เลวีนิติ 6

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “ผู้ใดทำบาปและไม่ซื่อตรงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยหลอกเพื่อนบ้านเกี่ยวกับสิ่งของที่รับฝาก หรืออยู่ในการดูแล หรือถูกขโมย หรือคดโกงเพื่อนบ้าน

3 หรือเก็บของได้และโกหกว่าไม่ได้เอาไป หรือสาบานเท็จ หรือทำบาปใดๆ

4 เมื่อเขาทำบาปและมีความผิด เขาต้องคืนสิ่งที่ขโมย หรือที่ขู่กรรโชกมา หรือของที่เขารับฝากไว้ หรือของที่เขาเก็บได้

5 หรืออะไรก็ตามที่เขาสาบานเท็จเกี่ยวกับสิ่งนั้น เขาต้องชดใช้ให้เต็มราคา และเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคานั้นให้กับเจ้าของในวันที่เขาถวายเครื่องบูชาลบความผิด

6 และเพื่อเป็นการลงโทษ เขาต้องนำเครื่องบูชาลบความผิดมาให้ปุโรหิต นั่นคือเขาต้องถวายแกะผู้ที่ไม่มีตำหนิและมีค่าเหมาะสมจากฝูงแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

7 ปุโรหิตจะทำการลบบาปให้เขาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยวิธีนี้ แล้วเขาจะได้รับการอภัยสำหรับความผิดเหล่านี้ที่ได้ทำไป”

เครื่องเผาบูชา

8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

9 “จงแจ้งคำสั่งนี้แก่อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาว่า ‘นี่เป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องเผาบูชา ให้ทิ้งเครื่องเผาบูชาไว้ตรงที่เผาตลอดคืนจนรุ่งเช้า และปล่อยให้ไฟบนแท่นบูชาลุกอยู่เช่นนั้น

10 แล้วปุโรหิตจะสวมเครื่องแต่งกายที่ทำจากผ้าลินินพร้อมกับเครื่องแต่งกายชั้นในที่ติดกับตัว และเขาจะกวาดเถ้าของเครื่องเผาบูชากองไว้ข้างแท่น

11 จากนั้นเขาต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วนำเถ้าออกนอกค่ายพักแรมไปยังที่ที่ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี

12 ให้ไฟบนแท่นบูชาลุกอยู่ตลอดเวลา อย่าให้ดับ ปุโรหิตจะเติมฟืนทุกเช้า วางเครื่องเผาบูชาประจำวันบนฟืน แล้วเผาไขมันของเครื่องสันติบูชาบนแท่น

13 จงให้ไฟลุกโชนอยู่ที่แท่นตลอดเวลา อย่าให้ดับเลย

เครื่องธัญบูชา

14 “ ‘ต่อไปนี้เป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องธัญบูชา บรรดาบุตรชายของอาโรนจะนำเครื่องธัญบูชามาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าหน้าแท่นบูชา

15 ปุโรหิตจะเอาแป้งบดละเอียดหนึ่งกำมือ เคล้าน้ำมันและเครื่องหอมจากเครื่องธัญบูชา แล้วเผาส่วนอนุสรณ์นั้นบนแท่นบูชา เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

16 อาโรนและบรรดาบุตรชายจะกินส่วนที่เหลือ แต่ต้องกินโดยไม่ใส่เชื้อในที่บริสุทธิ์ นั่นคือที่ลานเต็นท์นัดพบ

17 จะต้องอบแป้งนั้นโดยไม่ใส่เชื้อ เรายกเครื่องบูชาส่วนนี้ซึ่งถวายแก่เราด้วยไฟให้เป็นส่วนของปุโรหิต เป็นของบริสุทธิ์ที่สุดเช่นเดียวกับเครื่องบูชาไถ่บาปและเครื่องบูชาลบความผิด

18 ลูกหลานของอาโรนที่เป็นผู้ชายจะกินของนี้ได้ เป็นส่วนประจำของเขาจากเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ สิ่งใดก็ตามที่แตะต้องสิ่งเหล่านี้จะบริสุทธิ์’ ”

19 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสอีกว่า

20 “นี่คือเครื่องบูชาที่อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะต้องนำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในวันที่เขาได้รับการเจิมตั้ง คือแป้งละเอียดประมาณ 2 ลิตรเป็นเครื่องธัญบูชาที่ถวายเป็นประจำ ครึ่งหนึ่งถวายตอนเช้า อีกครึ่งหนึ่งถวายตอนเย็น

21 จงทอดแป้งนั้นกับน้ำมันในกระทะ คลุกเคล้าให้เข้ากันอย่างดีและนำเครื่องธัญบูชาที่หักเป็นชิ้นๆ นี้มาถวาย เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

22 บุตรชายผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งปุโรหิตที่ได้รับการเจิมตั้งต่อจากอาโรนจะเป็นผู้เตรียมเครื่องถวายนี้ นี่เป็นส่วนที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นประจำและจะต้องเผาให้หมด

23 ธัญบูชาของปุโรหิตทุกอย่างจะต้องเผาให้หมด ห้ามกิน”

เครื่องบูชาไถ่บาป

24 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

25 “จงบอกอาโรนและบรรดาบุตรชายว่า ‘ต่อไปนี้เป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องบูชาไถ่บาปคือ จะต้องนำเครื่องบูชาไถ่บาปมาฆ่าต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในที่สำหรับฆ่าสัตว์เป็นเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาไถ่บาปนี้คือของบริสุทธิ์ที่สุด

26 ปุโรหิตผู้ประกอบพิธีจะกินเครื่องบูชานี้ในที่บริสุทธิ์ คือในลานเต็นท์นัดพบ

27 สิ่งใดก็ตามที่แตะต้องเนื้อนั้นจะบริสุทธิ์ และหากเลือดกระเซ็นไปเปื้อนเสื้อผ้า จะต้องซักในที่บริสุทธิ์

28 จะต้องทุบหม้อดินเผาซึ่งใช้ต้มเนื้อนั้นทิ้ง หรือหากใช้ภาชนะทองสัมฤทธิ์ต้ม ก็ต้องขัดและล้างน้ำ

29 ผู้ชายทุกคนในครอบครัวปุโรหิตเท่านั้นที่กินเครื่องบูชานี้ได้ เพราะเป็นของบริสุทธิ์ที่สุด

30 อย่ากินเครื่องบูชาไถ่บาปซึ่งเลือดของมันถูกนำเข้าไปในเต็นท์นัดพบเพื่อทำการลบบาปในวิสุทธิสถาน แต่จะต้องเผาทิ้ง

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/6-579be2638f7cea6771b1eaba0eb17d3d.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 7

เครื่องบูชาลบความผิด

1 “ ‘ต่อไปนี้เป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องบูชาลบความผิดซึ่งบริสุทธิ์ที่สุดคือ

2 สัตว์ที่นำมาถวายเป็นเครื่องบูชาลบความผิดจะฆ่าในที่สำหรับฆ่าสัตว์เป็นเครื่องเผาบูชา แล้วพรมเลือดของมันรอบแท่น

3 ปุโรหิตจะถวายไขมันทั้งหมด คือไขมันส่วนหางและไขมันหุ้มเครื่องใน

4 ไตสองลูก ไขมันหุ้มไตใกล้ส่วนเอว และพังผืดหุ้มตับซึ่งเอาออกมาพร้อมไต

5 ปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชาเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านี่คือเครื่องบูชาลบความผิด

6 ผู้ชายในครอบครัวของปุโรหิตเท่านั้นจึงจะกินเนื้อนั้นได้ และต้องกินในที่บริสุทธิ์เพราะเป็นของบริสุทธิ์ที่สุด

7 “ ‘กฎเดียวกันนี้ใช้ได้ทั้งเครื่องบูชาไถ่บาปและเครื่องบูชาลบความผิดคือ เนื้อส่วนที่เหลือมอบให้เป็นอาหารของปุโรหิตผู้ทำการลบบาป

8 ปุโรหิตผู้ถวายเครื่องเผาบูชาจะได้รับหนังของมันด้วย

9 ปุโรหิตซึ่งถวายเครื่องธัญบูชาจะได้รับส่วนที่เหลือเมื่อเสร็จพิธีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นธัญบูชาที่อบ ปิ้ง หรือทอด

10 ธัญบูชาทุกอย่างไม่ว่าจะแห้งหรือเคล้าน้ำมัน เป็นของบรรดาบุตรของอาโรนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

เครื่องสันติบูชา

11 “ ‘ต่อไปนี้เป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องสันติบูชาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

12 “ ‘หากเป็นเครื่องบูชาขอบพระคุณ ให้ผู้ถวายนำขนมปังไม่ใส่เชื้อคลุกน้ำมันควบคู่มากับเครื่องบูชา พร้อมด้วยขนมปังแผ่นบางไม่ใส่เชื้อทาน้ำมัน และขนมปังแป้งละเอียดเคล้าน้ำมัน

13 ให้นำขนมปังใส่เชื้อมาถวายควบคู่กับเครื่องสันติบูชา เป็นเครื่องบูชาขอบพระคุณ

14 เขาจะต้องนำส่วนหนึ่งจากเครื่องบูชาแต่ละชนิดมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วมอบให้ปุโรหิตผู้พรมเลือดของเครื่องสันติบูชา

15 เนื้อของเครื่องสันติบูชาเพื่อขอบพระคุณจะต้องกินในวันที่ถวาย อย่าเหลือค้างจนถึงวันรุ่งขึ้น

16 “ ‘หากเป็นเครื่องบูชาตามที่ถวายปฏิญาณไว้หรือเครื่องบูชาตามความสมัครใจ ส่วนที่ปุโรหิตยังไม่ได้กินในวันที่ถวายอาจจะกินในวันรุ่งขึ้นได้

17 แต่เนื้อของเครื่องบูชาที่เหลือค้างจนถึงวันที่สามต้องเผาทิ้ง

18 เพราะหากกินส่วนใดของเครื่องสันติบูชาในวันที่สามจะไม่เป็นที่ยอมรับ ไม่เป็นผลดีแก่ผู้ที่นำมาถวายเพราะเป็นเครื่องบูชาที่ไม่บริสุทธิ์ ผู้ที่กินจะต้องรับผิดชอบ

19 “ ‘อย่ากินเนื้อที่สัมผัสสิ่งที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี จงเผาทิ้ง แต่เนื้อส่วนอื่นให้ผู้ที่ไม่มีมลทินตามระเบียบพิธีกินได้

20 แต่ถ้าผู้ใดเป็นมลทินแล้วยังขืนกินเนื้อของเครื่องสันติบูชาซึ่งเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นั้นจะถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา

21 ผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นมลทินของมนุษย์ หรือสัตว์ที่เป็นมลทิน หรือสิ่งใดๆ อันน่ารังเกียจที่เป็นมลทิน แล้วมากินเนื้อของเครื่องสันติบูชาที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นั้นจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา’ ”

ห้ามกินไขมันและเลือด

22 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

23 “จงสั่งประชากรอิสราเอลว่า ‘อย่ากินไขมัน ไม่ว่าไขมันจากวัว แกะ หรือแพะ

24 ไขมันจากสัตว์ที่พบเมื่อตายแล้ว หรือถูกสัตว์ป่าทำร้าย อาจจะใช้ทำอย่างอื่นได้ แต่อย่ากิน

25 ผู้ใดกินไขมันจากสัตว์ซึ่งถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยไฟจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา

26 และไม่ว่าเจ้าอาศัยที่ไหนก็ตาม ห้ามกินเลือด ไม่ว่าเลือดนกหรือเลือดสัตว์ใดๆ

27 ถ้าผู้ใดกินเลือดผู้นั้นจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา’ ”

ส่วนแบ่งของปุโรหิต

28 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

29 “จงกล่าวแก่ประชากรอิสราเอลว่า ‘ผู้ใดนำเครื่องสันติบูชามาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องนำส่วนหนึ่งของเครื่องบูชานั้นมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

30 เขาต้องนำเครื่องบูชานี้มาเผาถวายด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้ากับมือของเขาเอง เขาจะนำไขมันและอกมายื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย

31 ปุโรหิตจะเผาไขมันบนแท่นบูชา แต่เนื้ออกเป็นของอาโรนและบรรดาบุตรชาย

32 โคนขาขวาของสัตว์ที่นำมาถวายเป็นเครื่องสันติบูชาจะยกให้แก่ปุโรหิตผู้ประกอบพิธี

33 บุตรชายของอาโรนผู้ถวายเลือดและไขมันของเครื่องสันติบูชาจะได้รับโคนขาขวาเป็นส่วนแบ่งของเขา

34 เราได้กำหนดให้ยกเนื้ออกและโคนขาที่ยื่นถวายเป็นสิ่งที่ชาวอิสราเอลมอบให้แก่อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขา เป็นส่วนแบ่งประจำจากเครื่องสันติบูชาของพวกเขา’ ”

35 นี่เป็นส่วนของอาโรนกับบรรดาบุตรชายจากเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งยกให้แก่พวกเขาในวันที่ได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า

36 ในวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมตั้งพวกเขา พระองค์ทรงบัญชาชาวอิสราเอลให้มอบสิ่งเหล่านี้แก่พวกเขาเป็นส่วนแบ่งประจำตลอดทุกชั่วอายุ

37 ทั้งหมดนี้คือกฎระเบียบเกี่ยวกับเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา เครื่องบูชาไถ่บาป เครื่องบูชาลบความผิด เครื่องบูชาในพิธีสถาปนา และเครื่องสันติบูชา

38 ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสบนภูเขาซีนายในวันที่ทรงบัญชาชาวอิสราเอลให้นำเครื่องบูชามาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นกันดารซีนาย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/7-ac4de6dbe1917c67f350b93df6b82015.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 8

การสถาปนาอาโรนและบุตรชาย

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงนำอาโรนกับบรรดาบุตรชาย พร้อมทั้งเครื่องแต่งกายของพวกเขา น้ำมันเจิม วัวหนุ่มที่ใช้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป แกะผู้คู่หนึ่งกับกระจาดขนมปังไม่ใส่เชื้อมา

3 และเรียกอิสราเอลทั้งหมดมาชุมนุมกันที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ”

4 โมเสสก็ทำตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง และชุมชนทั้งหมดมาพร้อมหน้ากันที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ

5 โมเสสกล่าวกับชุมนุมประชากรว่า “นี่คือสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสสั่งให้ทำ”

6 แล้วโมเสสนำอาโรนและบรรดาบุตรชายของเขามาชำระกายด้วยน้ำ

7 ให้อาโรนสวมเสื้อตัวใน คาดสายคาดเอว สวมเสื้อคลุม และผูกเอโฟดด้วยแถบรัดเอวที่ทออย่างชำนาญ

8 แล้วคล้องทับทรวง สอดอูริมและทูมมิมไว้ในทับทรวง

9 และโพกผ้าโพกศีรษะกับแผ่นทองคำศักดิ์สิทธิ์บนหน้าผากของอาโรน ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

10 แล้วโมเสสนำน้ำมันเจิมมาเจิมที่พลับพลาและอุปกรณ์แต่ละอย่าง เป็นการชำระให้บริสุทธิ์

11 เขาเอาน้ำมันพรมแท่นบูชาเจ็ดครั้ง เจิมแท่นบูชาและภาชนะใช้สอยประจำแท่นทุกชิ้นและอ่างชำระกับฐานรองเพื่อชำระให้บริสุทธิ์

12 เขาเทน้ำมันเจิมลงบนศีรษะของอาโรน เป็นการเจิมตั้งเขาและชำระเขาให้บริสุทธิ์

13 แล้วเขานำบรรดาบุตรชายของอาโรนออกมา ให้สวมเสื้อตัวใน คาดสายคาดเอว และคาดผ้าคาดหน้าผากให้เขา ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

14 จากนั้นโมเสสถวายวัวผู้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และให้อาโรนกับบุตรชายวางมือบนหัววัว

15 โมเสสฆ่าวัวนั้น เอานิ้วจุ่มเลือดปาดทั่วเชิงงอนทั้งสี่ของแท่นบูชาเพื่อชำระแท่นให้บริสุทธิ์ แล้วเทเลือดที่เหลือลงที่ด้านล่างของแท่น ดังนั้นเขาจึงได้ชำระและทำการลบบาปสำหรับแท่นนั้น

16 โมเสสนำไขมันหุ้มเครื่องใน พังผืดหุ้มตับ และไตสองลูกพร้อมไขมันของไตมาเผาบนแท่นบูชา

17 แต่เนื้อของมันพร้อมทั้งหนังและไส้ถูกนำออกไปเผานอกค่ายพักตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

18 แล้วเขาถวายแกะตัวผู้เป็นเครื่องเผาบูชา และให้อาโรนกับบุตรชายวางมือบนหัวแกะ

19 จากนั้นโมเสสฆ่าแกะ เอาเลือดพรมรอบแท่น

20 เขาสับแกะเป็นท่อนๆ แล้วเผาชิ้นส่วนเหล่านั้นกับหัวและไขมัน

21 ก่อนที่จะเผาแกะผู้ทั้งตัวบนแท่นบูชา เขาใช้น้ำล้างเครื่องในและขาของมัน แล้วจึงถวายทั้งหมดเป็นเครื่องเผาบูชา เป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

22 จากนั้นโมเสสนำแกะผู้อีกตัวมาเป็นแกะสำหรับพิธีสถาปนา และให้อาโรนกับบุตรชายวางมือบนหัวแกะ

23 โมเสสฆ่าแกะผู้ตัวนั้น เอาเลือดของมันแตะที่ติ่งหูขวาของอาโรน ที่นิ้วหัวแม่มือขวา และนิ้วหัวแม่เท้าขวา

24 โมเสสเอาเลือดทาที่ติ่งหูขวาของบรรดาบุตรชายของอาโรน และที่นิ้วหัวแม่มือขวากับนิ้วหัวแม่เท้าขวาด้วย แล้วพรมเลือดรอบแท่น

25 เขาเอาไขมัน ไขมันส่วนหาง ไขมันหุ้มเครื่องในทั้งหมด พังผืดหุ้มตับ ไตสองลูกพร้อมกับไขมัน และโคนขาขวา

26 จากนั้นนำขนมปังไม่ใส่เชื้อ ขนมปังคลุกน้ำมัน และขนมปังแผ่นบางจากกระจาดที่ตั้งอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้ามาวางบนไขมันและโคนขาขวา

27 นำของทั้งหมดนี้ใส่มืออาโรนกับบรรดาบุตรชายเพื่อทำพิธียื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย

28 แล้วโมเสสรับของทั้งหมดคืนจากมือของพวกเขา นำมาวางบนเครื่องเผาบูชาและเผาบนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาในพิธีสถาปนา เป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

29 เขายังได้นำเนื้ออกจากแกะสถาปนาซึ่งเป็นส่วนของโมเสสและยื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวายตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

30 จากนั้นโมเสสเอาน้ำมันเจิมส่วนหนึ่งกับเลือดส่วนหนึ่งจากแท่นบูชามาพรมที่ตัวและเครื่องแต่งกายของอาโรนกับบรรดาบุตรชาย ทำให้พวกเขาและเครื่องแต่งกายของพวกเขาบริสุทธิ์

31 จากนั้นโมเสสกล่าวกับอาโรนและบุตรชายว่า “จงต้มเนื้อที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ แล้วรับประทานเนื้อนั้นที่นั่นพร้อมขนมปังในกระจาดของเครื่องถวายบูชาในพิธีสถาปนา ตามที่ข้าพเจ้าสั่งท่านแล้วว่า‘อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาจะต้องรับประทานเนื้อนั้น’

32 แล้วเผาเนื้อและขนมปังส่วนที่เหลือให้หมด

33 อย่าออกไปจากทางเข้าเต็นท์นัดพบนี้ตลอดเจ็ดวัน จนกว่าจะครบกำหนดเวลาแห่งการสถาปนาของท่าน เพราะการสถาปนาท่านจะใช้เวลาเจ็ดวัน

34 สิ่งที่ทำไปในวันนี้ทั้งหมดเป็นไปตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อลบบาปให้พวกท่าน

35 ท่านจะต้องอยู่ที่บริเวณทางเข้าเต็นท์นัดพบนี้ตลอดเจ็ดวันเจ็ดคืน และทำสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ เพื่อท่านจะไม่ตาย เพราะพระองค์ทรงบัญชาข้าพเจ้าไว้เช่นนี้”

36 ดังนั้นอาโรนกับบุตรชายจึงทำทุกสิ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาผ่านทางโมเสส

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/8-046aa2ac6b1871e2c9a12ab437c2705e.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 9

ปุโรหิตเริ่มรับใช้

1 ในวันที่แปดโมเสสเรียกอาโรนกับบุตรชายและบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลมาประชุม

2 เขากล่าวแก่อาโรนว่า “จงคัดลูกวัวหนุ่มซึ่งไม่มีตำหนิมาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของท่าน และแกะผู้ซึ่งไม่มีตำหนิเป็นเครื่องเผาบูชาของท่าน ให้ถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

3 จากนั้นจงกล่าวแก่ชาวอิสราเอลว่า ‘จงคัดแพะตัวผู้มาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับตนเอง พร้อมทั้งลูกวัวและลูกแกะเป็นเครื่องเผาบูชา สัตว์ทั้งสองนี้ต้องมีอายุหนึ่งขวบและไม่มีตำหนิ

4 และจงนำเครื่องสันติบูชามาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือวัวและแกะผู้อย่างละตัว รวมทั้งเครื่องธัญบูชาที่เคล้าน้ำมันแล้ว เพราะในวันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาปรากฏแก่เจ้าทั้งหลาย’ ”

5 เหล่าประชากรจึงนำสิ่งของตามที่โมเสสสั่งมาที่หน้าเต็นท์นัดพบและทั้งหมดมายืนรวมกันอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

6 โมเสสกล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งให้ท่านทั้งหลายทำ เพื่อพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะปรากฏแก่พวกท่าน”

7 โมเสสกล่าวกับอาโรนว่า “จงเข้ามาที่แท่นบูชาและถวายเครื่องบูชาไถ่บาปและเครื่องเผาบูชาของท่าน เพื่อลบบาปสำหรับตนเองและประชากร จงถวายเครื่องบูชาสำหรับประชากรและลบบาปให้พวกเขาอย่างที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้”

8 ดังนั้นอาโรนจึงเข้ามาที่แท่นบูชาแล้วฆ่าลูกวัวนั้นเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับตนเอง

9 บุตรชายทั้งหลายของอาโรนนำเลือดมาให้เขา เขาเอานิ้วจุ่มเลือดปาดที่เชิงงอนของแท่นบูชาและเทเลือดที่เหลือลงที่ด้านล่างของแท่น

10 อาโรนเผาไขมัน ไต และพังผืดหุ้มตับจากเครื่องบูชาไถ่บาปบนแท่นบูชาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้

11 เขาเอาเนื้อและหนังไปเผาที่นอกค่าย

12 แล้วอาโรนฆ่าสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา บุตรชายทั้งหลายของเขานำเลือดมาให้เขาและเขาก็พรมเลือดรอบๆ แท่นบูชา

13 พวกเขาส่งเครื่องเผาบูชามาให้ทีละท่อน รวมทั้งหัวด้วย และเขาเผาสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดบนแท่นบูชา

14 อาโรนล้างเครื่องในและขา แล้วเผาถวายบนเครื่องเผาบูชาซึ่งอยู่บนแท่นบูชา

15 แล้วอาโรนนำเครื่องบูชาสำหรับประชากรเข้ามา เขานำแพะสำหรับเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของประชากรมาฆ่า และถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปอย่างที่เขาได้ทำกับสัตว์ตัวแรก

16 เขาได้นำเครื่องเผาบูชามาถวายตามวิธีที่กำหนดไว้

17 แล้วถวายเครื่องธัญบูชาโดยกอบแป้งกำมือหนึ่งเผาบนแท่นบูชา นอกเหนือจากเครื่องเผาบูชาที่ถวายประจำทุกเช้า

18 จากนั้นอาโรนฆ่าวัวและแกะผู้ซึ่งเป็นเครื่องสันติบูชาของประชากร บุตรชายทั้งหลายของเขานำเลือดมาให้เขาพรมรอบๆ แท่นบูชา

19 แต่เขานำไขมันของวัวและแกะผู้ คือไขมันส่วนหาง ชั้นไขมัน ไต และพังผืดหุ้มตับ

20 มาวางบนเนื้ออก แล้วอาโรนเผาไขมันนั้นบนแท่นบูชา

21 อาโรนยื่นถวายเนื้ออกและโคนขาขวาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวายตามที่โมเสสสั่งไว้

22 แล้วอาโรนชูมือขึ้นอวยพรประชากร และเมื่อเขาได้ถวายเครื่องบูชาไถ่บาป เครื่องเผาบูชา และเครื่องสันติบูชาแล้ว เขาก็ลงมาจากแท่นบูชา

23 จากนั้นโมเสสกับอาโรนเข้าไปในเต็นท์นัดพบ เมื่อเขาทั้งสองออกมาอีกครั้งก็กล่าวอวยพรประชากร แล้วพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏต่อหน้าประชากรทั้งปวง

24 มีไฟออกมาจากเบื้องพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าและเผาเครื่องเผาบูชาและไขมันบนแท่นบูชา เมื่อประชากรเห็นดังนั้น พวกเขาต่างโห่ร้องด้วยความชื่นชมยินดีและหมอบกราบซบหน้าลง

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/9-04f1ac3d1db6349d9ac9c8bdd238427c.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 10

นาดับและอาบีฮูสิ้นชีวิต

1 แต่บุตรชายทั้งสองของอาโรน คือนาดับและอาบีฮู ก่อไฟขึ้นในกระถางเครื่องหอมและเติมเครื่องหอมลงไป แล้วเขาถวายด้วยไฟที่ไม่ได้รับอนุญาตต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการละเมิดพระบัญชาของพระองค์

2 จึงมีไฟจากเบื้องพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าลงมาเผาผลาญเขาทั้งสองสิ้นชีวิตต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

3 แล้วโมเสสกล่าวกับอาโรนว่า “นี่คือสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกล่าวไว้เมื่อพระองค์ตรัสว่า

“ ‘ผู้ที่อยู่ใกล้เรา

ต้องรับรู้ว่าเราบริสุทธิ์

และคนทั้งปวง

จะต้องให้เกียรติเรา’ ”

อาโรนก็นิ่งเงียบอยู่

4 โมเสสเรียกมิชาเอลและเอลซาฟานบุตรชายของอุสซีเอลอาของอาโรนเข้ามา และพูดกับพวกเขาว่า “จงเข้ามาที่นี่ หามญาติของเจ้าออกไปนอกค่าย ให้พ้นจากหน้าสถานนมัสการนี้”

5 เขาทั้งสองจึงเข้ามาหามร่างของคนทั้งสองซึ่งยังสวมเสื้อตัวในออกไปนอกค่ายตามที่โมเสสสั่ง

6 แล้วโมเสสกล่าวแก่อาโรนและเอเลอาซาร์กับอิธามาร์บุตรชายอีกสองคนของอาโรนว่า “อย่าปล่อยให้ผมของพวกท่านลุ่ยลงมาและอย่าฉีกเสื้อผ้า มิฉะนั้นพวกท่านจะตาย และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพระพิโรธชุมชนทั้งหมด แต่ญาติของพวกท่านคือชาวอิสราเอลทั้งหมดอาจจะไว้ทุกข์ให้คนทั้งหลายที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายด้วยไฟก็ได้

7 พวกท่านอย่าออกจากทางเข้าเต็นท์นัดพบนี้ มิฉะนั้นพวกท่านจะตาย เพราะน้ำมันเจิมขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือพวกท่าน” พวกเขาก็ปฏิบัติตามที่โมเสสกล่าว

8 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอาโรนว่า

9 “เจ้ากับบุตรชายอย่าดื่มเหล้าองุ่นหรือของมึนเมาเมื่อเจ้าเข้าไปในเต็นท์นัดพบ มิฉะนั้นเจ้าจะตาย นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุ

10 เจ้าต้องแยกแยะระหว่างสิ่งบริสุทธิ์กับสิ่งทั่วไป และสิ่งที่เป็นมลทินกับสิ่งที่ไม่เป็นมลทิน

11 และเจ้าต้องสอนกฎหมายทั้งปวงซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานผ่านทางโมเสสนั้นแก่ชนชาติอิสราเอล”

12 โมเสสกล่าวกับอาโรนและเอเลอาซาร์กับอิธามาร์บุตรชายที่เหลืออยู่ของอาโรนว่า “จงนำเครื่องธัญบูชาที่เหลือจากการถวายด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรุงโดยไม่ใส่เชื้อแล้วรับประทานที่ข้างแท่นเพราะเป็นสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด

13 ท่านจงรับประทานในที่บริสุทธิ์ เพราะเป็นส่วนของท่านกับบรรดาบุตรชายจากเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะข้าพเจ้าได้รับคำบัญชามาเช่นนั้น

14 แต่อนุญาตให้ท่านกับบุตรชายบุตรสาวของท่านรับประทานเนื้ออกและเนื้อโคนขาที่ยื่นถวาย จงรับประทานสิ่งเหล่านี้ในที่ที่ไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี เพราะเป็นส่วนที่ยกให้ท่านกับลูกๆ ของท่านจากเครื่องสันติบูชาซึ่งชนอิสราเอลนำมาถวาย

15 โคนขาพร้อมด้วยเนื้ออกซึ่งยื่นถวายแล้วนั้นต้องนำมาพร้อมกับส่วนไขมันที่ถวายบูชาด้วยไฟ เพื่อยื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย นี่จะเป็นส่วนแบ่งประจำสำหรับท่านและลูกๆ ของท่านตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้”

16 เมื่อโมเสสสอบถามและทราบว่าแพะซึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปถูกเผาหมดแล้ว เขาก็โกรธเอเลอาซาร์กับอิธามาร์บุตรชายที่เหลืออยู่ของอาโรนและถามว่า

17 “ทำไมพวกเจ้าจึงไม่รับประทานเครื่องบูชาไถ่บาปในบริเวณสถานนมัสการ? ในเมื่อเป็นของบริสุทธิ์ที่สุดซึ่งยกให้พวกเจ้า เพื่อชำระความผิดของชุมชนโดยลบบาปให้พวกเขาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

18 ในเมื่อเลือดของเครื่องบูชาไม่ได้ถูกนำเข้าไปในบริเวณวิสุทธิสถาน พวกเจ้าก็ควรจะรับประทานแพะนั้นในบริเวณสถานนมัสการตามที่ข้าพเจ้าได้สั่งไว้แล้ว”

19 อาโรนจึงตอบโมเสสว่า “วันนี้พวกเขาได้ถวายเครื่องบูชาไถ่บาปและเครื่องเผาบูชาของตนต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นกับข้าพเจ้า ถ้าหากข้าพเจ้ารับประทานเครื่องบูชาไถ่บาปในวันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะพอพระทัยหรือ?”

20 เมื่อโมเสสได้ยินเช่นนั้นก็พอใจ

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/10-8f432e0ac32965cca368ead5beb735f6.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 11

อาหารที่เป็นมลทินและไม่เป็นมลทิน

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนดังนี้

2 “จงกล่าวแก่ชนอิสราเอลว่า ‘ในบรรดาสัตว์ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดิน สัตว์ที่เจ้ากินได้คือ

3 สัตว์ใดๆ ที่มีกีบแยกและเคี้ยวเอื้อง

4 “ ‘แต่เจ้าอย่ากินสัตว์ที่เคี้ยวเอื้องหรือมีกีบแยกเพียงอย่างเดียวเช่น อูฐ มันเคี้ยวเอื้องแต่ไม่มีกีบแยก นี่คือสัตว์ที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีสำหรับเจ้า

5 กระจงผาเคี้ยวเอื้องแต่ไม่มีกีบแยก จึงเป็นมลทินสำหรับเจ้า

6 กระต่าย แม้เคี้ยวเอื้องแต่ไม่มีกีบแยก นี่เป็นมลทินสำหรับเจ้า

7 และหมู แม้มีกีบแยกแต่ไม่เคี้ยวเอื้อง นี่ก็เป็นมลทินสำหรับเจ้า

8 เจ้าอย่ากินเนื้อสัตว์เหล่านี้หรือแตะต้องซากของมัน เพราะเป็นสัตว์ที่เป็นมลทินสำหรับเจ้า

9 “ ‘เจ้ากินสัตว์น้ำจืดน้ำเค็มที่มีทั้งครีบและเกล็ดได้

10 แต่เจ้าพึงรังเกียจสัตว์น้ำที่ไม่มีทั้งครีบและเกล็ด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กๆ หรือสัตว์อื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในน้ำ

11 มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจสำหรับเจ้า ดังนั้นอย่ากินเนื้อของมันหรือแม้แต่แตะต้องซากของมัน

12 สัตว์น้ำใดๆ ซึ่งไม่มีทั้งครีบและเกล็ดเป็นที่พึงรังเกียจสำหรับเจ้า

13 “ ‘เจ้าอย่ากินสัตว์ปีกที่น่ารังเกียจต่อไปนี้คือ นกอินทรี แร้ง แร้งดำ

14 เหยี่ยวแดง เหยี่ยวดำทุกชนิด

15 กาชนิดต่างๆ

16 นกเค้าใหญ่ นกเค้า นกนางนวล เหยี่ยวทุ่งทุกชนิด

17 นกฮูก นกกาน้ำ นกทึดทือ

18 นกแสก นกเค้าป่า นกออก

19 นกกระสา นกยางทุกชนิด นกกะรางหัวขวาน และค้างคาว

20 “ ‘เจ้าพึงรังเกียจแมลงบินได้ที่คลานสี่ขา

21 แต่มีแมลงซึ่งคลานสี่ขาบางพวกที่เจ้ากินได้ คือพวกที่ใช้ขากระโดด

22 เช่น ตั๊กแตนทุกชนิด จิ้งหรีด และจักจั่น เจ้ากินได้

23 แต่เจ้าพึงรังเกียจแมลงมีปีกอื่นๆ ที่มีสี่ขา

24 “ ‘ผู้ใดแตะต้องซากของมันจะเป็นมลทินจนถึงเย็น

25 ผู้ที่นำซากของมันไปทิ้งจะต้องซักเสื้อผ้าของตน และเขาจะเป็นมลทินไปจนถึงเย็นด้วย

26 “ ‘สัตว์ที่ไม่มีกีบแยกหรือไม่เคี้ยวเอื้องเป็นสัตว์ที่เป็นมลทินสำหรับเจ้า ผู้ใดแตะต้องซากสัตว์เหล่านี้ย่อมเป็นมลทิน

27 สัตว์สี่ขาทุกชนิดที่เดินด้วยอุ้งเท้าเป็นสัตว์ที่เป็นมลทินสำหรับเจ้า ผู้ใดแตะต้องซากของมันจะเป็นมลทินจนถึงเย็น

28 ผู้ใดนำซากของมันไปทิ้งจะต้องซักเสื้อผ้า และถือว่าเป็นมลทินไปจนถึงเย็น เพราะเป็นสัตว์ที่เป็นมลทินสำหรับเจ้า

29 “ ‘สัตว์ที่เลื้อยคลานต่อไปนี้เป็นสัตว์ที่เป็นมลทินสำหรับเจ้าได้แก่ อีเห็น หนู ตะกวดทุกชนิด

30 ตุ๊กแก จิ้งเหลน จิ้งจก แย้ กิ้งก่า

31 สัตว์เหล่านี้เป็นมลทินสำหรับเจ้า ผู้ใดแตะต้องซากของมันจะเป็นมลทินจนถึงเย็น

32 และหากซากของมันไปถูกสิ่งใด สิ่งนั้นจะเป็นมลทิน ไม่ว่าจะเป็นภาชนะไม้ เสื้อผ้า หนังสัตว์ หรือกระสอบ ให้นำสิ่งนั้นไปจุ่มน้ำ มันจะเป็นมลทินจนถึงเย็น และหลังจากนั้นมันจึงจะสะอาด

33 หากมันตกลงไปในหม้อดิน สิ่งที่อยู่ในหม้อนั้นก็เป็นมลทิน จงทุบหม้อใบนั้นทิ้ง

34 อาหารใดๆ ที่กินได้แต่มีน้ำจากหม้อนั้นก็เป็นมลทิน และของเหลวที่ดื่มได้จากหม้อนั้นก็เป็นมลทินด้วย

35 ซากสัตว์เหล่านี้ไปถูกสิ่งใดก็ตาม สิ่งนั้นย่อมเป็นมลทิน ไม่ว่าเตาอบหรือหม้อหุงต้มต้องทุบทิ้ง สิ่งเหล่านี้เป็นมลทินและเจ้าต้องถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นมลทิน

36 หากซากสัตว์ตกลงไปในน้ำพุหรือแหล่งน้ำ น้ำนั้นไม่เป็นมลทิน แต่ผู้ที่แตะต้องซากสัตว์จะเป็นมลทิน

37 หากซากสัตว์ไปถูกเมล็ดพืชที่จะหว่าน เมล็ดพืชเหล่านั้นไม่เป็นมลทิน

38 แต่หากเมล็ดนั้นแช่น้ำอยู่และซากสัตว์ตกลงไปถูกมัน เมล็ดนั้นเป็นมลทินสำหรับเจ้า

39 “ ‘หากสัตว์ซึ่งอนุญาตให้เจ้ากินได้นั้นตาย ผู้ใดแตะต้องซากของมันจะเป็นมลทินจนถึงเย็น

40 ผู้ใดที่กินเนื้อของมันหรือเอาซากออกไปทิ้ง ผู้นั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและเป็นมลทินจนถึงเย็น

41 “ ‘เจ้าพึงรังเกียจสัตว์ที่เลื้อยคลานทุกชนิด อย่ากินมันเลย

42 ห้ามเจ้ากินสัตว์เหล่านี้ทุกชนิด ไม่ว่าสัตว์ที่เลื้อยไปด้วยท้อง ที่คลานสี่ขา หรือที่มีขามากกว่านั้น พวกมันเป็นสัตว์น่ารังเกียจ

43 อย่าทำให้ตัวเองแปดเปื้อนด้วยสัตว์เหล่านี้โดยไปแตะต้องมัน หรือให้มันมาถูกต้องตัวเจ้า

44 เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า จงแยกตัวออกมาเพื่อเรา และรักษาตนเองให้บริสุทธิ์เพราะเราบริสุทธิ์ อย่าทำให้ตัวเองเป็นมลทินโดยแตะต้องสัตว์ที่เลื้อยคลานใดๆ

45 เราคือพระยาห์เวห์ผู้ที่นำเจ้าออกมาจากอียิปต์เพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า ดังนั้นจงบริสุทธิ์เพราะเราบริสุทธิ์

46 “ ‘ทั้งหมดนี้คือกฎระเบียบเกี่ยวกับสัตว์ต่างๆ สัตว์ปีก สัตว์น้ำ สัตว์ที่เลื้อยคลานทุกชนิด

47 เจ้าจะต้องแยกแยะระหว่างสิ่งที่สะอาดและสิ่งที่เป็นมลทิน สัตว์ที่เจ้ากินได้และที่ห้ามกิน’ ”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/11-c27951f7f345bd9cc4bee264252b5671.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 12

การชำระตนหลังคลอด

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงกล่าวแก่ชนอิสราเอลดังนี้ ‘สตรีคนใดตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรชาย ผู้เป็นแม่จะเป็นมลทินตามระเบียบพิธีเป็นเวลาเจ็ดวันเช่นเดียวกับที่เป็นมลทินระหว่างมีประจำเดือน

3 ในวันที่แปดให้ทารกชายนั้นเข้าสุหนัต

4 จากนั้นนางต้องคอย 33 วัน เพื่อชำระตนจากการหลั่งโลหิต นางจะต้องไม่แตะต้องสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์หรือเข้าไปในสถานนมัสการจนกว่าจะครบกำหนดการชำระของนาง

5 หากคลอดบุตรสาว นางจะเป็นมลทินอยู่สองสัปดาห์เช่นเดียวกับเมื่อมีประจำเดือน แล้วนางจะต้องรอ 66 วันเพื่อชำระตนเนื่องจากหลั่งโลหิต

6 “ ‘เมื่อสิ้นสุดระยะการชำระตนแล้ว ไม่ว่าจะคลอดบุตรเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นางจะต้องนำลูกแกะอายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวมาเป็นเครื่องเผาบูชา และนกพิราบรุ่นหรือนกเขาหนึ่งตัวมาเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป นางจะนำมามอบแก่ปุโรหิตตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ

7 ปุโรหิตจะถวายเครื่องบูชาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อลบบาปของนาง แล้วนางจะพ้นมลทินตามระเบียบพิธีจากการที่โลหิตได้หลั่งไหล

“ ‘สิ่งเหล่านี้คือกฎระเบียบสำหรับสตรีที่คลอดบุตรไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง

8 หากนางยากจนเกินกว่าจะถวายลูกแกะหนึ่งตัว ก็ให้นำนกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัวมาแทน ตัวหนึ่งจะใช้เป็นเครื่องเผาบูชา ส่วนอีกตัวใช้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ปุโรหิตจะทำการลบบาปโดยวิธีนี้ให้นางและนางจะพ้นมลทิน’ ”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/12-e43c1c7bd47130759c3236f210420363.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 13

กฎระเบียบเกี่ยวกับโรคติดต่อทางผิวหนัง

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า

2 “หากผู้ใดเกิดอาการบวมที่ผิวหนัง หรือเป็นผื่น หรือมีรอยด่าง ให้สงสัยว่าเป็นโรคติดต่อทางผิวหนังจะต้องนำผู้นั้นมาพบปุโรหิตอาโรนหรือบุตรชายคนหนึ่งคนใดของอาโรนที่เป็นปุโรหิต

3 ปุโรหิตจะต้องตรวจดูรอยโรคของผู้นั้น หากขนบนผิวหนังบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาวและรอยโรคนี้ลามลึกกว่าผิวหนังลงไป แสดงว่าเป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาเป็นมลทินตามระเบียบพิธี

4 แต่หากผิวหนังบริเวณนี้เป็นด่างแต่ไม่ได้ลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง และขนในบริเวณดังกล่าวก็ไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาว ปุโรหิตจะต้องกักตัวเขาไว้ดูอาการเป็นเวลาเจ็ดวัน

5 ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะตรวจผู้นั้นอีกครั้ง หากบริเวณที่บวมดังกล่าวยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง ปุโรหิตก็จะกักตัวเขาไว้อีกเจ็ดวัน

6 ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะตรวจผู้นั้นอีกครั้ง หากรอยโรคดีขึ้น ไม่ได้ลามลึกลงไป ปุโรหิตก็จะประกาศว่าเขาไม่เป็นมลทิน เป็นเพียงผื่นธรรมดา ผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าของตน แล้วเขาก็จะสะอาด

7 แต่หากผื่นนั้นเห่อลามไปหลังจากที่เขาให้ปุโรหิตตรวจดูหนหนึ่งแล้ว เขาจะต้องกลับมาหาปุโรหิตอีก

8 ปุโรหิตจะตรวจเขาใหม่ หากเห็นว่าผื่นนั้นเห่อลามตามผิวหนังก็จะประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เขาเป็นโรคติดต่อ

9 “หากผู้ใดเป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง ต้องนำเขาไปพบปุโรหิต

10 แล้วปุโรหิตจะตรวจผู้นั้น หากเขามีอาการบวมซีดที่ผิวหนัง ขนบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาว และรอยบวมนั้นปริแตกเป็นแผล

11 เขาก็เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาเป็นมลทินโดยไม่ต้องกักตัวไว้ดูอาการอีก เพราะเขาเป็นมลทินแล้ว

12 “แต่หากปุโรหิตเห็นว่ารอยโรคนั้นกระจายไปทั่วตั้งแต่ศีรษะจดเท้า

13 ปุโรหิตต้องตรวจดูเขา หากรอยโรคนั้นปกคลุมไปทั้งตัว ให้ประกาศว่าเขาไม่เป็นมลทิน เนื่องจากร่างกายของเขากลายเป็นด่างขาวไปทั้งตัว เขาจึงสะอาดไม่เป็นโรคติดต่อ

14 แต่เมื่อใดก็ตามที่ร่างกายของเขามีแผล ผู้นั้นก็เป็นมลทิน

15 เมื่อปุโรหิตพบเห็นรอยแผลนั้น ให้ประกาศว่าเขาเป็นมลทิน รอยแผลนั้นไม่สะอาด ทำให้เขาเป็นโรคติดต่อ

16 หากรอยแผลนั้นตกสะเก็ด ให้เขากลับไปหาปุโรหิต

17 ปุโรหิตจะตรวจดูอีกครั้ง หากแผลนั้นหายแห้งดีแล้ว ปุโรหิตก็จะประกาศว่าเขาหายจากโรคติดต่อ เขาสะอาดพ้นมลทิน

18 “หากผู้ใดเป็นฝีและหายแล้ว

19 แต่รอยฝีเกิดอาการบวมด่างหรือเปลี่ยนเป็นสีขาวอมชมพูเรื่อๆ ผู้นั้นต้องไปให้ปุโรหิตตรวจดู

20 หากอาการลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง และขนบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาว ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาเป็นมลทิน โรคติดต่อทางผิวหนังได้ลามออกมาจากฝีนั้น

21 แต่เมื่อปุโรหิตตรวจดูแล้ว ขนบริเวณนั้นไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาว และรอยโรคนั้นไม่ได้ลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง อีกทั้งสีก็กำลังจางลง ให้ปุโรหิตกักตัวเขาไว้ดูอาการเป็นเวลาเจ็ดวัน

22 หากโรคนั้นลามออกไปตามผิวหนัง ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคติดต่อ

23 แต่หากลักษณะของรอยโรคนั้นไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ลุกลามออกไป รอยนี้ก็เป็นเพียงแผลเป็นหลังจากเป็นฝี ปุโรหิตก็จะประกาศว่าเขาไม่เป็นมลทิน

24 “หากผู้ใดมีแผลไฟไหม้และแผลนี้กลายเป็นสีขาวหรือสีขาวอมชมพูเรื่อๆ

25 ให้ปุโรหิตตรวจดูรอยนั้น ถ้าขนบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาวและอาการลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง โรคติดต่อได้ลามจากรอยไหม้นั้นแล้ว ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง

26 หากปุโรหิตตรวจดูพบว่าขนบริเวณนั้นไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาว และรอยแผลนั้นก็ไม่ได้ลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง อีกทั้งสีก็กำลังจางลง ให้ปุโรหิตกักตัวเขาไว้ดูอาการเป็นเวลาเจ็ดวัน

27 ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะตรวจผู้นั้นอีกครั้ง หากแผลนั้นลุกลามออกไป ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง

28 หากลักษณะของแผลนั้นไม่เปลี่ยนแปลงและไม่ได้ลุกลามออกไป แต่กำลังจางลง รอยนี้ก็เป็นเพียงรอยบวมหรือแผลเป็นจากไฟไหม้ ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาไม่เป็นมลทิน

29 “หากชายหรือหญิงคนใดมีแผลที่ศีรษะหรือคาง

30 ให้ปุโรหิตตรวจดูแผลนั้น หากแผลลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง และขนบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและบางลง ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาเป็นมลทิน เป็นแผลคัน เป็นโรคติดต่อที่ศีรษะหรือคาง

31 แต่หากปุโรหิตตรวจพบว่าแผลคันนั้นไม่ได้ลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง และไม่มีขนสีดำในบริเวณนั้น ให้กักคนนั้นไว้ดูอาการเป็นเวลาเจ็ดวัน

32 ในวันที่เจ็ดให้ปุโรหิตตรวจดูผู้นั้น หากแผลคันไม่ได้ลามไปและไม่ได้มีขนสีเหลืองขึ้นมา อีกทั้งแผลนี้ก็ไม่ได้ลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง

33 จะต้องโกนขนบริเวณรอบๆ แผลนั้นออก และปุโรหิตจะกักตัวเขาไว้อีกเจ็ดวัน

34 ในวันที่เจ็ดให้ปุโรหิตตรวจผู้นั้นอีก หากแผลคันนี้ไม่ได้ลามไปและไม่ได้ลามลึกลงไปใต้ผิวหนัง ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาสะอาด เขาต้องซักเสื้อผ้าและถือว่าเขาปราศจากมลทิน

35 แต่ถ้าแผลคันนั้นลามออกไปหลังจากประกาศว่าเขาไม่เป็นมลทินแล้ว

36 ปุโรหิตจะตรวจอีกครั้ง หากแผลคันนั้นลามออกไปก็ประกาศว่าเขาเป็นมลทินโดยไม่ต้องรอดูว่ามีขนสีเหลืองหรือไม่

37 แต่หากปุโรหิตเห็นว่าแผลนั้นไม่ลามออกไปและมีขนสีดำขึ้นบริเวณนั้น แผลคันนั้นก็หายแล้ว เขาก็ไม่เป็นมลทิน และปุโรหิตจะประกาศว่าเขาสะอาด ไม่เป็นมลทิน

38 “หากชายหรือหญิงคนใดมีรอยด่างขาวขึ้นที่ผิวหนัง

39 ให้ปุโรหิตตรวจดู หากรอยเหล่านี้คล้ำลง รอยที่ขึ้นบนผิวหนังประเภทนี้ก็เป็นเพียงผื่นที่ไม่เป็นอันตราย เขาก็ไม่เป็นมลทิน

40 “หากชายคนใดผมร่วงจนหัวล้านเลี่ยน เขาก็ไม่เป็นมลทิน

41 หากผมบริเวณหน้าผากร่วงจนเถิก เขาก็ไม่เป็นมลทิน

42 แต่ถ้าบริเวณที่ล้านนั้นมีรอยแดงเรื่อๆ ก็เป็นโรคติดต่อที่ศีรษะหรือหน้าผาก

43 ปุโรหิตจะตรวจดู หากมีแผลบวมแดงเรื่อๆ ที่ศีรษะหรือหน้าผากคล้ายโรคติดต่อทางผิวหนัง

44 ชายผู้นี้ก็เป็นโรคติดต่อและเป็นมลทิน ปุโรหิตจะประกาศว่าเขาเป็นมลทินเพราะแผลบนศีรษะของเขา

45 “ผู้ใดถูกตรวจพบว่าเป็นโรคติดต่อ ผู้นั้นต้องสวมเสื้อผ้าฉีกขาด ปล่อยผมรุงรังปิดส่วนล่างของใบหน้าและร้องว่า ‘เป็นมลทิน! เป็นมลทิน!’

46 ตราบใดที่เขายังเป็นโรคติดต่อ เขาก็เป็นมลทิน และเขาต้องอยู่ตามลำพังนอกค่าย

กฎระเบียบเกี่ยวกับเชื้อรา

47 “หากสงสัยว่ามีราขึ้นที่เสื้อผ้าขนสัตว์หรือผ้าลินิน

48 หรือที่สิ่งถักทอจากลินิน หรือจากขนสัตว์ หรือที่แผ่นหนัง หรือเครื่องใช้ที่ทำจากหนัง

49 และมีจุดเขียวหรือแดงที่ของนั้น เครื่องใช้เหล่านั้นก็ขึ้นรา จะต้องนำมาให้ปุโรหิตดู

50 ปุโรหิตจะตรวจดูเชื้อรา และแยกเครื่องใช้เหล่านี้ไว้เจ็ดวัน

51 ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะตรวจดูอีกครั้ง ถ้าเชื้อรานั้นลามออกไปก็แสดงว่ารานี้มีพิษ ของสิ่งนั้นก็เป็นมลทิน

52 ต้องเผาทิ้งเนื่องจากมีราที่เป็นพิษ

53 “แต่ถ้าปุโรหิตตรวจดูเครื่องใช้เหล่านั้นแล้วพบว่าราไม่ได้ลามออกไป

54 ต้องนำสิ่งเหล่านั้นไปซักล้าง แล้วแยกออกจากเครื่องใช้อื่นๆ ไว้เจ็ดวัน

55 หลังจากนั้นปุโรหิตต้องตรวจดูเครื่องใช้เหล่านี้อีก หากพบว่ายังมีราติดอยู่แม้จะไม่ได้ลามออกไปก็ให้ถือว่าเป็นมลทิน ต้องเผาทิ้ง ไม่ว่ารานั้นจะอยู่ด้านใดด้านหนึ่งบนของสิ่งนั้น

56 แต่หลังจากซักล้างแล้ว หากปุโรหิตตรวจพบว่าราในเครื่องใช้เหล่านี้จางลง ให้ตัดส่วนที่ขึ้นราทิ้ง

57 หากมีราปรากฏขึ้นอีกและลุกลามออกไป ให้เผาเครื่องใช้เหล่านี้

58 แต่หากซักล้างแล้วไม่ปรากฏร่องรอย ก็ให้นำไปซักอีกครั้ง จึงจะถือว่าสิ่งนั้นสะอาด”

59 ทั้งหมดนี้คือกฎระเบียบเกี่ยวกับเชื้อราในเสื้อผ้า สิ่งถักทอ หรือสิ่งที่ทำจากหนัง บอกให้รู้ว่าเป็นมลทินหรือไม่

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/13-0c79c10e24466689d988c07f622d942a.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 14

การชำระมลทินเมื่อหายจากโรคติดต่อทางผิวหนัง

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “ต่อไปนี้เป็นระเบียบสำหรับผู้ที่หายจากโรคติดต่อทางผิวหนัง เมื่อเขามาหาปุโรหิตและรับการชำระให้สะอาดตามระเบียบพิธี

3 ปุโรหิตจะออกไปนอกค่ายพักเพื่อตรวจดูคนนั้น หากเห็นว่าหายโรคแล้ว

4 ปุโรหิตจะสั่งให้นำนกสองตัวที่ไม่เป็นมลทินและยังมีชีวิต ไม้สนซีดาร์ ด้ายแดง และกิ่งหุสบ สำหรับใช้ในพิธีชำระคนนั้นให้สะอาด

5 ปุโรหิตจะสั่งให้ฆ่านกตัวหนึ่งเหนือน้ำสะอาดที่อยู่ในภาชนะดินเผา

6 นำนกอีกตัวหนึ่งซึ่งยังมีชีวิตพร้อมกับไม้สนซีดาร์ ด้ายแดง และกิ่งหุสบจุ่มลงในเลือดของนกที่ถูกฆ่าเหนือน้ำสะอาด

7 จากนั้นปุโรหิตจะพรมเลือดที่ตัวคนนั้นเจ็ดครั้ง แล้วประกาศว่าเขาไม่เป็นมลทิน และปล่อยนกที่มีชีวิตตัวนั้นไปในที่กลางแจ้ง

8 “คนที่ได้รับการชำระให้สะอาดนั้นต้องซักเสื้อผ้าของตน โกนผม และอาบน้ำ แล้วเขาจะสะอาดตามระเบียบพิธี หลังจากนั้นให้เขากลับมาอาศัยอยู่ในค่ายพักอีกครั้ง แต่จะต้องอยู่นอกเต็นท์ของตนเป็นเวลาเจ็ดวัน

9 ในวันที่เจ็ดเขาจะโกนผม หนวด เครา และคิ้ว ซักเสื้อผ้า อาบน้ำ แล้วเขาจะสะอาด

10 “ในวันที่แปด เขาต้องนำลูกแกะตัวผู้สองตัวซึ่งไม่มีตำหนิ และลูกแกะตัวเมียอายุหนึ่งขวบไม่มีตำหนิหนึ่งตัว แป้งโม่ละเอียดประมาณ 6.5 ลิตรเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นเครื่องธัญบูชา และน้ำมันประมาณ 0.3 ลิตร

11 ปุโรหิตผู้ทำหน้าที่ตรวจโรคจะนำคนนั้นพร้อมด้วยเครื่องบูชาของเขาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ

12 “จากนั้นปุโรหิตจะถวายแกะผู้ตัวหนึ่งและน้ำมันประมาณ 0.3 ลิตรเป็นเครื่องบูชาลบความผิดโดยยื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเครื่องบูชายื่นถวาย

13 ปุโรหิตจะฆ่าแกะตัวนั้นในที่บริสุทธิ์ตรงบริเวณที่ฆ่าเครื่องบูชาไถ่บาปและเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชาลบความผิดนี้เป็นของปุโรหิตเช่นเดียวกับเครื่องบูชาไถ่บาป เป็นของที่บริสุทธิ์ที่สุด

14 ปุโรหิตจะเอาเลือดของเครื่องบูชาลบความผิดแตะที่ติ่งหูขวา นิ้วหัวแม่มือขวา และนิ้วหัวแม่เท้าขวาของคนที่จะได้รับการชำระ

15 จากนั้นปุโรหิตจะรินน้ำมันลงในอุ้งมือซ้าย

16 เอานิ้วชี้ขวาจุ่มน้ำมันนั้นพรมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเจ็ดครั้ง

17 ปุโรหิตจะใช้น้ำมันที่เหลืออยู่บางส่วนแตะที่ติ่งหูขวา นิ้วหัวแม่มือขวา และนิ้วหัวแม่เท้าขวาของคนนั้น ซ้ำบนรอยเลือดของเครื่องบูชาลบความผิด

18 แล้วเอาน้ำมันที่เหลือในฝ่ามือทาศีรษะของคนที่จะได้รับการชำระ และลบบาปให้เขาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

19 “แล้วปุโรหิตจะถวายเครื่องบูชาไถ่บาป และลบบาปให้คนที่จะได้รับการชำระนั้นให้พ้นจากมลทินของเขา หลังจากนั้นปุโรหิตจะฆ่าสัตว์สำหรับเครื่องเผาบูชา

20 นำไปถวายพร้อมกับเครื่องธัญบูชาบนแท่นบูชาเป็นการลบบาปให้ผู้นั้น และเขาก็จะสะอาด

21 “หากเขายากจนเกินกว่าจะนำแกะสองตัวมาถวาย ก็ให้เขานำลูกแกะตัวผู้มาเพียงตัวเดียวเป็นเครื่องบูชาลบความผิดเพื่อยื่นถวายเป็นการลบบาปให้เขา โดยถวายพร้อมกับแป้งละเอียดประมาณ 2 ลิตรเคล้ากับน้ำมันเป็นเครื่องธัญบูชา และน้ำมันประมาณ 0.3 ลิตร

22 และนกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัวแล้วแต่จะหานกชนิดใดได้ ตัวหนึ่งใช้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป อีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา

23 “ในวันที่แปดเขาต้องนำสิ่งเหล่านี้มาให้ปุโรหิตตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อการชำระ

24 ปุโรหิตจะเอาแกะสำหรับเครื่องบูชาลบความผิดกับน้ำมันประมาณ 0.3 ลิตรมาเป็นเครื่องบูชายื่นถวายต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

25 แล้วฆ่าลูกแกะนั้นเป็นเครื่องบูชาลบความผิด เอาเลือดแตะที่ติ่งหูขวา นิ้วหัวแม่มือขวา กับนิ้วหัวแม่เท้าขวาของคนนั้น

26 ปุโรหิตจะเทน้ำมันใส่อุ้งมือซ้าย

27 และเอานิ้วชี้ขวาจุ่มน้ำมันนั้นพรมเจ็ดครั้งต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

28 จากนั้นจะเอาน้ำมันนี้แตะที่ติ่งหูขวา นิ้วหัวแม่มือขวา และนิ้วหัวแม่เท้าขวาของคนนั้น ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่เขาแตะเลือดของเครื่องบูชาลบความผิด

29 น้ำมันที่เหลืออยู่ในอุ้งมือจะใช้ทาบนศีรษะของคนที่ได้รับการชำระ เป็นการลบบาปให้เขาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

30 จากนั้นเขาจะถวายนกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัว แล้วแต่จะหานกชนิดใดได้

31 ตัวหนึ่งใช้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ส่วนอีกตัวหนึ่งใช้เป็นเครื่องเผาบูชาถวายควบคู่กับเครื่องธัญบูชา ปุโรหิตจะลบบาปให้ผู้นั้นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยวิธีนี้”

32 ทั้งหมดนี้คือกฎระเบียบเกี่ยวกับผู้ที่หายจากโรคติดต่อทางผิวหนังซึ่งไม่สามารถนำเครื่องบูชาตามปกติมาเพื่อใช้ในพิธีชำระนี้ได้

การชำระจากเชื้อรา

33 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า

34 “เมื่อเจ้าทั้งหลายไปถึงดินแดนคานาอันซึ่งเราจะยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า และเราให้มีเชื้อราแพร่กระจายในบ้านหลังใดหลังหนึ่งในดินแดนนั้น

35 เจ้าของบ้านซึ่งพบเชื้อราในบ้านของตนต้องไปแจ้งปุโรหิตว่า ‘ข้าพเจ้าได้เห็นบางสิ่งที่ดูเหมือนเชื้อราในบ้านของข้าพเจ้า’

36 ปุโรหิตจะให้ขนของออกจากบ้านให้หมดก่อนเข้าตรวจ เพื่อทุกสิ่งในบ้านจะไม่ต้องถูกประกาศว่าเป็นมลทิน จากนั้นปุโรหิตจะเข้าไปตรวจดูในบ้าน

37 หากพบริ้วรอยเขียวหรือแดงที่ผนังบ้านซึ่งดูกินลึกลงไปในพื้นผนังบ้าน

38 ปุโรหิตจะปิดบ้านไว้เป็นเวลาเจ็ดวัน

39 ในวันที่เจ็ดปุโรหิตจะกลับมาตรวจดูอีกครั้ง หากเชื้อราได้แพร่ขยายออกไปบนผนัง

40 ปุโรหิตจะสั่งให้รื้อหินส่วนที่ติดเชื้อออก และเอาไปทิ้งยังที่ที่เป็นมลทินนอกเมือง

41 และสั่งให้ขัดถูผนังภายในบ้านให้ทั่วทุกซอกทุกมุม เศษผงเศษขยะก็ให้นำไปทิ้งยังที่ที่เป็นมลทินนอกเมือง

42 แล้วให้เขาเอาหินก้อนอื่นมาแทนส่วนที่รื้อออกไป เอาปูนโบกผนังเสียใหม่

43 “แต่หากภายหลังมีเชื้อรากลับมาปรากฏในบ้านนั้นอีก

44 ปุโรหิตจะมาตรวจดูอีก และถ้าเชื้อราได้แพร่ขยายภายในบ้านหลังนั้น เชื้อรานั้นเป็นพิษ บ้านหลังนั้นเป็นมลทิน

45 ต้องรื้อบ้านหลังนั้นทิ้ง แล้วขนหิน ไม้ และปูนออกไปทิ้งยังที่ที่เป็นมลทินนอกเมือง

46 “ผู้ที่เข้าไปในบ้านขณะที่ยังปิดอยู่ จะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

47 ผู้ที่นอนหรือกินอาหารในบ้านนั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตน

48 แต่เมื่อปุโรหิตกลับมาตรวจดูและเชื้อรานั้นไม่ได้แพร่ขยายไปหลังจากโบกปูนใหม่เรียบร้อยแล้ว ก็จะประกาศว่าบ้านหลังนั้นสะอาดเพราะเชื้อราได้หายไปแล้ว

49 ปุโรหิตจะประกอบพิธีชำระบ้านหลังนั้นโดยใช้นกสองตัว ไม้สนซีดาร์ ด้ายแดง และกิ่งหุสบ

50 เขาจะฆ่านกตัวหนึ่งเหนือน้ำสะอาดที่อยู่ในภาชนะดินเผา

51 แล้วจุ่มไม้สนซีดาร์ กิ่งหุสบ ด้ายแดง และนกอีกตัวซึ่งยังมีชีวิตลงในเลือดของนกที่ถูกฆ่าเหนือน้ำสะอาด เอาเลือดพรมที่ตัวบ้านเจ็ดครั้ง

52 ปุโรหิตจะชำระบ้านหลังนั้นด้วยเลือดของนก น้ำสะอาด นกที่มีชีวิต ไม้สนซีดาร์ กิ่งหุสบ และด้ายแดง

53 แล้วปุโรหิตจะปล่อยนกที่ยังมีชีวิตไปในที่กลางแจ้งนอกเมือง ปุโรหิตจะลบมลทินของบ้านด้วยวิธีนี้ และบ้านนั้นก็จะสะอาด”

54 ทั้งหมดนี้เป็นกฎระเบียบเกี่ยวกับโรคติดต่อทางผิวหนังชนิดต่างๆ สำหรับโรคคัน

55 สำหรับเชื้อราบนเสื้อผ้าหรือในบ้าน

56 และสำหรับรอยบวม ผื่น หรือตุ่มใส

57 เพื่อตัดสินว่าสิ่งใดสะอาดหรือเป็นมลทิน นี่คือกฎระเบียบสำหรับโรคติดต่อทางผิวหนังและเชื้อรา

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/14-27cc917dd35bc449289bcdb470768883.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 15

สิ่งมลทินที่หลั่งออกจากร่างกาย

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสกับอาโรนว่า

2 “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘ชายใดมีสิ่งที่หลั่งออกมาจากร่างกาย สิ่งที่หลั่งออกมานั้นเป็นมลทิน

3 ไม่ว่าสิ่งนั้นจะไหลออกมาหรือคั่งอยู่ก็ตามก็ทำให้เขาเป็นมลทิน สิ่งที่หลั่งออกจะทำให้เขาเป็นมลทินในกรณีต่อไปนี้คือ

4 “ ‘ชายใดมีสิ่งที่หลั่งออกมา นอนที่เตียงใดหรือนั่งบนสิ่งใด สิ่งนั้นพลอยเป็นมลทินไปด้วย

5 ใครก็ตามที่แตะต้องเตียงของเขาจะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ เขาจะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น

6 ใครก็ตามนั่งบนที่นั่งของชายที่มีสิ่งที่หลั่งออก ผู้นั้นต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

7 “ ‘ใครก็ตามที่สัมผัสชายผู้มีสิ่งที่หลั่งออก จะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

8 “ ‘หากชายผู้มีสิ่งที่หลั่งออกถ่มน้ำลายไปถูกคนที่สะอาด คนนั้นจะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

9 “ ‘เขานั่งบนอานใดๆ อานนั้นก็เป็นมลทิน

10 ผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เขานั่งทับ จะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น ผู้ใดหยิบฉวยสิ่งเหล่านั้น จะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

11 “ ‘หากชายผู้มีสิ่งที่หลั่งออกถูกเนื้อต้องตัวผู้ใดโดยไม่ได้ล้างมือก่อน ผู้นั้นจะต้องซักเสื้อผ้าของตนและอาบน้ำ และเขาเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

12 “ ‘ถ้าผู้เป็นมลทินไปแตะต้องภาชนะดินเผา จะต้องทุบภาชนะนั้นทิ้ง ส่วนภาชนะไม้จะต้องล้างน้ำทุกใบ

13 “ ‘เมื่อเขาปลอดจากสิ่งที่หลั่งออก ให้เขาคอยอยู่เจ็ดวัน เป็นการชำระตนให้สะอาดตามระเบียบพิธี เขาต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำด้วยน้ำสะอาด แล้วเขาจะสะอาด

14 ในวันที่แปดเขาต้องนำนกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัวมาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ แล้วมอบนกให้แก่ปุโรหิต

15 ปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป อีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา ปุโรหิตจะลบบาปให้ชายผู้นั้นที่มีสิ่งที่หลั่งออกด้วยวิธีนี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

16 “ ‘เมื่อชายคนใดหลั่งน้ำอสุจิ เขาจะต้องชำระทั้งร่างกายด้วยน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น

17 ผ้าหรือหนังซึ่งเปื้อนน้ำอสุจิจะต้องนำไปซักล้างด้วยน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น

18 เมื่อชายหญิงหลับนอนกันและมีการหลั่งน้ำอสุจิ ทั้งคู่จะต้องอาบน้ำและเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

19 “ ‘เมื่อผู้หญิงมีประจำเดือน จะอยู่ในระยะเป็นมลทินตลอดเจ็ดวัน ผู้ใดถูกเนื้อต้องตัวนาง จะเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น

20 “ ‘ที่ซึ่งนางนอนหรือนั่งในช่วงที่นางมีประจำเดือนจะเป็นมลทิน

21 ผู้ใดแตะต้องเตียงของนาง ต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

22 ผู้ใดแตะต้องสิ่งที่นางนั่งทับ ต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

23 ไม่ว่าจะเป็นเตียงหรือสิ่งที่นางนั่งทับ เมื่อผู้ใดไปแตะต้องสิ่งนั้น เขาจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น

24 “ ‘ชายใดหลับนอนกับนางและสัมผัสประจำเดือนของนาง เขาจะเป็นมลทินไปเจ็ดวัน และเขานอนที่เตียงใด เตียงนั้นจะเป็นมลทิน

25 “ ‘เมื่อผู้หญิงคนใดที่มีเลือดไหลออกเป็นเวลาหลายวัน นอกเหนือจากที่เป็นประจำเดือนปกติ หรือมีประจำเดือนหลายวันเกินกำหนด นางจะเป็นมลทินตราบเท่าที่นางมีเลือดไหลออกเหมือนอย่างวันที่นางมีประจำเดือน

26 ในช่วงนั้นนางนอนที่ใด ที่นั่นก็เป็นมลทินเช่นเดียวกับเวลาที่นางมีประจำเดือนตามปกติ ทุกอย่างที่นางนั่งทับจะเป็นมลทินเช่นเดียวกัน

27 ผู้ใดแตะต้องเตียงของนางหรือสิ่งที่นางนั่งทับจะเป็นมลทิน จะต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเป็นมลทินไปจนถึงเวลาเย็น

28 “ ‘เมื่อนางได้รับการชำระจากสิ่งที่หลั่งออกมาแล้ว นางต้องนับต่อไปอีกเจ็ดวัน หลังจากนั้นนางจะสะอาดตามระเบียบพิธี

29 ในวันที่แปดนางจะต้องนำนกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัวมามอบแก่ปุโรหิตตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ

30 ปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปและอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา ปุโรหิตจะลบบาปให้นางโดยวิธีนี้ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเนื่องด้วยสิ่งที่หลั่งออกที่เป็นมลทินของนาง

31 “ ‘เจ้าจะต้องแยกชนอิสราเอลทั้งหลายออกจากสิ่งที่ทำให้เขาเป็นมลทิน เพื่อเขาจะไม่ตายด้วยมลทินของเขาที่ทำให้ที่ประทับของเราซึ่งอยู่ท่ามกลางพวกเขานั้นเป็นมลทิน’ ”

32 ทั้งหมดนี้คือกฎระเบียบสำหรับผู้ชายที่เป็นมลทินเนื่องจากสิ่งที่หลั่งออกหรือหลั่งอสุจิ

33 และสำหรับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน และสำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีสิ่งที่หลั่งออก และสำหรับผู้ชายที่หลับนอนกับผู้หญิงที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธี

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/15-110cebf06b42c694af3c0d56b41aaee8.mp3?version_id=179—