มีคาห์ 3

ตำหนิผู้นำและผู้เผยพระวจนะ

1 แล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า

“บรรดาผู้นำของยาโคบ จงฟังเถิด

ท่านผู้ที่ปกครองพงศ์พันธุ์อิสราเอล

ท่านควรจะรู้จักความยุติธรรมไม่ใช่หรือ?

2 ท่านซึ่งชังความดีและรักความชั่ว

ผู้ถลกหนังประชากรของเรา

และฉีกเนื้อจากกระดูกของพวกเขา

3 ผู้กินเนื้อพี่น้องร่วมชาติของเรา

เลาะหนังของเขาออก

และหักกระดูกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ผู้ห้ำหั่นพวกเขาเหมือนหั่นเนื้อใส่กระทะ

เหมือนหั่นเนื้อใส่หม้อ”

4 แล้วพวกเขาจะร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า

แต่พระองค์จะไม่ทรงตอบ

ครั้งนั้นพระองค์จะทรงซ่อนพระพักตร์จากพวกเขา

เพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำ

5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า

“สำหรับบรรดาผู้เผยพระวจนะ

ผู้ซึ่งนำประชากรของเราหลงเตลิดไป

หากใครเลี้ยงดูพวกเขา

พวกเขาก็จะประกาศว่า ‘จงมีสันติสุขเถิด’

ใครไม่เลี้ยงดูพวกเขา

พวกเขาก็เตรียมจะทำศึกด้วย

6 ฉะนั้นค่ำคืนจะมาถึงเจ้า เจ้าจะไม่เห็นนิมิตใดๆ

ความมืดมาถึงเจ้า ไม่มีการทำนายทายทักใดๆ

ดวงอาทิตย์จะลับไปสำหรับบรรดาผู้เผยพระวจนะ

และกลางวันจะมืดไปสำหรับพวกเขา

7 ผู้ทำนายจะอับอาย

และหมอดูจะขายหน้า

ทุกคนจะเอามือปิดหน้าของตน

เพราะไม่มีคำตอบจากพระเจ้า”

8 แต่ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ

ด้วยพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า

และด้วยความยุติธรรมกับกำลัง

เพื่อประกาศให้ยาโคบทราบถึงการล่วงละเมิดของเขา

และให้อิสราเอลทราบถึงบาปของตน

9 บรรดาผู้นำของพงศ์พันธุ์ยาโคบ จงฟังเถิด

ท่านผู้ที่ปกครองพงศ์พันธุ์อิสราเอล

ผู้ชิงชังความยุติธรรม

และบิดเบือนความถูกต้อง

10 ผู้สร้างศิโยนขึ้นจากการฆ่าคน

สร้างเยรูซาเล็มขึ้นจากความชั่วร้าย

11 ผู้นำของดินแดนนี้ตัดสินความโดยเห็นแก่สินบน

ปุโรหิตสั่งสอนโดยเห็นแก่รางวัล

และผู้เผยพระวจนะพยากรณ์เพื่อเงิน

ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังอ้างว่าพึ่งพิงองค์พระผู้เป็นเจ้าและกล่าวว่า

“องค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางเราไม่ใช่หรือ?

จะไม่มีภัยพิบัติใดมาถึงเราเลย”

12 ฉะนั้นเพราะพวกเจ้า

ศิโยนจะถูกไถเหมือนนา

เยรูซาเล็มจะกลายเป็นซากปรักหักพัง

ภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพระวิหารจะกลายเป็นป่ารก

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/MIC/3-e9f0fab263a66f2afb327cc176b9c6bf.mp3?version_id=179—

มีคาห์ 4

ภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

1 ในบั้นปลาย

ภูเขาที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งอยู่จะได้รับการสถาปนา

ให้เป็นเอกในหมู่ภูเขาทั้งหลาย

จะได้รับการเชิดชูเหนือบรรดาเนินเขา

และชนชาติต่างๆ จะหลั่งไหลไปที่นั่น

2 ประชาชาติมากมายจะมาและกล่าวว่า

“มาเถิด ให้เราขึ้นไปบนภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ

พระองค์จะทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่เรา

เพื่อเราจะดำเนินในวิถีทางของพระองค์”

บทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน

พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม

3 พระองค์จะทรงตัดสินความระหว่างชนชาติทั้งหลาย

และยุติกรณีพิพาทให้บรรดาชาติมหาอำนาจทั่วแดน

พวกเขาจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา

และตีหอกให้เป็นขอลิด

ชนชาติต่างๆ จะเลิกรบราฆ่าฟันกัน

ทั้งจะไม่มีการฝึกรบอีกต่อไป

4 ทุกคนจะนั่งอยู่ใต้เถาองุ่นของตน

และใต้ต้นมะเดื่อของตน

และจะไม่มีใครทำให้เขากลัว

เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ตรัสไว้แล้ว

5 ชนชาติทั้งปวงอาจจะดำเนิน

ในนามของเทพเจ้าของตน

ส่วนเราจะดำเนินในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตลอดนิรันดร์

แผนการขององค์พระผู้เป็นเจ้า

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“ในวันนั้น เราจะรวบรวมคนขาพิการ

เราจะรวบรวมบรรดาเชลย

ตลอดจนบรรดาคนที่เราให้พบกับความทุกข์โศก

7 เราจะให้คนขาพิการเป็นคนที่เหลืออยู่

ให้คนที่ถูกเนรเทศเป็นชาติที่แข็งแกร่ง

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะปกครองพวกเขาในภูเขาศิโยน

ตั้งแต่วันนั้นตราบชั่วนิรันดร์

8 ส่วนเจ้าผู้เป็นหอสังเกตการณ์ของฝูงแกะ

เป็นที่มั่นของธิดาแห่งศิโยน

อำนาจดั้งเดิมจะกลับคืนมาเป็นของเจ้า

ธิดาแห่งเยรูซาเล็มจะได้รับอำนาจครอบครอง”

9 เหตุใดเจ้าจึงร้องเสียงดัง

เจ้าไม่มีกษัตริย์หรือ?

ที่ปรึกษาของเจ้าย่อยยับไปแล้วหรือ?

เจ้าจึงเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนผู้หญิงกำลังคลอดลูก

10 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส

เหมือนผู้หญิงที่กำลังคลอดลูก

เพราะบัดนี้เจ้าต้องจากเมือง

ไปตั้งค่ายอยู่กลางทุ่ง

เจ้าจะไปยังบาบิโลน

เจ้าจะได้รับการช่วยเหลือที่นั่น

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงไถ่เจ้า

ออกจากมือของศัตรูของเจ้าที่นั่น

11 แต่บัดนี้หลายชนชาติ

รวมตัวกันมารบกับเจ้า

เขากล่าวว่า “ให้ศิโยนถูกย่ำยี

ให้ตาของเราได้ดูศิโยนด้วยความสะใจ!”

12 แต่เขาไม่รู้

พระดำริขององค์พระผู้เป็นเจ้า

เขาไม่เข้าใจแผนการของพระองค์

ผู้ทรงรวบรวมเขาเหมือนรวบรวมฟ่อนข้าวมาสู่ลานนวดข้าว

13 “ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย ลุกขึ้นนวดข้าวเถิด

เพราะเราจะให้เจ้ามีเขาเหล็ก

เราจะให้เจ้ามีกีบทองสัมฤทธิ์

และเจ้าจะบดขยี้ชนหลายชาติให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”

พวกท่านจะถวายสิ่งที่เขาได้มาโดยไม่ชอบธรรมนั้นแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

ถวายความมั่งคั่งของพวกเขาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสากลโลก

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/MIC/4-5745c6ff218d988a960eb60002212d72.mp3?version_id=179—

มีคาห์ 5

ผู้ปกครองตามพระสัญญาจะมาจากเบธเลเฮม

1 นครแห่งกองทหารเอ๋ย จัดทัพเถิด

เพราะศัตรูมาล้อมเมืองของเราแล้ว

เขาจะเอาไม้เท้าฟาดแก้มผู้ปกครองของอิสราเอล

2 “ส่วนเจ้า เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย

ถึงแม้เจ้าเป็นคนเล็กน้อยในหมู่ตระกูลต่างๆของยูดาห์

แต่จะมีผู้หนึ่งออกมาจากเจ้าเพื่อเรา

เป็นผู้ที่จะครอบครองอิสราเอล

ผู้นั้นมีที่มาจากอดีตกาล

จากโบราณกาล”

3 ฉะนั้น อิสราเอลจะถูกทอดทิ้ง

จวบจนเมื่อถึงเวลาที่ผู้หญิงซึ่งกำลังเจ็บครรภ์นั้นคลอดบุตร

และพี่น้องอื่นๆ ของบุคคลนั้น

กลับมาสมทบกับชนอิสราเอล

4 เขาจะยืนหยัดเลี้ยงดูฝูงแกะของเขา

โดยกำลังขององค์พระผู้เป็นเจ้า

โดยบารมีแห่งพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา

และพวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงปลอดภัย

เพราะความยิ่งใหญ่ของเขาผู้นั้นจะแผ่ถึงสุดปลายแผ่นดินโลก

5 และเขาจะนำความสงบสุขมาให้พวกเขา

การช่วยกู้และความย่อยยับ

เมื่อคราวอัสซีเรียรุกรานดินแดนของเรา

และกรีธาทัพผ่านป้อมของเรา

เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะเจ็ดแปดคน

คือตั้งเหล่าผู้นำขึ้นมาสู้กับเขา

6 พวกเขาจะปกครองดินแดนอัสซีเรียด้วยดาบ

ปกครองดินแดนของนิมโรดด้วยดาบซึ่งชักออก

ผู้นั้นจะกอบกู้เราจากอัสซีเรีย

ซึ่งมารุกรานดินแดนของเรา

และกรีธาทัพเข้ามาในเขตแดนของเรา

7 คนหยิบมือที่เหลือของยาโคบ

จะอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย

เหมือนน้ำค้างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

เหมือนสายฝนโปรยปรายลงบนหญ้า

ซึ่งไม่ต้องรอคอย

หรือพึ่งพามนุษย์

8 คนหยิบมือที่เหลือของยาโคบจะอยู่ในหมู่ประชาชาติ

อยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ

ดั่งราชสีห์ในหมู่สัตว์ป่า

เหมือนสิงห์หนุ่มในหมู่ฝูงแกะ

ซึ่งเหยียบย่ำและขยี้ขณะย่างไป

โดยไม่มีใครช่วยได้

9 เจ้าจะชูมือขึ้นด้วยชัยชนะเหนือข้าศึก

ศัตรูทั้งปวงของเจ้าจะถูกทำลาย

10 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า

“ในวันนั้นเราจะกำจัดม้าให้หมดไปจากพวกเจ้า

และทำลายรถม้าศึกของเจ้า

11 เราจะทำลายเมืองต่างๆ ในดินแดนของเจ้า

และทำลายที่มั่นทั้งปวงของเจ้า

12 เราจะกำจัดพวกแม่มดของเจ้า

และเจ้าจะไม่ร่ายเวทมนตร์คาถาอีกต่อไป

13 เราจะทำลายเทวรูปสลัก

และหินศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางพวกเจ้าให้หมดไป

เจ้าจะไม่หมอบกราบ

สิ่งที่มือของเจ้าทำขึ้นอีกต่อไป

14 เราจะรื้อถอนเสาเจ้าแม่อาเชราห์ที่อยู่ท่ามกลางพวกเจ้าออกไป

และทำลายเมืองต่างๆ ของเจ้า

15 เราจะแก้แค้นด้วยความพิโรธโกรธกริ้ว

แก่ชนชาติต่างๆ ซึ่งไม่เชื่อฟังเรา”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/MIC/5-379c44b5a3312372b0d404cc5afbb3ed.mp3?version_id=179—

มีคาห์ 6

องค์พระผู้เป็นเจ้า

1 จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด

“ขอเจ้ายืนขึ้น แถลงคดีความของเจ้าต่อหน้าภูเขาทั้งหลาย

และให้บรรดาเนินเขาฟังสิ่งที่เจ้าพูด

2 “ภูเขาทั้งหลายจงฟังการกล่าวโทษขององค์พระผู้เป็นเจ้า

จงฟังเถิด เจ้าซึ่งเป็นฐานรากอันมั่นคงของโลก

เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีคดีความกับประชากรของพระองค์

พระองค์ทรงตั้งข้อหาอิสราเอล

3 “ประชากรของเราเอ๋ย เราทำอะไรเจ้า?

เราได้ใส่ภาระอันใดให้แก่เจ้า? จงตอบเรามา

4 เรานำเจ้าออกมาจากอียิปต์

และไถ่เจ้าจากแดนทาส

เราส่งโมเสสมาเพื่อนำเจ้า

พร้อมทั้งอาโรนและมิเรียม

5 ประชากรของเราเอ๋ย

จงระลึกถึงกษัตริย์บาลาคแห่งโมอับที่พยายามจะทำให้เจ้าถูกสาปแช่ง

แต่บาลาอัมบุตรเบโอร์กลับอวยพรเจ้าแทน

จงระลึกถึงการเดินทางของเจ้าจากชิทธีมถึงกิลกาล

เพื่อเจ้าจะได้รู้ถึงความซื่อสัตย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า”

6 ข้าพเจ้าจะนำสิ่งใดมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

และกราบลงต่อพระเจ้าผู้ประทับในสวรรค์?

ควรที่ข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยเครื่องเผาบูชา

ด้วยบรรดาลูกวัวหนึ่งขวบหรือ?

7 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะพอพระทัยแกะนับพันๆ ตัว

และธารน้ำมันนับหมื่นๆ สายหรือ?

ควรที่ข้าพเจ้าจะถวายลูกหัวปีเพื่อการละเมิดของข้าพเจ้า

ถวายเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าพเจ้าเพื่อบาปแห่งจิตวิญญาณของข้าพเจ้าหรือ?

8 มนุษย์เอ๋ย พระองค์ได้ทรงสำแดงแก่ท่านแล้วว่าอะไรดี

และอะไรที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์จากท่าน?

คือจงประพฤติอย่างเที่ยงธรรม รักความเมตตากรุณา

และดำเนินอย่างถ่อมใจไปกับพระเจ้าของท่าน

ความผิดและโทษทัณฑ์ของอิสราเอล

9 ฟังเถิด!องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังตรัสเรียกเยรูซาเล็ม

เป็นการฉลาดที่จะยำเกรงพระนามพระองค์

“จงฟังเถิด เผ่าที่ชุมนุมกันในกรุงนั้น

10 พงศ์พันธุ์ที่ชั่วร้ายเอ๋ย

จะให้เราลืมทรัพย์สมบัติที่เจ้าได้มาอย่างทุจริต

และลืมเครื่องตวงคดโกงอันเป็นที่สาปแช่งหรือ?

11 จะให้เรายอมปล่อยคนที่ใช้เครื่องชั่งไม่เที่ยงตรง

และมีตุ้มน้ำหนักขี้โกงให้ลอยนวลไปหรือ?

12 คนมั่งมีในกรุงนั้นโหดเหี้ยมทารุณ

และชาวกรุงนั้นล้วนเป็นคนโกหก

และลิ้นของเขาพูดแต่คำหลอกลวง

13 ฉะนั้นเราจึงตั้งต้นทำลายเจ้า

ตั้งต้นล้มล้างเจ้าเพราะบาปทั้งหลายของเจ้า

14 เจ้าจะกิน แต่ไม่อิ่ม

ท้องของเจ้ายังคงว่างเปล่า

เจ้าจะสะสม แต่ไม่มีอะไรเหลือ

เพราะเราจะมอบสิ่งที่เจ้าสะสมไว้ให้แก่คมดาบ

15 เจ้าจะปลูก แต่ไม่ได้เก็บเกี่ยว

เจ้าจะคั้นน้ำมันมะกอก แต่ไม่ได้ใช้เอง

เจ้าจะย่ำองุ่น แต่ไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่น

16 เจ้าได้ถือรักษากฎเกณฑ์ของอมรี

และพิธีกรรมทั้งปวงของราชวงศ์อาหับ

แล้วเจ้าก็เอาอย่างเขา

ฉะนั้นเราจะปล่อยให้เจ้าพินาศ

ประชาชนของเจ้าจะถูกเหยียดหยาม

เจ้าจะเป็นที่เยาะเย้ยของบรรดาประชาชาติ”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/MIC/6-9bd2797f81028521263ca0c1844b49b2.mp3?version_id=179—

มีคาห์ 7

ความทุกข์ลำเค็ญของอิสราเอล

1 อนิจจาหมดหวังเสียแล้วหนอ!

ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนไปเก็บผลไม้ในฤดูร้อน

หลังจากเขาเก็บองุ่นไปหมดสวนแล้ว

ไม่มีพวงองุ่นให้รับประทาน

ไม่มีทั้งมะเดื่อต้นฤดูที่ปรารถนา

2 คนชอบธรรมสูญสิ้นไปจากแผ่นดิน

ไม่มีคนซื่อตรงเหลืออยู่สักคนเดียว

ทุกคนซุ่มดักฆ่าคน

ต่างก็เหวี่ยงตาข่ายดักพี่น้องของตน

3 มือสองข้างช่ำชองในการทำชั่ว

ผู้ปกครองเรียกร้องของกำนัล

ตุลาการรับสินบน

ผู้มีอิทธิพลบงการตามใจชอบ

พวกเขาทั้งหมดคบคิดกัน

4 แม้แต่คนที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขาก็เป็นเหมือนต้นหนาม

คนที่ซื่อตรงที่สุดก็เลวยิ่งกว่าหนามแหลม

วันของผู้ที่จับตาดูเจ้าก็มาถึงแล้ว

เป็นวันที่พระเจ้ามาเยือนท่าน

บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะว้าวุ่นสับสน

5 อย่าวางใจเพื่อนบ้าน

อย่ามั่นใจในมิตรสหาย

แม้แต่หญิงในอ้อมอก

จงระวังคำพูดของท่าน

6 เพราะลูกชายจะดูหมิ่นพ่อ

ลูกสาวจะลุกขึ้นมาขัดแย้งกับแม่

ลูกสะใภ้ขัดแย้งกับแม่สามี

ศัตรูของเขาจะเป็นคนในครัวเรือนของเขาเอง

7 แต่ส่วนข้าพเจ้าจะมุ่งหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้า

ข้าพเจ้ารอคอยพระเจ้าพระผู้ช่วยของข้าพเจ้า

พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงสดับฟังข้าพเจ้า

อิสราเอลจะลุกขึ้นมา

8 ศัตรูของข้าเอ๋ย! อย่ากระหยิ่มยิ้มเยาะข้าเลย

ถึงแม้ข้าล้มลง ข้าจะลุกขึ้นมาอีก

ถึงแม้ข้านั่งอยู่ในความมืด

องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเป็นความสว่างของข้า

9 เพราะข้าพเจ้าได้ทำบาปต่อพระองค์

ข้าพเจ้าก็จะทนรับพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า

ตราบจนพระองค์ทรงว่าคดีให้

และผดุงสิทธิ์ของข้าพเจ้าไว้

พระองค์จะทรงนำข้าพเจ้าออกมาสู่ความสว่าง

ข้าพเจ้าจะเห็นความชอบธรรมของพระองค์

10 แล้วศัตรูของข้าพเจ้าจะเห็น

และถูกปกคลุมด้วยความอับอาย

ผู้ที่พูดกับข้าพเจ้าว่า

“ไหนล่ะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน?”

ตาของข้าพเจ้าจะเห็นเขาล้มลง

บัดนี้แหละที่เขาจะถูกเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้า

เหมือนเลนบนถนน

11 วันสร้างกำแพงให้เจ้าจะมาถึง

เป็นวันที่จะขยายอาณาเขตของเจ้าออกไป

12 ในวันนั้นผู้คนจะมาหาเจ้า

จากอัสซีเรียและเมืองต่างๆ ของอียิปต์

แม้จากอียิปต์ถึงยูเฟรติส

จากทะเลจดทะเล

และจากภูเขาจดภูเขา

13 โลกจะเริศร้างเพราะชาวโลก

นั่นเป็นผลจากการกระทำของเขา

คำอธิษฐานและสรรเสริญ

14 ขอทรงเลี้ยงดูประชากรของพระองค์ด้วยไม้เท้า

เลี้ยงดูฝูงแกะที่เป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์

ซึ่งดำรงชีพด้วยตนเองอยู่ในป่า

ในทุ่งหญ้าอุดมสมบูรณ์

ให้พวกเขาหากินในบาชานและกิเลอาด

เหมือนในอดีตนานมาแล้ว

15 “เหมือนเมื่อครั้งเจ้าออกมาจากอียิปต์

เราจะแสดงให้เจ้าเห็นการอัศจรรย์ของเรา”

16 ประชาชาติต่างๆ จะเห็นแล้วอับอาย

และจะหมดอำนาจอย่างสิ้นเชิง

พวกเขาจะยกมือปิดปาก

และหูของพวกเขาหนวกไป

17 พวกเขาจะเลียฝุ่นเหมือนงู

เหมือนสัตว์เลื้อยคลานตามพื้นดิน

พวกเขาจะตัวสั่นงันงกออกมาจากถ้ำ

พวกเขาจะหันมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราด้วยความยำเกรง

และจะกลัวพระองค์

18 ผู้ใดเป็นพระเจ้าเสมอเหมือนพระองค์

ผู้ทรงยกบาปและอภัยการล่วงละเมิดของชนหยิบมือที่เหลือ

อันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์?

พระองค์ไม่ได้ทรงพระพิโรธอยู่เนืองนิตย์

แต่ทรงปีติยินดีที่จะแสดงพระเมตตา

19 พระองค์จะทรงเอ็นดูสงสารเราอีก

จะทรงเหยียบบาปทั้งหลายของเราไว้ใต้พระบาท

และเหวี่ยงความชั่วช้าทั้งหมดของเราลงสู่ทะเลลึก

20 พระองค์จะทรงสัตย์จริงต่อยาโคบ

และจะแสดงความเมตตาแก่อับราฮัม

ดังที่พระองค์ได้ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเรา

เมื่อครั้งนานมาแล้ว

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/MIC/7-bfd9ed700bd4498638575e1ac02df06b.mp3?version_id=179—

โยนาห์ 1

โยนาห์หนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

1 พระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงโยนาห์บุตรอามิททัยว่า

2 “จงไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ เทศนาตักเตือนกรุงนั้นเพราะความชั่วช้าของเขากระฉ่อนขึ้นมาต่อหน้าเรา”

3 แต่โยนาห์หนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามุ่งหน้าไปยังเมืองทารชิช เขาเดินทางไปที่ยัฟฟาและพบเรือที่จะไปเมืองนั้น จึงจ่ายค่าโดยสารแล้วขึ้นเรือจะไปทารชิช เพื่อหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้า

4 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้เกิดพายุใหญ่เหนือทะเล พายุโหมกระหน่ำจนเรือแทบจะอับปางอยู่รอมร่อ

5 ลูกเรือทั้งหมดกลัวมาก ต่างก็ร้องเรียกให้เทพเจ้าของตนมาช่วย และโยนสินค้าทิ้งไปเพื่อให้เรือเบาลง

ส่วนโยนาห์นอนหลับสนิทอยู่ในห้องข้างในเรือ

6 นายเรือไปหาเขาและพูดว่า “ท่านหลับอยู่ได้อย่างไร? จงลุกขึ้นมาอ้อนวอนให้พระเจ้าของท่านช่วย! เผื่อพระองค์จะทรงพระกรุณา เราจะได้รอดตาย”

7 แล้วลูกเรือทั้งหลายพูดกันว่า “ให้เรามาจับสลากดูว่าใครเป็นตัวการทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งนี้” เขาจึงจับสลากกันและสลากนั้นตกแก่โยนาห์

8 เขาก็ถามโยนาห์ว่า “บอกเรามาเถิดว่าใครเป็นต้นเหตุสร้างความเดือดร้อนให้เราในครั้งนี้? ท่านทำอะไร? มาจากที่ไหน? อยู่ประเทศอะไร? เป็นคนชาติไหน?”

9 โยนาห์ตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวฮีบรู นับถือพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดิน”

10 พวกเขาฟังแล้วตกใจมากและถามว่า “ท่านทำอะไรลงไป?” (พวกเขารู้ว่าโยนาห์หลบหนีองค์พระผู้เป็นเจ้ามา เพราะโยนาห์เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้แล้ว)

11 ทะเลยิ่งปั่นป่วนขึ้นทุกทีๆ พวกเขาจึงถามโยนาห์ว่า “เราควรทำอย่างไรกับท่านดีทะเลจึงจะสงบ?”

12 โยนาห์ตอบว่า “จับข้าพเจ้าโยนลงทะเลเถิด แล้วทะเลก็จะสงบ ข้าพเจ้ารู้ว่าที่เกิดพายุรุนแรงครั้งนี้ก็เพราะข้าพเจ้าผิดเอง”

13 คนเหล่านั้นพยายามกรรเชียงพาเรือเข้าฝั่ง แต่ทำไม่ได้ เพราะทะเลยิ่งปั่นป่วนมากขึ้นไปอีก

14 พวกเขาจึงร้องทูลต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “โอองค์พระผู้เป็นเจ้าขออย่าให้พวกเราต้องตายเพราะเอาชีวิตชายผู้นี้เลย อย่าให้เราต้องรับโทษที่ฆ่าคนที่ไม่มีความผิดเลย ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์เองทรงกระทำไปตามที่ทรงเห็นชอบ”

15 แล้วพวกเขาก็จับโยนาห์โยนลงจากเรือ ทะเลที่ปั่นป่วนก็สงบราบเรียบ

16 คนทั้งหลายจึงยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้ายิ่งนัก เขาถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าและถวายปฏิญาณต่อพระองค์

17 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้ปลาใหญ่มากลืนโยนาห์เข้าไป และโยนาห์อยู่ในท้องปลาสามวันสามคืน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JON/1-b80cab142b3c2d463a06537545c2ffa2.mp3?version_id=179—

โยนาห์ 2

คำอธิษฐานของโยนาห์

1 ขณะอยู่ในท้องปลานั้น โยนาห์อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา

2 เขากล่าวว่า

“ในยามทุกข์ลำเค็ญ ข้าพระองค์ร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า

และพระองค์ทรงตอบข้าพระองค์

ข้าพระองค์วิงวอนขอความช่วยเหลือจากห้วงลึกของแดนมรณา และพระองค์ทรงสดับฟังเสียงร้องของข้าพระองค์

3 พระองค์ทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ลงมาในห้วงลึก

สู่ใจกลางมหาสมุทร

กระแสน้ำถาโถมเข้าใส่ข้าพระองค์

และระลอกคลื่นของพระองค์

ท่วมมิดข้าพระองค์

4 ข้าพระองค์กล่าวว่า ‘ข้าพระองค์ถูกเนรเทศ

พ้นจากสายพระเนตรของพระองค์แล้ว

ถึงกระนั้นข้าพระองค์จะมุ่งมอง

ไปยังพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อีก’

5 น้ำท่วมมิดข้าพระองค์

ที่ลึกล้อมรอบข้าพระองค์

สาหร่ายทะเลพันรอบศีรษะของข้าพระองค์

6 ข้าพระองค์จมลงมาถึงรากภูเขา

แผ่นดินเบื้องล่างขังข้าพระองค์ไว้เป็นนิตย์

แต่พระองค์ทรงช่วยชีวิตข้าพระองค์ขึ้นมาจากเหว

ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์

7 “เมื่อชีวิตของข้าพระองค์กำลังจะหลุดลอยไป

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ระลึกถึงพระองค์

คำอธิษฐานของข้าพระองค์ขึ้นไปถึงพระองค์

ไปถึงพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

8 “บรรดาคนที่ยึดติดกับเทวรูปอันไร้ค่า

สูญเสียพระคุณซึ่งเขาควรจะได้

9 ส่วนข้าพระองค์จะถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์

ด้วยบทเพลงโมทนาพระคุณ

ข้าพระองค์ปฏิญาณไว้อย่างไร ข้าพระองค์จะทำเช่นนั้น

การช่วยให้รอดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า”

10 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งปลานั้น มันก็สำรอกโยนาห์ออกมาไว้ที่ริมฝั่ง

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JON/2-07fe5cd5eade27fd5cde079ebd91414f.mp3?version_id=179—

โยนาห์ 3

โยนาห์ไปยังนีนะเวห์

1 แล้วมีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงโยนาห์เป็นครั้งที่สองว่า

2 “จงไปนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศแก่ชาวกรุงนั้นตามที่เราสั่งเจ้า”

3 โยนาห์ก็เชื่อฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไปยังนีนะเวห์ นครนั้นใหญ่มาก ต้องใช้เวลาสามวันจึงเดินทางทั่ว

4 ในวันแรกโยนาห์ตั้งต้นเดินเข้าไปในกรุงนั้น เขาประกาศว่า “อีกสี่สิบวันนีนะเวห์จะถูกทำลาย”

5 ชาวนีนะเวห์ก็เชื่อพระเจ้า พวกเขาประกาศให้มีการถืออดอาหาร แล้วชาวกรุงทุกคนตั้งแต่ผู้ใหญ่ที่สุดจนถึงผู้น้อยที่สุดสวมเสื้อผ้ากระสอบ

6 เมื่อกษัตริย์นีนะเวห์ทรงทราบเรื่องนี้ ก็ทรงลุกขึ้นจากบัลลังก์ ถอดฉลองพระองค์ออก เอาเสื้อผ้ากระสอบคลุมพระองค์ และประทับในกองฝุ่นธุลี

7 แล้วทรงออกประกาศในกรุงนีนะเวห์ว่า

“โดยพระราชกฤษฎีกาของกษัตริย์ และขุนนางทั้งหลาย

“ห้ามไม่ให้ผู้ใดหรือสัตว์ตัวใดกินหรือดื่มอะไร

8 แต่ให้ทั้งคนและสัตว์ห่มตัวด้วยผ้ากระสอบ ให้ทุกคนทูลอ้อนวอนพระเจ้าอย่างเร่งด่วน และให้เลิกทำชั่ว เลิกการทารุณ

9 ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจจะทรงอดกลั้นพระทัยไว้ และด้วยพระเมตตา พระองค์อาจจะทรงหันจากพระพิโรธอันรุนแรง เพื่อเราจะไม่ต้องพินาศ”

10 เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของพวกเขาและเห็นเขาเลิกทำชั่ว ก็ทรงเอ็นดูสงสารและไม่ได้ทำลายพวกเขาตามที่ทรงคาดโทษไว้

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JON/3-9e7f4a34a5524f24017a4e40e4331f4a.mp3?version_id=179—

โยนาห์ 4

โยนาห์โกรธที่องค์พระผู้เป็นเจ้า

1 แต่โยนาห์ไม่พอใจมากและโกรธ

2 เขาอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ก็บอกตั้งแต่ยังอยู่ที่บ้านแล้วไม่ใช่หรือว่ามันจะเป็นอย่างนี้? เพราะเหตุนี้แหละ ข้าพระองค์ถึงได้รีบหนีไปเมืองทารชิช ข้าพระองค์รู้อยู่ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณและความเอ็นดูสงสาร ทรงเป็นพระเจ้าผู้กริ้วช้าและเปี่ยมด้วยความรัก พระเจ้าทรงอดพระทัยไว้ไม่ลงโทษ

3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าบัดนี้ขอทรงเอาชีวิตข้าพระองค์ไปเถิด ข้าพระองค์ตายเสียดีกว่าอยู่”

4 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะโกรธ?”

5 โยนาห์ก็ออกไปอยู่นอกเมืองทางตะวันออก แล้วสร้างเพิงขึ้นหลังหนึ่ง แล้วนั่งอยู่ใต้ร่มเพิง และคอยดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับกรุงนีนะเวห์

6 แล้วพระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้เถาไม้เลื้อยเถาหนึ่งงอกขึ้นเหนือโยนาห์ ช่วยบังแดดให้ศีรษะของเขา เพื่อบรรเทาความเดือดเนื้อร้อนใจของเขา โยนาห์ก็มีความสุขมากที่มีเถาไม้เลื้อยนี้

7 แต่พอฟ้าสางวันรุ่งขึ้น พระเจ้าทรงให้มีหนอนกัดกินเถาไม้เลื้อยนั้น จนมันเหี่ยวเฉาไป

8 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น พระเจ้าทรงให้มีลมตะวันออกอันร้อนระอุพัดมา แสงอาทิตย์ก็แผดเปรี้ยงเหนือศีรษะของโยนาห์จนเขาแทบเป็นลม โยนาห์อยากตายและตัดพ้อว่า “ข้าพระองค์ตายเสียก็ดีกว่าอยู่”

9 แต่พระเจ้าตรัสกับโยนาห์ว่า “เจ้ามีสิทธิ์จะโกรธเรื่องเถาไม้เลื้อยนี้หรือ?”

โยนาห์ทูลว่า “ข้าพระองค์มีสิทธิ์ ข้าพระองค์โกรธจนอยากตาย”

10 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เจ้าเสียดายเถาไม้เลื้อยนี้ ทั้งๆ ที่เจ้าไม่ได้ปลูกหรือดูแลมันให้โต มันงอกขึ้นในชั่วข้ามคืนและตายไปในชั่วข้ามคืน

11 ก็แล้วนีนะเวห์ซึ่งมีคนกว่า 120,000 คน ซึ่งไม่รู้ประสาว่าไหนมือซ้ายไหนมือขวา ทั้งยังมีสัตว์เลี้ยงอีกมากมาย ไม่ควรหรือที่เราจะห่วงใยนครใหญ่นั้น?”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JON/4-8e519921cecac0367a1df3092c1ba3d1.mp3?version_id=179—

โอบาดีห์ 1

1 นิมิตของโอบาดีห์

พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสเกี่ยวกับเอโดมว่า

เราได้ยินถ้อยคำจากองค์พระผู้เป็นเจ้าดังนี้

มีทูตคนหนึ่งถูกส่งไปยังประชาชาติต่างๆ เพื่อแจ้งว่า

“ลุกขึ้นเถิด ให้เราไปรบกับเอโดม”

2 “ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเล็กกระจ้อยร่อยในหมู่ประชาชาติ

เจ้าจะถูกเหยียดหยามยิ่งนัก

3 ความหยิ่งผยองในใจได้หลอกลวงเจ้า

เจ้าผู้อาศัยอยู่ในซอกหิน

และสร้างบ้านไว้บนที่สูง

เจ้าผู้บอกตัวเองว่า

‘ใครเล่าสามารถดึงเราลงไปอยู่ที่พื้นได้?’

4 ถึงแม้เจ้าเหินฟ้าเหมือนนกอินทรี

และสร้างรังไว้กลางหมู่ดาว

เราก็จะฉุดเจ้าลงมาจากที่นั่น”

องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น

5 “หากขโมยมาหาเจ้า

หากโจรบุกมาในยามค่ำคืน

เจ้าจะย่อยยับสักปานใด

เขาจะไม่ขโมยไปเพียงเท่าที่เขาอยากได้หรือ?

หากคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า

เขาจะไม่เหลือไว้บ้างนิดหน่อยหรือ?

6 แต่เอซาวจะถูกปล้นชิงจนหมดสิ้น

ทรัพย์สมบัติที่เขาซ่อนไว้ถูกปล้นชิงไปหมด!

7 พันธมิตรทั้งหมดจะบังคับให้เจ้าออกไปจนสุดแดน

เพื่อนฝูงจะหลอกและเอาชนะเจ้า

เพื่อนร่วมสำรับอาหารเดียวกันกับเจ้าจะวางกับดักเจ้า

แต่เจ้าจะไม่ระแคะระคาย”

8 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ในวันนั้น

เราจะไม่ทำลายปราชญ์ของเอโดม

และผู้ที่มีความเข้าใจที่ภูเขาต่างๆ ของเอซาวหรือ?

9 เทมานเอ๋ย นักรบของเจ้าจะครั่นคร้าม

และทุกคนที่ภูเขาของเอซาว

จะถูกประหาร

10 เพราะความอำมหิตที่เจ้าทำแก่ยาโคบน้องชายของเจ้า

เจ้าจะอับอายขายหน้า

เจ้าจะถูกทำลายไปตลอดกาล

11 ในวันที่เจ้ายืนเฉยอย่างไม่แยแส

ขณะที่คนแปลกหน้าขนทรัพย์สมบัติของเขาไป

คนต่างชาติบุกเข้าประตูเมืองของเขา

และจับสลากแบ่งกรุงเยรูซาเล็มกัน

เจ้าก็เป็นเหมือนคนหนึ่งในพวกนั้น

12 เจ้าไม่ควรหยามน้ำหน้าน้องชาย

ในวันที่เขารับเคราะห์

หรือกระหยิ่มยิ้มย่องทับถมชาวยูดาห์

ในวันที่พวกเขาพินาศ

หรือคุยโวโอ้อวดเหลือเกิน

ในวันที่พวกเขาเดือดร้อน

13 เจ้าไม่ควรเดินเข้าประตูเมืองของประชากรของเรา

ในวันที่พวกเขาพินาศย่อยยับ

หรือสมน้ำหน้าที่พวกเขาป่นปี้

ในวันที่พวกเขาพินาศย่อยยับ

หรือยึดทรัพย์สมบัติของพวกเขา

ในวันที่พวกเขาพินาศย่อยยับ

14 เจ้าไม่ควรดักรออยู่ที่ทางแยก

เพื่อคอยเล่นงานพวกเขาซึ่งหนีภัยมา

หรือมอบตัวผู้รอดชีวิตของพวกเขา

ในวันที่เขาเดือดร้อน

15 “วันแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับมวลประชาชาติใกล้เข้ามาแล้ว

เจ้าทำสิ่งใดไว้จะได้รับสิ่งนั้นตอบแทน

กรรมที่เจ้าก่อไว้จะย้อนกลับมาตกบนหัวของเจ้า

16 เหมือนที่เจ้าดื่มบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา

ประชาชาติทั้งปวงก็จะดื่มไม่หยุด

เขาจะดื่มแล้วดื่มอีก

เขาจะเป็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

17 แต่บนภูเขาศิโยนจะมีการช่วยกู้

ภูเขานั้นจะศักดิ์สิทธิ์

และพงศ์พันธุ์ยาโคบ

จะครอบครองกรรมสิทธิ์ในดินแดนนั้น

18 พงศ์พันธุ์ยาโคบจะเป็นไฟ

พงศ์พันธุ์โยเซฟจะเป็นเปลวไฟ

พงศ์พันธุ์ของเอซาวจะเป็นตอข้าว

ซึ่งจะถูกไฟเผาจนมอดไหม้

พงศ์พันธุ์เอซาว

จะไม่มีใครรอดชีวิตเลย”

องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว

19 ประชาชนจากเนเกบจะครอบครอง

ภูเขาต่างๆ ของเอซาว

และประชาชนจากเชิงเขาต่างๆ จะครอบครอง

ดินแดนของชาวฟีลิสเตีย

พวกเขาจะครอบครองท้องทุ่งของเอฟราอิมกับสะมาเรีย

และเบนยามินจะครอบครองกิเลอาด

20 กลุ่มเชลยอิสราเอลซึ่งอยู่ในคานาอัน

จะครอบครองดินแดนไกลไปถึงศาเรฟัท

เชลยจากเยรูซาเล็มซึ่งอยู่ในเสฟาราด

จะครอบครองเมืองต่างๆ ของเนเกบ

21 พวกกู้ชาติจะขึ้นไปบนภูเขาศิโยน

เพื่อครอบครองภูเขาต่างๆ ของเอซาว

และอาณาจักรนั้นจะเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/OBA/1-93d3ad489a10d6c8af322d7bb0c6a1cb.mp3?version_id=179—