เพลงโซโลมอน 2

หญิงสาว

1 ดิฉันเป็นดั่งกุหลาบแห่งชาโรน

เหมือนดอกลิลลี่แห่งหุบเขา

2 ในหมู่หญิงสาว ที่รักของผม

เป็นเหมือนดอกลิลลี่ท่ามกลางหมู่หนาม

3 ในหมู่ชายหนุ่ม ที่รักของดิฉัน

เป็นเหมือนต้นแอปเปิ้ลท่ามกลางแมกไม้ในป่า

ดิฉันชอบนั่งอยู่ใต้ร่มเงาของเขา

และผลของเขาหอมหวานเมื่อดิฉันได้ลิ้มรส

4 เขาพาดิฉันไปในห้องโถงงานเลี้ยง

และใครๆ ก็เห็นว่าเขารักดิฉันมากเพียงไร

5 โปรดชูกำลังดิฉันด้วยลูกเกด

เพิ่มความสดชื่นให้ดิฉันด้วยผลแอปเปิ้ล

เพราะดิฉันอ่อนระโหยโรยแรงด้วยความรัก

6 แขนซ้ายของเขาช้อนประคองศีรษะดิฉัน

และแขนขวาของเขาโอบกอดดิฉันไว้

7 บรรดาสตรีชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย

เรากำชับเจ้าด้วยพลังอย่างละมั่งและกวางในท้องทุ่งว่า

อย่าปลุกเร้าความรัก

แต่ปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของมัน

8 ได้ยินไหม!

ดูนั่นซิ! ที่รักของดิฉันกำลังมา

โลดแล่นข้ามเนินข้ามเขาลงมา

9 ที่รักของดิฉันเป็นดั่งละมั่งหรือกวางหนุ่ม

ดูซิ! เขาอยู่หลังกำแพงของเรา

ชะเง้อผ่านหน้าต่าง

แลลอดผ่านลูกกรง

10 ที่รักของดิฉันเอ่ยว่า “ลุกขึ้นเถิด ที่รัก

คนงามของผม มากับผมเถิด

11 ดูสิ! ฤดูหนาวผ่านพ้นไป

ฝนก็หยุดตกแล้ว

12 ดอกไม้นานาพันธุ์เริ่มแย้มบานบนพื้นดิน

ฤดูแห่งการขับขานบทเพลงมาถึงแล้ว

เสียงนกเขาขันคู

ก้องถิ่นเรา

13 ต้นมะเดื่อกำลังผลิผลรุ่นแรก

เถาองุ่นผลิดอกบานส่งกลิ่นหอม

ลุกขึ้นเถิดที่รัก

คนงามของผม มากับผมเถิด”

14 แม่นกพิราบของผมอยู่ในซอกหิน

ในที่ซ่อนบนลาดเขา

โผล่หน้ามาให้ยลโฉมหน่อยเถิด

ขอให้ได้ยินเสียงของเธอ

เพราะเสียงของเธอหวานจับใจ

และใบหน้าของเธอก็งามน่ารัก

15 มาช่วยจับเหล่าสุนัขจิ้งจอกให้เรา

เหล่าสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก

ที่ทำลายสวนองุ่น

สวนของเราซึ่งกำลังผลิดอกบาน

16 ที่รักของดิฉันเป็นของดิฉัน และดิฉันก็เป็นของเขา

เขาเลี้ยงสัตว์อยู่กลางหมู่ลิลลี่

17 ก่อนรุ่งสางมาถึง

ก่อนเงามืดลับหายไป

มาหาดิฉันเถิดยอดรัก

ขอให้เป็นเหมือนละมั่ง

หรือกวางหนุ่ม

บนภูเขาเบเธอร์

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/SNG/2-eb1d5e6402f836e9bfbd7dda8a281ef4.mp3?version_id=179—

เพลงโซโลมอน 3

1 ตลอดคืนบนเตียงของดิฉัน

ดิฉันมองหาพ่อยอดดวงใจ

เฝ้าชะแง้แลหาแต่ไม่พบ

2 ดิฉันจะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ และไปทั่วเมือง

ไปตามถนนและลานเมือง

ดิฉันจะค้นหาพ่อยอดดวงใจของดิฉัน

แต่หาแล้วก็ไม่พบ

3 ยามรักษาการณ์มาพบดิฉันเข้า

ขณะที่พวกเขากำลังตระเวนไปรอบเมือง

ดิฉันถามเขาว่า “เห็นพ่อยอดดวงใจของดิฉันไหม?”

4 พอคล้อยหลังพวกเขาไปไม่เท่าไร

ดิฉันก็พบพ่อยอดดวงใจ

ดิฉันโอบกอดเขาไว้ไม่ยอมให้ไปไหน

จนพาเขามาถึงที่บ้านแม่ของดิฉัน

มาถึงห้องผู้ให้กำเนิดดิฉัน

5 บรรดาสตรีชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย

เรากำชับเจ้าด้วยพลังอย่างละมั่งและกวางในท้องทุ่งว่า

อย่าปลุกเร้าความรัก

แต่ปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของมัน

6 ใครหนอรีบรุดมาจากทะเลทราย?

ประหนึ่งลำหมอกควัน

อบอวลด้วยกลิ่นหอมของมดยอบและกำยาน

ที่ปรุงจากเครื่องหอมของพ่อค้า

7 ดูสิ! นั่นคือราชยานของโซโลมอน

มีนักรบหกสิบคนคุ้มกันเป็นผู้เกรียงไกรที่สุดของอิสราเอล

8 ทุกคนเป็นนักรบเจนศึก

ล้วนสะพายดาบ

เตรียมพร้อมรับภัยจู่โจมแห่งรัตติกาล

9 กษัตริย์โซโลมอนทรงให้ประกอบราชยานนี้สำหรับพระองค์เอง

ด้วยไม้จากเลบานอน

10 เสาราชยานทำด้วยเงิน

แท่นเป็นทอง พระที่นั่งบุผ้าสีม่วง

ภายในตกแต่งอย่างงดงาม

โดยฝีมือบรรดาสตรีชาวเยรูซาเล็ม

11 บรรดาสตรีแห่งศิโยนออกมาเถิด

มาดูกษัตริย์โซโลมอนทรงมงกุฎ

ซึ่งราชมารดาทรงสวมให้

ในวันอภิเษกสมรส

วันแห่งความชื่นชมยินดีของพระองค์

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/SNG/3-6d28a870fef9e63407e79165344a2dbe.mp3?version_id=179—

เพลงโซโลมอน 4

1 เธอช่างงามจริงๆ นะ ยอดรัก!

งามเหลือเกิน!

ดวงตาของเธอภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้นประหนึ่งนกพิราบ

เรือนผมของเธอเสมือนฝูงแพะ

เหยาะย่างลงมาจากภูเขากิเลอาด

2 ฟันของเธอขาวเหมือนแกะที่เพิ่งตัดขน

และขึ้นมาจากการชำระล้าง

ฟันทุกซี่เรียงรับกัน

อย่างไม่มีที่ติ

3 ริมฝีปากของเธอแดงเหมือนด้ายแดง จิ้มลิ้มน่ารัก

ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ขมับของเธอเหมือนทับทิมผ่าซีก

4 ลำคอของเธอระหงดั่งหอคอยของดาวิด

ที่สร้างขึ้นอย่างประณีต

ที่ประดับประดาด้วยโล่นับพัน

ของเหล่าวีรบุรุษ

5 ทรวงอกของเธอประหนึ่งลูกฝาแฝดของละมั่ง

เล็มใบไม้กินอยู่กลางดงลิลลี่

6 ผมจะขึ้นไปบนภูเขาแห่งมดยอบ

ซึ่งเป็นเนินแห่งเครื่องหอม

จวบจนเริ่มรุ่งสาง

เมื่อเงามืดหนีหายไป

7 ที่รักของผม เธองามหมดจด

ทั่วเรือนร่างไม่มีที่ติเลย

8 ลงมาจากเลบานอนกับผมเถิด เจ้าสาวของผม

ลงมาจากเลบานอนกับผมเถิด

ลงมาจากยอดเขาอามานา

จากยอดเสนีร์ และยอดเฮอร์โมน

จากถ้ำของราชสีห์

และภูเขาอันเป็นถิ่นเสือดาว

9 เธอขโมยดวงใจของผมไปแล้ว

นวลน้องของพี่ เจ้าสาวของผม

หัวใจของผมก็ถูกเธอกุมไปเสียแล้ว

แค่เธอชายตาเพียงครั้งเดียว

แค่อัญมณีเพียงเม็ดเดียวที่สร้อยคอของเธอ

10 นวลน้องของพี่ เจ้าสาวของผม ความรักของเธอน่าชื่นใจ!

ถูกใจผมยิ่งกว่าเหล้าองุ่นมากนัก

และน้ำหอมของเธอรัญจวนใจกว่าเครื่องหอมใดๆ!

11 เจ้าสาวของผม ริมฝีปากของเธอหยาดความหวานดั่งรวงผึ้ง

ใต้ลิ้นของเธอคือน้ำนมและน้ำผึ้ง

อาภรณ์ของเธอก็หอมละม้ายกลิ่นอายแห่งเลบานอน

12 นวลน้องของพี่ เจ้าสาวของผม เธอเป็นดั่งอุทยานหวงห้าม

เป็นธารน้ำพุซึ่งเจ้าของกั้นเขตและประทับตรากรรมสิทธิ์ไว้

13 เธอเปรียบเหมือนสวนทับทิมที่ให้ผลดีเยี่ยม

อีกทั้งต้นเทียนขาวและนารดา

14 หญ้าฝรั่น คาลามูส และอบเชย

ไม้หอมต่างๆ มดยอบ กฤษณา

และเครื่องหอมชั้นเยี่ยมทุกชนิด

15 เธอเป็นน้ำพุแห่งอุทยาน

เป็นธารน้ำอันไหลริน

หลั่งไหลลงมาจากเลบานอน

16 ตื่นเถิด ลมเหนือ

มาเถิด ลมใต้!

พัดโชยอุทยานของฉัน

พัดพากลิ่นหอมของมันให้ขจรขจาย

ขอให้ที่รักของดิฉันเข้ามาในสวนของเขา

และลิ้มรสผลโอชะที่สุดในนั้นเถิด

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/SNG/4-417ac1708ebd133d7c27f6e58b520e37.mp3?version_id=179—

เพลงโซโลมอน 5

1 ผมเข้ามาในสวนของผมแล้ว

นวลน้องของพี่ เจ้าสาวของผม

ผมได้เก็บมดยอบและเครื่องหอม

กินรวงผึ้งกับน้ำผึ้งของผม

ดื่มเหล้าองุ่นกับน้ำนมของผมแล้ว

เพื่อนๆ เอ๋ย กินและดื่มเถิด

คู่รักเอ๋ย ดื่มให้อิ่มเอมเปรมอุรา

2 ดิฉันหลับไปแต่หัวใจยังตื่นอยู่

ฟังสิ! ที่รักของดิฉันกำลังเคาะประตู และพร่ำว่า

“นวลน้องของพี่ ยอดรักของผม เปิดประตูรับผมเถิด

แม่นกพิราบน้อยๆ ของผม แม่คนงามไม่มีที่ติ

ศีรษะของผมชุ่มด้วยน้ำค้าง

และเส้นผมชุ่มด้วยละอองน้ำยามราตรี”

3 แต่ดิฉันถอดเสื้อคลุมออกแล้ว

จะให้สวมเข้าไปใหม่หรือ?

ดิฉันล้างเท้าแล้ว

จะให้ไปเปื้อนดินอีกหรือ?

4 ยอดรักของดิฉันพยายามถอดสลักประตู

ใจของดิฉันเต้นแรงเพราะคิดถึงเขา

5 ดิฉันลุกขึ้นเพื่อเปิดประตูรับที่รักของดิฉัน

ขณะถอดดาลประตู

มือของดิฉันชุ่มด้วยหยดน้ำหอม

นิ้วของดิฉันอบอวลด้วยกลิ่นมดยอบ

6 ดิฉันเปิดประตูต้อนรับที่รักของดิฉัน

แต่เขาได้จากไปแล้ว

ดิฉันใจหายเมื่อเขาจากไป

ดิฉันค้นหาเขา แต่ไม่พบเลย

ดิฉันร้องเรียกเขา แต่ไม่มีคำขานตอบ

7 ยามรักษาการณ์มาพบดิฉันเข้า

ขณะที่พวกเขาตระเวนไปรอบเมือง

พวกเขาทุบตีจนดิฉันฟกช้ำ

พวกยามรักษาการณ์ที่กำแพงเมือง

เขาริบเสื้อคลุมของดิฉันไป!

8 บรรดาสตรีชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย ดิฉันขอร้องว่า

หากพบที่รักของดิฉัน

ถ้าเธอจะบอกอะไรกับเขา?

จงบอกเขาว่าดิฉันกำลังป่วยเป็นไข้ใจ

9 แม่หญิงผู้เลอโฉม

ที่รักของเธอดีกว่าคนอื่นอย่างไร?

เขาดีกว่าคนอื่นอย่างไร

เธอจึงกำชับพวกเราอย่างนี้?

10 ที่รักของดิฉันมีสง่าราศีและคมขำ

โดดเด่นในหมู่คนนับหมื่น

11 ศีรษะของเขาประหนึ่งทองนพคุณ

ผมของเขาหยิกและดกดำเหมือนขนกา

12 ดวงตาของเขาเหมือนนกพิราบขาว

ยืนอยู่ริมธารน้ำ

ตานั้นงาม

ดุจอัญมณีประดับไว้

13 แก้มของเขาหอมฟุ้ง

ดั่งเครื่องหอมทั้งแปลง

ริมฝีปากของเขา

ดั่งดอกลิลลี่หยดด้วยมดยอบ

14 แขนของเขาเรียวงามดุจทองคำ

ฝังบุษราคัม

เรือนกายของเขาดั่งงาช้างวาววับ

ประดับด้วยไพฑูรย์

15 ขาของเขาคือเสาหินอ่อน

ตั้งอยู่บนฐานที่ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์

รูปกายของเขาแข็งแกร่งดั่งต้นสนซีดาร์แห่งเลบานอน

ที่คัดสรรมาอย่างดี

16 ปากของเขาหวานเป็นธรรมชาติ

ทุกอย่างในตัวเขาดูน่ารัก

นี่คือที่รักและสหายของดิฉัน

โอ บรรดาสตรีชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/SNG/5-42b04c40124e36f83d7ebe67819873eb.mp3?version_id=179—

เพลงโซโลมอน 6

1 แม่หญิงผู้เลอโฉม

ที่รักของเธออยู่ที่ไหน?

ที่รักของเธอไปทางไหน?

เราจะได้ช่วยเธอเสาะหาเขา

2 ที่รักของดิฉันได้ลงไปที่สวนของเขา

ไปที่แปลงเครื่องหอม

ไปเลี้ยงสัตว์ของเขาในสวน

และเก็บดอกลิลลี่

3 ดิฉันเป็นของที่รักของดิฉันและที่รักของดิฉันก็เป็นของดิฉัน

เขาเลี้ยงสัตว์อยู่กลางหมู่ลิลลี่

4 ยอดรักของผม เธองามประหนึ่งแดนทีรซาห์

น่ารักเหมือนเยรูซาเล็ม

สง่าผ่าเผยดั่งกองทหารประดับประดาธงทิวไสว

5 ละสายตาไปจากผมเถิด

เพราะสายตาของเธอทำให้ผมหวั่นไหว

เรือนผมของเธอเหมือนฝูงแพะ

เหยาะย่างลงมาจากเนินกิเลอาด

6 ฟันของเธอเหมือนฝูงแกะ

ที่เพิ่งขึ้นมาจากการชำระล้าง

ฟันทุกซี่เรียงรับกัน

อย่างไม่มีที่ติ

7 ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ขมับของเธอ

เหมือนทับทิมผ่าซีก

8 อาจมีราชินีถึงหกสิบองค์

นางสนมแปดสิบคน

และสาวพรหมจารีอีกนับไม่ถ้วน

9 แต่แม่นกพิราบของผม คนดีของผมไม่มีใครเหมือน

เป็นลูกสาวคนโปรด

เป็นลูกสาวคนเดียวของแม่

บรรดาหญิงสาวเห็นเธอ ก็เรียกเธอว่า ผู้เป็นสุข

แม้แต่มเหสีและเหล่านางห้ามก็ยกย่องเธอ

10 นี่ใครกันหนอ ปรากฏตัวขึ้นมาดั่งรุ่งอรุณ

งามดั่งดวงจันทร์ สดใสดั่งดวงตะวัน

งามสง่าดั่งดวงดาราที่เคลื่อนคล้อย?

11 ผมลงไปยังทิวต้นอัลมอนด์

เพื่อมองดูสิ่งที่เพิ่งผลิงามในหุบเขา

ดูว่าเถาองุ่นแตกตา

ทับทิมผลิดอกบานหรือยัง

12 กว่าผมจะรู้ตัว

ความปรารถนาก็พาให้ผมรู้สึกประหนึ่งว่าตนเองอยู่บนรถรบหลวงท่ามกลางประชากรของผม

13 กลับมา กลับมาหาพวกเราเถิด สาวน้อยชาวชูเลมจ๋า

กลับมาเถิด กลับมาให้เราชมโฉมเธออีก!

ทำไมพวกเธอจ้องมองสาวน้อยชาวชูเลม

อย่างกับดูการร่ายรำที่เมืองมาหะนาอิม?

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/SNG/6-3e9496fbc25eaeea3d720e737840b2f0.mp3?version_id=179—

เพลงโซโลมอน 7

1 โอ ธิดาของผู้สูงศักดิ์!

เท้าของเธอที่อยู่ในรองเท้าสานนั้นช่างงามเสียนี่กระไร

ขาของเธอเรียวงามดั่งอัญมณี

ที่ช่างฝีมือเจียระไนไว้

2 สะดือของเธอดั่งแก้วกลมงาม

ที่ไม่เคยขาดเหล้าองุ่นผสม

เอวของเธองามดั่งกองข้าวสาลี

ล้อมด้วยมวลหมู่ลิลลี่

3 ทรวงอกของเธอเหมือนลูกกวางสองตัว

เหมือนลูกแฝดของละมั่ง

4 ลำคอของเธอระหงดั่งหอคอยงาช้าง

ดวงตาของเธอใสเหมือนสระน้ำในเฮชโบน

ที่ส่องประกายอยู่ที่ข้างประตูบัทรับบิม

จมูกของเธองามดั่งหอคอยแห่งเลบานอน

ที่สามารถมองไปยังดามัสกัส

5 ศีรษะของเธอทำให้เธองามสง่าเหมือนภูเขาคารเมล

ผมของเธองามประหนึ่งม่านปักในวังหลวง

ปอยผมของเธอเป็นบ่วงเสน่ห์มัดพระทัยกษัตริย์

6 ที่รักจ๋า เธอช่างงาม น่าพิสมัย

น่าชื่นชมเสียนี่กระไร!

7 เธอสูงโปร่งเหมือนต้นอินทผลัม

และทรวงอกของเธอเหมือนพวงผลไม้

8 ผมพูดว่า “ผมจะปีนขึ้นต้นอินทผลัมต้นนี้

และกอดผลของมันไว้”

ขอให้ทรวงอกของเธอเหมือนพวงองุ่น

ให้ลมหายใจของเธอหอมเหมือนกลิ่นแอปเปิ้ล

9 และปากของเธอเหมือนเหล้าองุ่นชั้นเยี่ยม

ขอให้เหล้าองุ่นนี้ไหลรินสู่ริมฝีปาก

และฟันของที่รักของดิฉัน

10 ดิฉันเป็นของที่รักของดิฉัน

และเขาปรารถนาดิฉัน

11 มาเถอะ ที่รัก ให้เราออกไปกลางทุ่งด้วยกัน

ไปค้างแรมที่หมู่บ้าน

12 ให้เราลุกขึ้นไปสวนองุ่นแต่เช้า

ดูว่าเถาองุ่นแตกหน่อหรือยัง

ดูว่าดอกองุ่นคลี่บานหรือยัง

และดูว่าดอกทับทิมผลิบานหรือยัง

ที่แห่งนั้น ดิฉันจะมอบความรักแก่คุณ

13 ที่นั่น ต้นดูดาอิมส่งกลิ่นหอมอบอวล

และผลไม้เยี่ยมยอดที่สุดอยู่ที่ประตูของเรา

ทั้งผลเพิ่งสุกและผลสุกงอม

ซึ่งดิฉันได้เก็บรวบรวมไว้สำหรับคุณ

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/SNG/7-7eba5928d8dd3535a6188573e797f061.mp3?version_id=179—

เพลงโซโลมอน 8

1 ถ้าเพียงแต่คุณเป็นพี่ชายของดิฉัน

ที่ดูดนมจากอกของแม่ดิฉัน!

ดิฉันก็จะจูบคุณได้

เมื่อพบคุณข้างนอก

และจะไม่มีใครเหยียดหยามดิฉัน

2 ดิฉันจะพาคุณ

มายังบ้านแม่ของดิฉัน

ผู้ที่ได้สั่งสอนดิฉันมา

ดิฉันจะให้คุณดื่มเหล้าองุ่นใส่เครื่องเทศ

เป็นเหล้าทับทิมหวานละมุน

3 แขนซ้ายของเขาช้อนประคองศีรษะของดิฉัน

และแขนขวาของเขาโอบกอดดิฉันไว้

4 บรรดาสตรีชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย เรากำชับเจ้าว่า

อย่าปลุกเร้าความรัก

แต่ปล่อยให้เป็นไปตามครรลองของมัน

5 นี่ใครหนอกำลังมาจากทะเลทราย

อิงแอบคู่รักของเธอมา?

ใต้ต้นแอปเปิ้ล ซึ่งแม่ของคุณให้กำเนิดคุณด้วยความเจ็บปวด

ดิฉันจะปลุกความรักของคุณที่นั่น

6 โปรดให้ดิฉันเป็นดั่งดวงตราประทับที่ใจ

และที่แขนของคุณเพื่อแสดงว่าคุณเป็นของดิฉัน

เพราะความรักทรงอำนาจประหนึ่งความตาย

และความหึงหวงคงทนราวกับแดนผู้ตาย

ความรักนั้นแผดเผาดั่งไฟ

เสมือนเปลวไฟแรงกล้า

7 ธารน้ำหลายสายไม่อาจดับเพลิงรัก

แม่น้ำไม่อาจพัดพาความรักไปได้

หากใครทุ่มเททรัพย์สินจนหมดตัว

เพื่อแลกกับความรัก

ไม่แคล้วถูกดูหมิ่นดูแคลน

เพื่อน

8 เรามีน้องสาวเล็กๆ คนหนึ่ง

ซึ่งทรวงอกยังไม่ขึ้น

เราจะทำอย่างไรดี

หากมีคนมาสู่ขอน้อง?

9 หากน้องเป็นกำแพง

เราจะสร้างหอคอยเงินบนนั้น

หากน้องเป็นประตู

เราจะใส่กลอนด้วยไม้สนซีดาร์

10 ดิฉันเป็นกำแพง

และทรวงอกของดิฉันเหมือนหอคอย

ในสายตาของที่รัก

ดิฉันเป็นเหมือนคนที่นำความอิ่มใจมา

11 กษัตริย์โซโลมอนทรงมีสวนองุ่นขนัดหนึ่งที่บาอัลฮาโมน

พระองค์ให้ชาวสวนที่นั่นเช่า

เก็บค่าเช่าเป็นเงิน

หนักคนละพันเชเขล

12 แต่สำหรับสวนองุ่นของดิฉันเอง

แล้วแต่ดิฉันจะให้ใคร

ข้าแต่โซโลมอน พันเชเขลนั้นเป็นของพระองค์

และสองร้อยเชเขลเป็นของผู้ดูแลสวน

13 เธอซึ่งอยู่ในอุทยาน รายรอบด้วยหมู่เพื่อนๆ

ขอให้ผมได้ยินเสียงของคุณ!

14 มาเถิด ที่รักของดิฉัน ขอให้คุณเป็นเหมือนละมั่ง

หรือกวางหนุ่มบนภูเขาที่เต็มไปด้วยเครื่องเทศเถิด

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/SNG/8-e1a4e07f0531bd741705895e8c81c3b1.mp3?version_id=179—

ปัญญาจารย์ 1

ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง

1 ถ้อยคำของปัญญาจารย์กษัตริย์ในเยรูซาเล็ม เชื้อสายดาวิด

2 ปัญญาจารย์กล่าวว่า

“อนิจจัง! อนิจจัง!

อนิจจังแท้ๆ!

ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง”

3 มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการงานทั้งสิ้น

ที่เขาตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์?

4 คนรุ่นหนึ่งผ่านมาแล้วอีกรุ่นหนึ่งผ่านไป

แต่โลกยังคงอยู่ตลอดกาล

5 ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ลับไป

และรีบวนมาขึ้นที่เดิมอีก

6 ลมพัดไปทางใต้แล้ว

กลับมาทางเหนือ

มันพัดวนไปเวียนมา

เป็นวัฏจักร

7 แม่น้ำไหลลงสู่ทะเล

แต่ทะเลก็ไม่เคยอิ่ม

และน้ำกลับไปสู่แม่น้ำอีกครั้ง

แล้วไหลลงสู่มหาสมุทรอยู่ร่ำไป

8 ทุกสิ่งทุกอย่างอ่อนระโหย

เกินที่จะบรรยาย

ไม่ว่าเห็นสักเท่าไร เราก็ไม่อิ่ม

ไม่ว่าได้ยินสักแค่ไหน เราก็ไม่จุใจ

9 อะไรที่เกิดขึ้นแล้วก็เกิดขึ้นอีก

สิ่งที่ทำไปแล้วก็ทำกันอีก

ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์

10 อะไรบ้างที่เราจะบอกได้ว่า

“ดูเถิด นี่เป็นสิ่งใหม่”

เพราะมันมีมาตั้งนานแล้ว

มีมาตั้งแต่ก่อนยุคสมัยของเรา

11 ไม่มีการระลึกถึงคนรุ่นก่อน

และแม้แต่คนรุ่นที่กำลังจะเกิดมา

คนรุ่นต่อจากเขา

ก็ยังไม่ระลึกถึงพวกเขา

สติปัญญาอนิจจัง

12 ข้าพเจ้าปัญญาจารย์ เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลอยู่ในเยรูซาเล็ม

13 ได้ทุ่มเทศึกษาและใช้สติปัญญาใคร่ครวญทุกสิ่งที่ทำกันใต้ฟ้าสวรรค์ พระเจ้าทรงวางภาระหนักแก่มนุษย์จริงๆ!

14 ข้าพเจ้าได้เห็นทุกสิ่งซึ่งทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ ล้วนแต่อนิจจังเหมือนวิ่งไล่ตามลม

15 สิ่งที่คดงอก็ทำให้เหยียดตรงไม่ได้

สิ่งที่ขาดอยู่ก็นับไม่ได้

16 ข้าพเจ้ารำพึงว่า “ดูเถิด เรามีสติปัญญามากกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆ ที่ครองเยรูซาเล็ม เราเข้าถึงสติปัญญาและความรู้”

17 แล้วข้าพเจ้าก็ทุ่มเทสุดตัวที่จะเข้าใจสติปัญญา ความบ้าคลั่ง และความโฉดเขลาด้วย แต่ได้เรียนรู้ว่านี่ก็วิ่งไล่ตามลมเช่นกัน

18 เพราะยิ่งฉลาดมากก็ยิ่งโศกเศร้ามาก

ยิ่งรู้ก็ยิ่งทุกข์โศก

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/1-0236cb0e8d546a8f611dc7c380830c6e.mp3?version_id=179—

ปัญญาจารย์ 2

ความสนุกสนานเพลิดเพลินก็อนิจจัง

1 ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “งั้นมาเถอะ รื่นเริง สนุกสนาน บันเทิงใจเพื่อค้นหาสิ่งดีๆ” แต่ก็พบว่า นี่ก็อนิจจังอีก

2 ข้าพเจ้ากล่าวว่า “การหัวเราะก็โง่เขลา ความสนุกสนานเพลิดเพลินให้ประโยชน์อะไรบ้าง?”

3 ข้าพเจ้าพยายามทำตัวให้เบิกบานด้วยเหล้าองุ่นและทำอะไรโง่ๆ แต่จิตใจก็ยังนำข้าพเจ้าไว้ด้วยสติปัญญา ข้าพเจ้าอยากจะดูว่าอะไรบ้างที่มีคุณค่าซึ่งมนุษย์ควรจะทำกันใต้ฟ้าสวรรค์ในชั่วอายุสั้นๆ ของตน

4 ข้าพเจ้าดำเนินโครงการใหญ่ๆ คือ สร้างบ้านให้ตัวเองหลายหลัง ทำสวนองุ่นหลายแห่ง

5 สร้างสวนหย่อนใจและปลูกผลไม้นานาชนิดในสวนเหล่านั้น

6 ทำแหล่งเก็บน้ำ ส่งน้ำไปรดแมกไม้ที่กำลังงอกงาม

7 ข้าพเจ้าซื้อทาสชายหญิงและมีทาสอื่นๆ อีกที่ถือกำเนิดในครัวเรือน ข้าพเจ้ามีฝูงสัตว์มากกว่าใครๆ ในเยรูซาเล็มซึ่งอยู่มาก่อนข้าพเจ้า

8 ข้าพเจ้าสะสมเงินทองไว้สำหรับตัวเอง ทั้งยังได้รับเครื่องบรรณาการจากกษัตริย์และแว่นแคว้นต่างๆ ข้าพเจ้าจัดให้มีนักร้องชายหญิง และมีฮาเร็มอันเป็นสิ่งถูกใจผู้ชาย

9 ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าใครๆ ในเยรูซาเล็มก่อนหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีสติปัญญาอยู่กับตัวในทุกสิ่งเหล่านี้

10 ตาอยากดูอะไร ข้าพเจ้าก็ไม่ปฏิเสธตัวเอง

ใจอยากสนุกอย่างไร ข้าพเจ้าก็ไม่ห้าม

ข้าพเจ้าชื่นชมผลงานทั้งปวงของตน

และนี่เป็นรางวัลจากการลงทุนลงแรงของข้าพเจ้า

11 ถึงกระนั้นเมื่อข้าพเจ้าสำรวจดูทุกสิ่งที่ทำไป

และที่ตรากตรำเพื่อให้ได้มา

ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม

ไม่ก่อประโยชน์อะไรขึ้นมาภายใต้ดวงอาทิตย์

สติปัญญาและความโฉดเขลาล้วนอนิจจัง

12 แล้วข้าพเจ้าจึงหันไปพิจารณาสติปัญญา

กับความบ้าคลั่งและความโง่เขลา

ผู้ครองราชย์ต่อจากกษัตริย์จะทำอะไรได้

นอกจากสิ่งที่เคยทำกันมาก่อนแล้ว?

13 ข้าพเจ้าเห็นว่าสติปัญญาดีกว่าความโฉดเขลา

เฉกเช่นแสงสว่างย่อมดีกว่าความมืด

14 คนฉลาดมีตาอยู่ในสมอง

ขณะที่คนโฉดเขลาเดินไปในความมืด

แต่ข้าพเจ้าได้ประจักษ์ว่า

ชะตากรรมเดียวกันเกิดขึ้นแก่ทั้งสองฝ่าย

15 ข้าพเจ้าจึงรำพึงในใจว่า

“ชะตากรรมที่เกิดกับคนโง่ก็จะเกิดกับเราด้วย

ฉะนั้นเราฉลาดไปจะได้อะไรขึ้นมา?”

ข้าพเจ้าบอกตัวเองว่า

“นี่ก็อนิจจังเหมือนกัน”

16 เพราะคนฉลาดก็เป็นเช่นเดียวกับคนโง่

เขาจะไม่อยู่ในความทรงจำเนิ่นนาน

ในวันข้างหน้าก็ถูกลืมเลือนไปทั้งคู่

คนฉลาดก็ต้องตายเช่นเดียวกับคนโง่!

การตรากตรำก็อนิจจัง

17 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงเกลียดชีวิต เพราะการงานที่ทำภายใต้ดวงอาทิตย์เป็นความโศกสลดแก่ข้าพเจ้าล้วนแต่อนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม

18 ข้าพเจ้าเกลียดชังสิ่งทั้งปวงที่ตนเองตรากตรำทำไปภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะข้าพเจ้าจำต้องทิ้งสิ่งเหล่านั้นไว้ให้คนที่มาภายหลังข้าพเจ้า

19 และใครเล่าจะรู้ว่าเขาจะเป็นคนโง่หรือฉลาด? ถึงกระนั้นเขาก็จะได้ครอบครองผลงานทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าได้ทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงกายและความชำนาญลงไปภายใต้ดวงอาทิตย์ นี่ก็อนิจจังด้วยเช่นกัน

20 ฉะนั้นจิตใจของข้าพเจ้าจึงท้อแท้สิ้นหวังต่อการงานอันตรากตรำทั้งปวงของตนภายใต้ดวงอาทิตย์

21 เพราะมนุษย์อาจทำงานด้วยสติปัญญา ความรู้ และความเชี่ยวชาญ แต่แล้วก็ต้องละทิ้งทุกสิ่งที่เขาครอบครองให้แก่ใครบางคนซึ่งไม่ได้ลงมือลงแรง นี่ก็เช่นกัน อนิจจังและโชคร้ายเหลือเกิน

22 คนเราได้ประโยชน์อะไรจากการดิ้นรนต่อสู้และการตรากตรำคร่ำเครียดทั้งปวงภายใต้ดวงอาทิตย์?

23 ตลอดชีวิตของเขา งานก็เป็นความเจ็บปวดและความทุกข์โศก แม้ยามค่ำคืนจิตใจก็ไม่สงบสุข นี่ก็อนิจจัง

24 คนเราไม่อาจทำอะไรได้ดีไปกว่ากินดื่มและหาความอิ่มใจในงานของตน ข้าพเจ้าเห็นว่าสิ่งนี้ก็มาจากพระหัตถ์ของพระเจ้าด้วย

25 เพราะปราศจากพระองค์แล้ว ใครเล่าจะกินหรือพบความชื่นชมยินดีได้?

26 พระเจ้าประทานสติปัญญา ความรู้ และความสุขแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย แต่สำหรับคนบาป พระองค์ทรงมอบงานที่เขาต้องรวบรวมและสะสมทรัพย์สมบัติไว้เพื่อจะมอบให้บุคคลที่พระองค์พอพระทัย นี่ก็อนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/2-3f5647756250794671eaef2780a8eb28.mp3?version_id=179—

ปัญญาจารย์ 3

มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง

1 มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง

มีกำหนดเวลาสำหรับกิจกรรมทุกอย่าง ภายใต้ฟ้าสวรรค์นี้

2 มีเวลาเกิด เวลาตาย

เวลาปลูก เวลาถอน

3 เวลาฆ่า เวลาเยียวยารักษา

เวลารื้อถอน เวลาสร้างขึ้นใหม่

4 เวลาร้องไห้ เวลาหัวเราะ

เวลาไว้ทุกข์ เวลาเต้นรำ

5 เวลาโยนก้อนหิน เวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน

เวลาโอบกอด เวลาหันหนี

6 เวลาค้นหา เวลาเลิกรา

เวลาทะนุถนอม เวลาเหวี่ยงทิ้งไป

7 เวลาฉีกขาด เวลาซ่อมแซม

เวลานิ่งเงียบ เวลาพูดจา

8 เวลารัก เวลาเกลียด

เวลาสงคราม เวลาสันติ

9 คนเราได้อะไรจากการตรากตรำทำงานหรือ?

10 ข้าพเจ้าเห็นภาระซึ่งพระเจ้าทรงวางไว้บนมนุษย์

11 พระองค์ทรงทำให้ทุกสิ่งงดงามตามเวลาของมัน ทั้งทรงตั้งนิรันดร์กาลไว้ในจิตใจของมนุษย์ ถึงอย่างนั้นมนุษย์ก็ไม่สามารถหยั่งรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำตั้งแต่ต้นจนจบได้

12 ข้าพเจ้ารู้ว่าสำหรับมนุษย์ไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำตัวให้มีความสุข และทำดีขณะยังมีชีวิตอยู่

13 คนเราทุกคนควรกิน ดื่ม และหาความอิ่มใจในการตรากตรำทำงานทั้งสิ้น เพราะนี่คือของขวัญจากพระเจ้า

14 ข้าพเจ้ารู้ว่าทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงทำจะดำรงอยู่นิรันดร์ ไม่สามารถเพิ่มอะไรเข้าไป หรือตัดทอนอะไรออกได้ พระเจ้าทรงทำไว้เพื่อมนุษย์จะยำเกรงพระองค์

15 อะไรก็ตามที่เป็นอยู่ และอะไรที่จะเกิดขึ้น

ก็เป็นอยู่มาก่อนแล้ว

และพระเจ้าจะทรงนำอดีตมาพิพากษาอีก

16 ยิ่งกว่านั้น ภายใต้ดวงอาทิตย์ ข้าพเจ้ายังเห็นอีกว่า

ในที่แห่งการพิพากษาก็มีความชั่วร้ายอยู่ด้วย

ในที่ของความยุติธรรมก็มีความเลวทรามอยู่ด้วย

17 ข้าพเจ้ารำพึงว่า

“พระเจ้าจะทรงนำทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรมมาพิพากษา

เพราะจะมีเวลาสำหรับทุกเรื่อง

มีเวลาสำหรับการกระทำทุกอย่าง”

18 ข้าพเจ้าคิดอีกว่า “สำหรับมนุษย์ พระเจ้าทรงทดสอบพวกเขา ก็เพื่อพวกเขาจะเห็นว่าตนเองก็เหมือนสัตว์

19 ชะตากรรมของมนุษย์ก็เหมือนของสัตว์ ทั้งสองมีอันเป็นไปเหมือนกัน ฝ่ายหนึ่งตาย อีกฝ่ายหนึ่งก็ตาย ต่างก็มีลมปราณเช่นกัน มนุษย์ไม่ได้เปรียบมากกว่าสัตว์ ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง

20 ทั้งสองพวกต่างไปสู่ที่แห่งเดียวกัน ล้วนมาจากธุลีดินและต้องกลับกลายเป็นธุลีดิน

21 ใครจะรู้ได้ว่าจิตวิญญาณของมนุษย์ขึ้นไปยังเบื้องบนหรือไม่ และวิญญาณของสัตว์ลงสู่พิภพโลกหรือไม่?”

22 ฉะนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าสำหรับมนุษย์แล้ว ไม่มีอะไรดีไปกว่าที่จะสนุกกับงาน เพราะนั่นเป็นส่วนของเขา ใครเล่าจะทำให้เขาเห็นได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นหลังจากเขา?

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/3-e1d044eaecc3fadca75aac49384871f9.mp3?version_id=179—