เยเรมีย์ 40

เยเรมีย์เป็นอิสระ

1 มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์หลังจากที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ปล่อยตัวเขาที่รามาห์ เขาพบเยเรมีย์ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนอยู่ในหมู่ประชาชนจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ซึ่งกำลังจะถูกคุมตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน

2 เมื่อผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์พบเยเรมีย์ก็กล่าวกับเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นผู้บงการภัยพิบัติเหนือสถานที่แห่งนี้

3 และบัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงบันดาลให้เป็นไปตามที่ตรัสไว้แล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็เพราะประชากรของท่านทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เชื่อฟังพระองค์

4 แต่วันนี้ข้าพเจ้าจะปลดโซ่ตรวนออกจากข้อมือของท่าน ปล่อยท่านเป็นอิสระ เชิญไปบาบิโลนกับข้าพเจ้าหากท่านต้องการ ข้าพเจ้าจะดูแลท่าน แต่หากท่านไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ดูเถิด ดินแดนทั้งหมดอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว ท่านจะไปที่ไหนก็ได้ตามใจชอบ”

5 แต่ก่อนที่เยเรมีย์จะจากไปเนบูซาระดานกล่าวอีกว่า “จงกลับไปหาเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟาน ซึ่งกษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้ดูแลหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ไปอยู่กับเขาในหมู่ประชาชน หรือท่านจะไปไหนก็ได้ตามใจชอบ” แล้วเนบูซาระดานก็มอบเสบียงกับของกำนัลแก่เยเรมีย์และปล่อยเขาไป

6 เยเรมีย์จึงไปหาเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมที่มิสปาห์ และพักอยู่ที่นั่นกับประชาชนที่เหลืออยู่ในดินแดนนั้น

เกดาลิยาห์ถูกฆ่า

7 เมื่อบรรดาแม่ทัพนายกองและคนของเขาซึ่งยังคงอยู่ในทุ่งโล่งได้ยินข่าวว่ากษัตริย์บาบิโลนทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมให้เป็นผู้ว่าการปกครองผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ซึ่งเป็นคนยากจนข้นแค้นที่สุดในดินแดนและไม่ถูกนำตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน

8 พวกเขาก็พากันมาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ คนเหล่านี้ได้แก่อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ โยฮานัน และโยนาธานบุตรคาเรอาห์ เสไรอาห์บุตรทันหุเมท บุตรทั้งหลายของเอฟายจากเนโทฟาห์ และยาอาซันยาห์บุตรชาวมาอาคาห์กับคนของเขา

9 เกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟานกล่าวสาบานกับคนเหล่านั้นว่า “อย่ากลัวที่จะปรนนิบัติรับใช้ชาวบาบิโลนเลย จงตั้งรกรากในแผ่นดินและรับใช้กษัตริย์บาบิโลน แล้วท่านจะอยู่เย็นเป็นสุข

10 ข้าพเจ้าเองจะอยู่ที่มิสปาห์ เป็นตัวแทนให้พวกท่านติดต่อกับชาวบาบิโลนซึ่งจะมาหาเรา ส่วนพวกท่านจงเก็บองุ่น ผลไม้ฤดูร้อน และน้ำมัน สะสมไว้และอาศัยอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ ซึ่งพวกท่านยึดครองเถิด”

11 เมื่อชาวยิวทั้งปวงในโมอับ อัมโมน เอโดมและประเทศอื่นๆ ทั้งปวงได้ข่าวว่ากษัตริย์บาบิโลนทรงเหลือคนจำนวนหนึ่งไว้ในยูดาห์ และแต่งตั้งเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟานเป็นผู้ว่าการปกครองพวกเขา

12 พวกเขาทั้งหมดได้กลับจากทุกประเทศที่พวกเขากระจัดกระจายไปมายังดินแดนยูดาห์ มาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ แล้วพวกเขาก็เก็บเกี่ยวองุ่นและผลไม้ฤดูร้อนได้มากมาย

13 โยฮานันบุตรคาเรอาห์และบรรดาแม่ทัพนายกองซึ่งยังอยู่ตามทุ่งโล่งมาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์

14 และเตือนว่า “ท่านไม่รู้หรือว่ากษัตริย์บาอาลิสของชาวอัมโมนได้ส่งอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์มาเอาชีวิตของท่าน?” แต่เกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมไม่เชื่อเขา

15 แล้วโยฮานันบุตรคาเรอาห์กล่าวกับเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์เป็นการส่วนตัวว่า “ข้าพเจ้ารับอาสาไปฆ่าอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์โดยไม่ให้ใครรู้ เรื่องอะไรจะปล่อยให้เขามาเอาชีวิตท่าน และเป็นเหตุให้ชาวยิวทั้งปวงที่อยู่รอบตัวท่านต้องกระจัดกระจายไป และคนยูดาห์ที่เหลืออยู่ต้องพินาศ?”

16 แต่เกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมกล่าวแก่โยฮานันบุตรคาเรอาห์ว่า “อย่าทำเช่นนั้น! สิ่งที่ท่านพูดเกี่ยวกับอิชมาเอลไม่เป็นความจริง”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/40-8583ab0e57f4ec26f7e8722355b95490.mp3?version_id=179—

เยเรมีย์ 41

1 ในเดือนที่เจ็ด อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์บุตรของเอลิชามา ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์คนหนึ่งและเคยเป็นขุนนางมาก่อน กับคนอีกสิบคนมาพบเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมที่มิสปาห์ ขณะที่กำลังรับประทานอาหารด้วยกัน

2 อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์และคนทั้งสิบที่อยู่กับเขาก็ลุกขึ้นชักดาบออกมาฆ่าเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟานซึ่งกษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ

3 อิชมาเอลยังได้ฆ่าชาวยิวทั้งปวงที่อยู่กับเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ และทหารบาบิโลนซึ่งอยู่ที่นั่นด้วย

4 วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เกดาลิยาห์ถูกฆ่าและยังไม่มีใครทราบเรื่อง

5 ก็มีชายแปดสิบคนจากเชเคม ชิโลห์ และสะมาเรีย โกนหนวดเครา ฉีกเสื้อผ้า และกรีดเนื้อตัวเอง นำธัญบูชาและเครื่องหอมมายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า

6 อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ออกจากเมืองมิสปาห์ไปพบพวกเขา เดินพลางร้องไห้พลางและเมื่อเขาพบคนเหล่านั้นก็กล่าวว่า “เชิญมาพบเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมเถิด”

7 เมื่อคนเหล่านั้นเข้ามาในเมืองแล้วอิชมาเอลกับพวกก็ฆ่าพวกเขาและโยนศพลงในที่ขังน้ำ

8 แต่มีสิบคนในพวกนั้นกล่าวกับอิชมาเอลว่า “อย่าฆ่าเราเลย เรามีข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ น้ำมัน และน้ำผึ้งซ่อนไว้ในทุ่งนา” อิชมาเอลจึงปล่อยเขาไป ไม่ฆ่าทิ้งเหมือนคนอื่นๆ

9 ที่ขังน้ำซึ่งอิชมาเอลโยนศพคนที่เขาสังหารพร้อมกับเกดาลิยาห์นั้น เป็นที่ซึ่งกษัตริย์อาสาสร้างขึ้นเป็นปราการส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันการโจมตีของกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอล อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ได้โยนศพลงไปจนเต็มที่ขังน้ำนั้น

10 บรรดาธิดาของกษัตริย์พร้อมทั้งประชาชนอื่นๆ ซึ่งเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ให้อยู่ภายใต้การปกครองของเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมที่เมืองมิสปาห์ ถูกอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์จับเป็นเชลย คุมตัวมุ่งหน้าจะไปยังดินแดนของชาวอัมโมน

11 เมื่อโยฮานันบุตรคาเรอาห์และแม่ทัพนายกองทั้งปวงที่อยู่ด้วยได้ยินข่าวอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ก่อการร้าย

12 ก็นำกำลังคนทั้งหมดไปสู้รบกับอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ พวกเขาตามมาทันอิชมาเอลที่สระน้ำใหญ่ในกิเบโอน

13 เมื่อประชาชนทั้งปวงที่อิชมาเอลพามาเห็นโยฮานันบุตรคาเรอาห์และแม่ทัพนายกองที่อยู่กับเขา พวกเขาก็ยินดี

14 คนทั้งปวงที่อิชมาเอลจับเป็นเชลยที่มิสปาห์ได้หันไปหาโยฮานันบุตรคาเรอาห์

15 แต่อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์และคนของเขาอีกแปดคนหลบหนีจากโยฮานันไปหาชาวอัมโมนได้

หนีไปยังอียิปต์

16 แล้วโยฮานันบุตรคาเรอาห์และเหล่าแม่ทัพนายกองก็นำบรรดาคนเหลือรอดจากมิสปาห์ ซึ่งพวกตนกอบกู้มาจากมืออิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ผู้สังหารเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมกลับมาจากกิเบโอน ผู้ที่เหลือรอดนั้นมีทั้งทหาร ผู้หญิง เด็ก และข้าราชสำนัก

17 พวกเขาเดินทางต่อไป และแวะพักที่เกรูธคิมฮัมใกล้เบธเลเฮมบนเส้นทางที่จะไปยังอียิปต์

18 เพื่อหลบหนีจากชาวบาบิโลนซึ่งพวกเขากลัว เพราะอิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ได้สังหารเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมซึ่งกษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการปกครองดินแดน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/41-de989ee978e1c7c8e469c64443e9bd76.mp3?version_id=179—

เยเรมีย์ 42

1 แล้วบรรดาแม่ทัพนายกองรวมทั้งโยฮานันบุตรคาเรอาห์ เยซันยาห์บุตรโฮชายาห์ และประชากรทั้งปวงไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้น้อยพากันมาหาผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์

2 และกล่าวกับเขาว่า “โปรดฟังคำอ้อนวอนของเราและอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเพื่อชนที่เหลืออยู่ทั้งหมดนี้ เพราะท่านก็เห็นแล้วว่า แม้แต่ก่อนเรามีกันมากมาย บัดนี้ก็เหลือเพียงหยิบมือเดียว

3 โปรดอธิษฐานขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านบอกเราด้วยว่าควรไปที่ไหนและควรทำอะไร”

4 ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ตอบว่า “ข้าพเจ้าได้ยินแล้ว ข้าพเจ้าจะอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านตามที่ท่านขอร้องอย่างแน่นอน ข้าพเจ้าจะบอกท่านทุกอย่างตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส จะไม่ปิดบังสิ่งใดจากพวกท่านเลย”

5 แล้วพวกเขากล่าวกับเยเรมีย์ว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพยานที่ซื่อตรงเที่ยงแท้ลงโทษเราเถิด หากเราไม่ยอมประพฤติตามทุกสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงใช้ท่านมาบอกเรา

6 ไม่ว่าจะดีหรือร้าย เราก็จะเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราผู้ซึ่งเราขอให้ท่านไปเข้าเฝ้าเพื่อจะเป็นประโยชน์สุขแก่เราเพราะเราจะเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา”

7 สิบวันหลังจากนั้น มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์

8 ดังนั้นเขาจึงเรียกโยฮานันบุตรคาเรอาห์ บรรดาแม่ทัพนายกอง และประชาชนทั้งปวงไม่ว่าผู้ใหญ่หรือผู้น้อยมาชุมนุมกัน

9 แล้วเขากล่าวแก่คนทั้งหลายว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลซึ่งพวกท่านใช้ให้ข้าพเจ้าไปทูลอ้อนวอนนั้นตรัสว่า

10 ‘หากพวกเจ้าคงอยู่ในดินแดนนี้ เราจะสร้างเจ้าขึ้นไม่ใช่รื้อลง จะปลูกเจ้าไว้ ไม่ใช่ถอนราก เพราะเราเศร้าใจกับภัยพิบัติซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่เจ้า

11 อย่ากลัวกษัตริย์บาบิโลนที่พวกเจ้ากลัวอยู่ในขณะนี้ อย่ากลัวเขาเลยองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ อย่ากลัวเขาเลยเพราะเราอยู่กับเจ้า เราจะช่วยเจ้าและกอบกู้เจ้าจากมือของเขา

12 เราจะสำแดงความเมตตาแก่เจ้า เพื่อเขาจะเอ็นดูสงสารเจ้าและให้เจ้ากลับคืนสู่ดินแดนของเจ้า’

13 “แต่หากพวกท่านกล่าวว่า ‘เราจะไม่ยอมอาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้’ ซึ่งเป็นการไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน

14 และถ้าท่านกล่าวว่า ‘เราจะไปอาศัยอยู่ในอียิปต์ จะได้ไม่ต้องเห็นสงคราม หรือได้ยินเสียงแตรศึก หรือหิวโหย’

15 ก็จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด ชนหยิบมือที่เหลือแห่งยูดาห์เอ๋ย พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘หากพวกเจ้าตั้งใจไปอียิปต์และตั้งรกรากอยู่ที่นั่น

16 เมื่อนั้นสงครามและการกันดารอาหารที่เจ้ากลัวจะตามติดประชิดเจ้าไปถึงอียิปต์ และเจ้าจะตายที่นั่น

17 คนทั้งปวงที่ตั้งใจไปตั้งรกรากที่อียิปต์จะตายเพราะสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด จะไม่มีสักคนที่รอดพ้นภัยพิบัติซึ่งเราจะนำมายังพวกเขา’

18 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เช่นเดียวกับที่ความโกรธและโทสะของเราโหมกระหน่ำลงเหนือประชากรเยรูซาเล็ม เราก็จะระบายความโกรธลงเหนือเจ้าเมื่อเจ้าไปยังอียิปต์ เจ้าจะตกเป็นเป้าของการแช่งด่าและความสยดสยอง เป้าของคำสาปแช่งและตำหนิติเตียน เจ้าจะไม่มีวันได้เห็นสถานที่นี้อีก’

19 “ชนหยิบมือที่เหลือของยูดาห์เอ๋ยองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสสั่งพวกท่านแล้วว่า ‘อย่าไปที่อียิปต์’ จงมั่นใจในข้อนี้ คือข้าพเจ้าขอเตือนท่านในวันนี้

20 ท่านทำผิดอย่างร้ายแรงถึงตายเมื่อให้ข้าพเจ้าไปหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและกล่าวว่า ‘จงอธิษฐานเผื่อเราต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา จงบอกทุกสิ่งที่พระองค์ตรัส แล้วเราจะทำตาม’

21 ในวันนี้ข้าพเจ้าก็ได้แจ้งท่านแล้ว แต่ท่านกลับไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ไม่ทำตามทุกสิ่งที่พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาแจ้งท่าน

22 ฉะนั้นขอให้มั่นใจได้เลยว่าท่านจะตายเพราะสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาดในสถานที่ซึ่งท่านตั้งใจจะไปตั้งรกรากอยู่”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/42-152c00682488c56b395b4e6378b8b3ec.mp3?version_id=179—

เยเรมีย์ 43

1 เมื่อเยเรมีย์แจ้งให้ประชากรทราบเนื้อความทั้งหมดที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาทรงใช้ให้มากล่าวกับคนเหล่านั้นแล้ว

2 อาซาริยาห์บุตรโฮชายาห์และโยฮานันบุตรคาเรอาห์กับคนที่หยิ่งยโสทั้งปวงก็กล่าวกับเยเรมีย์ว่า “เจ้ากำลังโกหก พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราไม่ได้ทรงใช้เจ้ามากล่าวว่า ‘ห้ามพวกเจ้าไปตั้งรกรากที่อียิปต์’

3 แต่บารุคบุตรเนริยาห์ต่างหากที่ยุเจ้าให้มาเล่นงานพวกเรา เพื่อมอบเราให้ชาวบาบิโลนพวกเขาจะได้ฆ่าเราหรือไม่ก็จับเราไปเป็นเชลยที่บาบิโลน”

4 ดังนั้นโยฮานันบุตรคาเรอาห์ บรรดาแม่ทัพนายกอง และประชากรทั้งปวง จึงไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ยังให้อยู่ในดินแดนยูดาห์

5 แต่โยฮานันบุตรคาเรอาห์ แม่ทัพนายกองทั้งปวงได้นำชนหยิบมือที่เหลืออยู่ทั้งหมดของยูดาห์ไปยังอียิปต์ คนหยิบมือเหล่านี้เป็นพวกที่กระจัดกระจายไปตามชาติต่างๆ และกลับมาอาศัยในดินแดนยูดาห์

6 ในกลุ่มนั้นมีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ราชธิดาของกษัตริย์และหมู่คนที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เหลือไว้ให้อยู่กับเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟาน รวมทั้งผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์และบารุคบุตรเนริยาห์ด้วย

7 พวกเขาขัดขืนคำสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าและมาถึงทาห์ปานเหสในดินแดนอียิปต์

8 ที่ทาห์ปานเหสมีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า

9 “ต่อหน้าชาวยิวทั้งปวง จงเอาหินก้อนใหญ่ๆ มาฝังไว้ในดินใต้ทางเดินที่ปูด้วยอิฐตรงทางเข้าวังของฟาโรห์ในทาห์ปานเหส

10 แล้วจงแจ้งพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราจะส่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนผู้รับใช้ของเรามา เราจะตั้งบัลลังก์ของเขาเหนือก้อนหินเหล่านี้ ซึ่งเราได้ฝังไว้ที่นี่ เขาจะแผ่บารมีเหนือที่แห่งนี้

11 เขาจะมาโจมตีแผ่นดินอียิปต์ นำความตายมาสู่ผู้ที่ถูกกำหนดให้ตาย ผู้ที่ถูกกำหนดให้เป็นเชลยก็จะตกเป็นเชลย ผู้ที่ถูกกำหนดให้ตายด้วยดาบก็จะตายด้วยดาบ

12 เขาจะจุดไฟเผาวิหารต่างๆ ของเทพเจ้าอียิปต์ ริบเทวรูปทั้งหลายไป เขาจะสวมอียิปต์เป็นอาภรณ์เหมือนคนเลี้ยงแกะสวมเสื้อคลุม แล้วจากอียิปต์ไปโดยสวัสดิภาพ

13 และเขาจะโค่นรื้อเสาศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ในวิหารของสุริยเทพและเผาบรรดาวิหารของทวยเทพแห่งอียิปต์’”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/43-059c8aa71f318d24d8cc0870d9138b99.mp3?version_id=179—

เยเรมีย์ 44

ภัยพิบัติเนื่องจากการกราบไหว้รูปเคารพ

1 พระดำรัสซึ่งมีมาถึงเยเรมีย์เกี่ยวกับชาวยิวทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในอียิปต์ล่าง ที่มิกดล ทาห์ปานเหส เมมฟิสและอียิปต์ตอนบนความว่า

2 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เจ้าได้เห็นภัยพิบัติใหญ่หลวงซึ่งเราได้นำมายังเยรูซาเล็มและหัวเมืองทั้งปวงของยูดาห์แล้ว ทุกวันนี้ต้องตกอยู่ในสภาพถูกทิ้งร้างและปรักหักพัง

3 เพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำ เขายั่วให้เราโกรธโดยเผาเครื่องหอมและนมัสการพระอื่นๆ ซึ่งเขาก็ดี เจ้าก็ดี หรือบรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลายก็ดีล้วนไม่เคยรู้จักมาก่อน

4 เราส่งผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรามาเตือนเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ‘อย่าทำสิ่งที่น่าชิงชังที่เราเกลียดนี้!’

5 แต่เขาก็ไม่ฟังหรือใส่ใจ ไม่ยอมหันกลับจากความชั่วร้าย หรือหยุดเผาเครื่องหอมให้พระต่างๆ

6 ฉะนั้นเราจึงเทโทสะเกรี้ยวกราดของเราให้มันโหมกระหน่ำลงมาเหนือหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และถนนหนทางในเยรูซาเล็ม และทำให้เมืองเหล่านี้กลายเป็นซากปรักหักพัง ถูกทิ้งร้างเหมือนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

7 “บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เหตุใดพวกเจ้าจึงนำหายนะมาสู่ตนเองโดยพรากผู้คนทั้งหญิงและชาย ลูกเล็กเด็กแดงมาจากยูดาห์ ทำให้พวกเจ้าไม่เหลือสักหยิบมือเดียว?

8 เหตุใดจึงยั่วเราให้โกรธด้วยรูปเคารพที่เจ้าสร้างขึ้น โดยการเผาเครื่องหอมแก่พระอื่นๆ ในแผ่นดินอียิปต์ซึ่งเจ้าได้มาอาศัยอยู่? เจ้าจะทำลายตัวเองและทำตัวให้ตกเป็นเป้าของคำสาปแช่งและเป็นคำเปรียบเปรยในหมู่ประชาชาติทั้งหลายในโลก

9 เจ้าลืมความชั่วซึ่งเหล่าบรรพบุรุษและบรรดากษัตริย์กับราชินีแห่งยูดาห์ได้ทำแล้วหรือ? ตลอดจนความชั่วของเจ้าเองกับภรรยาในดินแดนยูดาห์และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็ม

10 จวบจนทุกวันนี้พวกเจ้าไม่ได้ถ่อมกายถ่อมใจ หรือยำเกรง หรือปฏิบัติตามบทบัญญัติและคำบัญชาซึ่งเราตั้งไว้ต่อหน้าเจ้ากับบรรพบุรุษของเจ้า

11 “ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่าเราตั้งใจจะนำภัยพิบัติมาเหนือเจ้าและทำลายล้างยูดาห์ให้หมดสิ้น

12 เราจะลงโทษชนหยิบมือที่เหลือของยูดาห์ซึ่งตั้งใจจะมาตั้งรกรากในอียิปต์นี้ พวกเขาจะพินาศสิ้นในแผ่นดินอียิปต์เพราะสงครามหรือการกันดารอาหาร ตั้งแต่ผู้ต่ำต้อยที่สุดจนถึงผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดจะตายเพราะสงครามหรือการกันดารอาหาร เขาจะกลายเป็นเป้าของการสาปแช่งและความสยดสยอง การดูหมิ่นเหยียดหยามและการตำหนิติเตียน

13 เราจะลงโทษพวกที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ด้วยสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาดเหมือนที่เราได้ลงโทษเยรูซาเล็ม

14 ไม่มีสักคนในคนหยิบมือที่เหลือของยูดาห์ซึ่งไปอยู่ที่แผ่นดินอียิปต์นั้นจะหนีรอดหรือรอดชีวิตกลับไปยังดินแดนยูดาห์ซึ่งเขาอยากกลับไปอยู่ จะไม่มีใครได้กลับไป เว้นแต่ผู้ลี้ภัยไม่กี่คน”

15 แล้วผู้ชายทุกคนที่รู้ว่าภรรยาของตนได้เผาเครื่องหอมถวายเทพเจ้าต่างๆ พร้อมกับผู้หญิงทุกคนที่นั่นซึ่งมารวมตัวกันเป็นชนกลุ่มใหญ่ รวมทั้งบรรดาผู้อาศัยอยู่ในอียิปต์ตอนบนและตอนล่างจึงตอบเยเรมีย์ว่า

16 “เราจะไม่ฟังถ้อยคำซึ่งท่านอ้างพระนามพระยาห์เวห์มาพูดกับเรา!

17 เราจะทำทุกอย่างตามที่เราได้พูดไว้อย่างแน่นอน คือเผาเครื่องหอมถวายเทวีแห่งสวรรค์และรินเครื่องดื่มบูชาถวายพระนาง เหมือนที่เรากับบรรพบุรุษ ตลอดจนเหล่ากษัตริย์ของเราและบรรดาข้าราชการได้ทำในหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็ม ครั้งนั้นเรามีอาหารกินเหลือเฟือและสุขสบายดี ไม่มีภัยอันตรายใดๆ

18 แต่เมื่อเราเลิกเผาเครื่องหอมถวายองค์เทวีแห่งสวรรค์ เลิกถวายเครื่องดื่มบูชาแด่พระนาง เราก็ไม่เหลืออะไรและต้องพินาศเพราะสงครามและการกันดารอาหาร”

19 พวกผู้หญิงพูดด้วยว่า “เมื่อเราเผาเครื่องหอมถวายเทวีแห่งสวรรค์ รินเครื่องดื่มบูชาถวายพระนาง และทำขนมรูปพระนางถวายนั้น สามีของเราไม่รู้ไม่เห็นหรือ?”

20 เยเรมีย์จึงกล่าวแก่พวกผู้ชายผู้หญิงที่ตอบเขานั้นว่า

21 “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงจดจำและคิดถึงเครื่องหอมต่างๆ ที่ท่านกับบรรพบุรุษ ตลอดจนกษัตริย์และข้าราชการกับประชาชนถวายในเมืองต่างๆ ของยูดาห์และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็มหรือ?

22 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่อาจอดกลั้นพระทัยต่อการกระทำชั่วร้ายและสิ่งน่าชิงชังซึ่งท่านทำนั้นต่อไปได้ ดินแดนของท่านจึงตกเป็นเป้าของการสาปแช่ง เป็นดินแดนร้างไร้ผู้อยู่อาศัยดังเช่นทุกวันนี้

23 ก็เพราะท่านได้เผาเครื่องหอมและได้ทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เชื่อฟังพระองค์หรือปฏิบัติตามบทบัญญัติ กฎหมาย และพระบัญชาของพระองค์ ภัยพิบัตินี้จึงเกิดแก่ท่านตามที่ท่านเห็นอยู่ในขณะนี้”

24 แล้วเยเรมีย์กล่าวกับประชาชนทั้งปวงรวมทั้งพวกผู้หญิงว่า “ชาวยูดาห์ทั้งปวงที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์ จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า

25 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่าเจ้าทั้งหลายกับภรรยาได้พิสูจน์ด้วยการทำตามสิ่งที่เจ้าสัญญาไว้ เมื่อเจ้ากล่าวว่า ‘เราจะทำตามที่สาบานไว้ว่าจะเผาเครื่องหอมและถวายเครื่องดื่มบูชาแก่เทวีแห่งสวรรค์อย่างแน่นอน’

“ถ้าอย่างนั้นก็จงทำต่อไป ทำตามที่เจ้าสัญญาไว้! ทำตามที่เจ้าสาบานไว้!

26 แต่ชาวยิวทั้งปวงที่อยู่ในแผ่นดินอียิปต์นี้ จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราปฏิญาณไว้ด้วยนามอันยิ่งใหญ่ของเราว่า ชาวยูดาห์ซึ่งมาอาศัยอยู่ในอียิปต์นี้จะไม่มีสักคนได้เอ่ยนามของเราหรือปฏิญาณว่า “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด”

27 เพราะเรากำลังจับตาดูพวกเจ้าเพื่อลงโทษ ไม่ใช่เพื่อให้มีความสุข ชาวยิวในแผ่นดินอียิปต์จะพินาศเพราะสงครามและการกันดารอาหารจนกว่าจะถูกทำลายหมดสิ้น

28 ผู้ที่รอดจากสงครามและได้กลับจากแผ่นดินอียิปต์ไปยังยูดาห์จะมีอยู่น้อยนัก แล้วเมื่อนั้นชนหยิบมือที่เหลือทั้งหมดจากยูดาห์ซึ่งมาอาศัยอยู่ในแผ่นดินอียิปต์นี้จะรู้ว่าถ้อยคำของเราหรือของเขากันแน่ที่เป็นจริง’

29 “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘นี่คือหมายสำคัญที่ทำให้เจ้ารู้ว่าเราจะลงโทษเจ้าที่นี่แน่นอน เพื่อเจ้าจะรู้ว่าถ้อยคำที่เราได้ลั่นวาจาไว้ว่าจะนำภัยพิบัติมายังเจ้านั้นจะเป็นจริง’

30 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะมอบฟาโรห์โฮฟรากษัตริย์แห่งอียิปต์ไว้ในมือของศัตรูผู้หมายเอาชีวิตของเขา เหมือนที่เราได้มอบกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์แก่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนศัตรูผู้หมายเอาชีวิตของเขา’ ”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/44-aecddf1f4e768c3c88d85b26a572fdff.mp3?version_id=179—

เยเรมีย์ 45

พระเจ้าทรงสัญญากับบารุค

1 ในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ หลังจากที่บารุคบุตรเนริยาห์ได้บันทึกพระดำรัสลงในม้วนหนังสือตามคำบอกของเยเรมีย์แล้ว ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวกับบารุคบุตรเนริยาห์ว่า

2 “บารุคเอ๋ย พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสกับท่านว่า

3 เจ้าพูดว่า ‘วิบัติแก่ข้าพเจ้า! ข้าพเจ้าเจ็บปวดอยู่แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้ายังทรงเพิ่มความทุกข์โศกให้ข้าพเจ้าอีก ข้าพเจ้าอ่อนระโหยไปเพราะการครวญครางและไม่ได้พักผ่อน’ ”

4 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงบอกบารุคว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่าเราจะทลายสิ่งที่เราสร้างและถอนรากสิ่งที่เราปลูกทั่วดินแดนนี้

5 เช่นนี้แล้วเจ้าควรเสาะหาสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อตัวเองหรือ? อย่าเลย เพราะเราจะนำภัยพิบัติมายังประชากรทั้งปวง แต่ไม่ว่าเจ้าจะไปไหน เราจะให้เจ้ารอดชีวิตองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/45-804c1e954b4ddeddd59a0c2d6c246a0a.mp3?version_id=179—

เยเรมีย์ 46

พระดำรัสเกี่ยวกับอียิปต์

1 องค์พระผู้เป็นเจ้ามีพระดำรัสมาถึงผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์เกี่ยวกับชนชาติต่างๆ ดังนี้

2 พระดำรัสเกี่ยวกับอียิปต์

ว่าด้วยกองทัพของฟาโรห์เนโคกษัตริย์แห่งอียิปต์ ซึ่งถูกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนพิชิตที่คารเคมิชริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส ในปีที่สี่ของรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ความว่า

3 “จงเตรียมโล่ทั้งเล็กและใหญ่ของเจ้า

แล้วรุดหน้าออกไปประจัญบาน!

4 ผูกอานม้าเถิด

และขี่ควบไป!

จงเข้าประจำที่

พร้อมกับสวมหมวกเกราะ!

จงขัดหอก

จงสวมเสื้อเกราะ!

5 เราเห็นอะไร?

พวกเขาตกใจกลัว

พวกเขาถอยทัพ

นักรบของพวกเขาพ่ายแพ้

เขารีบหนี

ไม่หันกลับ

มีความสยดสยองอยู่รอบด้าน”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

6 “คนฝีเท้าไวก็หนีไม่พ้น

คนเข้มแข็งก็หนีไม่รอด

ในทิศเหนือริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส

พวกเขาสะดุดและล้มลง

7 “นี่ใครกันหนอซึ่งพุ่งขึ้นมาเหมือนลำน้ำไนล์

เหมือนแม่น้ำที่เชี่ยวกราก?

8 อียิปต์พุ่งขึ้นเหมือนลำน้ำไนล์

เหมือนแม่น้ำที่เชี่ยวกราก

อียิปต์คุยโอ่ว่า ‘ข้าจะพุ่งขึ้นปกคลุมโลก

ข้าจะทำลายนครต่างๆ และประชากรของนครเหล่านั้น’

9 ม้าทั้งหลายเอ๋ย จงบุกเข้าไปเถิด!

พลรถรบเอ๋ย จงเร่งขับรถรบอย่างเร็วรี่!

นักรบเอ๋ย จงรุดหน้าเข้าไป

ทั้งชาวคูชและชาวพูตซึ่งถือโล่

ชาวลิเดียซึ่งโก่งธนู

10 แต่วันนั้นเป็นวันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์

วันแห่งการแก้แค้น เพื่อแก้แค้นศัตรูของพระองค์

ดาบจะฟาดฟันจนหนำใจ

และอาบเลือดจนชุ่มโชก

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะได้รับเครื่องบูชา

ในแดนภาคเหนือริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส

11 “ธิดาพรหมจารีแห่งอียิปต์เอ๋ย

ขึ้นไปรับยาที่กิเลอาดสิ

แต่เจ้าเยียวยาไปก็เปล่าประโยชน์

บำบัดรักษาอย่างไรก็ไม่หาย

12 ประชาชาติทั้งหลายจะได้ยินถึงความอัปยศของเจ้า

เสียงร่ำไห้ของเจ้าจะระงมไปทั่วแผ่นดินโลก

นักรบจะสะดุดทับกัน

และล้มลงด้วยกัน”

13 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีมาถึงผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์เรื่องที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนจะมาโจมตีอียิปต์ความว่า

14 “จงประกาศในอียิปต์ ป่าวร้องในมิกดล

และในเมมฟิสกับทาห์ปานเหสว่า

‘จงเข้าประจำที่และเตรียมพร้อม

เพราะดาบจะฟาดฟันบรรดาผู้ที่อยู่รอบตัวเจ้า’

15 เหตุใดนักรบของเจ้าจึงถูกปราบราบคาบ?

พวกเขาไม่อาจยืนหยัดเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะผลักเขาล้มลง

16 นักรบทั้งหลายจะล้มลุกคลุกคลาน

ล้มทับกัน

และพวกเขาพูดกันว่า ‘ลุกขึ้นเถิด ให้เรากลับบ้านเกิดเมืองนอน

ไปหาพี่น้องร่วมชาติของเรา

หนีให้พ้นดาบของผู้กดขี่ข่มเหง’

17 ที่นั่นพวกเขาจะร้องว่า

‘ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ดีแต่โวยวาย

เขาพลาดโอกาสของตนแล้ว’”

18 องค์กษัตริย์ผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด

ผู้หนึ่งซึ่งสูงตระหง่านเหมือนภูเขาทาโบร์

เหมือนภูเขาคารเมลริมทะเลนั้นจะมา

19 พวกเจ้าผู้อาศัยอยู่ในอียิปต์

จงเก็บข้าวของเตรียมเป็นเชลยเถิด

เพราะเมมฟิสจะกลายเป็นซากปรักหักพัง

ถูกทิ้งร้างไม่มีผู้อยู่อาศัย

20 “อียิปต์คือวัวสาวตัวงาม

แต่จะมีเหลือบจากทางเหนือ

มาต่อสู้กับมัน

21 ทหารรับจ้างในกองทัพอียิปต์

เหมือนวัวที่ขุนจนอ้วน

พวกเขาก็จะหันกลับแตกหนีไปเช่นกัน

พวกเขาจะไม่ยืนหยัดอยู่

เพราะวันหายนะกำลังจะมาถึงเขาแล้ว

เป็นเวลาที่พวกเขาจะถูกลงโทษ

22 อียิปต์ส่งเสียงเหมือนงูที่เลื้อยหนี

ขณะที่ศัตรูยกกำลังบุกเข้ามา

พวกเขาถือขวานบุกเข้ามา

เหมือนคนโค่นต้นไม้

23 เขาจะโค่นป่าของอียิปต์”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“แม้จะหนาทึบ

พวกเขามีจำนวนมหาศาลนับไม่ถ้วน

มากกว่าทัพตั๊กแตน

24 ธิดาแห่งอียิปต์จะอัปยศอดสู

ตกอยู่ในกำมือของคนจากทางเหนือ”

25 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า “เรากำลังจะลงโทษเทพเจ้าอาโมนแห่งเมืองเธเบสลงโทษฟาโรห์ ดินแดนอียิปต์ บรรดาเทพเจ้าและกษัตริย์ทั้งปวง และบรรดาคนที่พึ่งฟาโรห์

26 เราจะมอบพวกเขาแก่ผู้หมายเอาชีวิตพวกเขา แก่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนและทหารของเขา แต่ต่อมาภายหลัง อียิปต์จะมีผู้อยู่อาศัยเหมือนในอดีตที่ผ่านมา”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

27 “ยาโคบผู้รับใช้ของเราเอ๋ย อย่ากลัวเลย

อิสราเอลเอ๋ย อย่าเสียขวัญเลย

เราจะช่วยเจ้าจากแดนไกลอย่างแน่นอน

จะช่วยลูกหลานของเจ้าจากดินแดนที่เขาตกเป็นเชลย

ยาโคบจะมีสันติสุขและความมั่นคงอีกครั้ง

และจะไม่มีใครทำให้เขาหวาดกลัว

28 ยาโคบผู้รับใช้ของเราเอ๋ย อย่ากลัวเลย

เพราะเราอยู่กับเจ้า”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“ถึงแม้เราจะทำลายล้างมวลประชาชาติ

ที่เราทำให้พวกเจ้ากระจัดกระจายเข้าไปนั้นจนหมดสิ้น

แต่เราจะไม่ทำลายล้างเจ้าให้สิ้นไป

เราจะตีสั่งสอนเจ้า แต่ก็ด้วยความยุติธรรมเท่านั้น

เราจะไม่ปล่อยให้เจ้าลอยนวลพ้นโทษไป”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/46-d937cd015e50981212316e51c6696a2d.mp3?version_id=179—

เยเรมีย์ 47

พระดำรัสเกี่ยวกับฟีลิสเตีย

1 พระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีมาถึงผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์เกี่ยวกับชาวฟีลิสเตีย ก่อนที่ฟาโรห์จะบุกเมืองกาซา ความว่า

2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“จงดูน้ำเอ่อล้นขึ้นในภาคเหนือ

มันจะกลายเป็นกระแสน้ำเชี่ยว

หลากท่วมดินแดนและทุกสิ่งทุกอย่าง

เมืองต่างๆ และผู้คนที่อาศัยอยู่

ประชาชนจะหวีดร้อง

คนทั้งปวงที่อาศัยอยู่ในดินแดนนั้นจะร่ำไห้

3 เมื่อได้ยินเสียงควบม้า

เสียงรถม้าศึกของข้าศึก

และเสียงดังสนั่นของล้อรถ

ผู้เป็นพ่อจะไม่หันมาช่วยลูกๆ ของตน

มือของเขาอ่อนเปลี้ยไปหมด

4 เพราะถึงเวลาแล้ว

ที่จะทำลายล้างฟีลิสเตียทั้งหมด

และกำจัดผู้รอดชีวิตทั้งปวง

ซึ่งจะมาช่วยเมืองไทระกับไซดอน

องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังจะทำลายล้างชาวฟีลิสเตีย

ชนหยิบมือที่เหลือจากชายฝั่งทะเลคัฟโทร์

5 กาซาจะโกนศีรษะไว้ทุกข์

อัชเคโลนจะนิ่งเงียบ

ชนหยิบมือที่เหลือแห่งที่ราบ

เจ้าจะเชือดเนื้อเถือหนังตัวเองอีกนานเท่าไร?

6 “เจ้าร้องว่า ‘ดาบขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอ๋ย

เมื่อไรหนอเจ้าจึงจะหยุดพัก?

โปรดกลับเข้าไปในฝักเถิด

นิ่งพักสงบเถิด’

7 แต่ดาบนั้นจะสงบนิ่งได้อย่างไร

ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชามัน

ในเมื่อพระองค์ทรงสั่งมัน

ให้มันฟาดฟันอัชเคโลนและชายฝั่งทะเล?”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/47-3093a466729abbde4cef3a687aedf4a2.mp3?version_id=179—

เยเรมีย์ 48

พระดำรัสเกี่ยวกับโมอับ

1 พระดำรัสของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์

พระเจ้าแห่งอิสราเอลเกี่ยวกับโมอับความว่า

“วิบัติแก่เนโบ เพราะมันจะถูกทำลาย

คีริยาธาอิมจะอัปยศอดสูและถูกยึด

ป้อมที่มั่นจะอัปยศอดสูและพังทลาย

2 โมอับจะไม่เป็นที่ยกย่องอีกแล้ว

ในเฮชโบนผู้คนจะวางแผนโค่นล้มโมอับว่า

‘มาเถิด ให้เราทำให้ชนชาตินี้สิ้นไป’

มัดเมนเอ๋ย เจ้าเองก็จะถูกทำให้เงียบงันเช่นกัน

ดาบจะตามล่าเจ้า

3 ฟังเสียงร้องจากโฮโรนาอิมสิ

เสียงห้ำหั่น และเสียงเข้าทำลายล้างขนานใหญ่

4 โมอับจะแหลกลาญ

บรรดาลูกน้อยของเธอร้องเสียงดัง

5 พวกเขาขึ้นไปตามทางสู่ลูฮิท

ร้องไห้อย่างขมขื่นขณะเดินไป

ตามเส้นทางสู่โฮโรนาอิม

ได้ยินเสียงร้องโหยหวนเพราะถูกทำลาย

6 หนีเร็ว! จงหนีเอาชีวิตรอดเถิด

จงเป็นเหมือนพุ่มไม้ในถิ่นกันดารเถิด

7 เพราะเจ้าวางใจในทรัพย์สมบัติและความสามารถของตนเอง

เจ้าจึงจะตกเป็นเชลยด้วย

และพระเคโมชจะถูกเนรเทศไปต่างแดน

พร้อมกับบรรดาปุโรหิตและเหล่าขุนนางของตน

8 ผู้ทำลายจะมาต่อสู้ทุกเมือง

และไม่มีสักเมืองเดียวรอดไปได้

หุบเขาและที่ราบสูงจะถูกทำลาย

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว

9 จงเอาเกลือใส่โมอับเถิด

เพราะมันจะร้างเปล่า

หัวเมืองต่างๆ จะถูกทิ้งร้าง

ไม่มีคนอยู่อาศัย

10 “คำสาปแช่งตกอยู่แก่ผู้เฉื่อยช้าในการทำงานที่องค์พระผู้เป็นเจ้ามอบหมายให้!

คำสาปแช่งมีแก่ผู้เก็บดาบไว้ ไม่ยอมทำให้เลือดชโลมดิน!

11 “โมอับอยู่สงบมาตั้งแต่เยาว์วัย

เหมือนเหล้าองุ่นที่ทิ้งไว้ทั้งตะกอน

ไม่มีการเปลี่ยนถ่ายใส่ไหใหม่

ไม่เคยตกเป็นเชลย

ฉะนั้นรสชาติจึงคงเดิม

และกลิ่นก็ไม่เปลี่ยน

12 แต่วันเวลาจะมาถึง”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“เมื่อเราจะส่งคนมาเทโมอับ

ออกจากไห

พวกเขาจะเทโมอับออกจนเกลี้ยง

แล้วทุบไหแตกเป็นเสี่ยงๆ

13 เมื่อนั้นโมอับจะอับอายขายหน้าเพราะพระเคโมช

เหมือนที่วงศ์วานอิสราเอลอับอายขายหน้า

เมื่อวางใจในเบธเอล

14 “เจ้าพูดออกมาได้อย่างไรว่า ‘เราเป็นนักรบ

เป็นผู้แกล้วกล้าในสงคราม’?

15 โมอับจะถูกทำลาย และหัวเมืองต่างๆ จะถูกย่ำยี

ชายหนุ่มชั้นยอดของโมอับจะถูกประหาร”

องค์กษัตริย์ผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

16 “โมอับจวนจะล่มแล้ว

ความย่อยยับของมันจะมาถึงอย่างรวดเร็ว

17 บรรดาผู้อยู่รายรอบโมอับ จงไว้อาลัยให้มัน

บรรดาผู้รู้ถึงชื่อเสียงของโมอับ

กล่าวว่า ‘คทาเกรียงไกรแหลกลาญถึงเพียงนี้หนอ

ไม้เท้าอันทรงสง่าราศีแตกหักถึงเพียงนี้!’

18 “ชาวดีโบนเอ๋ย

จงลงจากที่สูงศักดิ์ของเจ้า

มานั่งบนพื้นดินแตกระแหงเถิด

เพราะผู้ที่ทำลายล้างโมอับ

จะมาเล่นงานเจ้า

และจะทำลายเมืองป้อมปราการต่างๆ ของเจ้า

19 ชาวเมืองอาโรเออร์

จงออกมายืนดูริมถนน

จงถามชายหญิงที่กำลังหนีจ้าละหวั่นว่า

‘เกิดอะไรขึ้น?’

20 โมอับขายหน้าเพราะมันถูกขยี้แหลกลาญ

จงร้องไห้คร่ำครวญเถิด!

จงป่าวร้องริมแม่น้ำอารโนนว่า

โมอับถูกทำลายแล้ว

21 การพิพากษาลงโทษมาถึงที่ราบสูงแล้ว

ถึงโฮโลน ยาซาห์ และเมฟาอาท

22 ถึงดีโบน เนโบ และเบธดิบลาธาอิม

23 ถึงคีริยาธาอิม เบธกามุล และเบธเมโอน

24 ถึงเคริโอท และโบสราห์

ถึงหัวเมืองทั้งปวงของโมอับทั้งใกล้และไกล

25 พลังของโมอับถูกตัดขาดเสียแล้ว

และแขนของมันก็ถูกหัก”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

26 “จงทำให้โมอับมึนเมา

เพราะมันลบหลู่องค์พระผู้เป็นเจ้า

ให้โมอับเกลือกกลิ้งอยู่ในอาเจียนของตน

ให้มันเป็นเป้าของการเย้ยหยัน

27 อิสราเอลก็เป็นเป้าให้เจ้าเยาะเย้ยแล้วไม่ใช่หรือ?

อิสราเอลตกอยู่ในหมู่โจร

ให้เจ้าส่ายหน้าเย้ยหยัน

ทุกครั้งที่เอ่ยถึงไม่ใช่หรือ?

28 ทิ้งเมืองไปอยู่ตามซอกหินเถิด

ชาวโมอับทั้งหลาย

จงเป็นดั่งนกพิราบ

ซึ่งทำรังไว้ที่ปากถ้ำ

29 “เราได้ยินถึงความหยิ่งทะนงของโมอับ

ความอวดดี ความจองหอง

ความลำพอง และความเย่อหยิ่ง

และความฮึกเหิมในใจของโมอับ

30 เรารู้ความกำเริบเสิบสานของมันซึ่งเปล่าประโยชน์”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“และคำคุยโวของโมอับก็ไร้สาระ

31 ฉะนั้นเราจึงร่ำไห้ให้กับโมอับ

เราร้องไห้เพื่อโมอับทั้งปวง

เราคร่ำครวญให้ผู้คนของคีร์หะเรเสท

32 เถาองุ่นแห่งสิบมาห์เอ๋ย

เราร่ำไห้ให้เจ้าดังที่ยาเซอร์ร่ำไห้

กิ่งก้านสาขาของเจ้าแผ่ขยายไปไกลถึงทะเล

ทอดไปไกลถึงทะเลแห่งยาเซอร์

ผู้ทำลายได้จู่โจม

เถาองุ่นและผลไม้สุกของเจ้าแล้ว

33 ความสุขยินดีสูญสิ้นไป

จากเรือกสวนและท้องทุ่งของโมอับ

เราทำให้น้ำองุ่นหยุดไหลจากบ่อย่ำองุ่นเสียแล้ว

ไม่มีคนย่ำองุ่นพร้อมเสียงโห่ร้องยินดีอีกต่อไป

เสียงโห่ร้องที่มี

ไม่ใช่เสียงร่าเริงยินดี

34 “เสียงร่ำไห้ของพวกเขาดังขึ้น

จากเฮชโบนถึงเอเลอาเลห์และยาฮาส

จากโศอาร์ไปไกลถึงโฮโรนาอิมและเอกลัทเชลิชิยาห์

เพราะแม้แต่ห้วงน้ำแห่งนิมริมก็เหือดแห้ง

35 เราจะนำจุดจบ

มาสู่ผู้ถวายเครื่องบูชาในสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย

และเผาเครื่องหอมบูชาเทพเจ้าต่างๆ ของตนในโมอับ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

36 “ฉะนั้นจิตใจของเราคร่ำครวญถึงโมอับเหมือนเสียงขลุ่ย

เสียงอ้อยส้อยเหมือนเสียงขลุ่ยเพื่อผู้คนแห่งคีร์หะเรเสท

ทรัพย์สมบัติที่พวกเขาได้มาก็สูญสิ้นไป

37 ทุกศีรษะถูกโกนโล้นเตียน

ทุกหนวดเคราถูกโกนเกลี้ยง

ทุกมือถูกกรีด

ทุกเอวคาดผ้ากระสอบ

38 ทุกหลังคาเรือนในโมอับ

และตามทางแยกสาธารณะ

มีแต่การไว้ทุกข์

เพราะเราทุบโมอับทิ้ง

เหมือนตุ่มไหที่ไม่มีใครต้องการ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

39 “มันแหลกป่นปี้เพียงไร ดูพวกเขาร่ำไห้สิ

ดูสิว่าโมอับหันกลับด้วยความอัปยศอดสูเพียงไร!

โมอับกลายเป็นเป้าให้เย้ยหยัน

เป็นที่สยดสยองของบรรดาผู้ที่อยู่รายรอบ”

40 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“ดูเถิด! อินทรีตัวหนึ่งกำลังโฉบลงมา

กางปีกเหนือโมอับ

41 นครต่างๆและที่มั่นทั้งหลาย

จะถูกยึด

ในวันนั้นจิตใจของนักรบแห่งโมอับ

จะเหมือนจิตใจของผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก

42 โมอับจะถูกทำลายสิ้นชาติ

เพราะลบหลู่องค์พระผู้เป็นเจ้า

43 ประชากรโมอับเอ๋ย

ความสยดสยอง หลุมพราง และกับดักรอคอยเจ้าอยู่”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

44 “ผู้ใดหนีเตลิดจากความสยดสยอง

จะตกในหลุมพราง

ผู้ใดปีนออกมาจากหลุมพราง

จะตกลงในกับดัก

เพราะเราจะนำปีแห่งการลงโทษ

มาเหนือโมอับ”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

45 “ผู้ลี้ภัยยืนอยู่ในร่มเงาของเฮชโบน

อย่างสิ้นเนื้อประดาตัว

เพราะมีไฟออกจากเฮชโบน

เปลวไฟแรงกล้าจากกลางสิโหน

เผาผลาญหน้าผากของโมอับ

เผากะโหลกศีรษะของนักคุยโวเสียงขรม

46 วิบัติแก่เจ้า โมอับเอ๋ย!

ไพร่พลของพระเคโมชถูกทำลายล้าง

บรรดาลูกชายลูกสาวของเจ้า

ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

47 “ถึงกระนั้น ในภายภาคหน้า

เราจะให้โมอับกลับสู่สภาพดี”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

คำพิพากษาโทษโมอับจบลงเพียงเท่านี้

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/48-b99116af89887d95891acba4cd84895e.mp3?version_id=179—

เยเรมีย์ 49

พระดำรัสเกี่ยวกับอัมโมน

1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับชาวอัมโมนความว่า

“อิสราเอลไม่มีบุตรชายหรือ?

นางไม่มีทายาทหรือ?

ก็แล้วเหตุใดพระโมเลคจึงเข้ายึดครองกาด?

เหตุใดชนชาติของเขาจึงเข้ามาอาศัยในเมืองต่างๆ ของกาด?

2 แต่วันเวลานั้นจะมาถึง”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“เมื่อเราจะโห่ร้องออกศึก

สู้กับรับบาห์ของชาวอัมโมน

มันจะกลายเป็นซากปรักหักพัง

และหมู่บ้านต่างๆ โดยรอบจะถูกเผา

แล้วอิสราเอลจะขับไล่

ชนชาติที่ได้ขับไล่ตนออกมา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น

3 “เฮชโบนเอ๋ย จงร่ำไห้เถิด เพราะอัยถูกทำลายแล้ว!

ชาวรับบาห์เอ๋ย ร้องออกมาเถิด

จงสวมเสื้อผ้ากระสอบและร่ำไห้เถิด

และวิ่งพล่านไปมาภายในกำแพง

เพราะพระโมเลคจะถูกเนรเทศ

ไปพร้อมกับบรรดาปุโรหิตและเหล่าขุนนางของตน

4 เหตุใดเจ้าจึงโอ้อวดถึงบรรดาหุบเขาของเจ้า

โอ้อวดว่าบรรดาหุบเขาของเจ้าอุดมสมบูรณ์นัก?

ธิดาผู้ไม่ซื่อสัตย์เอ๋ย

เจ้าไว้วางใจในทรัพย์สมบัติของเจ้าและคุยโอ่ว่า

‘ใครจะมาโจมตีเราได้?’

5 เราจะนำความสยดสยอง

จากประเทศเพื่อนบ้านทั้งปวงมายังเจ้า”

องค์พระผู้เป็นเจ้าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า

“พวกเจ้าทุกคนจะถูกขับไล่ออกไป

และจะไม่มีใครรวบรวมบรรดาผู้ลี้ภัยได้

6 “แต่ภายหลังเราจะให้ชาวอัมโมนกลับสู่สภาพดี”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

พระดำรัสเกี่ยวกับเอโดม

7 พระดำรัสของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์

เกี่ยวกับเอโดมความว่า

“ในเทมานไม่มีสติปัญญาอีกแล้วหรือ?

คำปรึกษาหารือสูญสิ้นไปจากคนชาญฉลาดแล้วหรือ?

สติปัญญาของเขาเน่าเปื่อยไปหมดแล้วหรือ?

8 ชาวเดดานเอ๋ย

จงหันหนีไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำลึก

เพราะเราจะนำหายนะมาสู่เอซาว

ในเวลาที่เราจะลงโทษเขา

9 หากคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า

เขาจะไม่เหลือไว้บ้างนิดหน่อยหรือ?

หากขโมยมาในยามค่ำคืน

เขาจะไม่ขโมยไปเพียงเท่าที่เขาอยากได้หรือ?

10 แต่เราจะกวาดล้างดินแดนของเอซาวจนโล่งเตียน

เราจะเผยที่ซ่อนของเขา

จนเขาไม่สามารถหลบซ่อนได้

ลูกหลาน ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้านของเขาจะพินาศ

และเอซาวเองก็จะสูญสิ้น

11 ทิ้งลูกกำพร้าของเจ้าไว้เถิด เราจะคุ้มครองชีวิตของพวกเขา

แม่ม่ายของเจ้าก็พึ่งพาเราได้”

12 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “หากผู้ที่ไม่สมควรรับโทษยังต้องดื่มจากถ้วยแห่งโทษทัณฑ์ แล้วเจ้าจะลอยนวลพ้นโทษไปได้หรือ? เจ้าจะไม่พ้นโทษไปได้หรอก เจ้าก็ต้องดื่มด้วย”

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เราปฏิญาณโดยอ้างตัวเราเองว่า โบสราห์จะกลายเป็นซากปรักหักพัง เป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์และติเตียนสาปแช่ง หัวเมืองทั้งปวงของมันจะเป็นซากปรักหักพังตลอดไป”

14 ข้าพเจ้าได้ยินพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า

มีทูตคนหนึ่งถูกส่งออกไปยังประชาชาติต่างๆ เพื่อแจ้งว่า

“จงรวมกำลังกันไปบุกโจมตีเมืองนั้น!

ยกทัพไปรบเถิด!”

15 “บัดนี้เราจะทำให้เจ้าเล็กกระจ้อยร่อยในหมู่ประชาชาติ

เป็นที่เหยียดหยามในหมู่ผู้คน

16 ความสยดสยองที่เจ้าคิดขึ้น

และความหยิ่งผยองในใจได้หลอกลวงเจ้า

เจ้าผู้อาศัยอยู่ในซอกหิน

ผู้ครอบครองยอดเขา

แม้เจ้าจะสร้างรังไว้สูงเหมือนรังนกอินทรี

เราก็จะฉุดเจ้าให้ตกลงมา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

17 “เอโดมจะกลายเป็นเป้าของความสยดสยอง

บรรดาคนที่ผ่านไปมาจะตกตะลึงและจะเยาะเย้ยถากถาง

เนื่องด้วยบาดแผลทั้งสิ้นของมัน”

18 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า

“โสโดมและโกโมราห์ถูกทำลาย

พร้อมทั้งเมืองใกล้เคียงฉันใด

เอโดมก็จะไม่มีใครอยู่

ไม่มีใครอาศัยอีกต่อไปฉันนั้น

19 “ดุจสิงโตพุ่งออกมาจากพงไพรแห่งจอร์แดน

สู่ทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์

เราจะขับไล่เอโดมออกจากดินแดนของมันในชั่วพริบตา

ใครคือผู้ที่เราเลือกสรรแต่งตั้งเพื่อการนี้?

ใครจะเสมอเหมือนเราและใครจะท้าทายเราได้?

และคนเลี้ยงแกะหน้าไหนจะต้านทานเราได้?”

20 ฉะนั้นจงฟังแผนการที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะจัดการกับเอโดม

สิ่งที่พระองค์ทรงดำริไว้ต่อสู้ผู้ที่อาศัยอยู่ในเทมาน

ลูกอ่อนในฝูงจะถูกลากไป

พระองค์จะทรงทำลายล้างทุ่งหญ้าของพวกเขาเพราะตัวพวกเขา

21 ทั่วโลกจะสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเสียงเอโดมล่มสลาย

เสียงร้องของชาวเอโดมจะดังไปถึงทะเลแดง

22 ดูเถิด! นกอินทรีตัวหนึ่งจะบินร่อนและโฉบลงมา

คลี่ปีกเหนือโบสราห์

วันนั้นจิตใจของนักรบเอโดม

จะเหมือนจิตใจของผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก

พระดำรัสเกี่ยวกับดามัสกัส

23 พระดำรัสเกี่ยวกับดามัสกัสความว่า

“ฮามัทและอารปัดท้อแท้หดหู่

เพราะได้ยินข่าวร้าย

จิตใจของเขาจึงระย่อ

ทุรนทุรายเหมือนทะเลปั่นป่วน

24 ดามัสกัสก็หมดแรง

เขาหันหนี

และหวาดหวั่นจับใจ

ความทุกข์ทรมานร้าวรานจู่โจมจับหัวใจ

เจ็บปวดรวดร้าวดั่งผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก

25 นครเลื่องชื่อซึ่งเราปีติยินดี

ถูกทอดทิ้งแล้วไม่ใช่หรือ?

26 แน่นอน หนุ่มฉกรรจ์ของกรุงนั้นจะล้มลงกลางถนน

ทหารทุกคนจะถูกสยบในวันนั้น”

พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น

27 “เราจะจุดไฟเผากำแพงดามัสกัส

มันจะเผาผลาญป้อมต่างๆ ของเบนฮาดัด”

พระดำรัสเกี่ยวกับเคดาร์และฮาโซร์

28 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับเคดาร์และอาณาจักรต่างๆ ของฮาโซร์ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้บุกโจมตีความว่า

“จงลุกขึ้น บุกเข้าโจมตีเคดาร์

และทำลายล้างชาวถิ่นตะวันออก

29 เต็นท์และฝูงสัตว์ของเขาจะถูกยึดไป

ที่พักพิงของเขาจะถูกริบไป

พร้อมกับอูฐและข้าวของทั้งปวง

ผู้คนจะร้องบอกพวกเขาว่า

‘ความสยดสยองอยู่รอบด้าน!’

30 “ชนชาวฮาโซร์เอ๋ย จงหนีเร็ว!

ไปซ่อนตัวในถ้ำลึกเถิด”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้วางแผนต่อสู้เจ้า

และคิดเล่นงานเจ้า”

31 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“จงลุกขึ้นโจมตีประชาชาติ

ซึ่งเอกเขนกเอ้อระเหยอยู่อย่างมั่นใจ

ชนชาติซึ่งไม่มีประตูเมือง ไม่มีดาลประตู

อาศัยอยู่โดดเดี่ยวลำพัง

32 อูฐของพวกเขาจะกลายเป็นของปล้น

สัตว์ฝูงใหญ่ของพวกเขาจะกลายเป็นของริบ

เราจะทำให้คนที่อยู่ห่างไกลกระจัดกระจายไปกับสายลม

และจะนำภัยพิบัติรอบด้านมายังพวกเขา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

33 “ฮาโซร์จะกลายเป็นถิ่นหมาใน

เป็นที่ถูกทิ้งร้างตลอดกาล

ไม่มีคนอยู่ที่นั่น

ไม่มีใครอาศัยที่นั่น”

พระดำรัสเกี่ยวกับเอลาม

34 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับเอลามซึ่งมีมาถึงผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ในต้นรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ความว่า

35 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า

“ดูเถิด เราจะหักธนูของเอลาม

ขุมกำลังของเขา

36 เราจะนำลมทั้งสี่จากย่านทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์

มาเล่นงานคนเอลาม

เราจะทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปตามลมทั้งสี่

ไม่มีชาติไหนที่เอลาม

ไม่ได้ตกเป็นเชลย

37 เราจะทำให้เอลามแหลกป่นปี้ต่อหน้าศัตรู

ต่อหน้าคนที่หมายเอาชีวิตของเขา

เราจะนำภัยพิบัติ

และโทสะเกรี้ยวกราดลงมาเหนือเขา”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

“เราจะใช้ดาบตามล่าพวกเขา

จนกว่าพวกเขาจะถึงจุดจบ

38 เราจะตั้งบัลลังก์ของเราไว้ในเอลาม

และทำลายกษัตริย์กับเหล่าขุนนาง”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

39 “แต่ในภายภาคหน้า

เราจะให้เอลามกลับสู่สภาพดี”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JER/49-016ce50614d8928ba73d75c2ca58f9f5.mp3?version_id=179—