2เปโตร 2

ผู้สอนผิดและความพินาศที่เขานำมา

1 แต่ก็มีผู้เผยพระวจนะเท็จในหมู่ประชากรเช่นเดียวกับที่จะมีผู้สอนผิดท่ามกลางพวกท่าน พวกเขาจะแอบนำคำสอนผิดซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเข้ามา พวกเขาถึงกับปฏิเสธองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เจ้าชีวิตผู้ได้ทรงไถ่พวกเขา ซึ่งการทำอย่างนี้นำความพินาศมาสู่พวกเขาเองอย่างรวดเร็ว

2 หลายคนจะเดินตามแนวทางอันน่าละอายของเขา สร้างความเสื่อมเสียแก่ทางแห่งความจริง

3 ด้วยความโลภผู้สอนผิดเหล่านี้จะแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อตักตวงผลประโยชน์จากท่าน คำตัดสินโทษคนเหล่านี้แขวนอยู่เหนือหัวของเขามาเนิ่นนานแล้ว ความพินาศกำลังจะมาถึงเขาแล้ว

4 เพราะพระเจ้าไม่ได้ทรงละเว้นทูตสวรรค์ที่ทำบาป แต่ทรงส่งลงนรกเข้าคุกมืดรอการพิพากษา

5 พระองค์ไม่ได้ทรงละเว้นโลกในสมัยโบราณเมื่อทรงให้น้ำท่วมคนอธรรมที่อยู่ในโลก แต่ทรงปกป้องโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมกับคนอื่นๆ อีกเจ็ดคน

6 พระองค์ได้ทรงลงโทษเมืองโสโดมกับโกโมราห์โดยเผาให้วอดวายเป็นเถ้าถ่านเพื่อเป็นตัวอย่างของสิ่งที่จะเกิดแก่คนอธรรม

7 และพระองค์ได้ทรงช่วยโลทผู้ชอบธรรมซึ่งทุกข์ยากลำบากใจเนื่องด้วยชีวิตโสมมของคนไร้ศีลธรรม

8 (เพราะผู้ชอบธรรมคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกเขา จิตวิญญาณอันชอบธรรมของเขาย่อมทุกข์ทรมานเนื่องจากได้เห็นได้ยินพฤติกรรมที่ชั่วร้ายอยู่วันแล้ววันเล่า)

9 ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพระเจ้าย่อมทรงทราบว่าจะช่วยคนชอบธรรมให้รอดพ้นจากการทดลองได้อย่างไร และจะกักคนอธรรมไว้รอวันพิพากษา ขณะเดียวกันก็ลงโทษพวกเขาไปเรื่อยๆได้อย่างไร

10 โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเจ้าจะทรงลงโทษคนที่ปล่อยตัวไปตามความปรารถนาของวิสัยบาปที่ทำให้เป็นมลทินและลบหลู่ผู้ทรงอำนาจ

คนเหล่านี้กล้าบ้าบิ่นและอวดดี สบประมาทเทพเบื้องบนโดยไม่สะทกสะท้าน

11 ซึ่งแม้แต่ทูตสวรรค์ผู้มีพละกำลังและฤทธิ์อำนาจเหนือกว่ายังไม่ได้กล่าวสบประมาทเมื่อกล่าวโทษเทพเหล่านี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

12 แต่คนเหล่านี้สบประมาทสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ พวกเขาเป็นเช่นสัตว์เดรัจฉานที่ทำอะไรตามสัญชาตญาณ เกิดมาเพียงเพื่อถูกล่าทำลาย และเขาจะพินาศไปเหมือนสัตว์เดรัจฉานอย่างแน่นอน

13 สิ่งเลวร้ายที่เขาได้ทำจะคืนสนองเขา คนเหล่านี้ถือว่าการมั่วสุมเสเพลเฮฮาทั้งกลางวันแสกๆ เป็นความบันเทิง เขาเป็นสิ่งแปดเปื้อนและรอยด่างพร้อย เขาหาความสำราญใส่ตนขณะร่วมงานเลี้ยงกับพวกท่าน

14 แววตาของเขาเปี่ยมด้วยการล่วงประเวณี เขาทำบาปไม่เลิกรา เขาล่อลวงคนที่ไม่หนักแน่น เขาช่ำชองในความโลภ พวกเขาคือเผ่าพันธุ์ที่ถูกสาปแช่ง!

15 เขาละทิ้งทางที่ถูกและเตลิดไปตามทางของบาลาอัมบุตรเบโอร์ผู้รับสินจ้างทุจริต

16 แต่ผู้เผยพระวจนะคนนี้ถูกลาตำหนิ สัตว์ซึ่งพูดไม่ได้กลับเอ่ยออกมาเป็นเสียงมนุษย์และได้ยับยั้งความบ้าคลั่งของเขา

17 คนเหล่านี้คือบ่อแล้งน้ำ คือหมอกที่ถูกพายุพัดไป นรกมืดมิดรอพวกเขาอยู่

18 เพราะเขาพูดจาโอ้อวดลมๆ แล้งๆ และใช้ราคะตัณหาตามวิสัยมนุษย์บาปหนามาล่อลวงคนทั้งหลายที่เพิ่งหนีพ้นจากบรรดาผู้ที่ดำเนินชีวิตในทางที่ผิด

19 พวกเขาสัญญาว่าจะให้คนเหล่านั้นเป็นอิสระ แต่ตัวเขาเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะคนเราถูกสิ่งใดครอบงำย่อมเป็นทาสของสิ่งนั้น

20 ถ้าพวกเขาได้หนีพ้นมลทินโลกมาแล้วโดยการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา แล้วยังหวนกลับไปข้องเกี่ยวและพ่ายแพ้แก่มัน บั้นปลายของพวกเขาก็กลับเลวร้ายยิ่งกว่าเริ่มแรก

21 ถ้าพวกเขาไม่รู้จักทางแห่งความชอบธรรมเสียเลยก็ยังดีกว่าได้รู้จักแล้วหันหลังให้พระบัญชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสืบทอดมาถึงพวกเขา

22 พวกเขาก็เป็นไปตามสุภาษิตที่ว่า “สุนัขหวนกลับไปหาสิ่งที่มันสำรอกออกมา”และที่ว่า “สุกรที่อาบน้ำแล้วย้อนกลับไปเกลือกกลั้วในปลักโคลน”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/2PE/2-f4e6ce9444105f1f0037adc6c58e34d6.mp3?version_id=179—

2เปโตร 3

วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า

1 เพื่อนที่รักทั้งหลายนี่เป็นจดหมายฉบับที่สองของข้าพเจ้าถึงท่าน ข้าพเจ้าเขียนมาทั้งสองฉบับเป็นเครื่องเตือนใจเพื่อกระตุ้นให้ท่านคิดในทางที่บริสุทธิ์

2 ข้าพเจ้าอยากให้ท่านระลึกถึงถ้อยคำที่เหล่าผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์กล่าวไว้ในอดีต และระลึกถึงพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราที่ประทานผ่านทางเหล่าอัครทูต

3 ก่อนอื่นท่านต้องเข้าใจว่าในยุคสุดท้ายจะมีคนชอบเยาะเย้ยมาเยาะเย้ยและทำตามตัณหาชั่วของตนเอง

4 พวกเขาจะกล่าวว่า “ไหนล่ะ ‘การเสด็จมา’ ที่ทรงสัญญาไว้? นานมาแล้วตั้งแต่บรรพบุรุษของเราตายไปทุกอย่างก็ดำเนินไปเหมือนที่เป็นมาตั้งแต่เริ่มสร้างโลก”

5 แต่เขาจงใจลืมความจริงที่ว่า นานมาแล้วโดยพระดำรัสของพระเจ้าฟ้าสวรรค์ก็มีขึ้นและแผ่นดินโลกก็ก่อตัวขึ้นมาจากน้ำโดยมีน้ำล้อมรอบ

6 น้ำเหล่านี้เองที่ท่วมทำลายโลกในครั้งนั้น

7 โดยพระดำรัสเดียวกันนี้ ฟ้าสวรรค์และโลกปัจจุบันก็ถูกสงวนไว้ให้ไฟเผาผลาญ ถูกเก็บไว้เพื่อวันแห่งการพิพากษาและความหายนะของคนอธรรม

8 แต่อย่าลืมข้อนี้เพื่อนที่รัก คือสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วหนึ่งวันก็เหมือนหนึ่งพันปี และหนึ่งพันปีก็เหมือนหนึ่งวัน

9 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเชื่องช้าที่จะทำตามพระสัญญาอย่างที่บางคนคิด แต่ทรงอดทนต่อท่านเพราะพระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดพินาศ แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่

10 กระนั้นวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าจะมาเหมือนขโมยที่ลอบเข้ามาโดยไม่มีใครคาดคิด ฟ้าสวรรค์จะหายวับไปด้วยเสียงกัมปนาทและโลกธาตุทั้งหลายจะถูกไฟเผาทำลาย นั่นคือแผ่นดินโลกกับสรรพสิ่งในนั้นจะถูกทำลายสิ้น

11 ในเมื่อทุกสิ่งจะถูกทำลายลงเช่นนี้ พวกท่านควรจะเป็นคนแบบไหน? พวกท่านควรดำเนินชีวิตอย่างบริสุทธิ์และอยู่ในทางพระเจ้า

12 ขณะที่พวกท่านเฝ้ารอและเร่งวันแห่งพระเจ้าให้มาโดยเร็ววันนั้นฟ้าสวรรค์จะล่มสลายด้วยไฟและโลกธาตุต่างๆ จะหลอมละลายในความร้อน

13 แต่ด้วยการยึดมั่นในพระสัญญาของพระองค์ พวกเรากำลังเฝ้ารอฟ้าสวรรค์ใหม่และโลกใหม่ซึ่งเป็นที่พำนักของความชอบธรรม

14 เช่นนั้นแล้วเพื่อนที่รัก ในเมื่อท่านกำลังเฝ้ารอสิ่งนี้อยู่ จงพยายามทุกวิถีทางที่จะให้พระองค์ทรงเห็นว่าท่านปราศจากข้อด่างพร้อย ไร้ตำหนิและมีสันติสุขในพระองค์

15 จงระลึกว่าที่องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราทรงอดกลั้นพระทัยไว้ก็เพื่อให้คนทั้งหลายมีโอกาสได้รับความรอด เหมือนที่น้องเปาโลที่รักของเราได้เขียนจดหมายมาถึงท่านด้วยสติปัญญาที่พระเจ้าประทาน

16 จดหมายทุกฉบับของเขาได้กล่าวถึงเรื่องเหล่านี้ไว้ในทำนองเดียวกัน ในจดหมายของเขามีบางอย่างที่เข้าใจยากซึ่งพวกที่รู้ไม่จริงและไม่หนักแน่นได้บิดเบือนไป เช่นเดียวกับที่ได้บิดเบือนพระคัมภีร์ข้ออื่นๆ และนำความพินาศมาสู่ตนเอง

17 เพราะฉะนั้นเพื่อนที่รัก ในเมื่อท่านทราบเช่นนี้แล้วก็จงระวังระไวเพื่อท่านจะไม่ถูกชักจูงให้หลงผิดไปตามคนไร้ศีลธรรมเหล่านี้ และไม่ตกจากที่อันมั่นคงของท่าน

18 แต่จงเจริญขึ้นในพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเราและรู้จักพระองค์มากขึ้น ขอพระเกียรติสิริจงมีแด่พระองค์ทั้งบัดนี้และตลอดนิรันดร์! อาเมน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/2PE/3-2df659c7bde5816a7ea284e8690e0f18.mp3?version_id=179—

1เปโตร 1

1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปโตรผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์

ถึงบรรดาผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้ ท่านทั้งหลายคือคนแปลกหน้าที่อาศัยในโลกเพียงชั่วคราว ผู้ได้กระจัดกระจายไปทั่วแคว้นปอนทัส กาลาเทีย คัปปาโดเซีย เอเชียและบิธีเนีย

2 พระเจ้าพระบิดาได้ทรงเลือกสรรพวกท่านตามที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้าแล้วผ่านทางการทรงชำระให้บริสุทธิ์ของพระวิญญาณ เพื่อให้พวกท่านมาเชื่อฟังพระเยซูคริสต์และรับการประพรมด้วยพระโลหิตของพระองค์

ขอพระคุณและสันติสุขมีแด่พวกท่านอย่างล้นเหลือ

สรรเสริญพระเจ้าสำหรับความหวังอันยืนยง

3 สรรเสริญพระเจ้าพระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา! ด้วยพระเมตตายิ่งใหญ่พระองค์ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดใหม่เข้าในความหวังอันยืนยงโดยการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์

4 และเข้าในมรดกอันไม่มีวันเสื่อมสลาย เน่าเสียหรือเลือนหายไปซึ่งทรงเตรียมไว้ในสวรรค์เพื่อพวกท่าน

5 โดยความเชื่อพระเจ้าได้ทรงปกป้องพวกท่านไว้ด้วยฤทธานุภาพของพระองค์จนถึงความรอดซึ่งพร้อมแล้วที่จะทรงสำแดงในยุคสุดท้าย

6 พวกท่านชื่นชมยินดียิ่งนักในเรื่องนี้ แม้ขณะนี้ท่านต้องทนความทุกข์โศกชั่วระยะหนึ่งจากการทดลองสารพัดอย่าง

7 สิ่งเหล่านี้มีมาเพื่อพิสูจน์ว่าท่านมีความเชื่อแท้ ความเชื่อนี้ล้ำค่ายิ่งกว่าทองคำซึ่งเสื่อมสลายไปแม้ได้ทำให้บริสุทธิ์แล้วด้วยไฟ ความเชื่อนี้ก่อให้เกิดคำสรรเสริญ เกียรติและศักดิ์ศรีเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาปรากฏ

8 แม้ท่านยังไม่เห็นพระองค์แต่ก็รักพระองค์ แม้ขณะนี้ท่านไม่เห็นพระองค์ แต่ก็เชื่อในพระองค์และเปี่ยมด้วยความชื่นชมยินดีอันยิ่งใหญ่สุดจะพรรณนา

9 เพราะท่านกำลังรับความรอดแห่งจิตวิญญาณของท่านอันเป็นเป้าหมายแห่งความเชื่อของท่าน

10 บรรดาผู้เผยพระวจนะผู้ได้กล่าวถึงพระคุณที่จะมีมาถึงท่านนั้น ได้ตั้งใจสืบเสาะค้นหาอย่างถี่ถ้วนที่สุดเกี่ยวกับความรอดนี้

11 พวกเขาพยายามพิเคราะห์ดูว่าสิ่งที่พระวิญญาณของพระคริสต์ในพวกเขาได้บ่งชี้ไว้นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อใดและจะเกิดขึ้นอย่างไร เมื่อพระองค์ได้ทำนายถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์และบรรดาพระเกียรติสิริที่จะตามมา

12 พวกเขาได้รับการสำแดงว่าสิ่งต่างๆ ที่ได้พยากรณ์ถึงนั้นไม่ใช่เพื่อพวกเขาเอง แต่เพื่อพวกท่าน บัดนี้บรรดาผู้ประกาศข่าวประเสริฐได้แจ้งสิ่งต่างๆ เหล่านี้แก่ท่านแล้วโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งส่งมาจากสวรรค์ แม้แต่ทูตสวรรค์ยังปรารถนาจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้

จงบริสุทธิ์

13 เพราะฉะนั้นจงเตรียมความคิดจิตใจให้พร้อม จงรู้จักบังคับตนเอง จงตั้งความหวังแน่วแน่ในพระคุณซึ่งจะประทานแก่ท่านเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาปรากฏ

14 ในฐานะลูกที่เชื่อฟัง อย่าดำเนินตามตัณหาชั่วซึ่งท่านเคยมีเมื่อใช้ชีวิตอย่างผู้ที่ไม่รู้ความจริง

15 แต่ท่านทั้งหลายจงบริสุทธิ์ในการทุกอย่างที่ท่านทำเหมือนอย่างที่พระองค์ผู้ทรงเรียกท่านนั้นบริสุทธิ์

16 เพราะมีเขียนไว้ว่า “จงบริสุทธิ์เพราะเราบริสุทธิ์”

17 ในเมื่อท่านทูลต่อพระบิดาผู้ทรงตัดสินการกระทำของแต่ละคนโดยไม่ลำเอียง ก็จงดำเนินชีวิตด้วยความเคารพยำเกรงในฐานะที่เป็นคนแปลกหน้าในโลกนี้

18 เพราะท่านรู้ว่าพระองค์ได้ทรงไถ่ท่านพ้นจากวิถีชีวิตอันไร้แก่นสารซึ่งท่านรับสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ พระองค์ไม่ได้ทรงไถ่ท่านด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้เช่นเงินหรือทอง

19 แต่ด้วยพระโลหิตล้ำค่าของพระคริสต์ผู้เป็นลูกแกะอันปราศจากตำหนิหรือข้อบกพร่องใดๆ

20 พระองค์ได้ทรงเลือกสรรพระคริสต์ไว้ตั้งแต่ก่อนทรงสร้างโลก แต่ทรงให้พระคริสต์ปรากฏในวาระสุดท้ายนี้เพื่อท่านทั้งหลาย

21 โดยทางพระคริสต์ท่านจึงเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตายและประทานพระเกียรติสิริให้แก่พระองค์ ดังนั้นความเชื่อและความหวังของท่านจึงอยู่ในพระเจ้า

22 บัดนี้เมื่อท่านได้ชำระตัวให้บริสุทธิ์ด้วยการเชื่อฟังความจริงเพื่อจะรักพี่น้องอย่างจริงใจแล้ว ก็จงรักกันอย่างลึกซึ้งด้วยใจจริง

23 เพราะท่านได้บังเกิดใหม่แล้ว ไม่ใช่เกิดจากเมล็ดพันธุ์อันเสื่อมสลายได้ แต่จากเมล็ดพันธุ์อันไม่รู้เสื่อมสลายคือพระวจนะของพระเจ้าอันทรงชีวิตและยืนยงถาวร

24 เพราะ

“มวลมนุษยชาตินั้นเหมือนหญ้า

และเกียรติทั้งปวงของพวกเขาเหมือนดอกไม้ในท้องทุ่ง

ต้นหญ้าเหี่ยวเฉาและดอกไม้ร่วงโรยไป

25 แต่พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ายืนยงนิรันดร์”

และพระวจนะนั้นคือข่าวประเสริฐซึ่งได้ประกาศแก่ท่านแล้ว

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1PE/1-9c3ab25b863a8faf1bcf641459c292bd.mp3?version_id=179—

1เปโตร 2

1 เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงขจัดสารพัดความมุ่งร้าย การฉ้อฉล ความหน้าซื่อใจคด ความอิจฉาริษยา และการว่าร้ายทุกอย่างไปจากตัวท่าน

2 จงกระหายหาน้ำนมฝ่ายวิญญาณอันบริสุทธิ์เหมือนทารกแรกเกิด เพื่อสิ่งนี้จะช่วยท่านให้เติบโตขึ้นในความรอดของท่าน

3 ในเมื่อบัดนี้ท่านได้ลิ้มรสแล้วว่าพระเจ้าประเสริฐ

ศิลาอันทรงชีวิตและประชากรที่ทรงเลือกสรร

4 เมื่อท่านทั้งหลายมาหาพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระศิลาอันทรงชีวิต มนุษย์ไม่ยอมรับพระองค์แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรรและถือว่าพระองค์ล้ำค่า

5 ท่านทั้งหลายก็เช่นกัน ท่านเป็นเหมือนศิลาอันมีชีวิตซึ่งกำลังได้รับการก่อขึ้นเป็นวิหารฝ่ายวิญญาณ เพื่อเป็นปุโรหิตบริสุทธิ์ผู้ทำหน้าที่ถวายเครื่องบูชาฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าทรงยอมรับผ่านทางพระเยซูคริสต์

6 เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า

“ดูเถิด เราวางศิลาก้อนหนึ่งไว้ในศิโยน

เป็นศิลาหัวมุมล้ำค่าซึ่งได้รับการเลือกสรรแล้ว

และผู้ที่วางใจในพระองค์

จะไม่มีวันอับอายเลย”

7 บัดนี้สำหรับพวกท่านที่เชื่อ พระศิลานี้ก็ล้ำค่า แต่สำหรับบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อ

“ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทิ้งแล้ว

บัดนี้กลับกลายเป็นศิลามุมเอก”

8 และ

“เป็นก้อนหินซึ่งทำให้ผู้คนสะดุด

และเป็นศิลาที่ทำให้พวกเขาล้มลง”

พวกเขาสะดุดก็เพราะไม่เชื่อฟังถ้อยคำนั้น ซึ่งก็เป็นไปตามที่พวกเขาได้ถูกกำหนดไว้

9 แต่พวกท่านเป็นประชากรที่พระเจ้าได้ทรงเลือกสรร เป็นปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์ เป็นพลเมืองของพระเจ้า เพื่อท่านจะได้ประกาศพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ผู้ทรงเรียกท่านออกจากความมืดเข้าสู่ความสว่างอันล้ำเลิศของพระองค์

10 ครั้งหนึ่งพวกท่านไม่ได้เป็นประชากรของพระเจ้า แต่บัดนี้ท่านเป็นประชากรของพระองค์ ครั้งหนึ่งพวกท่านไม่ได้รับพระเมตตา แต่บัดนี้ท่านได้รับพระเมตตาแล้ว

11 เพื่อนที่รักผู้อยู่ในฐานะคนต่างด้าวและคนแปลกหน้าในโลกนี้ ข้าพเจ้าขอวิงวอนท่านให้ละทิ้งตัณหาชั่วซึ่งต่อสู้กับวิญญาณจิตของท่าน

12 จงดำเนินชีวิตให้ดีเมื่ออยู่ในหมู่ผู้ไม่นับถือพระเจ้า เพื่อแม้เขากล่าวหาว่าท่านทำผิด เขาก็จะเห็นการดีของท่านและถวายเกียรติแด่พระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมาหาเรา

ยอมเชื่อฟังผู้ปกครองและเจ้านาย

13 โดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกท่านจงยอมอยู่ใต้อำนาจการปกครองทั้งปวงที่ตั้งขึ้นในหมู่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุด

14 หรือบรรดาผู้ว่าการซึ่งกษัตริย์ส่งมาเพื่อลงโทษผู้กระทำผิดและยกย่องผู้กระทำดี

15 เพราะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้พวกท่านสงบปากคำของคนโง่ด้วยการกระทำดี

16 จงดำเนินชีวิตอย่างเสรีชน แต่อย่าใช้เสรีภาพของท่านเป็นข้ออ้างกลบเกลื่อนความชั่ว จงดำเนินชีวิตอย่างทาสของพระเจ้า

17 จงให้เกียรติทุกคนตามสมควรคือ จงรักพี่น้องในพระคริสต์ จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่กษัตริย์

18 ทาสทั้งหลายจงยอมเชื่อฟังเจ้านายของตนด้วยความเคารพ ไม่เฉพาะต่อเจ้านายที่ดีและเห็นอกเห็นใจเท่านั้น แต่ต่อเจ้านายที่ร้ายกาจด้วย

19 เพราะผู้ที่ยอมทนทุกข์อย่างที่ไม่เป็นธรรมเพราะตระหนักถึงพระเจ้านั้นน่ายกย่อง

20 หากว่าท่านถูกโบยเนื่องจากทำผิด ถึงท่านยอมทนจะนับเป็นความดีความชอบได้อย่างไร? แต่ถ้าท่านต้องทุกข์ยากเพราะทำดีและท่านยอมทนเอา นี่เป็นสิ่งน่ายกย่องต่อหน้าพระเจ้า

21 พระองค์ทรงเรียกพวกท่านมาสู่สภาพการณ์เช่นนี้ เพราะพระคริสต์ได้ทรงทนทุกข์เพื่อท่าน ทรงวางแบบอย่างไว้ให้ท่านดำเนินตามรอยพระบาท

22 “พระองค์ไม่ได้ทรงทำบาป

และไม่เคยตรัสคำโกหกหลอกลวง”

23 เมื่อพวกเขารุมสบประมาท พระองค์ก็ไม่ได้ทรงตอบโต้ ขณะทรงทนทุกข์พระองค์ก็ไม่ได้ทรงอาฆาต แต่ทรงมอบพระองค์เองไว้กับพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม

24 พระองค์เองทรงรับแบกบาปของเราทั้งหลายไว้ที่พระกายบนไม้กางเขนนั้น เพื่อเราจะได้ตายต่อบาปและมีชีวิตอยู่เพื่อความชอบธรรม และด้วยบาดแผลของพระองค์พวกท่านได้รับการรักษาให้หาย

25 เพราะพวกท่านเป็นเหมือนแกะที่พลัดหลงไป แต่บัดนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยงและพระผู้ทรงดูแลวิญญาณจิตของท่านแล้ว

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1PE/2-c8fc3708dc7fb16f5a9b335fe05ce5d6.mp3?version_id=179—

1เปโตร 3

สามีภรรยา

1 ในทำนองเดียวกันภรรยาทั้งหลายจงยอมเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าแม้สามีบางคนไม่เชื่อพระวจนะของพระเจ้า แต่ความประพฤติของภรรยาก็อาจชนะใจเขา ทำให้เขาหันกลับมาเชื่อโดยไม่ต้องเอ่ยปาก

2 เมื่อเขาเห็นความบริสุทธิ์และความยำเกรงพระเจ้าในชีวิตของท่าน

3 ความงามของท่านไม่ควรมาจากการตกแต่งภายนอกเช่น ถักผม สวมเครื่องทองและเสื้อผ้าสวยงาม

4 แต่ให้ออกมาจากตัวตนภายใน คือความงามอันไม่รู้จางหายของจิตใจที่อ่อนโยนและสงบเยือกเย็น ซึ่งจิตใจเช่นนี้ทรงคุณค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า

5 เพราะนี่เป็นแนวทางที่สตรีผู้บริสุทธิ์ในอดีตซึ่งหวังใจในพระเจ้าเคยทำให้ตนเองงดงาม พวกนางยอมเชื่อฟังสามีของตน

6 เหมือนนางซาราห์ผู้เชื่อฟังอับราฮัมและเรียกเขาว่านาย ถ้าท่านทำสิ่งที่ถูกต้องและไม่หวาดหวั่นสิ่งร้ายอันใด ท่านทั้งหลายก็เป็นลูกหลานของนางซาราห์

7 ในทำนองเดียวกันสามีทั้งหลายจงอยู่กับภรรยาด้วยความเห็นอกเห็นใจ จงให้เกียรติภรรยาในฐานะเป็นผู้ที่อ่อนแอกว่าและในฐานะทายาทผู้รับชีวิตซึ่งเป็นของประทานอันทรงพระคุณจากพระเจ้าร่วมกับท่าน เพื่อจะไม่มีสิ่งใดขัดขวางคำอธิษฐานของท่านทั้งสอง

ทนทุกข์เพราะการทำดี

8 สุดท้ายนี้ท่านทั้งปวงจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน จงเห็นอกเห็นใจกัน จงรักกันฉันพี่น้อง จงมีใจอ่อนโยนและถ่อมสุภาพ

9 อย่าทำชั่วตอบแทนการชั่ว อย่าด่าว่าผู้ที่ด่าว่าท่าน แต่จงให้พรเขาแทนเพราะพระเจ้าได้ทรงเรียกท่านให้ทำเช่นนี้ เพื่อท่านจะได้รับพระพรเป็นมรดก

10 เพราะ

“ผู้ใดรักชีวิต

และปรารถนาจะเห็นวันคืนอันผาสุก

ต้องรักษาลิ้นให้พ้นจากความชั่ว

รักษาริมฝีปากให้พ้นจากคำพูดหลอกลวง

11 เขาต้องหันจากความชั่วร้ายและทำความดี

เขาต้องใฝ่หาสันติภาพและมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มา

12 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าดูคนชอบธรรม

และทรงเงี่ยพระกรรณฟังคำอธิษฐานของพวกเขา

แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหันพระพักตร์เข้าต่อต้านคนที่กระทำชั่ว”

13 ถ้าท่านมุ่งมั่นทำดี ใครจะมาทำร้ายท่าน?

14 แต่ถึงแม้ท่านต้องทนทุกข์ทั้งๆ ที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง ท่านก็ได้รับพระพร “อย่ากลัวสิ่งที่พวกเขากลัวอย่าตกใจกลัวเลย”

15 แต่ในใจของท่านจงเทิดทูนพระคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า จงเตรียมพร้อมเสมอที่จะตอบทุกคนซึ่งถามถึงเหตุผลที่ท่านมีความหวังใจเช่นนี้ แต่จงตอบอย่างสุภาพอ่อนโยนและให้เกียรติ

16 จงรักษาจิตสำนึกให้บริสุทธิ์ เพื่อผู้ที่กล่าวร้ายความประพฤติดีของท่านในพระคริสต์จะได้ละอายใจที่มาใส่ร้ายท่าน

17 เพราะหากเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าให้ท่านทนทุกข์เนื่องจากการทำดีก็ดีกว่าทนทุกข์เนื่องจากทำชั่ว

18 เพราะพระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อลบล้างบาปเพียงครั้งเดียวเป็นพอ คือคนชอบธรรมตายเพื่อคนอธรรมเพื่อนำเราทั้งหลายไปถึงพระเจ้า พระองค์ทรงถูกประหารทางกาย แต่พระองค์ทรงเป็นขึ้นในพระวิญญาณ

19 ในสภาวะนั้นพระองค์ยังได้เสด็จไปประกาศแก่วิญญาณทั้งหลายที่ถูกจองจำอยู่ด้วย

20 วิญญาณซึ่งในอดีตไม่เชื่อฟังเมื่อครั้งพระเจ้าทรงอดทนรอคอยในสมัยของโนอาห์ขณะที่เขาต่อเรือ ในเรือนี้มีคนเพียงไม่กี่คนคือแปดคนเท่านั้นที่พระเจ้าทรงใช้น้ำช่วยพวกเขาให้รอดชีวิต

21 น้ำนี้เล็งถึงบัพติศมาซึ่งบัดนี้ช่วยท่านทั้งหลายให้รอดเช่นกัน บัพติศมาไม่ใช่เป็นการขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย แต่เป็นการปฏิญาณต่อพระเจ้าว่าจะรักษาจิตสำนึกที่ดี บัพติศมาช่วยท่านให้รอดโดยการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์

22 ผู้ได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์และบัดนี้ประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้าโดยมีเหล่าทูตสวรรค์ ผู้ทรงอำนาจ และผู้ทรงเดชานุภาพอยู่ใต้อำนาจของพระองค์

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1PE/3-6a2bfd54348a15942c9c69d222583b61.mp3?version_id=179—

1เปโตร 4

มีชีวิตเพื่อพระเจ้า

1 ฉะนั้นในเมื่อพระคริสต์ทรงทนทุกข์ทางพระกายแล้ว พวกท่านเองก็จงเตรียมตัวให้พร้อมด้วยท่าทีอย่างเดียวกัน เพราะผู้ที่ทนทุกข์ทางกายก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ทำบาปอีกแล้ว

2 ผลก็คือเขาจะไม่ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่ในโลกนี้ตามตัณหาชั่วของมนุษย์ แต่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า

3 เพราะในอดีตท่านได้ใช้เวลาไปมากพอแล้วในการทำสิ่งที่คนไม่รู้จักพระเจ้าเลือกที่จะทำกันคือ หมกมุ่นในการเสเพล ราคะตัณหา การเมามาย การมั่วสุมเสพสุรากามารมณ์และการกราบไหว้รูปเคารพอันน่าชิงชัง

4 พวกเขาแปลกใจที่บัดนี้ท่านไม่กระโจนเข้าร่วมสำมะเลเทเมากับพวกเขาจึงด่าว่าท่าน

5 แต่พวกเขาจะต้องให้การต่อพระองค์ผู้ทรงพร้อมแล้วที่จะพิพากษาทั้งคนเป็นและคนตาย

6 ด้วยเหตุนี้ข่าวประเสริฐจึงถูกประกาศออกไปแม้แก่คนที่ตายแล้ว เพื่อว่าในทางกายเขาจะถูกตัดสินตามความเห็นของมนุษย์ แต่ในทางจิตวิญญาณเขามีชีวิตอยู่ตามพระประสงค์ของพระเจ้า

7 อวสานของสิ่งทั้งปวงใกล้จะมาถึงแล้ว เพราะฉะนั้นจงมีสติสัมปชัญญะและรู้จักบังคับตนเพื่อท่านจะสามารถอธิษฐานได้

8 เหนือสิ่งอื่นใดจงรักกันอย่างลึกซึ้ง เพราะความรักลบความผิดบาปมากมายได้โดยการให้อภัย

9 จงต้อนรับเลี้ยงดูกันโดยไม่บ่นว่า

10 แต่ละคนควรรับใช้ผู้อื่นตามของประทานที่ได้รับมา บริหารของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้าในรูปแบบต่างๆ ที่ได้รับมาอย่างสัตย์ซื่อ

11 ถ้าผู้ใดจะพูดก็ควรพูดประหนึ่งเป็นผู้กล่าวพระดำรัสของพระเจ้า ถ้าผู้ใดจะรับใช้ก็ควรทำตามกำลังที่พระเจ้าประทาน เพื่อว่าในทุกสิ่งพระเจ้าจะได้รับการสรรเสริญโดยทางพระเยซูคริสต์ ขอพระเกียรติสิริและเดชานุภาพมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน

ทนทุกข์เพราะเป็นคริสเตียน

12 เพื่อนที่รัก อย่าแปลกใจกับการทดลองอันเจ็บปวดที่ท่านเผชิญอยู่ราวกับว่าสิ่งแปลกประหลาดได้เกิดขึ้นกับท่าน

13 แต่จงชื่นชมยินดีที่ได้ร่วมในความทุกข์ยากของพระคริสต์ เพื่อท่านจะได้ชื่นชมยินดีเป็นล้นพ้นเมื่อพระเกียรติสิริของพระองค์ปรากฏ

14 ถ้าท่านถูกดูหมิ่นเนื่องด้วยพระนามของพระคริสต์ท่านก็เป็นสุข เพราะพระวิญญาณอันทรงพระเกียรติสิริคือพระวิญญาณของพระเจ้าประทับอยู่กับท่าน

15 ถ้าท่านทนทุกข์ก็อย่าให้ทนทุกข์ในฐานะที่เป็นฆาตกร ขโมย หรืออาชญากรประเภทต่างๆ หรือแม้แต่เป็นคนชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น

16 แต่ถ้าท่านทนทุกข์ในฐานะที่เป็นคริสเตียนก็อย่าละอาย แต่จงสรรเสริญพระเจ้าที่ท่านได้รับการเรียกขานตามพระนามนั้น

17 เพราะถึงเวลาแล้วที่การพิพากษาจะเริ่มขึ้นที่ครอบครัวของพระเจ้า และถ้าการพิพากษาเริ่มต้นที่พวกเราแล้วผลลัพธ์ของบรรดาผู้ที่ไม่เชื่อฟังข่าวประเสริฐของพระเจ้าจะเป็นอย่างไร?

18 และ

“ถ้าคนชอบธรรมยังยากที่จะได้รับความรอด

แล้วคนอธรรมกับคนบาปจะเป็นอย่างไรเล่า?”

19 ฉะนั้นผู้ที่ทนทุกข์ตามพระประสงค์ของพระเจ้าควรมอบตนเองไว้กับพระผู้สร้างผู้สัตย์ซื่อของพวกเขา และทำความดีต่อไป

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1PE/4-58b1a33d20d6e8dde6a391c0f225f293.mp3?version_id=179—

1เปโตร 5

ผู้อาวุโสและผู้อ่อนอาวุโส

1 ถึงผู้อาวุโสทั้งหลายในหมู่พวกท่าน ข้าพเจ้าขอร้องท่านในฐานะที่เป็นเพื่อนผู้อาวุโส เป็นพยานคนหนึ่งในเรื่องการทนทุกข์ของพระคริสต์ และเป็นผู้หนึ่งที่จะร่วมในพระเกียรติสิริซึ่งจะทรงสำแดงนั้นว่า

2 จงเลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้าซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของท่าน พวกท่านรับใช้ในฐานะผู้ปกครองดูแล ไม่ใช่เพราะท่านต้องทำแต่เพราะท่านเต็มใจทำตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านเป็น ไม่ใช่โลภเงินทองแต่กระตือรือร้นที่จะรับใช้

3 ไม่ใช่วางอำนาจเหนือบรรดาผู้ที่ทรงมอบหมายแก่ท่าน แต่เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น

4 และเมื่อหัวหน้าของผู้เลี้ยงทั้งปวงทรงปรากฏท่านทั้งหลายจะได้รับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีซึ่งไม่มีวันเสื่อมสลาย

5 ในทำนองเดียวกันท่านผู้อ่อนอาวุโส จงยอมเชื่อฟังบรรดาผู้ที่อาวุโสกว่า อันที่จริงให้ท่านทุกคนถ่อมใจต่อกันและกัน เพราะว่า

“พระเจ้าทรงต่อสู้ผู้ที่หยิ่งจองหอง

แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ”

6 เพราะฉะนั้นพวกท่านจงถ่อมใจลงภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้าเพื่อพระองค์จะทรงยกท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร

7 จงละความกังวลทั้งสิ้นของท่านไว้กับพระองค์เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่าน

8 จงรู้จักบังคับตนเองและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะมารผู้เป็นศัตรูของท่านวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำราม เที่ยวหาเหยื่อเพื่อขย้ำกิน

9 จงต่อต้านมาร ยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ ด้วยรู้ว่าพี่น้องทั่วโลกกำลังเผชิญความทุกข์ยากแบบเดียวกัน

10 และหลังจากพวกท่านทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่ง พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งปวงผู้ทรงเรียกท่านมาสู่พระเกียรติสิรินิรันดร์ของพระองค์ในพระคริสต์ พระองค์เองจะทรงให้พวกท่านกลับคืนสู่สภาพดีและให้ท่านเข้มแข็ง มั่นคง และแน่วแน่

11 ขอเดชานุภาพมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน

คำลงท้าย

12 ข้าพเจ้าเขียนมาถึงท่านสั้นๆ ด้วยความช่วยเหลือของสิลาสผู้ซึ่งข้าพเจ้าถือว่าเป็นพี่น้องที่สัตย์ซื่อ ข้าพเจ้าเขียนมาให้กำลังใจท่านและเป็นพยานว่าทั้งหมดนี้คือพระคุณที่แท้จริงของพระเจ้า จงยืนหยัดมั่นคงในพระคุณนี้

13 คริสตจักรที่เมืองบาบิโลนผู้ได้รับการเลือกสรรด้วยกันกับท่านฝากความคิดถึงมายังท่าน และมาระโกบุตรของข้าพเจ้าก็ฝากความคิดถึงมายังท่านด้วย

14 จงทักทายกันด้วยจุมพิตแห่งความรัก

ขอสันติสุขมีแด่พวกท่านทุกคนผู้อยู่ในพระคริสต์

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/1PE/5-e0616757689083e42fc4c9f684bfa197.mp3?version_id=179—

ยากอบ 1

1 จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้ายากอบผู้เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า

ถึงชนสิบสองเผ่าซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในชาติต่างๆ

การทดสอบและการทดลอง

2 พี่น้องทั้งหลายเมื่อใดที่ท่านเผชิญความทุกข์ยากนานาประการ จงถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ

3 เพราะท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้นทำให้เกิดความอดทนบากบั่น

4 จงอดทนบากบั่นให้ถึงที่สุดเพื่อท่านจะเติบโตเต็มที่และสมบูรณ์เพียบพร้อมและไม่มีสิ่งใดบกพร่องเลย

5 ถ้าผู้ใดในพวกท่านขาดสติปัญญา จงทูลขอจากพระเจ้าผู้ประทานด้วยพระทัยกว้างขวางแก่คนทั้งปวงโดยไม่ตำหนิ แล้วผู้นั้นจะได้รับ

6 แต่เมื่อเขาทูลขอ เขาต้องเชื่อและไม่สงสัยเลย เพราะผู้ใดที่สงสัยก็เป็นเหมือนคลื่นในทะเลซึ่งซัดไปซัดมาตามแรงลม

7 ผู้นั้นอย่าคิดว่าเขาจะได้รับสิ่งใดจากองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย

8 เขาเป็นคนสองใจเอาแน่อะไรไม่ได้

9 พี่น้องที่ต่ำต้อยควรภูมิใจในฐานะอันสูงส่งของตน

10 แต่ผู้ที่ร่ำรวยควรภูมิใจในฐานะอันต่ำต้อยของตนเพราะเขาจะต้องสูญสิ้นไปเหมือนดอกหญ้า

11 เพราะเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น ความร้อนก็แผดเผาต้นหญ้าให้เหี่ยวแห้งไป ดอกหญ้าก็ร่วงโรย สูญสิ้นความงาม เช่นเดียวกันคนร่ำรวยก็จะเสื่อมสูญไปแม้ขณะดำเนินกิจการของตน

12 ความสุขมีแก่ผู้ที่อดทนบากบั่นเมื่อถูกทดลอง เพราะเมื่อเขายืนหยัดผ่านการทดสอบก็จะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับผู้ที่รักพระองค์

13 ขณะถูกทดลองให้ทำบาป อย่าให้ใครพูดว่า “พระเจ้าทรงทดลองข้าพเจ้า” เพราะความชั่วไม่อาจล่อลวงพระเจ้าให้ทำบาปและพระองค์ก็ไม่ทรงล่อลวงผู้ใดเลย

14 ทว่าแต่ละคนถูกทดลองเมื่อตัณหาชั่วของตนเองชักจูงไปให้ติดกับ

15 หลังจากมีตัณหาแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปโตเต็มที่ก็ก่อให้เกิดความตาย

16 พี่น้องที่รัก อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านเลย

17 ของประทานทุกอย่างที่ดีและล้ำเลิศล้วนมาจากเบื้องบน จากพระบิดาแห่งดวงสว่างทั้งหลายในฟ้าสวรรค์ ผู้ไม่ได้ทรงผันแปรเหมือนเงาที่แปรเปลี่ยน

18 พระองค์ทรงเลือกที่จะให้เราบังเกิดผ่านทางข่าวประเสริฐเพื่อเราจะได้เป็นเหมือนผลแรกอันดีเลิศของสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง

จงฟังและทำตาม

19 พี่น้องที่รักพึงทราบข้อนี้คือ ทุกคนควรไวในการฟัง ช้าในการพูด และช้าในการโกรธ

20 เพราะความโกรธของมนุษย์ไม่ได้ก่อให้เกิดชีวิตอันชอบธรรมที่พระเจ้าทรงประสงค์

21 เหตุฉะนั้นจงขจัดสารพัดความโสมมทางศีลธรรมและความชั่วอันดาษดื่น และถ่อมใจน้อมรับพระวจนะที่ได้ปลูกฝังไว้ในท่านซึ่งสามารถช่วยท่านให้รอดได้

22 อย่าเพียงแต่ฟังพระวจนะซึ่งเป็นการหลอกตัวเอง แต่จงปฏิบัติตามพระวจนะนั้น

23 ผู้ใดที่ฟังพระวจนะแต่ไม่ได้ทำตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ส่องกระจกมองหน้าตัวเอง

24 หลังจากส่องดูแล้วก็ไปและทันใดนั้นก็ลืมว่าหน้าตาตนเองเป็นอย่างไร

25 ส่วนผู้ที่พินิจดูบทบัญญัติอันสมบูรณ์ซึ่งให้เสรีภาพและทำสิ่งนี้ต่อไปโดยไม่ลืมสิ่งที่เขาได้ยิน แต่ปฏิบัติตาม เขาก็จะได้รับพรในสิ่งที่ตนทำ

26 ถ้าผู้ใดคิดว่าตนเองเคร่งศาสนาแต่ไม่ควบคุมลิ้นของตนให้ดีก็หลอกตัวเอง ศาสนาของเขาก็ไร้ค่า

27 ศาสนาที่พระเจ้าพระบิดาของเรายอมรับว่าบริสุทธิ์และไร้ตำหนิคือ การดูแลลูกกำพร้าและหญิงม่ายที่ทุกข์ร้อนและการรักษาตนเองให้พ้นจากมลทินฝ่ายโลก

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JAS/1-a92452e0623854f4e8ec6ec7202b86f7.mp3?version_id=179—

ยากอบ 2

อย่าลำเอียง

1 พี่น้องทั้งหลาย ในฐานะที่ท่านเป็นผู้เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าผู้ทรงพระเกียรติสิริของเรา อย่าลำเอียงเลย

2 สมมุติว่ามีคนหนึ่งใส่แหวนทอง แต่งกายโก้หรูมาในที่ประชุมของพวกท่าน และมีคนยากจนแต่งตัวซอมซ่อเข้ามาเช่นกัน

3 ถ้าท่านให้ความสนใจคนที่แต่งกายโก้หรูเป็นพิเศษและกล่าวว่า “เชิญท่านนั่งที่ดีๆ ตรงนี้เถิด” แต่กล่าวกับคนยากจนว่า “จงไปยืนที่นั่น” หรือกล่าวว่า “จงนั่งที่พื้นแทบเท้าของเรา”

4 ท่านก็แบ่งชนชั้นและตัดสินคนด้วยความคิดอธรรมไม่ใช่หรือ?

5 พี่น้องที่รักจงฟังเถิด พระเจ้าทรงเลือกผู้ยากไร้ในสายตาชาวโลกให้ร่ำรวยในความเชื่อ และให้ครองอาณาจักรที่ทรงสัญญาไว้แก่บรรดาผู้ที่รักพระองค์ไม่ใช่หรือ?

6 แต่นี่ท่านกลับดูถูกคนจน คนรวยไม่ใช่หรือที่ขูดรีดจากท่าน? ไม่ใช่พวกเขาหรอกหรือที่ลากตัวท่านขึ้นโรงขึ้นศาล?

7 คนพวกนี้ไม่ใช่หรือที่พูดลบหลู่พระนามอันทรงเกียรติของพระองค์? และพวกท่านก็เป็นของพระองค์

8 หากท่านปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเจ้าในพระคัมภีร์อย่างแท้จริงที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”ท่านก็ทำถูกแล้ว

9 แต่ถ้าท่านลำเอียงท่านก็ทำบาป และบทบัญญัติก็ได้ตัดสินแล้วว่าท่านเป็นผู้ละเมิดบทบัญญัติ

10 เพราะผู้ใดทำตามบทบัญญัติทั้งหมดแต่พลาดไปจุดเดียวก็มีความผิดเท่ากับละเมิดบทบัญญัติทั้งหมด

11 เนื่องจากพระองค์ผู้ตรัสว่า “อย่าล่วงประเวณี”นั้นยังตรัสด้วยว่า “อย่าฆ่าคน”แม้ท่านไม่ได้ล่วงประเวณี แต่ได้ฆ่าคน ท่านก็ละเมิดบทบัญญัติ

12 จงพูดและทำอย่างคนที่จะรับการตัดสินด้วยกฎซึ่งให้เสรีภาพ

13 เพราะผู้ที่ไร้ความเมตตาจะถูกตัดสินลงโทษโดยไร้ความเมตตาปรานี ความเมตตาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา!

ความเชื่อและการกระทำ

14 พี่น้องทั้งหลาย ถ้าคนหนึ่งอ้างว่ามีความเชื่อแต่ไม่สำแดงเป็นการกระทำจะมีประโยชน์อะไร? ความเชื่อแบบนี้จะช่วยเขาให้รอดได้หรือ?

15 สมมุติว่าพี่น้องชายหญิงคนใดขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหารประจำวัน

16 ถ้าผู้ใดในพวกท่านพูดกับเขาว่า “ไปเถิด ขอให้ท่านเป็นสุข รักษาตัวให้อบอุ่นและอิ่มหนำเถิด” แต่ไม่เอื้อเฟื้อปัจจัยเลี้ยงชีพแก่เขาจะมีประโยชน์อันใด?

17 เช่นกันความเชื่อเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการกระทำก็เป็นความเชื่อที่ไร้ประโยชน์

18 แต่บางคนจะกล่าวว่า “ท่านมีความเชื่อส่วนข้าพเจ้ามีการกระทำ” จงแสดงความเชื่อของท่านที่ไม่มีการกระทำมา แล้วข้าพเจ้าจะแสดงความเชื่อของข้าพเจ้าด้วยสิ่งที่ข้าพเจ้ากระทำ

19 ท่านเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียวก็ดีแล้ว! แม้พวกผีมารก็ยังเชื่อเช่นนั้นและกลัวจนตัวสั่น

20 คนเขลาเอ๋ย ท่านต้องการหลักฐานว่าความเชื่อโดยปราศจากการกระทำนั้นเปล่าประโยชน์ใช่ไหม?

21 พระเจ้าทรงถือว่าอับราฮัมบรรพบุรุษของเราเป็นผู้ชอบธรรมก็เพราะการกระทำของเขาที่ถวายอิสอัคบุตรชายบนแท่นบูชาไม่ใช่หรือ?

22 ท่านก็เห็นแล้วว่าความเชื่อและการกระทำของเขาทำงานควบคู่กัน ความเชื่อของเขาครบถ้วนสมบูรณ์โดยสิ่งที่เขาได้ทำ

23 และเป็นจริงตามพระคัมภีร์ที่ว่า “อับราฮัมเชื่อพระเจ้า และความเชื่อนี้พระองค์ทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมของเขา”และเขาได้ชื่อว่าเป็นสหายของพระเจ้า

24 จะเห็นได้ว่าผู้ใดจะถูกนับว่าชอบธรรมก็ด้วยการกระทำของเขา ไม่ใช่ด้วยความเชื่ออย่างเดียว

25 เช่นกันแม้แต่ราหับหญิงโสเภณียังถูกนับว่าชอบธรรมเพราะการกระทำของนางไม่ใช่หรือ? เมื่อนางให้ที่พักแก่คนสอดแนมและช่วยส่งพวกเขาไปอีกทางหนึ่ง

26 ร่างกายที่ปราศจากวิญญาณตายแล้วฉันใด ความเชื่อที่ปราศจากการกระทำก็ตายแล้วฉันนั้น

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JAS/2-98f99c5cfc256d320db89eb2effc8f9d.mp3?version_id=179—

ยากอบ 3

ฝึกลิ้นให้เชื่อง

1 พี่น้องทั้งหลาย อย่าตั้งตัวเป็นอาจารย์กันให้มากนักเลยเพราะรู้อยู่ว่าเราทั้งหลายที่เป็นผู้สอนนั้นจะถูกตัดสินอย่างเข้มงวดกว่าผู้อื่น

2 เราทุกคนล้วนพลั้งพลาดในหลายๆ ทาง ผู้ที่ไม่เคยทำผิดทางวาจาก็เป็นคนดีเพียบพร้อม สามารถควบคุมร่างกายทั้งหมดของตนได้

3 เมื่อเราเอาบังเหียนใส่ปากม้าเพื่อให้มันเชื่อฟัง เราก็บังคับให้ม้าไปทางไหนๆ ได้ทั้งตัว

4 หรือให้ดูเรือเป็นตัวอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดใหญ่และแล่นไปตามแรงลม แต่มันก็มีหางเสือเล็กๆ คอยคัดท้ายเรือให้ไปในที่ต่างๆ ตามที่นายท้ายต้องการ

5 ลิ้นก็เช่นกันเป็นอวัยวะเล็กๆ แต่ชอบคุยโวโอ้อวด คิดดูเถิด ประกายไฟนิดเดียวอาจเผาป่าใหญ่ได้

6 ลิ้นก็เป็นเช่นไฟ เป็นโลกแห่งความชั่วร้ายท่ามกลางอวัยวะทั้งหลาย ลิ้นทำให้คนทั้งคนเสื่อมทรามไป ทำให้ชีวิตทั้งชีวิตลุกเป็นไฟและตัวมันเองก็ลุกเป็นไฟโดยนรก

7 สัตว์ทุกชนิด นก สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ทะเลยังถูกฝึกให้เชื่องได้และคนก็ได้ฝึกให้เชื่องมาแล้ว

8 แต่ไม่มีใครฝึกลิ้นให้เชื่องได้ ลิ้นเป็นสิ่งชั่วร้ายที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เต็มด้วยพิษร้ายทำลายชีวิต

9 เราทั้งหลายสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาของเราด้วยลิ้น และเราก็ใช้ลิ้นแช่งด่ามนุษย์ซึ่งทรงสร้างขึ้นตามแบบของพระองค์

10 คำสรรเสริญและคำแช่งด่าต่างก็ออกมาจากปากเดียวกัน พี่น้องทั้งหลายอย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย

11 น้ำจืดและน้ำเค็มไหลออกมาจากตาน้ำเดียวกันได้หรือ?

12 พี่น้องทั้งหลาย ต้นมะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอก หรือเถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อได้หรือ? เช่นกันตาน้ำเค็มก็ไม่อาจให้น้ำจืดได้

สติปัญญาสองแบบ

13 ถ้าผู้ใดในพวกท่านฉลาดและมีความเข้าใจ ก็ให้เขาแสดงออกมาโดยการดำเนินชีวิตที่ดี โดยการกระทำอันถ่อมสุภาพซึ่งมาจากสติปัญญา

14 แต่ถ้าท่านขมขื่นด้วยใจอิจฉาและทะเยอทะยานอย่างเห็นแก่ตัวก็อย่าโอ้อวดหรือปฏิเสธความจริง

15 “สติปัญญา” แบบนั้นไม่ได้มาจากสวรรค์แต่เป็นแบบโลก ไม่อยู่ฝ่ายวิญญาณและเป็นของมาร

16 เพราะที่ใดมีความอิจฉาและความทะเยอทะยานอย่างเห็นแก่ตัว ที่นั่นก็วุ่นวายและมีการกระทำที่ชั่วร้ายทุกชนิด

17 แต่สติปัญญาจากสวรรค์ประการแรกนั้นคือบริสุทธิ์ จากนั้นคือรักสันติ เห็นอกเห็นใจ ยอมเชื่อฟัง เต็มด้วยความเมตตาและผลดี ไม่ลำเอียงและจริงใจ

18 ผู้สร้างสันติหว่านในสันติย่อมเก็บเกี่ยวผลแห่งความชอบธรรม

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JAS/3-404ca9a164be5d98517026e7cdd708ad.mp3?version_id=179—