหน้าที่ปกครองคนจากทริโปลิส เปอร์เซียเอเรก และบาบิโลน พวกเอลามแห่งสุสา

10 และชนชาติอื่นซึ่งอาชูร์บานิปาลผู้ยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์นำตัวมาและให้ตั้งถิ่นฐานในเยรูซาเล็ม สะมาเรีย และทั่วดินแดนใกล้เคียงที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

11 (สำเนาจดหมายที่พวกเขานำขึ้นกราบทูลกษัตริย์ ความว่า)

กราบทูล กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส

จากบรรดาข้าราชบริพารของพระองค์ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

12 ขอกราบทูลให้ทรงทราบว่าชาวยิวซึ่งถูกส่งตัวจากบาบิโลนไปยังเยรูซาเล็มกำลังสร้างนครจอมกบฏและชั่วร้ายนั้นขึ้นใหม่ พวกเขากำลังซ่อมแซมกำแพงเมืองและฐานราก

13 ยิ่งกว่านั้นฝ่าพระบาทควรจะได้ทราบว่า หากเมืองนี้สร้างเสร็จและซ่อมแซมกำแพงเมืองเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจะไม่ส่งบรรณาการ ค่าธรรมเนียม และค่าภาษี ทำให้เงินรายได้ของหลวงขาดหายไป

14 เนื่องจากเหล่าข้าพระบาทจงรักภักดีต่อฝ่าพระบาท ไม่ประสงค์จะเห็นฝ่าพระบาทถูกหมิ่นพระเกียรติ จึงนำความขึ้นกราบทูล

15 เพื่อขอทรงสั่งให้ค้นดูจดหมายเหตุของกษัตริย์องค์ก่อนๆ ในบันทึกเหล่านี้ฝ่าพระบาทจะพบว่านครแห่งนี้ชอบกบฏและสร้างความเดือดร้อนแก่เหล่ากษัตริย์และแว่นแคว้นต่างๆ เป็นนครที่ชอบกบฏแข็งเมืองมาตั้งแต่ครั้งโบราณ ด้วยเหตุนี้จึงถูกทำลายไป

16 ข้าพระบาททั้งหลาย ขอกราบทูลว่าหากเมืองนี้สร้างสำเร็จและกำแพงเมืองสร้างขึ้นได้ ฝ่าพระบาทอาจจะสูญเสียจักรวรรดิที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสนี้ไป

17 กษัตริย์ทรงส่งพระราชสาส์นตอบว่า

ถึงผู้บัญชาการเรฮูม เลขานุการชิมชัย และพวกพ้องซึ่งอาศัยในสะมาเรียและอาศัยอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส

สวัสดี

18 จดหมายที่ท่านส่งมามีการอ่านและแปลให้เราฟังแล้ว

19 เราสั่งให้สืบค้นเรื่องราวก็พบว่าเมืองนี้มีประวัติยาวนานว่าได้กบฏแข็งเมืองต่อกษัตริย์ต่างๆ และมักก่อการจลาจลและความวุ่นวายต่างๆ

20 ในเยรูซาเล็มยังเคยมีกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ซึ่งปกครองดินแดนทั้งหมดเหนือแม่น้ำยูเฟรติส และเรียกเก็บภาษี เครื่องบรรณาการ และค่าธรรมเนียมมากมาย

21 ฉะนั้นจงสั่งให้คนเหล่านี้หยุดงานจะได้ไม่มีการสร้างเมืองนี้ขึ้นใหม่จนกว่าเราจะสั่ง

22 จงใส่ใจ อย่าละเลยเรื่องนี้ เราจะปล่อยให้สถานการณ์นี้บานปลายจนเสียหายกระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์ของหลวงทำไม?

23 เมื่อเรฮูมและเลขานุการชิมชัยกับพรรคพวกได้ฟังความในพระราชสาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแล้ว ก็รีบมายังเยรูซาเล็ม และใช้กำลังบังคับให้ชาวยิวหยุดการก่อสร้าง

24 ฉะนั้นงานก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มจึงหยุดชะงักลงจนถึงปีที่สองของรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/4-ec3101778a47e31fb34dcc4b7133f386.mp3?version_id=179—

เอสรา 5

จดหมายของทัทเทนัยถึงดาริอัส

1 ฝ่ายผู้เผยพระวจนะฮักกัยและผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์วงศ์วานของอิดโดได้เผยพระวจนะแก่ชาวยิวในยูดาห์และเยรูซาเล็มในพระนามพระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงปกครองเหนือพวกเขา

2 แล้วเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลกับเยชูอาบุตรโยซาดักจึงลงมือก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็มอีก และผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือพวกเขา

3 ครั้งนั้นทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและเชธาร์โบเซนัยกับพวกมาถามพวกเขาว่า “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารนี้ขึ้นใหม่จนเสร็จ?”

4 ทั้งได้ถามว่า “คนที่ทำการก่อสร้างพระวิหารนี้ชื่ออะไรบ้าง?”

5 แต่พระเจ้าทรงดูแลบรรดาผู้อาวุโสของพวกยิว พวกเขาจึงทำงานรุดหน้าไปไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามส่งรายงานไปกราบทูลกษัตริย์ดาริอัส และพระองค์ทรงส่งสาส์นตอบกลับมา

6 นี่คือสำเนาจดหมายซึ่งทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและเชธาร์โบเซนัย กับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เป็นพวกพ้องกันที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสส่งไปกราบทูลกษัตริย์ดาริอัส

7 รายงานของเขาที่ส่งไปถึงพระองค์ มีใจความว่า

กราบทูลกษัตริย์ดาริอัส

ขอจงทรงพระเจริญ

8 ข้าพระบาททั้งหลายขอกราบทูลให้ทรงทราบว่า ข้าพระบาททั้งหลายได้ไปยังยูดาห์ ไปยังพระวิหารของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ประชาชนกำลังก่อสร้างโดยใช้หินก้อนใหญ่และบุผนังด้วยไม้กระดาน พวกเขากำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งและงานกำลังคืบหน้าไปภายใต้การดูแลของพวกเขา

9 ข้าพระบาทถามเหล่าผู้อาวุโสว่า “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารนี้ขึ้นใหม่จนเสร็จ?”

10 พร้อมทั้งยังถามเอารายชื่อของคนเหล่านั้นมาเพื่อกราบบังคมทูลฝ่าพระบาท

11 พวกเขาตอบข้าพระบาทว่า

“เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และเรากำลังสร้างพระวิหารซึ่งเคยสร้างจนสำเร็จเมื่อหลายปีก่อนโดยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งของอิสราเอล

12 แต่เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเรายั่วยุพระพิโรธของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์คนเคลเดีย กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้ทำลายพระวิหารนี้และกวาดต้อนประชาชนไปยังบาบิโลน

13 “แต่ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งบาบิโลน พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่

14 กษัตริย์ไซรัสเองถึงกับทรงคืนเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ทรงยึดไปจากพระวิหารในเยรูซาเล็มไปเก็บไว้ในวิหารที่บาบิโลนนั้นให้ด้วยแล้วกษัตริย์ไซรัสทรงมอบเครื่องใช้เหล่านี้แก่ชายชื่อเชชบัสซาร์ซึ่งทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ

15 และทรงบัญชาเชชบัสซาร์ว่า ‘จงนำภาชนะเหล่านั้นไปเก็บไว้ในพระวิหารที่เยรูซาเล็มและจงสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม’

16 ดังนั้นเชชบัสซาร์ผู้นี้จึงมาวางฐานรากพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม การก่อสร้างจึงดำเนินมาจวบจนบัดนี้แต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย”

17 ถ้าฝ่าพระบาททรงเห็นชอบ ก็ขอฝ่าพระบาททรงให้สืบค้นในหอจดหมายเหตุของบาบิโลนเพื่อดูว่ากษัตริย์ไซรัสทรงเคยมีพระราชกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็มขึ้นใหม่หรือไม่ และขอฝ่าพระบาทให้ข้าพระบาททั้งหลายทราบถึงพระราชวินิจฉัยในเรื่องนี้ด้วย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZR/5-8dddbe899c1d8fda8d6e2ee8b994ea54.mp3?version_id=179—