ดาเนียล 5

ข้อความบนผนัง

1 กษัตริย์เบลชัสซาร์ทรงจัดงานเลี้ยงใหญ่ประทานแก่ขุนนางผู้ใหญ่หนึ่งพันคน และทรงเสวยเหล้าองุ่นร่วมกับเขา

2 ขณะเสวยอยู่ก็รับสั่งให้นำภาชนะเงินและทองคำซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ราชบิดาได้ยึดมาจากพระวิหารในเยรูซาเล็มนั้นมาให้กษัตริย์ ขุนนาง มเหสี และเหล่านางสนมใส่เหล้าองุ่น

3 พวกเขาจึงนำภาชนะทองคำซึ่งริบมาจากพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มมาให้กษัตริย์ ขุนนาง มเหสี และเหล่านางสนมใส่เหล้าองุ่นดื่ม

4 พวกเขาดื่มพร้อมทั้งสรรเสริญเทพเจ้าที่ทำจากทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ และหิน

5 ทันใดนั้นมีนิ้วมือมนุษย์ปรากฏขึ้นและเขียนบนผนังใกล้คันประทีปในพระราชวัง กษัตริย์ทอดพระเนตรดูมือนั้นเขียนไป

6 พระพักตร์ของพระองค์ก็ซีดเผือด ทรงตกพระทัยจนเข่าสั่นกระทบกัน แข้งขาอ่อนหมดเรี่ยวหมดแรง

7 พระองค์ตรัสเรียกให้นำตัวนักเวทมนตร์ โหราจารย์และหมอดูฤกษ์ยามทั้งหลายมา และตรัสแก่ปราชญ์ของบาบิโลนเหล่านี้ว่า “ผู้ใดก็ตามอ่านข้อความนี้แล้วบอกเราได้ว่ามีความหมายว่าอะไร เราจะให้ผู้นั้นสวมชุดสีม่วงกับสร้อยคอทองคำ และให้ครองอำนาจเป็นที่สามในราชอาณาจักร”

8 แล้วปราชญ์ทั้งปวงของกษัตริย์ก็มาเข้าเฝ้า แต่ไม่มีใครสามารถอ่านข้อความที่เขียนไว้ หรือทูลให้กษัตริย์ทรงทราบว่าหมายความว่าอะไร

9 ดังนั้นกษัตริย์เบลชัสซาร์จึงยิ่งตกพระทัย และพระพักตร์ยิ่งขาวซีด ขุนนางทั้งปวงก็ว้าวุ่นใจ

10 พระราชินีทรงได้ยินพระสุรเสียงของกษัตริย์และเสียงเหล่าขุนนาง ก็เสด็จเข้ามาในท้องพระโรงซึ่งมีงานเลี้ยงนั้น พระนางตรัสว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอจงทรงพระเจริญ! อย่าตกพระทัยจนพระพักตร์ซีดเลย!

11 มีชายผู้หนึ่งในราชอาณาจักรซึ่งมีวิญญาณของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์สถิตด้วยในรัชสมัยของพระราชบิดา เราพบว่าชายคนนี้มีสติปัญญา ไหวพริบ และความหยั่งรู้เสมอเหมือนเทพเจ้า กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ราชบิดาของพระองค์จึงทรงแต่งตั้งเขาให้เป็นหัวหน้านักเล่นอาคม นักเวทมนตร์ โหราจารย์ และหมอดูฤกษ์ยามทั้งปวง

12 ดาเนียลผู้นี้ซึ่งกษัตริย์ตรัสเรียกว่าเบลเทชัสซาร์เป็นผู้มีปัญญาเฉียบแหลม มีความรู้ความเข้าใจ และยังสามารถทำนายฝันแก้ปริศนาและปัญหายุ่งยากทั้งหลาย ขอให้ตามตัวดาเนียลมาเถิด เขาจะสามารถกราบทูลว่าข้อความนี้หมายความว่าอะไร”

13 ดาเนียลจึงถูกนำตัวมาเข้าเฝ้า กษัตริย์ตรัสกับเขาว่า “เจ้าคือดาเนียลเชลยที่ราชบิดาของเรานำตัวมาจากยูดาห์หรือ?

14 เราได้ยินมาว่าวิญญาณของเทพเจ้าอยู่ในตัวเจ้า และเจ้ามีความหยั่งรู้ ไหวพริบ และสติปัญญาล้ำเลิศ

15 เราได้เรียกบรรดาปราชญ์และนักเล่นอาคมให้มาอ่านข้อความนี้และแจ้งความหมายแก่เรา แต่พวกเขาอธิบายความไม่ได้

16 เราได้ยินมาว่าเจ้าสามารถอธิบายความและแก้ปริศนาอันซับซ้อนซ่อนเงื่อนได้ หากเจ้าสามารถอ่านข้อความนี้และบอกความหมายแก่เราได้ เราจะให้เจ้าสวมชุดสีม่วงและสวมสร้อยคอทองคำ แล้วแต่งตั้งให้เจ้าครองอำนาจเป็นที่สามในราชอาณาจักร”

17 ดาเนียลจึงทูลกษัตริย์ว่า “ขอทรงเก็บของประทานไว้และปูนบำเหน็จแก่ผู้อื่นเถิด อย่างไรก็ดีข้าพระบาทจะอ่านข้อความถวายฝ่าพระบาทและทูลความหมายให้ทรงทราบ

18 “ข้าแต่กษัตริย์ พระเจ้าสูงสุดได้ประทานราชอำนาจ ความยิ่งใหญ่ และเกียรติบารมีแก่เนบูคัดเนสซาร์ราชบิดาของฝ่าพระบาท

19 เนื่องจากฐานะสูงส่งที่พระเจ้าประทานให้พระองค์ มวลประชาชาติและคนทุกภาษาจึงยำเกรงครั่นคร้ามพระองค์ ผู้ที่กษัตริย์ประสงค์ให้ประหารก็จะถูกประหาร ผู้ที่ทรงประสงค์ให้ไว้ชีวิตก็จะรอดชีวิต ทรงให้ยศถาบรรดาศักดิ์หรือถอดถอนผู้ใดตามแต่ชอบพระทัย

20 แต่เมื่อพระทัยของพระองค์เย่อหยิ่งและกำเริบเสิบสาน พระเจ้าจึงทรงปลดพระองค์ออกจากราชบัลลังก์และริบเอาเกียรติบารมีของพระองค์ไป

21 พระองค์ทรงถูกขับไล่จากมวลมนุษย์และได้รับความคิดจิตใจแบบสัตว์ ทรงใช้ชีวิตอยู่กับลาป่า กินหญ้าเหมือนวัว กายตากน้ำค้าง จนกระทั่งทรงเรียนรู้ว่าพระเจ้าสูงสุดทรงครอบครองเหนืออาณาจักรของมนุษย์ทั้งปวง และทรงตั้งผู้ใดก็ได้ตามแต่ชอบพระทัยให้ครองอาณาจักร

22 “ข้าแต่เบลชัสซาร์ แต่ฝ่าพระบาทผู้เป็นโอรสทรงทราบเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ก็ไม่ได้ถ่อมพระทัยลง

23 กลับยกองค์ลบหลู่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ทรงให้นำภาชนะจากพระวิหารของพระเจ้ามาให้ฝ่าพระบาท ขุนนาง มเหสี และเหล่านางสนมใส่เหล้าองุ่นดื่ม ทรงยกย่องสรรเสริญเทพเจ้าที่ทำจากเงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ และหิน ซึ่งมองอะไรไม่เห็น ฟังอะไรไม่ได้ยิน และไม่เข้าใจ ฝ่าพระบาทไม่ได้เทิดพระเกียรติพระเจ้าผู้กุมชีวิตและวิถีทางทั้งปวงของฝ่าพระบาทไว้ในพระหัตถ์

24 ฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงส่งมือมาเขียนข้อความนั้น

25 “ข้อความนั้นเขียนไว้ว่า

เมเน เมเน เทเคล ปาร์ซิน

26 “ความหมายนั้นก็คือ

เมเนหมายความว่า พระเจ้าได้ทรงนับวันเวลาแห่งรัชกาลของฝ่าพระบาทไว้และนำมาถึงจุดจบ

27 เทเคลหมายความว่า ฝ่าพระบาทถูกชั่งบนตราชั่งและเบากว่าที่กำหนด

28 เปเรสหมายความว่า ราชอาณาจักรของฝ่าพระบาทถูกแบ่งแยก และยกให้ชาวมีเดียและเปอร์เซีย”

29 แล้วเบลชัสซาร์รับสั่งให้ดาเนียลสวมชุดสีม่วงและสร้อยคอทองคำ แล้วแต่งตั้งให้เป็นผู้ครอบครองอันดับที่สามของราชอาณาจักร

30 ในคืนวันนั้นเองกษัตริย์เบลชัสซาร์ของชาวบาบิโลนก็ถูกปลงพระชนม์

31 และดาริอัสแห่งมีเดียทรงยึดอาณาจักรบาบิโลนได้ ขณะนั้นดาริอัสทรงมีพระชนมายุ 62 พรรษา

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/DAN/5-33a69c932c161db2ac18995ac1606d48.mp3?version_id=179—

ดาเนียล 6

ดาเนียลในถ้ำสิงโต

1 ดาริอัสทรงเห็นชอบให้แต่งตั้งเสนาบดี 120 คนปกครองทั่วราชอาณาจักร

2 โดยมีผู้บริหารการปกครองสามนายปกครองเหนือคนเหล่านั้น หนึ่งในสามนั้นคือดาเนียล เสนาบดีจะรายงานต่อผู้บริหารการปกครองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกษัตริย์

3 ดาเนียลมีคุณสมบัติดีเด่นเหนือกว่าผู้บริหารการปกครองคนอื่นและเสนาบดีทั้งหลาย กษัตริย์จึงดำริจะแต่งตั้งให้เขาดูแลทั่วราชอาณาจักร

4 ด้วยเหตุนี้ผู้บริหารการปกครองคนอื่นและเสนาบดีทั้งหลายจึงพยายามจับผิดดาเนียลในงานราชการแผ่นดินแต่ไม่สำเร็จ พวกเขาไม่พบข้อบกพร่องของดาเนียลเลยเพราะเขาซื่อสัตย์ ไม่เคยฉ้อราษฎร์บังหลวงหรือละเลยหน้าที่

5 ในที่สุดคนเหล่านี้ก็พูดกันว่า “เราไม่มีทางหาเรื่องจับผิดดาเนียลคนนี้ได้เลย นอกจากเรื่องเกี่ยวกับพระบัญญัติของพระเจ้าของเขา”

6 ฉะนั้นผู้บริหารการปกครองคนอื่นและเหล่าเสนาบดีจึงรวมกลุ่มกันเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ดาริอัส ขอจงทรงพระเจริญ!

7 ข้าพระบาททั้งหลาย ผู้บริหารการปกครอง ข้าหลวงภาค เสนาบดี ราชมนตรี และผู้ว่าการทั้งปวง เห็นพ้องต้องกันว่าฝ่าพระบาทควรออกพระราชกฤษฎีกาว่า หากผู้หนึ่งผู้ใดอธิษฐานต่อเทพเจ้าหรือขอต่อมนุษย์นอกเหนือจากฝ่าพระบาทในช่วงสามสิบวันที่จะถึงนี้ ข้าแต่กษัตริย์ ผู้นั้นจะต้องถูกโยนลงในถ้ำสิงโต

8 บัดนี้ ข้าแต่กษัตริย์ ขอทรงออกพระราชกฤษฎีกาเป็นลายลักษณ์อักษรที่ไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งตามกฎหมายของชาวมีเดียและเปอร์เซียจะยกเลิกไม่ได้”

9 ฉะนั้นกษัตริย์ดาริอัสจึงให้ออกพระราชกฤษฎีกาเป็นลายลักษณ์อักษร

10 เมื่อดาเนียลทราบว่าพระราชกฤษฎีกาประกาศใช้แล้ว เขาก็กลับบ้านและขึ้นไปยังห้องชั้นบนซึ่งหน้าต่างเปิดไปทางกรุงเยรูซาเล็ม เขาคุกเข่า อธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้าของเขาวันละสามครั้งตามที่เคยปฏิบัติเสมอมา

11 แล้วคนเหล่านั้นรวมกลุ่มกันไปเฝ้าดูและพบดาเนียลอธิษฐานทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า

12 พวกเขาจึงไปเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลเกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกาว่า “ฝ่าพระบาททรงออกพระราชกฤษฎีกาแล้วไม่ใช่หรือว่า หากผู้หนึ่งผู้ใดอธิษฐานต่อเทพเจ้าหรือขอต่อมนุษย์นอกเหนือจากฝ่าพระบาทในช่วงสามสิบวันนี้ ข้าแต่กษัตริย์ ผู้นั้นจะต้องถูกโยนลงในถ้ำสิงโต?”

กษัตริย์ตรัสตอบว่า “กฤษฎีกานั้นมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายของชาวมีเดียและเปอร์เซียซึ่งยกเลิกไม่ได้”

13 พวกเขาจึงทูลกษัตริย์ว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ดาเนียลซึ่งเป็นเชลยคนหนึ่งจากยูดาห์ไม่ใส่ใจในฝ่าพระบาทหรือพระราชกฤษฎีกาที่ทรงให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร เขายังคงอธิษฐานวันละสามครั้ง”

14 เมื่อกษัตริย์ทรงทราบเช่นนี้ก็ทุกข์พระทัยยิ่งนัก ทรงครุ่นคิดหาวิธีช่วยเหลือดาเนียลจนพลบค่ำ

15 คนเหล่านั้นก็รวมกลุ่มกันมาเข้าเฝ้าและทูลว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอทรงระลึกว่าตามกฎหมายของชาวมีเดียและเปอร์เซีย คำสั่งหรือกฤษฎีกาใดๆ ของกษัตริย์ที่ออกไปจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย”

16 ฉะนั้นกษัตริย์จึงมีพระบัญชา และพวกเขาก็จับดาเนียลโยนลงในถ้ำสิงโต กษัตริย์ตรัสกับดาเนียลว่า “ขอให้พระเจ้าที่เจ้าปรนนิบัติเสมอมานั้นช่วยเหลือเจ้าเถิด!”

17 เขานำหินก้อนหนึ่งมาปิดที่ปากถ้ำ แล้วกษัตริย์ประทับตราพระธำมรงค์ที่หินนั้น และบรรดาขุนนางประทับตราแหวนของตนเพื่อไม่ให้ใครมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขสถานการณ์ของดาเนียลได้

18 แล้วกษัตริย์เสด็จกลับวัง ทรงงดเสวยและการบันเทิงทั้งปวง และพระองค์บรรทมไม่หลับตลอดทั้งคืนนั้น

19 ทันทีที่ฟ้าสาง กษัตริย์ก็รีบรุดมายังถ้ำสิงโต

20 เมื่อเข้ามาใกล้ถ้ำ พระองค์ตรัสเรียกดาเนียลด้วยพระสุรเสียงอันปวดร้าวว่า “โอ ดาเนียลผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระเจ้าที่เจ้ารับใช้เสมอมานั้นช่วยเจ้าให้พ้นจากสิงโตได้หรือเปล่า?”

21 ดาเนียลทูลตอบว่า “ข้าแต่กษัตริย์ ขอจงทรงพระเจริญ!

22 พระเจ้าของข้าพระบาททรงส่งทูตของพระองค์มาปิดปากสิงโตไว้ พวกมันไม่ได้ทำอะไรข้าพระบาทเลย เพราะข้าพระบาทบริสุทธิ์ในสายพระเนตรของพระเจ้า และไม่เคยทำผิดประการใดต่อหน้าองค์กษัตริย์เลย”

23 กษัตริย์ทรงยินดีเป็นล้นพ้น ตรัสสั่งให้ดึงดาเนียลขึ้นจากถ้ำ เมื่อดาเนียลขึ้นมาแล้วปรากฏว่าเขาไม่มีบาดแผลใดๆ เพราะเขาไว้วางใจพระเจ้าของเขา

24 กษัตริย์ทรงบัญชาให้จับบรรดาผู้ที่กล่าวหาดาเนียลอย่างผิดๆ โยนลงในถ้ำสิงโตพร้อมทั้งภรรยาและลูกๆ ร่างของคนเหล่านั้นก็ถูกสิงโตขย้ำจนกระดูกแหลกก่อนที่จะกระทบพื้นถ้ำ

25 แล้วกษัตริย์ดาริอัสทรงเขียนถึงพลเมืองทุกชาติทุกภาษาทั่วอาณาจักรว่า

“ขอให้ท่านทั้งหลายเจริญรุ่งเรืองเถิด!

26 “ข้าพเจ้าออกกฤษฎีกาให้ทุกคนทั่วราชอาณาจักรจงเคารพยำเกรงพระเจ้าของดาเนียล

“เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่

และทรงดำรงอยู่ตลอดกาล

ราชอาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันถูกทำลาย

ราชอำนาจของพระองค์ไม่มีที่สิ้นสุด

27 พระองค์ทรงช่วยและทรงกอบกู้

ทรงกระทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ

ในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก

พระองค์ทรงกอบกู้ดาเนียล

จากอำนาจของสิงโต”

28 ดังนั้นดาเนียลจึงเจริญรุ่งเรืองในรัชกาลกษัตริย์ดาริอัส และในรัชกาลของกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/DAN/6-312546c30029e910ff8043319eb1ed22.mp3?version_id=179—

ดาเนียล 7

ความฝันของดาเนียลเกี่ยวกับสัตว์ทั้งสี่

1 ในปีแรกของรัชกาลกษัตริย์เบลชัสซาร์แห่งบาบิโลน ดาเนียลฝันเห็นนิมิตขณะนอนหลับอยู่ เขาได้บันทึกความฝันไว้

2 ดาเนียลกล่าวว่า “ในนิมิตยามกลางคืน ข้าพเจ้ามองไปเบื้องหน้า มีลมทั้งสี่ทิศจากฟ้าสวรรค์พัดกระหน่ำ ทำให้ท้องทะเลใหญ่ปั่นป่วน

3 แล้วสัตว์มหึมาสี่ตัวโผล่ขึ้นจากทะเล แต่ละตัวมีลักษณะไม่เหมือนกัน

4 “ตัวแรกเหมือนสิงโตและมีปีกเหมือนนกอินทรี ข้าพเจ้าเฝ้าดูจนเห็นปีกของมันถูกฉีกออก มันถูกพยุงขึ้นจากพื้นให้ยืนด้วยสองขาแบบมนุษย์ และมันได้รับจิตใจเยี่ยงมนุษย์

5 “ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ตัวที่สองซึ่งดูเหมือนหมี มันโผล่ขึ้นมา ปากคาบซี่โครงสามซี่ไว้ มีผู้บอกมันว่า ‘ลุกขึ้นเถิด จงกินเนื้อให้อิ่ม!’

6 “หลังจากนั้นข้าพเจ้ามองไป มีสัตว์อีกตัวหนึ่งเหมือนเสือดาว ที่หลังของมันมีปีกสี่ปีกคล้ายปีกนก สัตว์ตัวนี้มีสี่หัว และมันได้รับอำนาจให้ปกครอง

7 “หลังจากนั้น ในนิมิตยามกลางคืน ข้าพเจ้าเห็นสัตว์ตัวที่สี่ น่ากลัวสยดสยองและมีฤทธิ์อำนาจมาก มันมีฟันเหล็กซี่มหึมา มันขย้ำเคี้ยวเหยื่อและเหยียบย่ำส่วนอื่นๆ ที่เหลือจนแหลกลาญ สัตว์ตัวนี้แตกต่างจากตัวอื่นๆ ตรงที่มีเขาสิบเขา

8 “ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังคิดเรื่องเขาต่างๆ อยู่นั้น ก็มีเขาเล็กๆ อีกอันหนึ่งโผล่ขึ้นมาท่ามกลางเขาอื่นๆ และทำให้สามในสิบเขาแรกนั้นถูกถอนออกไป เขาเล็กนี้มีตาเหมือนตามนุษย์และมีปากซึ่งคุยโวโอ้อวด

9 “ขณะที่ข้าพเจ้ามองดู ข้าพเจ้าก็เห็น

“บัลลังก์ต่างๆ จัดตั้งไว้แล้ว

และองค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ประทับที่บัลลังก์ของพระองค์

ฉลองพระองค์ขาวเหมือนหิมะ

พระเกศาเหมือนขนสัตว์ที่ขาวสะอาด

บัลลังก์ของพระองค์มีเปลวไฟลุกโชน

และที่ล้อก็ลุกโชติช่วง

10 แม่น้ำเพลิงกำลังไหล

มาจากเบื้องพระพักตร์ของพระองค์

ผู้รับใช้นับล้านคอยปรนนิบัติพระองค์

และมีคนนับล้านๆ คนยืนอยู่ต่อหน้าพระองค์

การพิจารณาคดีเริ่มขึ้น

หนังสือเล่มต่างๆ ถูกเปิดออก

11 “แล้วข้าพเจ้าจับตาดูต่อไปเพราะคำคุยโวโอ้อวดของเขาเล็กๆ นั้น ข้าพเจ้าเฝ้าดูจนกระทั่งสัตว์นั้นถูกฆ่า ร่างของมันถูกทำลาย แล้วถูกโยนลงในไฟที่ลุกโชน

12 (สัตว์อื่นๆ ถูกยึดอำนาจไปหมดแล้ว แต่ได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกชั่วระยะหนึ่ง)

13 “ในนิมิตคืนนั้น ข้าพเจ้าเห็นผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์ เสด็จมาพร้อมด้วยหมู่เมฆแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์เสด็จเข้าไปใกล้และเข้าเฝ้าองค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์

14 พระองค์ได้รับสิทธิอำนาจ เกียรติสิริ และอำนาจปกครองสูงสุด ชาวโลกทุกชาติทุกภาษานมัสการพระองค์ ราชอำนาจของพระองค์ดำรงอยู่ตลอดกาล ราชอำนาจที่จะไม่มีวันสิ้นสุด และพระราชอาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันถูกทำลาย

ความหมายของความฝัน

15 “ข้าพเจ้าดาเนียลทุกข์ใจยิ่งนัก นิมิตที่เห็นทำให้ข้าพเจ้าว้าวุ่นสับสน

16 ข้าพเจ้าก้าวเข้าไปใกล้ผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ที่นั่น ขอให้ช่วยอธิบายความหมายของสิ่งทั้งปวงนี้

“ดังนั้นเขาผู้นั้นจึงบอกข้าพเจ้าและให้คำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ว่า

17 ‘สัตว์มหึมาทั้งสี่คืออาณาจักรทั้งสี่ที่จะรุ่งเรืองขึ้นในโลก

18 แต่ประชากรขององค์ผู้สูงสุดจะได้รับอาณาจักรและครอบครองตลอดไปชั่วนิจนิรันดร์’

19 “แล้วข้าพเจ้าต้องการรู้ความหมายแท้จริงของสัตว์ตัวที่สี่ซึ่งแตกต่างจากตัวอื่นๆ และน่ากลัวที่สุด มีฟันเหล็กและมีอุ้งเล็บทองสัมฤทธิ์ สัตว์ซึ่งเคี้ยวขย้ำเหยื่อของมันและเหยียบย่ำส่วนอื่นๆ ที่เหลือจนแหลกลาญ

20 และข้าพเจ้าต้องการทราบเกี่ยวกับเขาทั้งสิบบนหัวของสัตว์ตัวนั้น และเขาอีกอันหนึ่งซึ่งโผล่ขึ้นมาทำให้สามเขาถูกถอนออกไป เขานั้นโดดเด่นกว่าเขาอื่นๆ มันมีตาและมีปากซึ่งคุยโอ้อวด

21 ขณะที่ข้าพเจ้ามองดูอยู่ เขานั้นก็เข้าทำศึกกับเหล่าประชากรของพระเจ้าและได้ชัยชนะ

22 จนกระทั่งองค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เสด็จมาและประกาศคำตัดสินให้ประชากรขององค์ผู้สูงสุดชนะ และเป็นเวลาที่พวกเขาได้ครอบครองอาณาจักร

23 “เขาผู้นั้นอธิบายให้ข้าพเจ้าฟังว่า ‘สัตว์ตัวที่สี่คืออาณาจักรที่สี่ซึ่งจะเกิดขึ้นในโลก จะแตกต่างจากอาณาจักรอื่นๆ ทั้งปวงและจะทำลายล้างโลกทั้งโลก เหยียบย่ำและบดขยี้ให้แหลกลาญ

24 เขาสิบเขาคือกษัตริย์สิบองค์ที่จะมาจากอาณาจักรนี้ ภายหลังจะมีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งขึ้นมาซึ่งแตกต่างจากองค์ก่อนๆ และจะโค่นล้มกษัตริย์สามองค์ลง

25 กษัตริย์องค์นี้จะกล่าวลบหลู่องค์ผู้สูงสุดและกดขี่ข่มเหงประชากรของพระเจ้า จะพยายามเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาและบทบัญญัติต่างๆ ประชากรของพระเจ้าจะตกอยู่ในกำมือของกษัตริย์องค์นี้ตลอดหนึ่งวาระ หลายวาระ และครึ่งวาระ

26 “ ‘แต่การพิจารณาคดีจะเริ่มขึ้นแล้ว ฤทธิ์อำนาจของกษัตริย์องค์นั้นจะถูกนำออกไป และถูกทำลายล้างไปอย่างสิ้นเชิง

27 แล้วประชากรขององค์ผู้สูงสุดจะได้รับสิทธิครอบครองอำนาจและความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรต่างๆ ทั่วใต้ฟ้า ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะยั่งยืนชั่วนิจนิรันดร์ ผู้ครอบครองทั้งปวงจะนอบน้อมเชื่อฟังและนมัสการพระองค์’

28 “จบเรื่องราวแต่เพียงนี้ แล้วข้าพเจ้าดาเนียลก็ทุกข์ใจยิ่งนักเพราะความคิดต่างๆ ของข้าพเจ้า ใบหน้าของข้าพเจ้าซีดเผือด แต่ข้าพเจ้าเก็บงำเรื่องนี้ไว้กับตัวเอง”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/DAN/7-c75cf61dea8b77ba535f5b0fa8292b4b.mp3?version_id=179—

ดาเนียล 8

นิมิตของดาเนียลเกี่ยวกับแกะผู้และแพะผู้

1 ในปีที่สามแห่งรัชกาลเบลชัสซาร์ ข้าพเจ้าดาเนียลเห็นนิมิตอีกครั้งหนึ่ง

2 ในนิมิตนั้นข้าพเจ้าเห็นตัวเองอยู่ที่ป้อมชั้นในเมืองสุสาในแคว้นเอลาม ข้าพเจ้าอยู่ริมคลองอุลัย

3 ข้าพเจ้ามองไปเห็นแกะผู้ตัวหนึ่งยืนอยู่ริมลำคลอง แกะนี้มีสองเขา เขาข้างหนึ่งยาวกว่าอีกข้างหนึ่ง แต่งอกขึ้นมาทีหลัง

4 ข้าพเจ้ามองดูแกะผู้ตัวนั้นขวิดไปทางตะวันตก ทางเหนือ และทางใต้ ไม่มีสัตว์ใดต่อกรกับมันได้และไม่มีสิ่งใดช่วยให้พ้นจากอำนาจของมัน มันทำอะไรตามใจชอบและยิ่งใหญ่ขึ้น

5 ขณะข้าพเจ้าครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ ทันใดนั้นมีแพะผู้ตัวหนึ่งซึ่งมีเขาโดดเด่นอยู่ระหว่างตา วิ่งห้อข้ามพื้นพิภพมาจากทางตะวันตกอย่างรวดเร็ว เท้าของมันไม่แตะดิน

6 มันรี่เข้าใส่แกะผู้สองเขา ซึ่งข้าพเจ้าเห็นยืนอยู่ริมคลองนั้น และพุ่งชนด้วยความโกรธอย่างยิ่ง

7 ข้าพเจ้าเห็นมันขวิดแกะผู้อย่างโกรธจัดจนเขาทั้งสองของแกะหักไป แกะสู้ไม่ได้จึงล้มลงกับพื้นและถูกแพะเหยียบย่ำ ไม่มีใครช่วยแกะนั้นได้

8 แพะตัวนั้นยิ่งใหญ่มาก แต่เมื่อมันผยองตนขึ้นและเรืองอำนาจสุดขีด เขาอันใหญ่ของมันก็หักและมีเขาโดดเด่นสี่อันงอกขึ้นแทนที่ ชี้ไปยังทิศทางลมทั้งสี่แห่งฟ้าสวรรค์

9 มีเขาเล็กๆ งอกขึ้นจากเขาหนึ่งในสี่เขานี้ แล้วงอกขึ้นเรื่อยๆ แผ่อำนาจไปทางใต้ ทางตะวันออก และสู่ดินแดนอันงดงาม

10 มันเติบใหญ่ขึ้นจนถึงบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ แล้วเหวี่ยงดาวบางดวงร่วงลงมาที่พื้นโลกและเหยียบย่ำเสีย

11 มันหยิ่งผยองตีเสมอองค์ราชันแห่งกองทัพสวรรค์ โดยเลิกล้มการถวายเครื่องบูชาประจำวันแด่พระองค์ และทำให้สถานนมัสการของพระองค์ตกต่ำ

12 เนื่องจากการกบฏนี้ กองกำลังของประชากรของพระเจ้าและการถวายเครื่องบูชาประจำวันก็ถูกมอบไว้ในมือของมัน มันทำอะไรก็เจริญรุ่งเรืองทุกอย่างและสัจธรรมถูกเหวี่ยงลงกับพื้น

13 แล้วข้าพเจ้าได้ยินผู้บริสุทธิ์องค์หนึ่งกล่าว และผู้บริสุทธิ์อีกองค์หนึ่งถามว่า “อีกนานเท่าไรที่นิมิตอันเกี่ยวกับเครื่องบูชาประจำวัน การกบฏซึ่งทำให้เกิดการเริศร้าง สถานนมัสการและกองทัพสวรรค์ถูกเหยียบย่ำจะสำเร็จ?”

14 ทูตองค์นั้นตอบว่า “อีก 2,300 วันคืน แล้วสถานนมัสการจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง”

ความหมายของนิมิต

15 ขณะที่ข้าพเจ้าดาเนียลเฝ้าดูนิมิตอยู่ และพยายามทำความเข้าใจ ก็มีผู้หนึ่งซึ่งดูเหมือนมนุษย์ยืนอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า

16 และข้าพเจ้าได้ยินเสียงชายคนหนึ่งร้องเรียกข้ามคลองอุลัยว่า “กาเบรียลเอ๋ย อธิบายความหมายของนิมิตให้ชายคนนี้ฟังเถิด”

17 ขณะที่ทูตกาเบรียลเข้ามาใกล้ที่ซึ่งข้าพเจ้ายืนอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ตกใจกลัวและล้มตัวลงกราบ เขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเข้าใจ เถิดว่านิมิตนั้นเกี่ยวกับกาลอวสาน”

18 ขณะที่เขากล่าวกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็หมดสติล้มซบหน้าลงกับดิน แล้วเขาแตะต้องข้าพเจ้าและพยุงให้ยืนขึ้น

19 เขากล่าวว่า “เรากำลังจะแจ้งให้เจ้าทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเวลาแห่งพระพิโรธในภายภาคหน้า เพราะนิมิตนี้เกี่ยวข้องกับกาลอวสานซึ่งกำหนดไว้แล้ว

20 แกะผู้สองเขาที่เจ้าเห็นคือบรรดากษัตริย์มีเดียและเปอร์เซีย

21 แพะผู้คือกษัตริย์กรีซ และเขาใหญ่ระหว่างตาคือกษัตริย์องค์แรก

22 เขาสี่อันซึ่งงอกแทนอันที่หักคือสี่อาณาจักรซึ่งก่อกำเนิดขึ้นจากชาตินั้น แต่ไม่มีอำนาจเทียบเท่า

23 “ในปลายรัชกาลกษัตริย์เหล่านั้น เมื่อพวกกบฏชั่วร้ายอย่างเต็มที่ จะมีกษัตริย์องค์หนึ่งขึ้นมา ซึ่งมีหน้าตาถมึงทึงและเจ้าเล่ห์เพทุบาย

24 เขาจะเข้มแข็งมาก แต่ไม่ใช่โดยอำนาจของเขาเอง เขาจะทำให้เกิดความเสียหายย่อยยับอย่างน่าตกใจและจะทำสิ่งใดก็สำเร็จลุล่วง เขาจะทำลายบรรดาผู้ทรงอำนาจและประชากรของพระเจ้า

25 เขาจะทำให้การล่อลวงแพร่ขยายมากขึ้นและถือว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น เขาจะทำลายคนทั้งหลายขณะที่พวกเขารู้สึกมั่นคง และเขาถึงกับท้าทายองค์จอมเจ้านาย แต่เขาจะถูกทำลายโดยอำนาจซึ่งไม่ได้มาจากมนุษย์

26 “นิมิตเกี่ยวกับวันและคืนซึ่งบอกท่านแล้วนั้นจะเป็นจริง แต่จงประทับตราเก็บไว้เพราะเกี่ยวกับอนาคตอันไกล”

27 ข้าพเจ้าดาเนียลหมดแรง นอนป่วยอยู่หลายวัน แล้วข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่ถวายกษัตริย์ แต่ข้าพเจ้าวิตกกังวลมากเพราะนิมิตที่เกินความเข้าใจ

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/DAN/8-5a1c6d23797bdcd123c1d2c2cb05849f.mp3?version_id=179—

ดาเนียล 9

คำอธิษฐานของดาเนียล

1 ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสโอรสของเซอร์ซีส(ทรงมีเชื้อสายมีเดีย) ซึ่งได้ครองอาณาจักรบาบิโลน

2 ในปีแรกแห่งรัชกาล ข้าพเจ้าดาเนียลเข้าใจจากพระคัมภีร์เกี่ยวกับพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งตรัสกับผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ว่ากรุงเยรูซาเล็มจะเริศร้างอยู่เจ็ดสิบปี

3 ข้าพเจ้าจึงขะมักเขม้นอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการถืออดอาหาร สวมเสื้อผ้ากระสอบ และคลุกขี้เถ้า

4 ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าและทูลสารภาพบาปว่า

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และน่าครั่นคร้าม ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาแห่งความรักต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์

5 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำผิดทำบาป ทำชั่วและกบฏต่อพระองค์ หันหนีจากบทบัญญัติและพระบัญชาของพระองค์

6 ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้เชื่อฟังเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งกล่าวในพระนามของพระองค์แก่บรรดากษัตริย์ เจ้านาย บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดจนประชากรของแผ่นดิน

7 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงชอบธรรม แต่ทุกวันนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายต้องอับอายขายหน้า ไม่ว่าชาวยูดาห์ ชาวกรุงเยรูซาเล็ม และปวงชนอิสราเอลทั้งใกล้และไกลในประเทศต่างๆ ซึ่งพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกระจัดกระจายไป เพราะเราไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์

8 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดจนบรรดากษัตริย์ เจ้านาย และบรรพบุรุษต้องอัปยศอดสูเพราะได้ทำบาปต่อพระองค์

9 องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาและทรงให้อภัย แม้ว่าข้าพระองค์ทั้งหลายกบฏต่อพระองค์

10 ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย และไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่พระองค์ประทานผ่านทางผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์

11 อิสราเอลทั้งปวงได้ล่วงละเมิดบทบัญญัติของพระองค์ และหลงเตลิดไป ไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์

“ฉะนั้นคำสาปแช่งและโทษทัณฑ์ทั้งปวงซึ่งบันทึกไว้ในบทบัญญัติของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าจึงตกแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์

12 พระองค์ทรงทำตามที่ตรัสไว้แล้วว่าจะนำภัยพิบัติยิ่งใหญ่มายังข้าพระองค์ทั้งหลายและผู้ครอบครอง ทั่วใต้ฟ้าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเสมอเหมือนที่เกิดกับเยรูซาเล็ม

13 ภัยพิบัติทั้งปวงนี้เกิดกับข้าพระองค์ทั้งหลาย ตามที่บันทึกไว้แล้วในบทบัญญัติของโมเสส ถึงกระนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ได้แสวงหาความเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายโดยหันกลับจากบาป และไม่ได้ใส่ใจในความจริงของพระองค์เลย

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงรีรอที่จะนำภัยพิบัตินี้มายังข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายทรงชอบธรรมในทุกสิ่งที่ทรงกระทำ ถึงเพียงนี้แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายยังไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์

15 “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงนำประชากรของพระองค์ออกจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงอานุภาพและผู้สถาปนานามของพระองค์ซึ่งยืนยงตราบเท่าทุกวันนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำผิดทำบาปไปแล้ว

16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้สอดคล้องกับการกระทำอันชอบธรรมทั้งปวงของพระองค์ ขอโปรดทรงหันเหพระพิโรธจากเยรูซาเล็มเมืองของพระองค์ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายและความชั่วช้าของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย เป็นเหตุให้เยรูซาเล็มและประชากรของพระองค์กลายเป็นที่เหยียดหยามของคนทั้งปวงที่อยู่โดยรอบ

17 “ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ขอทรงสดับคำอธิษฐานวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเห็นแก่พระองค์เอง โปรดเหลียวแลสถานนมัสการอันเริศร้างของพระองค์ด้วยความโปรดปรานเถิด

18 ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเอียงพระกรรณสดับฟัง โปรดทอดพระเนตรความเริศร้างของกรุงซึ่งใช้พระนามของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายทูลวิงวอนต่อพระองค์ ไม่ใช่เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายชอบธรรม แต่เพราะพระเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์

19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงสดับ! ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงอภัย! ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงสดับและทรงช่วย! ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงล่าช้าเพื่อเห็นแก่พระองค์เอง เพราะนครของพระองค์และประชากรของพระองค์ใช้พระนามของพระองค์”

เจ็ดสิบของ

20 ขณะข้าพเจ้าอธิษฐานสารภาพบาปของตัวเองและของชนอิสราเอลพี่น้องร่วมชาติและทูลอ้อนวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

21 ขณะที่ข้าพเจ้ายังอธิษฐานอยู่นั้น กาเบรียลผู้ซึ่งข้าพเจ้าเห็นในนิมิตครั้งก่อนเหาะมาหาข้าพเจ้าอย่างรวดเร็วในเวลาถวายเครื่องบูชายามเย็น

22 เขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “ดาเนียลเอ๋ย เรามาเพื่อให้ท่านประจักษ์แจ้งและเข้าใจ

23 ทันทีที่ท่านเริ่มอธิษฐาน พระเจ้าก็ประทานคำตอบซึ่งเราได้นำมาบอกท่านเพราะท่านเป็นผู้ที่ทรงรักยิ่ง ฉะนั้นจงใคร่ครวญเนื้อความและเข้าใจนิมิตนั้น

24 “เจ็ดสิบของ ‘เจ็ด’ทรงกำหนดไว้แล้วสำหรับพี่น้องร่วมชาติและนครศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ให้เลิกการล่วงละเมิด เลิกทำบาป ลบล้างความชั่ว และนำความชอบธรรมอันมั่นคงนิรันดร์มาให้ เพื่อประทับตรานิมิตและคำพยากรณ์และเพื่อเจิมสถานที่บริสุทธิ์ที่สุด

25 “จงรับรู้และเข้าใจข้อนี้เถิด คือตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกาให้กอบกู้และสร้างเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ จวบจนผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งให้เป็นผู้ครอบครองนั้นจะมาถึง จะมีเจ็ดของ ‘เจ็ด’ และหกสิบสองของ ‘เจ็ด’ จะมีการสร้างถนนหนทางและคูเมือง แต่ทำในช่วงทุกข์ยากลำบาก

26 หลังจากหกสิบสองของ ‘เจ็ด’ ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้จะถูกประหารและจะไม่เหลืออะไรประชาชนของผู้ครอบครองจะมาทำลายกรุงนั้นและสถานนมัสการ วาระสุดท้ายจะมาเหมือนน้ำท่วม สงครามจะขับเคี่ยวกันไปจนถึงจุดจบ และมีวิบัติตามที่กำหนดไว้

27 ผู้นั้นจะยืนยันคำมั่นสัญญากับคนเป็นอันมากเป็นเวลาหนึ่งของ ‘เจ็ด’ แต่กลางของ ‘เจ็ด’ นั้นเอง เขาจะสั่งยุติการถวายเครื่องบูชาและของถวายต่างๆ แล้วผู้ที่ก่อให้เกิดวิบัติจะตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติไว้ที่ด้านหนึ่งของพระวิหารซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเริศร้าง จวบจนวาระสุดท้ายมาถึงเขาตามที่กำหนดไว้”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/DAN/9-f478c8fdbd088b4f6bec8f295cd75a8e.mp3?version_id=179—

ดาเนียล 10

ดาเนียลเห็นผู้หนึ่งในนิมิต

1 ในปีที่สามของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย พระเจ้าทรงสำแดงเรื่องหนึ่งแก่ดาเนียล (ซึ่งได้ชื่อว่าเบลเทชัสซาร์) เป็นเรื่องจริงและเป็นเรื่องสงครามใหญ่เขาได้รับความเข้าใจเนื้อความนี้โดยทางนิมิต

2 ครั้งนั้นข้าพเจ้าดาเนียลเป็นทุกข์อยู่ตลอดสามสัปดาห์

3 ข้าพเจ้าไม่รับประทานอาหารชั้นดีหรือเนื้อ และไม่ได้แตะต้องเหล้าองุ่นหรือใช้เครื่องชโลมกายใดๆ จนกระทั่งล่วงสามสัปดาห์นั้นไปแล้ว

4 ในวันที่ยี่สิบสี่ของเดือนที่หนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้ายืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไทกริสซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่

5 ข้าพเจ้าเงยหน้ามองเห็นชายผู้หนึ่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า สวมเสื้อผ้าลินินเนื้อละเอียด คาดเข็มขัดทองคำเนื้อดี

6 กายของเขาสุกใสเหมือนบุษราคัม ใบหน้าเจิดจ้าเหมือนแสงฟ้าแลบ นัยน์ตาเหมือนเปลวไฟลุกโชน แขนขาเป็นมันปลาบเหมือนทองสัมฤทธิ์ขัดเงา และเสียงของเขาดังเหมือนเสียงคนหมู่ใหญ่

7 ข้าพเจ้าดาเนียลเพียงคนเดียวที่เห็นนิมิตนั้น ผู้คนที่อยู่กับข้าพเจ้าไม่เห็นอะไร แต่พวกเขาก็หวาดกลัวจนหนีไปหลบซ่อน

8 ข้าพเจ้าจึงถูกทิ้งไว้ตามลำพัง ข้าพเจ้าเพ่งดูนิมิตยิ่งใหญ่นี้ แล้วก็หมดเรี่ยวแรง หน้าซีดเผือดเหมือนคนตายและทำอะไรไม่ถูก

9 จากนั้นข้าพเจ้าได้ยินผู้นั้นพูด ขณะที่ฟังอยู่ข้าพเจ้าก็หมดสติล้มซบลงกับดิน

10 มีมือมาแตะต้องข้าพเจ้า แล้วพยุงข้าพเจ้าให้ค่อยๆ ลุกขึ้นด้วยมือและเข่าที่สั่นเทา

11 เขากล่าวว่า “ดาเนียลเอ๋ย ท่านผู้เป็นที่ทรงรักยิ่ง จงใส่ใจฟังถ้อยคำที่เราจะบอกอยู่นี้และยืนขึ้นเถิด เพราะพระเจ้าทรงใช้เรามาหาท่าน” เมื่อเขากล่าวอย่างนี้ ข้าพเจ้าก็ยืนขึ้นและตัวยังสั่นอยู่

12 แล้วเขากล่าวต่อไปว่า “ดาเนียลเอ๋ย อย่ากลัวเลย ตั้งแต่วันแรกที่ท่านตั้งใจแน่วแน่จะหาความเข้าใจ และถ่อมใจลงต่อหน้าพระเจ้าของท่าน พระองค์ก็ทรงสดับคำอธิษฐานของท่าน และเรามาเพื่อตอบท่าน

13 แต่เทพแห่งอาณาจักรเปอร์เซียขัดขวางเราอยู่ถึง 21 วัน และมีคาเอลหัวหน้าทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาช่วยเรา เพราะเราถูกเทพแห่งเปอร์เซียหน่วงเหนี่ยวไว้ที่นั่น

14 บัดนี้เรามาเพื่ออธิบายให้ท่านทราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพี่น้องร่วมชาติของท่านในอนาคต เพราะนิมิตนั้นเกี่ยวกับกาลภายหน้า”

15 ขณะที่เขากล่าวอยู่นั้นข้าพเจ้าก็หมอบซบหน้ากับดินนิ่งเงียบอยู่

16 แล้วผู้ที่ดูเหมือนมนุษย์ยื่นมือมาแตะริมฝีปากของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงเปิดปากพูด ข้าพเจ้ากล่าวกับเขาที่อยู่ตรงหน้าว่า “ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าทุกข์ใจยิ่งนักเนื่องด้วยนิมิตนั้นและทำอะไรไม่ได้

17 นายเจ้าข้า ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านจะกล่าวแก่ท่านได้อย่างไร ข้าพเจ้าหมดเรี่ยวแรง แม้แต่หายใจยังแทบจะไม่ไหว”

18 แล้วผู้ที่ดูเหมือนมนุษย์ก็แตะต้องข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังวังชาขึ้น

19 เขากล่าวว่า “ท่านผู้เป็นที่ทรงรักยิ่ง อย่ากลัวเลย สันติสุขจงมีแก่เจ้า! จงเข้มแข็งในบัดนี้ จงเข้มแข็งเถิด”

เมื่อเขากล่าวดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็เข้มแข็งขึ้น จึงพูดว่า “ท่านโปรดกล่าวต่อไปเถิด เพราะท่านได้ให้กำลังแก่ข้าพเจ้าแล้ว”

20 เขาจึงกล่าวว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดเราจึงมาหาท่าน แล้วเราจะกลับไปต่อสู้กับเทพแห่งเปอร์เซีย เมื่อเราไปแล้ว เทพแห่งกรีซจะมา

21 แต่อย่างไรก็ตามเรามาก็เพื่อจะบอกท่านถึงสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือแห่งสัจธรรมเสียก่อน (ไม่มีใครช่วยเราต่อสู้กับเทพทั้งสองนั้น ยกเว้นมีคาเอลทูตสวรรค์ของท่าน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/DAN/10-2174f2204fa8cf19f11f6652ba87d9d1.mp3?version_id=179—

ดาเนียล 11

1 และในปีแรกของรัชกาลดาริอัสชาวมีเดีย เราได้ยืนหยัดเพื่อสนันสนุนและปกป้องทูตสวรรค์มีคาเอล)

กษัตริย์ฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้

2 “บัดนี้เราจะบอกความจริงแก่ท่านคือ จะมีกษัตริย์อีกสามองค์ในเปอร์เซีย แล้วจะมีองค์ที่สี่ซึ่งร่ำรวยกว่าองค์อื่นๆ เมื่อเขามีอำนาจขึ้นมาด้วยทรัพย์สมบัตินั้น เขาจะปลุกระดมทุกคนให้ต่อสู้กับอาณาจักรกรีซ

3 แล้วจะมีกษัตริย์เกรียงไกรองค์หนึ่งขึ้นมาซึ่งปกครองด้วยอำนาจยิ่งใหญ่และทำตามใจชอบ

4 หลังจากเขาเรืองอำนาจไม่นาน จักรวรรดิของเขาจะแยกออกเป็นส่วนๆ ตามทิศทางลมทั้งสี่แห่งฟ้าสวรรค์ ซึ่งจะไม่ได้ตกแก่เชื้อสายของเขาและไม่เรืองอำนาจเท่าเขา เพราะจักรวรรดิของเขาจะถูกถอนรากถอนโคนและมอบให้คนอื่นยึดครอง

5 “กษัตริย์ฝ่ายใต้จะเข้มแข็งขึ้น แต่แม่ทัพคนหนึ่งจะเข้มแข็งกว่าเขาและครอบครองอาณาจักรของตนอย่างเกรียงไกร

6 หลายปีผ่านไปทั้งสองจะเป็นพันธมิตรกัน ธิดากษัตริย์ฝ่ายใต้จะเสด็จไปเจริญสัมพันธไมตรีกับกษัตริย์ฝ่ายเหนือ แต่นางจะไม่สามารถรักษาอำนาจของนาง และกษัตริย์ฝ่ายใต้กับอำนาจของเขาจะไม่ยั่งยืน ครั้งนั้นนางกับผู้ติดตามบิดาของนางและผู้ที่สนับสนุนนางจะพลาดท่าเสียที

7 “คนหนึ่งในวงศ์ตระกูลของนางจะขึ้นมาแทนที่นาง เขาจะโจมตีกองกำลังของกษัตริย์ฝ่ายเหนือ ทะลวงป้อมปราการ ต่อสู้ขับเคี่ยว และได้รับชัยชนะ

8 ทั้งจะชิงรูปเทพเจ้า เทวรูปโลหะกับภาชนะเงินและทองอันล้ำค่าขนกลับไปอียิปต์ เขาจะปล่อยกษัตริย์ฝ่ายเหนือไว้ตามลำพังอยู่หลายปี

9 แล้วกษัตริย์ฝ่ายเหนือจะบุกอาณาจักรของกษัตริย์ฝ่ายใต้ แต่จะถอยทัพกลับประเทศของตน

10 ลูกๆ ของเขาจะเตรียมรบ ระดมกำลังเป็นทัพใหญ่ ซึ่งถาโถมเข้ามาเหมือนน้ำท่วมซัดที่ไม่มีอะไรยับยั้งได้ และรบมาถึงป้อมของเขา

11 “แล้วกษัตริย์ฝ่ายใต้จะยกทัพออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว รบกับกษัตริย์ฝ่ายเหนือ ซึ่งระดมทัพใหญ่มาแต่จะพ่ายแพ้

12 เมื่อฝ่ายเหนือถอยทัพกลับไป กษัตริย์ฝ่ายใต้จะภาคภูมิใจยิ่งนัก และประหารคนหลายพันคน แต่ก็มีชัยชนะอยู่ได้ไม่นาน

13 เพราะกษัตริย์ฝ่ายเหนือจะยกทัพมาอีกเป็นทัพที่ยิ่งใหญ่กว่าคราวแรก และหลังจากนั้นอีกหลายปีจะยกทัพมหึมา เสบียงอาวุธครบครันบุกเข้ามา

14 “เมื่อถึงเวลานั้น หลายคนจะลุกฮือขึ้นต่อสู้กษัตริย์ฝ่ายใต้ เพื่อให้เป็นไปตามนิมิตที่กล่าวมาแล้วว่าพวกหัวรุนแรงในหมู่พี่น้องร่วมชาติของท่านเองจะกบฏ แต่ไม่สำเร็จ

15 แล้วกษัตริย์ฝ่ายเหนือจะมาก่อเชิงเทินล้อมเมือง และยึดเมืองป้อมปราการได้เมืองหนึ่ง กองกำลังของฝ่ายใต้จะหมดอานุภาพที่จะต้านทาน แม้กองทหารที่ดีที่สุดก็หมดกำลังที่จะยืนหยัด

16 ผู้รุกรานจะทำอะไรตามใจชอบโดยไม่มีใครยับยั้งได้ เขาจะสถาปนาตัวเองในดินแดนอันงดงามนั้นและมีอำนาจที่จะทำลายมันลง

17 เขาจะตัดสินใจยกกำลังทั้งอาณาจักรมา และจะทำสัญญาไมตรีกับกษัตริย์ฝ่ายใต้ ยอมยกธิดาให้สมรสด้วย เพื่อโค่นอาณาจักรฝ่ายใต้ แต่แผนการของเขาจะไม่ประสบความสำเร็จและช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย

18 แล้วเขาจะหันความสนใจไปยังดินแดนแถบชายฝั่งทะเล และเอาชนะชนชาติต่างๆ ได้ แต่แม่ทัพคนหนึ่งจะทำให้เขาสิ้นความผยอง และถอยทัพกลับไปด้วยความอับอาย

19 หลังจากนี้เขาจะกลับไปยังป้อมปราการต่างๆ ในประเทศของตน แต่จะพ่ายแพ้และไม่มีใครพบเห็นอีก

20 “ผู้ครองราชย์สืบต่อจากเขาจะส่งคนออกไปเก็บภาษีเพื่อรักษาความมั่งคั่งของตนไว้ แต่ในเวลาไม่กี่ปีเขาก็จะถูกทำลาย แต่ก็ไม่ใช่จากความโกรธแค้นหรือจากสงคราม

21 “ผู้ที่ครองราชย์สืบต่อจากเขา เป็นบุคคลที่น่าเหยียดหยามเพราะเขาไม่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์เลย เขารุกรานราชอาณาจักรในขณะที่ประชาชนรู้สึกปลอดภัย และเขาจะเข้ามายึดด้วยเล่ห์เพทุบาย

22 แล้วกองทัพใหญ่จะถูกกวาดล้างไปต่อหน้าเขา ทั้งกองทัพนั้นและเจ้านายแห่งพันธสัญญาจะถูกทำลายด้วย

23 หลังจากมีการทำข้อตกลงกับเขา เขาจะใช้เล่ห์เพทุบายและเรืองอำนาจขึ้นมาโดยอาศัยคนไม่กี่คน

24 เมื่อแว่นแคว้นอันมั่งคั่งที่สุดรู้สึกปลอดภัย เขาก็จะบุกและกระทำการซึ่งบรรพบุรุษของเขาไม่เคยทำ เขาจะแบ่งสมบัติและข้าวของที่ปล้นมาได้กับพรรคพวก เขาจะวางแผนทลายป้อม แต่ก็เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง

25 “เขาเสริมกำลังและความกล้าด้วยกองทัพใหญ่ไปรบกับกษัตริย์ฝ่ายใต้ และกษัตริย์ฝ่ายใต้จะยกกองทัพที่ใหญ่และทรงอานุภาพมากมาสู้รบด้วย แต่ก็ต้านทานไม่ได้เพราะแผนการร้ายต่างๆ ที่คนวางไว้เพื่อต่อสู้กับเขา

26 บรรดาผู้ร่วมโต๊ะเสวยของกษัตริย์จะพยายามทำลายเขา กองทัพของเขาจะถูกกวาดล้างไป และคนมากมายจะล้มตายในสนามรบ

27 กษัตริย์สององค์ซึ่งมีใจคิดชั่วทั้งคู่จะนั่งร่วมโต๊ะและมุสาต่อกัน แต่ไม่มีผลอะไร เพราะจุดจบยังคงจะมาถึงในเวลาที่กำหนดไว้

28 กษัตริย์ฝ่ายเหนือจะกลับประเทศพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติมากมาย แต่จิตใจของเขามุ่งร้ายต่อพันธสัญญาบริสุทธิ์ เขาจะลงมือทำการต่อต้านพันธสัญญานั้น แล้วจึงกลับไปยังดินแดนของตน

29 “ครั้นถึงเวลาที่กำหนด เขาจะบุกดินแดนฝ่ายใต้อีก แต่ครั้งนี้ผลลัพธ์จะแตกต่างจากคราวก่อน

30 กองเรือแห่งชายฝั่งตะวันตกจะต่อต้านเขาและเขาจะเสียขวัญ แล้วเขาจะหันกลับมาระบายโทสะเกรี้ยวกราดต่อพันธสัญญาบริสุทธิ์ เขาจะกลับไปและแสดงความโปรดปรานแก่ผู้ที่ละทิ้งพันธสัญญาบริสุทธิ์

31 “กองกำลังของเขาจะลุกขึ้นมาย่ำยีป้อมปราการของพระวิหารให้เป็นมลทิน และยกเลิกการถวายเครื่องบูชาประจำวัน แล้วเขาจะตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนขึ้นอันเป็นต้นเหตุของวิบัติ

32 เขาจะใช้การประจบสอพลอล่อลวงผู้ที่ละเมิดพันธสัญญา แต่ประชาชนที่รู้จักพระเจ้าของตนจะต่อต้านเขาอย่างเข้มแข็ง

33 “บรรดาผู้มีปัญญาจะแนะนำสั่งสอนคนเป็นอันมาก แม้ในชั่วระยะหนึ่งพวกเขาจะตายด้วยคมดาบ หรือถูกเผาหรือถูกจับเป็นเชลยหรือถูกปล้นชิง

34 เมื่อพวกเขาล้มลงจะได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อย และมีหลายคนซึ่งไม่จริงใจจะมาร่วมกับพวกเขา

35 ผู้มีปัญญาบางคนจะสะดุดล้มก็เพื่อรับการถลุงชำระให้บริสุทธิ์และปราศจากรอยด่างพร้อย จนถึงวาระสุดท้ายซึ่งจะมาถึงตามกำหนด

กษัตริย์ผู้ยกตน

36 “กษัตริย์องค์นั้นจะทำตามใจชอบ เขาจะยกตัวเหนือเทพเจ้าทั้งปวงและกล่าวลบหลู่พระเจ้าสูงสุดอย่างที่ไม่เคยได้ยินกันมาก่อน เขาจะประสบความสำเร็จจนครบเวลาแห่งพระพิโรธ เพราะจะต้องเป็นไปตามที่ทรงกำหนดไว้

37 เขาจะไม่สนใจบรรดาเทพเจ้าของบรรพบุรุษหรือผู้ที่บรรดาสตรีฝักใฝ่หรือพระใดๆ แต่จะยกตนเองเหนือเทพทั้งมวล

38 เขาจะยกย่องเทพเจ้าแห่งป้อมปราการซึ่งบรรพบุรุษของเขาไม่รู้จักแทนเทพเหล่านั้น เขาจะยกย่องเชิดชูด้วยเงินทอง เพชรนิลจินดา และของกำนัลสูงค่า

39 เขาจะโจมตีป้อมปราการอันแข็งแกร่งที่สุดโดยความช่วยเหลือของพระต่างชาติ และจะยกย่องเชิดชูบรรดาผู้ที่ยอมรับเขา แล้วเขาจะตั้งคนเหล่านี้ให้เป็นผู้ปกครองคนเป็นอันมาก และยกที่ดินให้เป็นรางวัล

40 “ในวาระสุดท้ายกษัตริย์ฝ่ายใต้จะรบกับเขาและกษัตริย์ฝ่ายเหนือนั้นจะระดมรถม้าศึก กองทหารม้า และกองทัพเรือบุกเข้าประจัญบานกับเขา เขาจะรุกรานหลายประเทศและกวาดล้างไปทั่วเหมือนน้ำท่วม

41 เขาจะรุกรานดินแดนอันงดงามด้วย หลายประเทศจะล่มสลาย แต่เอโดม โมอับ และบรรดาผู้นำอัมโมนจะได้รับการช่วยกู้จากเงื้อมมือของเขา

42 เขาจะแผ่อำนาจเหนือหลายประเทศ แม้อียิปต์ก็ไม่พ้นมือเขา

43 เขาจะครอบครองคลังทองคำ คลังเงิน และทรัพย์สมบัติทั้งปวงของอียิปต์ ชาวลิเบียและชาวนูเบียก็ยอมจำนนแก่เขา

44 แต่ข่าวจากทางตะวันออกและทางเหนือจะทำให้เขาตื่นตกใจและเขาจะยกทัพออกไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง เพื่อทำลายล้างคนเป็นอันมาก

45 เขาจะตั้งเต็นท์หลวงขึ้นระหว่างทะเลที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อันงดงาม แต่เขาก็จะถึงจุดจบและไม่มีใครช่วยเขา

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/DAN/11-ceb03a9ae66852091ccbea82187002bf.mp3?version_id=179—

ดาเนียล 12

วาระสุดท้าย

1 “ครั้งนั้นเทพบดีมีคาเอลผู้พิทักษ์ประชากรของท่านจะมา จะเกิดช่วงทุกข์ลำเค็ญอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่มีประชาชาติขึ้น แต่ในครั้งนั้นประชากรของท่านคือทุกคนที่มีชื่ออยู่ในหนังสือนั้นจะได้รับการช่วยกู้

2 คนเป็นอันมากที่ตายไปแล้วจะฟื้นขึ้น บางคนก็เข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ บางคนก็เข้าสู่ความอับอายและถูกดูหมิ่นเหยียดหยามตลอดกาล

3 บรรดาผู้มีปัญญาจะส่องแสงเหมือนความสว่างแห่งฟ้าสวรรค์ และบรรดาผู้ที่นำคนเป็นอันมากมาสู่ความชอบธรรมจะส่องสว่างดั่งดวงดาวชั่วนิรันดร์

4 ส่วนท่าน ดาเนียลเอ๋ย จงม้วนและประทับตราถ้อยคำแห่งหนังสือม้วนนี้ไว้จนถึงวาระสุดท้าย คนเป็นอันมากจะไปที่นี่ที่นั่นเพื่อเพิ่มพูนความรู้”

5 แล้วข้าพเจ้าดาเนียลมองไปเห็นชายสองคนยืนอยู่คนละฟากแม่น้ำ

6 คนหนึ่งกล่าวกับผู้สวมเสื้อผ้าลินินซึ่งอยู่เหนือแม่น้ำว่า “อีกนานเท่าใดเหตุการณ์น่าประหลาดทั้งปวงนี้จึงจะสำเร็จครบถ้วน?”

7 ชายผู้สวมเสื้อผ้าลินินซึ่งอยู่เหนือแม่น้ำก็ชูมือทั้งสองข้างขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์และข้าพเจ้าได้ยินเขาปฏิญาณอ้างพระองค์ผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ว่า “จะเป็นหนึ่งวาระ หลายวาระ และครึ่งวาระเมื่ออำนาจของประชากรของพระเจ้าหมดสิ้นลง ในที่สุดสิ่งทั้งปวงนี้ก็จะสำเร็จสมบูรณ์”

8 ข้าพเจ้าได้ยินแต่ไม่เข้าใจจึงถามว่า “ท่านเจ้าข้า ทั้งหมดนี้จะลงเอยอย่างไร?”

9 เขาผู้นั้นตอบว่า “ดาเนียลเอ๋ย จงไปตามทางของท่านเถิด เพราะถ้อยคำเหล่านี้ถูกเก็บงำและประทับตราไว้จวบจนวาระสุดท้าย

10 คนเป็นอันมากจะถูกถลุงและได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ ส่วนคนชั่วยังคงทำชั่วต่อไป ไม่มีคนชั่วคนใดจะเข้าใจแต่ผู้มีปัญญาจะเข้าใจ

11 “ตั้งแต่ยกเลิกการถวายเครื่องบูชาประจำวันจนถึงวาระที่สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติถูกตั้งขึ้นเป็นเวลา 1,290 วัน

12 ผู้ที่รอคอยและอยู่จนครบ 1,335 วันก็เป็นสุข

13 “ส่วนท่านจงไปตามทางของท่านจวบจนวาระสุดท้าย ท่านจะพักสงบและเมื่อสิ้นยุคท่านจะเป็นขึ้นมาเพื่อรับมรดกส่วนของท่าน”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/DAN/12-c4c784734bc01a62989435bff1c84e35.mp3?version_id=179—

เอเสเคียล 1

สิ่งมีชีวิตทั้งสี่และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า

1 ในวันที่ห้าเดือนที่สี่ปีที่สามสิบขณะที่ข้าพเจ้าอยู่กับเพื่อนเชลยที่ริมแม่น้ำเคบาร์ ฟ้าสวรรค์ได้เปิดออกและข้าพเจ้าเห็นนิมิตจากพระเจ้า

2 ในวันที่ห้าเดือนนั้นเป็นปีที่ห้าซึ่งกษัตริย์เยโฮยาคีนตกเป็นเชลย

3 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงปุโรหิตเอเสเคียลบุตรบุซีที่ริมแม่น้ำเคบาร์ในดินแดนของชาวบาบิโลนพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือเอเสเคียลที่นั่น

4 ข้าพเจ้ามองดูและเห็นพายุใหญ่พัดมาจากทางเหนือ มีเมฆมหึมาซึ่งรายล้อมด้วยแสงสว่างเจิดจ้าและมีฟ้าแลบแวบวาบอยู่ ใจกลางไฟนั้นดูเหมือนโลหะสุกปลั่ง

5 และในไฟนั้นมีบางสิ่งคล้ายสิ่งมีชีวิตสี่ตน ซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายมนุษย์

6 แต่ว่าทุกตนต่างมีสี่หน้าและมีสี่ปีก

7 มีขาเหยียดตรง มีกีบเท้าเหมือนกีบลูกวัว และสุกปลั่งเหมือนทองสัมฤทธิ์ขัดเงา

8 ภายใต้ปีกทั้งสี่ด้าน มีมือเป็นมือมนุษย์ สิ่งมีชีวิตทั้งสี่นี้มีหน้าและปีก

9 ปีกของมันกางออกจดปีกของกันและกัน เคลื่อนตัวไปในทิศทางใดก็ได้ โดยไม่ต้องหันตัวเลย

10 ทั้งสี่ตนล้วนมีสี่หน้า คือหน้าหนึ่งเป็นมนุษย์ ด้านขวาเป็นหน้าสิงโต ด้านซ้ายเป็นหน้าวัว และด้านหลังเป็นหน้านกอินทรี

11 หน้าของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ก็เป็นเช่นนั้น ทั้งสี่ตนคลี่สองปีกแผ่ขึ้นข้างบน ออกไปจดกับปีกของกันและกัน ส่วนอีกสองปีกปกคลุมลำตัวไว้

12 แต่ละตนมุ่งตรงไปข้างหน้า ไม่ว่าวิญญาณจะไปทางไหน ทั้งสี่ตนก็มุ่งไปทางนั้นโดยไม่ได้หันตัวเลย

13 ลักษณะของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนเหมือนถ่านไฟคุโชนหรือเหมือนคบไฟ มีดวงไฟที่สว่างเคลื่อนไปมาท่ามกลางทั้งสี่ตนนี้ และมีแสงแวบวาบออกมาจากดวงไฟนั้น

14 สิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนนี้โฉบไปมาดุจสายฟ้าแลบ

15 ขณะที่ข้าพเจ้าจ้องดูสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนนี้ ก็เห็นวงล้อที่พื้น วงล้อแต่ละวงอยู่ข้างสิ่งมีชีวิตแต่ละตนซึ่งมีสี่หน้า

16 วงล้อมีรูปร่างและโครงสร้างดังนี้ มันส่องประกายคล้ายพลอยสีเขียวอมเหลือง วงล้อทั้งสี่มีสัณฐานเหมือนกัน แต่ละล้อดูเหมือนมีอีกล้อหนึ่งซ้อนขวางอยู่ข้างใน

17 ดังนั้นวงล้อนี้จะเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกับที่สิ่งมีชีวิตนั้นมุ่งหน้าไปโดยล้อไม่ต้องหันไปมา

18 ขอบวงล้อนั้นสูงและน่ากลัว ขอบวงล้อทั้งสี่มีนัยน์ตาอยู่รอบ

19 เมื่อสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนเคลื่อนที่ วงล้อซึ่งอยู่ข้างๆ ก็เคลื่อนตาม และเมื่อทั้งสี่ลอยขึ้นจากพื้น วงล้อก็ลอยขึ้นด้วย

20 ไม่ว่าวิญญาณไปที่ไหน ทั้งสี่ตนก็ไปที่นั่น และวงล้อก็ลอยตามไปด้วย เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนอยู่ในวงล้อ

21 เมื่อทั้งสี่ตนเคลื่อนที่ วงล้อก็เคลื่อนที่ เมื่อทั้งสี่ตนหยุดนิ่ง วงล้อก็หยุดนิ่งด้วย และเมื่อทั้งสี่ตนลอยขึ้นจากพื้น วงล้อก็ลอยตามขึ้นด้วย เพราะวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนอยู่ในวงล้อ

22 เหนือศีรษะของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนคล้ายผืนฟ้าที่แผ่ออก ส่องประกายเหมือนผลึกน้ำแข็ง ดูน่าเกรงขาม

23 ใต้สิ่งที่คล้ายผืนฟ้านี้ สองปีกของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนคลี่ออกจดกัน ส่วนอีกสองปีกคลุมลำตัวไว้

24 เมื่อทั้งสี่ตนเคลื่อนไหว ข้าพเจ้าได้ยินเสียงปีกเหมือนเสียงน้ำเชี่ยวกราก เหมือนเสียงขององค์ทรงฤทธิ์เหมือนเสียงโกลาหลของกองทัพ เมื่อทั้งสี่ตนหยุดนิ่งก็หุบปีกลง

25 ขณะที่ทั้งสี่ตนยืนหุบปีกนิ่งอยู่นั้น ก็มีเสียงจากเหนือผืนฟ้าซึ่งอยู่เหนือศีรษะของทั้งสี่ตน

26 เหนือผืนฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนนี้คือสิ่งที่คล้ายบัลลังก์ไพฑูรย์ และเหนือบัลลังก์นั้นมีร่างหนึ่งดูคล้ายมนุษย์

27 ข้าพเจ้าเห็นส่วนที่คล้ายบั้นเอวของผู้นั้นขึ้นไป ดูเหมือนโลหะสุกปลั่ง ราวกับเต็มไปด้วยไฟ และจากส่วนนั้นลงมาดูเหมือนไฟและมีแสงสว่างเจิดจ้าอยู่รอบผู้นั้น

28 รัศมีเจิดจ้ารอบตัวผู้นั้นเหมือนรุ้งบนเมฆในวันฝนตก

ภาพที่ปรากฏนี้เป็นเหมือนพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อข้าพเจ้าเห็นแล้วก็หมอบกราบซบหน้าลงถึงดิน และข้าพเจ้าได้ยินเสียงผู้หนึ่งกำลังตรัส

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/1-4562d3989207423ce391ce32f54852ad.mp3?version_id=179—

เอเสเคียล 2

การทรงเรียกเอเสเคียล

1 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงยืนขึ้นเถิด เราจะพูดกับเจ้า”

2 ขณะพระองค์ตรัส พระวิญญาณเสด็จเข้ามาในข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้ายืนขึ้น และข้าพเจ้าได้ยินพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า

3 พระองค์ตรัสว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เราจะส่งเจ้าไปยังชนชาติอิสราเอล ไปยังชนชาติที่ชอบกบฏซึ่งได้ทรยศเรา เขากับบรรพบุรุษกบฏต่อเราจนถึงทุกวันนี้

4 ชนชาติที่เราจะส่งเจ้าไปนี้เป็นพวกที่ดื้อดึงและหัวแข็ง จงกล่าวกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้’

5 และไม่ว่าเขาจะรับฟังหรือไม่ เขาก็จะรู้ว่ามีผู้เผยพระวจนะในหมู่พวกเขา เพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏ

6 ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย อย่ากลัวเขาหรือคำพูดของเขาเลย อย่ากลัวแม้ว่าเจ้าจะถูกล้อมกรอบด้วยต้นหนามน้อยใหญ่ หรือตกอยู่ในดงแมงป่อง อย่าหวาดกลัวคำพูดของเขาหรือขวัญผวาเพราะเขา แม้ว่าเขาจะเป็นพงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏ

7 เจ้าจงกล่าวถ้อยคำของเราให้เขาฟัง ไม่ว่าเขาจะรับฟังหรือไม่ก็ตาม เพราะพวกเขาชอบกบฏ

8 ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย จงฟังสิ่งที่เราบอก อย่าทรยศเหมือนพงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏ จงอ้าปากกินสิ่งที่เรามอบให้เจ้า”

9 แล้วข้าพเจ้าก็มองดู เห็นมือหนึ่งยื่นหนังสือม้วนออกมาให้

10 พระองค์ทรงคลี่หนังสือม้วนนั้นออกต่อหน้าข้าพเจ้า ในนั้นมีถ้อยคำคร่ำครวญ คำไว้อาลัย และถ้อยคำเกี่ยวกับภัยพิบัติ เขียนไว้ทั้งสองด้าน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/2-bb851d5de5ef76c6d022ebfbebd87634.mp3?version_id=179—