กันดารวิถี 32

เผ่าที่อยู่ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

1 คนเผ่ารูเบนและคนเผ่ากาดซึ่งมีฝูงสัตว์เป็นจำนวนมาก เห็นว่าดินแดนยาเซอร์และกิเลอาดเป็นทำเลเหมาะแก่ฝูงสัตว์

2 ดังนั้นจึงพากันมาพบโมเสส ปุโรหิตเอเลอาซาร์ และเหล่าผู้นำของชุมชน แล้วกล่าวว่า

3 “อาทาโรท ดีโบน ยาเซอร์ นิมราห์ เฮชโบน เอเลอาเลห์ เสบาม เนโบ และเบโอน

4 ดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปราบต่อหน้าประชากรอิสราเอล เป็นทำเลที่ดีเหมาะสำหรับฝูงสัตว์ของข้าพเจ้าทั้งหลาย

5 หากพวกเราเป็นที่โปรดปรานของท่าน ก็โปรดยกดินแดนส่วนนี้ให้ผู้รับใช้ของท่านแทนดินแดนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนนั้นเถิด”

6 โมเสสกล่าวกับคนเผ่ากาดและคนเผ่ารูเบนว่า “จะให้พี่น้องร่วมชาติออกรบขณะที่พวกท่านนั่งอยู่ที่นี่หรือ?

7 เหตุใดพวกท่านบั่นทอนกำลังใจพี่น้องอิสราเอลไม่ให้ข้ามไปยังดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่พวกเขา?

8 บรรพบุรุษของพวกท่านก็ทำเช่นนี้ เมื่อเราส่งพวกเขาจากคาเดชบารเนียไปสำรวจดินแดนนั้น

9 หลังจากพวกเขากลับมาจากหุบเขาเอชโคล์และดูดินแดนนั้นแล้ว พวกเขาก็ทำให้พี่น้องอิสราเอลท้อใจ ไม่ยอมเข้าสู่ดินแดนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่เขา

10 ในวันนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธและทรงปฏิญาณว่า

11 ‘เนื่องจากพวกเขาไม่ได้ติดตามเราอย่างสุดหัวใจ ดังนั้นจะไม่มีผู้ชายสักคนที่อายุยี่สิบปีขึ้นไปซึ่งออกมาจากอียิปต์จะได้เห็นดินแดนที่เราสัญญาไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ

12 ไม่มีเลยสักคน ยกเว้นคาเลบบุตรเยฟุนเนห์แห่งเคนัสและโยชูวาบุตรนูนผู้ได้ติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจ’

13 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอล และทรงกระทำให้เขาทั้งหลายเร่ร่อนในถิ่นกันดารตลอดสี่สิบปี ตราบจนคนในชั่วอายุนั้นที่ทำชั่วในสายพระเนตรของพระองค์ตายหมด

14 “แต่นี่พวกท่านเชื้อไม่ทิ้งแถว เดินตามรอยบรรพบุรุษ ทำให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอลยิ่งขึ้น

15 หากพวกท่านหันไปจากการติดตามพระเจ้า พระองค์จะทรงปล่อยประชากรทั้งหมดนี้ไว้ในถิ่นกันดารอีก ท่านย่อมจะเป็นต้นเหตุของความย่อยยับของเหล่าประชากร”

16 พวกเขาจึงชี้แจงว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น พวกข้าพเจ้าเพียงแต่จะสร้างคอกให้ฝูงสัตว์เลี้ยง และสร้างบ้านเรือนให้ผู้หญิงกับเด็กอยู่

17 ส่วนพวกข้าพเจ้าจะถืออาวุธนำหน้าชนอิสราเอลอื่นๆ จนกว่าจะได้นำพวกเขาไปยังดินแดนกรรมสิทธิ์ ในขณะที่พวกผู้หญิงกับเด็กของเราจะอาศัยในเมืองป้อมปราการ เพื่อปกป้องพวกเขาให้พ้นจากชาวดินแดนนั้น

18 พวกข้าพเจ้าจะไม่กลับมาบ้านจนกว่าอิสราเอลทุกคนจะได้รับมรดกของเขาเสียก่อน

19 พวกเราจะไม่รับดินแดนใดๆ ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน เพราะเราได้รับมรดกของเราที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนนี้แล้ว”

20 โมเสสจึงกล่าวว่า “หากท่านจะทำตามคำพูด คือถืออาวุธออกรบฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้า

21 และหากทุกคนในพวกท่านจับอาวุธข้ามแม่น้ำจอร์แดนไปต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตราบจนพระองค์ทรงขับไล่เหล่าศัตรูของพระองค์พ้นจากเบื้องพระพักตร์

22 ท่านจะกลับมาได้ก็ต่อเมื่อแผ่นดินนั้นสยบราบคาบต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้ว และท่านจะพ้นจากหน้าที่ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและต่ออิสราเอล แล้วดินแดนฟากตะวันออกนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของท่านต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

23 “แต่ถ้าพวกท่านไม่ทำตามที่พูดไว้ ท่านก็ได้ทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าจงรู้แน่เถิดว่าบาปนั้นจะตามสนองท่าน

24 จงไปสร้างบ้านเมืองให้ผู้หญิงและเด็กของท่าน สร้างคอกให้ฝูงสัตว์ของท่าน และจงทำตามที่ท่านสัญญาไว้”

25 ชนเผ่ารูเบนและเผ่ากาดตอบว่า “เราผู้รับใช้ของท่านจะทำตามที่เจ้านายของเราสั่ง

26 บุตรหลาน ภรรยา และฝูงสัตว์ของข้าพเจ้าทั้งหลายจะอยู่ที่เมืองต่างๆ ในดินแดนกิเลอาดนี้

27 แต่ผู้รับใช้ของท่านที่เป็นชายทุกคนจะจับอาวุธออกศึก จะข้ามไปสู้รบต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่เจ้านายของเราบอก”

28 โมเสสจึงออกคำสั่งแก่ปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูน และผู้นำเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลเกี่ยวกับคนเหล่านี้ว่า

29 “หากผู้ชายเผ่ากาดและเผ่ารูเบนทุกคนจับอาวุธข้ามแม่น้ำจอร์แดนร่วมออกรบกับท่านต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและเมื่อปราบดินแดนนั้นได้แล้ว จงยกดินแดนกิเลอาดให้พวกเขาครอบครอง

30 แต่หากพวกเขาไม่ข้ามไปร่วมทัพกับท่าน พวกเขาจะต้องรับดินแดนร่วมกับตระกูลอื่นๆ ในคานาอัน”

31 คนเผ่ากาดและเผ่ารูเบนตอบว่า “ผู้รับใช้ของท่านจะปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา

32 เราจะถืออาวุธข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่คานาอันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ดินแดนกรรมสิทธิ์ของเราจะอยู่ที่ฟากนี้ของแม่น้ำ”

33 โมเสสจึงกำหนดให้ดินแดนของกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ และของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน ทั้งที่ดินและเมืองต่างๆ กับอาณาบริเวณโดยรอบเป็นของเผ่ากาด รูเบน และครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์บุตรโยเซฟ

34 คนเผ่ากาดสร้างเมืองดีโบน อาทาโรท อาโรเออร์

35 อัทโรทโชฟาน ยาเซอร์ โยกเบฮาห์

36 เบธนิมราห์ และเบธฮาราน เป็นเมืองที่มีป้อมปราการและสร้างคอกสำหรับฝูงสัตว์

37 เผ่ารูเบนสร้างเมืองเฮชโบน เอเลอาเลห์ คีริยาธาอิม

38 เนโบ บาอัลเมโอน (ชาวอิสราเอลได้เปลี่ยนชื่อเมืองเหล่านี้) และสิบมาห์ พวกเขาได้ตั้งชื่อเมืองที่สร้างขึ้นใหม่

39 เชื้อสายมาคีร์แห่งเผ่ามนัสเสห์ไปตีเมืองกิเลอาด และขับไล่ชาวอาโมไรต์ซึ่งอยู่ที่นั่นออกไป

40 โมเสสจึงยกเมืองกิเลอาดให้คนมาคีร์ซึ่งเป็นลูกหลานของมนัสเสห์อาศัย และพวกเขาได้ตั้งถิ่นฐานที่นั่น

41 ยาอีร์แห่งเผ่ามนัสเสห์ได้ยึดถิ่นฐานของพวกเขาและเปลี่ยนชื่อเป็นฮัฟโวทยาอีร์

42 และโนบาห์ได้ยึดเคนาทกับหมู่บ้านโดยรอบ และตั้งชื่อว่าโนบาห์ตามชื่อของตน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NUM/32-323f09a219a30d44520c8160211a5059.mp3?version_id=179—

กันดารวิถี 33

เส้นทางการเดินทางของอิสราเอล

1 ต่อไปนี้คือเส้นทางออกจากอียิปต์ของชาวอิสราเอล เป็นหมู่เหล่าภายใต้การนำของโมเสสกับอาโรน

2 โมเสสบันทึกลำดับการเดินทางทุกระยะตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า

3 ชนอิสราเอลออกจากเมืองราเมเสสในวันที่สิบห้าเดือนที่หนึ่ง วันรุ่งขึ้นหลังจากพิธีปัสกา พวกเขายกพลออกมาอย่างสง่าผ่าเผย ต่อหน้าต่อตาชาวอียิปต์

4 ซึ่งยุ่งอยู่กับการฝังศพบรรดาบุตรหัวปีที่ถูกองค์พระผู้เป็นเจ้าประหาร เนื่องด้วยองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงลงโทษพระต่างๆ ของอียิปต์

5 ชนอิสราเอลออกจากราเมเสสมาตั้งค่ายที่สุคคท

6 จากสุคคทมาตั้งค่ายที่เอธามใกล้ถิ่นกันดาร

7 จากเอธามวกกลับไปที่ปีหะหิโรท ไปยังแถบตะวันออกของบาอัลเซโฟน และตั้งค่ายใกล้ๆ มิกดล

8 ออกจากปีหะหิโรท แล้วข้ามทะเลเข้าไปในถิ่นกันดาร และหลังจากเดินทางเป็นเวลาสามวันในถิ่นกันดาร เอธามก็มาตั้งค่ายที่มาราห์

9 ออกจากมาราห์แล้วมาถึงเอลิม ที่ซึ่งมีธารน้ำพุสิบสองแห่ง และมีต้นอินทผลัมเจ็ดสิบต้น พวกเขาตั้งค่ายอยู่ที่นั่น

10 จากเอลิม พวกเขามาตั้งค่ายพักริมทะเลแดง

11 และจากทะเลแดงมาตั้งค่ายที่ถิ่นกันดารสิน

12 จากถิ่นกันดารสินมาตั้งค่ายที่โดฟคาห์

13 จากโดฟคาห์มาตั้งค่ายที่อาลูช

14 จากอาลูชมาตั้งค่ายที่เรฟีดิม ที่ซึ่งไม่มีน้ำให้ประชากรดื่ม

15 จากเรฟีดิม พวกเขามายังถิ่นกันดารซีนาย

16 จากถิ่นกันดารซีนายมาตั้งค่ายที่ขิบโรทหัทธาอาวาห์

17 จากขิบโรทหัทธาอาวาห์มาตั้งค่ายที่ฮาเซโรท

18 จากฮาเซโรทมาตั้งค่ายที่ริทมาห์

19 จากริทมาห์มาตั้งค่ายที่ริมโมนเปเรศ

20 จากริมโมนเปเรศมาตั้งค่ายที่ลิบนาห์

21 จากลิบนาห์มาตั้งค่ายที่ริสสาห์

22 จากริสสาห์มาตั้งค่ายที่เคเฮลาธาห์

23 จากเคเฮลาธาห์มาตั้งค่ายที่ภูเขาเชเฟอร์

24 จากภูเขาเชเฟอร์มาตั้งค่ายที่ฮาราดาห์

25 จากฮาราดาห์มาตั้งค่ายที่มักเฮโลท

26 จากมักเฮโลทมาตั้งค่ายที่ทาหัท

27 จากทาหัทมาตั้งค่ายที่เทราห์

28 จากเทราห์มาตั้งค่ายที่มิทคาห์

29 จากมิทคาห์มาตั้งค่ายที่ฮัชโมนาห์

30 จากฮัชโมนาห์มาตั้งค่ายที่โมเสโรท

31 จากโมเสโรทมาตั้งค่ายที่เบเนยาอะคัน

32 จากเบเนยาอะคันมาตั้งค่ายที่โฮร์ฮักกีดกาด

33 จากโฮร์ฮักกีดกาดมาตั้งค่ายที่โยทบาธาห์

34 จากโยทบาธาห์มาตั้งค่ายที่อับโรนาห์

35 จากอับโรนาห์มาตั้งค่ายที่เอซีโอนเกเบอร์

36 จากเอซีโอนเกเบอร์มาตั้งค่ายที่คาเดชในถิ่นกันดารศิน

37 จากคาเดชมาตั้งค่ายที่ภูเขาโฮร์ ตรงชายแดนเอโดม

38 ปุโรหิตอาโรนขึ้นไปบนภูเขาโฮร์ตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าและสิ้นชีวิตที่นั่น ในวันที่หนึ่งเดือนที่ห้าปีที่สี่สิบนับตั้งแต่ชนอิสราเอลออกมาจากอียิปต์

39 เมื่ออาโรนสิ้นชีวิตที่ภูเขาโฮร์นั้น เขามีอายุ 123 ปี

40 กษัตริย์ชาวคานาอันแห่งอาราดผู้อาศัยอยู่ในเนเกบที่คานาอันได้ข่าวว่าชนอิสราเอลยกมา

41 จากภูเขาโฮร์มาตั้งค่ายที่ศัลโมนาห์

42 จากศัลโมนาห์มาตั้งค่ายที่ปูโนน

43 จากปูโนนมาตั้งค่ายที่โอโบท

44 จากโอโบทมาตั้งค่ายที่อิเยอาบาริมที่ชายแดนโมอับ

45 จากไอยิมมาตั้งค่ายที่ดีโบนกาด

46 จากดีโบนกาดมาตั้งค่ายที่อัลโมนดิบลาธาอิม

47 จากอัลโมนดิบลาธาอิมมาตั้งค่ายที่เทือกเขาอาบาริมใกล้เนโบ

48 จากเทือกเขาอาบาริมมาตั้งค่ายในที่ราบโมอับริมแม่น้ำจอร์แดน ตรงข้ามเมืองเยรีโค

49 ที่ซึ่งพวกเขาตั้งค่ายพักอยู่ริมแม่น้ำจอร์แดน จากเบธเยชิโมทจดอาแบลชิทธีม

50 ในที่ราบโมอับริมแม่น้ำจอร์แดน ตรงข้ามเมืองเยรีโคนี้เององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสว่า

51 “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าทั้งหลายข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยังดินแดนคานาอัน

52 จงขับไล่ชาวดินแดนนั้นออกไปให้หมด และทำลายล้างรูปเคารพทั้งปวงของพวกเขา ไม่ว่าหินสลัก รูปเคารพที่หล่อขึ้น และสถานบูชาบนที่สูงของพวกเขา

53 จงเข้ายึดและตั้งถิ่นฐานที่นั่นเพราะเรายกดินแดนนี้ให้เจ้า

54 จงทอดฉลากแบ่งสรรที่ดินกันตามตระกูล ที่ดินผืนใหญ่จะจับฉลากแบ่งกันในหมู่ตระกูลใหญ่ ส่วนที่เล็กลงมาจะจับฉลากแบ่งกันในหมู่ตระกูลเล็ก สิ่งที่เขาจับฉลากได้ก็จะเป็นของเขา จงแบ่งที่ดินไปตามเผ่าบรรพบุรุษของท่าน

55 “ ‘แต่หากเจ้าทั้งหลายไม่ยอมขับไล่ประชากรที่อาศัยอยู่ที่นั่นออกไป คนที่เหลืออยู่จะเป็นหอกข้างแคร่และจะเป็นหนามยอกอกของเจ้า พวกเขาจะก่อปัญหาให้กับเจ้าในดินแดนที่เจ้าอาศัยอยู่

56 และเราจะทำกับเจ้าตามที่เราวางแผนไว้ว่าจะทำกับพวกเขา’ ”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NUM/33-c8061320dd7d61798715ebcde54367aa.mp3?version_id=179—

กันดารวิถี 34

เขตแดนคานาอัน

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงสั่งประชากรอิสราเอลว่า ‘เมื่อเจ้าทั้งหลายเข้าสู่คานาอันดินแดนซึ่งจะแบ่งสรรยกให้เป็นมรดกของเจ้านั้นจะมีพรมแดนดังนี้

3 “ ‘ดินแดนทางใต้คือถิ่นกันดารศิน เลียบไปตามพรมแดนเอโดม เขตแดนทางใต้ด้านฝั่งตะวันออกเริ่มจากทะเลตาย

4 ไล่ลงมาผ่านช่องแคบแมงป่องไปยังศิน ลงใต้ไปที่คาเดชบารเนีย เรื่อยมาถึงฮาซารัดดาร์และอัสโมน

5 จากอัสโมนวกไปตามลำน้ำแห่งอียิปต์และสิ้นสุดลงที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

6 “ ‘พรมแดนตะวันตกของเจ้าคือชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

7 “ ‘พรมแดนด้านเหนือของเจ้าเริ่มจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเรื่อยไปถึงภูเขาโฮร์

8 ไปยังเลโบฮามัทไปเศดัด

9 เรื่อยไปถึงศิโฟรนจนจดฮาซาเรนัน

10 “ ‘พรมแดนตะวันออกเริ่มจากฮาซาเรนันจนถึงที่เชฟาม

11 เรื่อยลงมาถึงริบลาห์ ด้านตะวันออกของเมืองอายิน ไล่มาตามลาดเขาด้านตะวันออกของทะเลคินเนเรท

12 แล้วเรื่อยมาตามแม่น้ำจอร์แดนและสิ้นสุดที่ทะเลเกลือ

“ ‘นี่จะเป็นดินแดนของพวกเจ้าตามพรมแดนโดยรอบ’ ”

13 โมเสสสั่งชนอิสราเอลว่า “จงจับฉลากแบ่งสรรดินแดนนี้เป็นมรดกองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้ให้แบ่งกันในหมู่เก้าเผ่าและอีกครึ่งเผ่า

14 เพราะเผ่ารูเบน กาดและมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้รับมรดกของตนแล้ว

15 สองเผ่าและครึ่งเผ่านี้ได้รับดินแดนทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนแห่งเยรีโคเป็นมรดก”

16 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

17 “ต่อไปนี้เป็นรายชื่อผู้ที่จะทำหน้าที่จัดสรรมรดกในดินแดนคือ ปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูน

18 และผู้นำซึ่งได้รับแต่งตั้งจากแต่ละเผ่า เพื่อช่วยแบ่งสรรดินแดนนั้น

19 รายชื่อของพวกเขา ได้แก่

คาเลบบุตรเยฟุนเนห์

จากเผ่ายูดาห์

20 เชมูเอลบุตรอัมมีฮูด

จากเผ่าสิเมโอน

21 เอลีดาดบุตรคิสโลน

จากเผ่าเบนยามิน

22 บุคคีบุตรโยกลี

ผู้นำจากเผ่าดาน

23 ฮันนีเอลบุตรเอโฟด

ผู้นำจากเผ่ามนัสเสห์บุตรโยเซฟ

24 เคมูเอลบุตรชิฟทาน

ผู้นำจากเผ่าเอฟราอิมบุตรโยเซฟ

25 เอลีซาฟานบุตรปารนาค

ผู้นำจากเผ่าเศบูลุน

26 ปัลทีเอลบุตรอัสซาน

ผู้นำจากเผ่าอิสสาคาร์

27 อาหิฮูดบุตรเชโลมี

ผู้นำจากเผ่าอาเชอร์

28 เปดาเฮลบุตรอัมมีฮูด

ผู้นำจากเผ่านัฟทาลี”

29 คนเหล่านี้คือผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้จัดสรรมรดกแก่ชนอิสราเอลในดินแดนคานาอัน

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NUM/34-f041d22e26ceb23ed99b0f4df1f8730d.mp3?version_id=179—

กันดารวิถี 35

เมืองของพวกเลวี

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสในที่ราบโมอับริมแม่น้ำจอร์แดน ตรงข้ามเมืองเยรีโคว่า

2 “จงสั่งชนอิสราเอลให้ยกเมืองบางเมืองและทุ่งหญ้าโดยรอบจากมรดกที่ชาวอิสราเอลครอบครองให้แก่ชนเลวี

3 เมืองเหล่านี้จะเป็นที่พักอาศัยของพวกเขา และทุ่งหญ้าซึ่งอยู่รายรอบสำหรับฝูงสัตว์ของเขา

4 “ทุ่งหญ้าของชนเลวีมีระยะห่างประมาณ 450 เมตรจากกำแพงเมืองทั้งสี่ด้าน

5 ฉะนั้นจะมีอาณาเขตด้านทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตกด้านละประมาณ 900 เมตรโดยมีเมืองอยู่ใจกลาง พวกเขาจะได้ใช้พื้นที่นี้เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์สำหรับเมืองนั้นๆ

เมืองลี้ภัย

6 “เจ้าจงยกเมืองหกแห่งให้แก่คนเลวี เพื่อเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนาจะหนีไปลี้ภัย นอกจากนั้นจงยกเมืองต่างๆ ให้อีก 42 เมือง

7 เจ้าต้องยกเมืองให้ชนเลวีรวมทั้งหมด 48 หัวเมืองและทุ่งหญ้าโดยรอบ

8 เมืองที่เจ้ายกให้คนเลวีจากดินแดนที่คนอิสราเอลครอบครองจะต้องเป็นไปตามสัดส่วนของมรดกในแต่ละเผ่า คือเผ่าที่มีมากก็ให้มาก แต่เผ่าที่มีน้อยก็ให้น้อย”

9 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

10 “จงบอกชนอิสราเอลว่า ‘เมื่อพวกเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่คานาอันแล้ว

11 จงกำหนดเมืองลี้ภัยไว้ เพื่อผู้ที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนาจะหนีเข้าไปพักพิง

12 เมืองเหล่านี้จะเป็นที่หลบหนีจากการแก้แค้นจากญาติของผู้ตาย เพื่อไม่ให้จำเลยตายก่อนที่จะถูกไต่สวนต่อหน้าชุมนุมประชากร

13 เมืองทั้งหกแห่งนี้จะเป็นเมืองลี้ภัย

14 โดยมีสามแห่งตั้งอยู่ในดินแดนคานาอันและอีกสามแห่งอยู่ที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน

15 เมืองลี้ภัยทั้งหกแห่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นที่หลบภัยของชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่สำหรับคนต่างด้าวและผู้สัญจรอีกด้วย เพื่อว่าใครก็ตามที่ได้ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาจะได้หนีไปที่นั่น

16 “ ‘แต่ผู้ใดใช้เหล็กฟาดผู้อื่นตาย เขาเป็นฆาตกรและต้องถูกประหาร

17 หรือหากผู้ใดใช้ก้อนหินทุบผู้อื่นตาย เขาเป็นฆาตกรและต้องถูกประหาร

18 หรือหากผู้ใดใช้ไม้ตีผู้อื่นตาย เขาเป็นฆาตกร และต้องถูกประหารเช่นกัน

19 ผู้แก้แค้นจะสังหารฆาตกรได้เมื่อพบตัว

20 หากผู้ใดจงใจผลักหรือขว้างสิ่งใดใส่ผู้อื่นด้วยความมุ่งร้าย ทำให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย

21 หรือหากผู้ใดชกต่อยผู้อื่นจนตายด้วยความโกรธ เขาเป็นฆาตกร ผู้แก้แค้นจะฆ่าเขาได้เมื่อพบตัว

22 “ ‘แต่หากผู้ใดผลักหรือขว้างปาสิ่งใดใส่ผู้อื่นโดยไม่เจตนา ไม่ได้ทำด้วยความเกลียดชัง

23 หรือทำก้อนหินตกใส่ผู้อื่นโดยไม่เจตนา ไม่เห็น และไม่ได้เป็นศัตรูกัน เป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย

24 ชุมนุมประชากรจะต้องตัดสินความระหว่างบุคคลนั้นกับผู้แก้แค้นตามกฎระเบียบเหล่านี้

25 ชุมนุมประชากรต้องปกป้องผู้ถูกกล่าวหาจากผู้แก้แค้น และส่งเขากลับไปยังเมืองที่เขาไปลี้ภัยนั้น และเขาต้องอยู่ที่นั่นจวบจนมหาปุโรหิตผู้ได้รับการเจิมด้วยน้ำมันบริสุทธิ์สิ้นชีวิตลง

26 “ ‘แต่หากผู้ถูกกล่าวหาหนีออกจากเมืองลี้ภัย

27 และผู้แก้แค้นพบเขานอกเมืองนั้นและฆ่าเขาไม่ถือเป็นการฆาตกรรม

28 เพราะผู้ถูกกล่าวหาต้องพักอยู่ในเมืองลี้ภัยจวบจนมหาปุโรหิตสิ้นชีวิตเท่านั้น หลังจากนั้นเขาจึงสามารถกลับภูมิลำเนาเดิมของตน

29 “ ‘นี่เป็นข้อกำหนดตามกฎหมายสำหรับเจ้าทั้งหลายสืบไปทุกชั่วอายุ ไม่ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ไหน

30 “ ‘ฆาตกรทุกคนจะถูกประหารก็ต่อเมื่อมีพยานมากกว่าหนึ่งปาก หากมีพยานกล่าวหาเพียงปากเดียว จำเลยไม่ต้องถูกประหาร

31 “ ‘อย่ารับค่าไถ่ชีวิตของฆาตกรผู้สมควรตาย เขาจะต้องถูกประหารอย่างแน่นอน

32 “ ‘และอย่ารับค่าไถ่จากผู้ที่หนีไปอยู่ในเมืองลี้ภัย เพื่อให้เขากลับภูมิลำเนาก่อนมหาปุโรหิตสิ้นชีวิต

33 “ ‘อย่าทำให้แผ่นดินที่เจ้าอยู่แปดเปื้อนมลทิน เพราะการฆาตกรรมทำให้แผ่นดินแปดเปื้อน และไม่อาจชำระมลทินให้แผ่นดินได้ นอกจากใช้เลือดของฆาตกร

34 เจ้าอย่าได้สร้างมลทินแก่แผ่นดินที่เจ้าอาศัยอยู่และที่เราสถิตอยู่ เพราะเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ท่ามกลางชนอิสราเอล’ ”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NUM/35-e954382322ddce418fb11828bd264c6f.mp3?version_id=179—

กันดารวิถี 36

มรดกของบุตรสาวเศโลเฟหัด

1 บรรดาหัวหน้าครอบครัวในตระกูลกิเลอาดบุตรมาคีร์ บุตรมนัสเสห์ ผู้ซึ่งอยู่ในตระกูลต่างๆ ที่เป็นลูกหลานของโยเซฟ มาพบโมเสสและพวกผู้นำซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวของอิสราเอล

2 พวกเขาร้องเรียนว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ท่านจัดสรรที่ดินโดยจับฉลากกันในหมู่ประชากรอิสราเอล และให้ยกมรดกของเศโลเฟหัดญาติของเราแก่เหล่าบุตรสาวของเขา

3 แต่หากพวกนางแต่งงานกับชนอิสราเอลเผ่าอื่น ที่ดินมรดกของพวกนางก็จะกลายเป็นของคนเผ่าที่นางแต่งงานด้วย ทำให้ที่ดินรวมของเผ่าของเราลดลงไป

4 เมื่อถึงปีกึ่งศตวรรษของอิสราเอล มรดกของพวกนางก็จะถูกรวมเข้ากับมรดกของเผ่าที่พวกนางแต่งงานด้วย เป็นการเอาที่ดินของพวกนางไปจากส่วนมรดกตามเผ่าที่เป็นของบรรพบุรุษของเรา”

5 โมเสสจึงแจ้งพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าชุมชนอิสราเอลว่า “สิ่งที่เผ่าของลูกหลานโยเซฟร้องเรียนมาก็ถูกต้อง

6 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่าบุตรสาวทั้งหลายของเศโลเฟหัดจะแต่งงานกับใครก็ได้ตามใจชอบ แต่ต้องเป็นคนในเผ่าของบิดาของพวกนาง

7 มรดกในอิสราเอลจะต้องไม่เปลี่ยนกรรมสิทธิ์จากของเผ่าหนึ่งไปเป็นของอีกเผ่าหนึ่ง เพราะชาวอิสราเอลทุกคนจะต้องรักษาที่ดินของเผ่าซึ่งได้รับมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษของเขา

8 หญิงสาวทุกเผ่าของอิสราเอลที่เป็นทายาทรับมรดกจะต้องแต่งงานกับชายเผ่าเดียวกัน เพื่ออิสราเอลจะรักษาที่ดินอันเป็นมรดกของบรรพบุรุษของตน

9 มรดกจะต้องไม่เปลี่ยนกรรมสิทธิ์จากเผ่าหนึ่งไปสู่อีกเผ่าหนึ่ง เพราะว่าชาวอิสราเอลแต่ละเผ่าจะต้องรักษาที่ดินอันเป็นมรดกของตนไว้”

10 บุตรสาวของเศโลเฟหัดจึงปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส

11 บุตรสาวของเศโลเฟหัดทั้งมาห์ลาห์ ทีรซาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์และโนอาห์ จึงแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องทางสายบิดา

12 พวกนางแต่งงานกับชายในตระกูลต่างๆ ของเผ่ามนัสเสห์บุตรโยเซฟ มรดกของพวกนางจึงยังคงอยู่ในตระกูลและเผ่าของบิดา

13 ทั้งหมดนี้คือคำบัญชาและกฎระเบียบซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ประชากรอิสราเอลผ่านทางโมเสสในที่ราบโมอับริมแม่น้ำจอร์แดนตรงข้ามเมืองเยรีโค

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/NUM/36-36f4b058ff29b6ec0ee9cad90fdab984.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 1

เครื่องเผาบูชา

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกและตรัสกับโมเสสจากเต็นท์นัดพบ พระองค์ตรัสว่า

2 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘เมื่อจะถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจงเลือกสัตว์จากฝูงวัวหรือฝูงแพะแกะของเจ้า

3 “ ‘หากจะถวายเครื่องเผาบูชาจากฝูงวัว จงใช้วัวผู้ซึ่งไม่มีตำหนิ เขาต้องนำมาถวายตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบเพื่อว่าสัตว์นั้นจะเป็นที่ยอมรับสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

4 ให้ผู้ถวายวางมือบนหัวของวัวซึ่งใช้เป็นเครื่องเผาบูชา พระเจ้าจะทรงยอมรับวัวแทนตัวเขาเพื่อชดใช้โทษบาปให้เขา

5 ให้ผู้ถวายฆ่าวัวหนุ่มตัวนั้นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วบรรดาปุโรหิตซึ่งเป็นบุตรชายของอาโรนจะนำเลือดมาพรมรอบแท่นบูชาตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ

6 ให้เขาถลกหนังวัวตัวนั้นซึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาและสับเป็นท่อนๆ

7 บรรดาบุตรชายของปุโรหิตอาโรนจะก่อไฟบนแท่นบูชาและเรียงฟืนบนไฟนั้น

8 แล้วเหล่าปุโรหิตผู้เป็นบุตรชายของอาโรนจะจัดเรียงชิ้นส่วนต่างๆ รวมทั้งหัวและไขมันบนฟืนที่กำลังลุกไหม้บนแท่นบูชา

9 ให้เขาเอาน้ำล้างเครื่องในและขาวัว ปุโรหิตจะเผาเครื่องถวายทั้งหมดบนแท่นบูชา นี่คือเครื่องเผาบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

10 “ ‘หากจะใช้แกะหรือแพะจากฝูงเป็นเครื่องเผาบูชา ก็จะต้องเป็นตัวผู้ซึ่งไม่มีตำหนิ

11 ให้เขาฆ่ามันที่ด้านเหนือของแท่นบูชาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและบรรดาปุโรหิตซึ่งเป็นบุตรชายของอาโรนจะพรมเลือดของมันทั่วแท่นบูชา

12 ให้เขาสับมันเป็นท่อนๆ และปุโรหิตจะนำชิ้นส่วนเหล่านั้นรวมทั้งหัวและไขมันเรียงบนฟืนที่ลุกไหม้บนแท่นบูชา

13 ให้เขาเอาน้ำล้างเครื่องในและขา จากนั้นปุโรหิตจะเผาเครื่องถวายทั้งหมดบนแท่นบูชา นี่คือเครื่องเผาบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

14 “ ‘ผู้ที่จะใช้นกเป็นเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้เลือกนกเขาหรือนกพิราบรุ่น

15 ปุโรหิตจะนำนกมายังแท่นบูชา บิดคอนกให้เลือดไหลลงมาข้างแท่น และเผานกนั้นบนแท่นบูชา

16 แล้วปุโรหิตจะผ่ากระเพาะและเอาสิ่งที่อยู่ข้างในออกทิ้งลงไปที่กองเถ้าถ่านด้านตะวันออกของแท่น

17 จากนั้นจับปีกทั้งสองข้าง ฉีกตัวนกออกแต่อย่าให้ขาดจากกัน และปุโรหิตจะเผานกบนฟืนที่กำลังติดไฟบนแท่นบูชา นี่คือเครื่องเผาบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/1-9db045eb4920c9070f5a641323210cb9.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 2

เครื่องธัญบูชา

1 “ ‘ผู้ที่จะถวายเครื่องธัญบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจงนำแป้งละเอียดมา เทน้ำมันลงบนแป้ง และโรยเครื่องหอม

2 แล้วนำมามอบแก่บรรดาปุโรหิตบุตรของอาโรน ปุโรหิตจะกอบแป้งละเอียดมากำมือหนึ่งและน้ำมันพร้อมกับเครื่องหอมทั้งสิ้น และเผาเครื่องบูชานี้เป็นส่วนอนุสรณ์บนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

3 ธัญบูชาส่วนที่เหลือยกให้อาโรนกับบุตรชาย เป็นส่วนบริสุทธิ์ที่สุดของเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

4 “ ‘หากจะนำขนมอบมาเป็นธัญบูชาจะต้องทำจากแป้งละเอียดเคล้าน้ำมันไม่ใส่เชื้อ หรือใช้ขนมปังแผ่นบางไม่ใส่เชื้อทาน้ำมัน

5 หากจะถวายขนมปังที่ปิ้งบนกระทะ จงทำจากแป้งละเอียดเคล้าน้ำมันไม่ใส่เชื้อ

6 บิเป็นชิ้นเล็กๆ รินน้ำมันราดเป็นเครื่องธัญบูชาอย่างหนึ่ง

7 หากจะถวายขนมที่ทอดในกระทะก็ทำจากแป้งละเอียดเคล้าน้ำมันเช่นเดียวกัน

8 จงนำธัญบูชาที่ทำจากสิ่งเหล่านี้มาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านำมามอบให้ปุโรหิตซึ่งเขาจะนำมาที่แท่นบูชา

9 ปุโรหิตจะนำส่วนอนุสรณ์จากธัญบูชานี้มาเผาบนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

10 ธัญบูชาส่วนที่เหลือยกให้อาโรนกับบรรดาบุตรชาย เป็นส่วนบริสุทธิ์ที่สุดของเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

11 “ ‘อย่าใส่เชื้อในเครื่องธัญบูชาที่เจ้านำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะเจ้าจะต้องไม่เผาเชื้อหรือน้ำผึ้งในเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

12 เจ้าอาจจะถวายขนมปังใส่เชื้อและน้ำผึ้งเป็นเครื่องถวายบูชาผลแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ไม่ใช่นำมาเผาถวายบนแท่นบูชาเป็นกลิ่นที่พอพระทัย

13 จงใส่เกลือในเครื่องธัญบูชาทุกอย่าง อย่าให้เกลือแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าขาดจากธัญบูชา จงใส่เกลือในเครื่องบูชาทุกอย่าง

14 “ ‘หากเจ้าถวายธัญบูชาเป็นผลแรก จงเด็ดเมล็ดจากรวงซึ่งเกี่ยวมาใหม่ๆ นำมาบดและย่างไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

15 ใส่น้ำมันและเครื่องหอมในนั้น นี่คือเครื่องธัญบูชา

16 ปุโรหิตจะเผาส่วนอนุสรณ์ของเมล็ดพืชบดและน้ำมันพร้อมกับเครื่องหอมทั้งหมด เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/2-7e53782f7709711f69188d7ca5909e37.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 3

เครื่องสันติบูชา

1 “ ‘ถ้าผู้ใดจะถวายเครื่องสันติบูชา และเขาถวายสัตว์จากฝูงวัวไม่ว่าตัวผู้หรือตัวเมีย เขาจะต้องนำสัตว์ที่ไม่มีตำหนิมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

2 ให้เขาวางมือบนหัวของสัตว์ที่จะถวาย แล้วฆ่ามันที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ เหล่าปุโรหิตซึ่งเป็นบุตรชายของอาโรนจะพรมเลือดวัวนั้นรอบแท่นบูชา

3 เขาจะนำส่วนหนึ่งจากเครื่องสันติบูชามาเผาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือไขมันที่หุ้มหรือติดกับเครื่องใน

4 ไตทั้งสองลูกกับไขมันที่ติดอยู่ใกล้บั้นเอว และพังผืดหุ้มตับซึ่งเอาออกมาพร้อมไต

5 จากนั้นบรรดาบุตรของอาโรนจะเผาสิ่งเหล่านี้บนเครื่องเผาบูชาซึ่งอยู่บนฟืนที่ติดไฟบนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย

6 “ ‘หากเขาจะถวายแกะหรือแพะเป็นเครื่องสันติบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าใช้ได้ทั้งตัวผู้และตัวเมียซึ่งไม่มีตำหนิ

7 หากใช้ลูกแกะ จงนำมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

8 ให้เขาวางมือบนหัวของมันและฆ่ามันหน้าเต็นท์นัดพบ และบรรดาบุตรของอาโรนจะพรมเลือดของมันรอบแท่นบูชา

9 เขาจะนำส่วนหนึ่งจากเครื่องสันติบูชามาเผาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือไขมัน ไขมันส่วนหางซึ่งตัดชิดกระดูกสันหลัง ไขมันทั้งหมดที่หุ้มหรือติดเครื่องใน

10 ไตทั้งสองลูกกับไขมันบนไตใกล้บั้นเอว และพังผืดหุ้มตับซึ่งนำออกมาพร้อมกับไต

11 ปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า

12 “ ‘หากเขานำแพะมาถวาย ให้นำมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

13 ให้เขาวางมือบนหัวแพะและฆ่ามันที่ด้านหน้าเต็นท์นัดพบ จากนั้นบุตรของอาโรนจะพรมเลือดแพะรอบแท่นบูชา

14 เขาจะนำส่วนหนึ่งจากเครื่องถวายนำมาถวายบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือไขมันทั้งหมดที่หุ้มหรือติดกับเครื่องใน

15 ไตทั้งสองลูกกับไขมันบนไตใกล้บั้นเอว และพังผืดของตับซึ่งเอาออกมาพร้อมไต

16 ปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย ไขมันทั้งหมดเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า

17 “ ‘อย่ากินไขมันหรือเลือดเลย นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุไม่ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ใด’ ”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/3-b29baf4ffe51f22ff65b2e34709f1d40.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 4

เครื่องบูชาไถ่บาป

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

2 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดทำบาปโดยไม่เจตนาและทำสิ่งใดๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้าม

3 “ ‘หากปุโรหิตผู้ได้รับการเจิมตั้งไว้ได้ทำบาป นำความผิดมาสู่ประชากร เขาจะต้องถวายวัวหนุ่มไม่มีตำหนิแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับบาปที่เขาได้ทำ

4 ให้เขานำวัวมาตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเขาจะต้องวางมือบนหัววัวและฆ่าวัวนั้นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

5 แล้วปุโรหิตผู้รับการเจิมตั้งจะนำเลือดของวัวเข้าไปในเต็นท์นัดพบ

6 เอานิ้วจุ่มเลือดและพรมที่หน้าม่านของสถานนมัสการต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเจ็ดครั้ง

7 ปุโรหิตจะเอาเลือดบางส่วนทาเชิงงอนของแท่นเผาเครื่องหอมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในเต็นท์นัดพบ เลือดที่เหลือของวัวผู้จะเทลงที่ด้านล่างของแท่นเผาเครื่องบูชาตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ

8 เขาจะเอาไขมันทั้งหมดของวัวผู้ที่เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปออกมา คือไขมันที่หุ้มหรือติดกับเครื่องใน

9 ไตสองลูกกับไขมันบนไตใกล้บั้นเอว และพังผืดหุ้มตับซึ่งเอาออกมาพร้อมไต

10 เช่นเดียวกับไขมันซึ่งนำออกจากวัวที่ถวายเป็นเครื่องสันติบูชา แล้วปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นบูชา

11 แต่หนัง เนื้อ หัว ขา เครื่องในและไส้

12 คือส่วนที่เหลือของวัวตัวนี้ เขาต้องนำไปยังที่ซึ่งไม่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีนอกค่ายพักแรมซึ่งเป็นที่ทิ้งเถ้า แล้วเผาส่วนทั้งหมดในกองฟืนบนกองขี้เถ้า

13 “ ‘หากชุมชนอิสราเอลทั้งหมดทำบาปโดยไม่เจตนาและทำสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้าม แม้จะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทุกคนก็มีความผิด

14 เมื่อพวกเขาตระหนักถึงบาปที่ได้ทำ เหล่าประชากรจะต้องนำวัวหนุ่มตัวหนึ่งมายังเต็นท์นัดพบเพื่อถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป

15 บรรดาผู้อาวุโสของชุมชนจะวางมือบนหัววัวผู้และฆ่าวัวนั้นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

16 จากนั้นปุโรหิตผู้รับการเจิมตั้งจะนำเลือดส่วนหนึ่งเข้าไปในเต็นท์นัดพบ

17 เอานิ้วจุ่มเลือดและพรมที่หน้าม่านเจ็ดครั้งต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า

18 แล้วเอาเลือดส่วนหนึ่งทาเชิงงอนของแท่นซึ่งอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในเต็นท์นัดพบ เขาจะเทเลือดส่วนที่เหลือลงที่ด้านล่างของแท่นบูชาตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ

19 เขาจะเอาไขมันทั้งหมดออกมาเผาบนแท่นบูชา

20 เขาจะทำกับวัวตัวนี้เช่นเดียวกับที่ทำกับวัวที่ใช้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป ปุโรหิตจะลบบาปให้ประชากรโดยวิธีนี้ และพวกเขาจะได้รับการอภัย

21 แล้วเขาจะนำวัวผู้ตัวนี้ออกไปเผานอกค่ายเหมือนกับที่เผาวัวตัวแรกนั้น นี่เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปสำหรับชุมชนทั้งหมด

22 “ ‘หากผู้นำคนใดทำบาปโดยไม่เจตนาและทำสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาตรัสห้าม เขาก็มีความผิด

23 เมื่อเขาได้ตระหนักถึงบาปที่ได้ทำไป เขาต้องนำแพะตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิมาถวายเป็นเครื่องบูชา

24 ให้เขาวางมือบนหัวแพะและฆ่าในที่สำหรับฆ่าสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้านี่คือเครื่องบูชาไถ่บาป

25 จากนั้นปุโรหิตจะเอานิ้วจุ่มในเลือดของเครื่องบูชาไถ่บาปและทาเชิงงอนของแท่นบูชา แล้วเทเลือดส่วนที่เหลือลงที่ด้านล่างของแท่น

26 เขาจะเผาไขมันทุกส่วนบนแท่นบูชาเหมือนกับเผาไขมันของเครื่องสันติบูชา ปุโรหิตจะลบบาปของผู้นำคนนั้นโดยวิธีนี้ และเขาจะได้รับการอภัย

27 “ ‘หากผู้ใดในชุมชนทำบาปโดยไม่เจตนาและทำสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้าม เขาก็มีความผิด

28 เมื่อเขาได้ตระหนักถึงบาปที่ได้ทำไป เขาต้องนำแพะตัวเมียไม่มีตำหนิมาถวายเพื่อขอไถ่บาปที่ได้ทำ

29 เขาจะวางมือบนหัวเครื่องบูชาไถ่บาปและฆ่ามันในที่สำหรับฆ่าเครื่องเผาบูชา

30 แล้วปุโรหิตจะเอานิ้วจุ่มเลือดทาเชิงงอนของแท่นบูชาและเทเลือดส่วนที่เหลือลงที่ด้านล่างของแท่น

31 เขาจะเอาไขมันทั้งหมดออกเหมือนกับเอาไขมันออกจากเครื่องสันติบูชา และปุโรหิตจะเผาไขมันนั้นบนแท่นบูชา เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย ปุโรหิตจะลบบาปให้เขาโดยวิธีนี้ และเขาจะได้รับการอภัย

32 “ ‘หากเขาถวายลูกแกะเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป เขาจะต้องนำลูกแกะตัวเมียซึ่งไม่มีตำหนิมา

33 เขาจะวางมือบนหัวลูกแกะ และฆ่าลูกแกะนั้นเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปในที่สำหรับฆ่าสัตว์เป็นเครื่องเผาบูชา

34 ปุโรหิตจะเอานิ้วจุ่มเลือดของเครื่องบูชาไถ่บาปทาเชิงงอนของแท่นเผาเครื่องบูชา แล้วเทเลือดที่เหลือลงบนบริเวณด้านล่างของแท่น

35 เขาจะเอาไขมันทั้งหมดออกเหมือนกับที่เอาไขมันออกจากลูกแกะที่เป็นเครื่องสันติบูชา และปุโรหิตจะเผาไขมันนั้นบนแท่นบูชาโดยวางบนเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าปุโรหิตจะลบบาปให้เขาโดยวิธีนี้สำหรับบาปที่เขาได้ทำ และเขาจะได้รับการอภัย

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/4-117bc40dc856b3b91b01bdf9eec78cb9.mp3?version_id=179—

เลวีนิติ 5

1 “ ‘ผู้ใดทำบาปเพราะไม่ยอมให้การในศาลตามที่มีส่วนรู้เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น เขาต้องรับผิดชอบ

2 “ ‘ผู้ใดแตะต้องสิ่งที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีเช่น ซากสัตว์ที่เป็นมลทิน ไม่ว่าสัตว์ป่า สัตว์เลี้ยง หรือซากของสัตว์ที่เลื้อยคลาน แม้ว่าเขาไม่รู้ตัว เขาก็มีมลทินและมีความผิดแล้ว

3 “ ‘บทที่ หรือหากเขาแตะต้องสิ่งมลทินของคนคือ สิ่งใดๆ ที่ทำให้เขาเป็นมลทิน แม้ไม่รู้ตัว เมื่อรู้ตัวแล้วเขาก็มีความผิด

4 “ ‘บทที่ หรือหากผู้ใดกล่าวคำสาบานพล่อยๆ ว่าจะทำสิ่งใดไม่ว่าดีหรือร้าย คือในเรื่องใดๆ ที่เขาอาจจะสาบานโดยไม่ใส่ใจ แม้ไม่รู้ตัว เมื่อเขารู้ตัวแล้ว เขาจะมีความผิด

5 “ ‘บทที่ เมื่อผู้ใดทำผิดในกรณีใดกรณีหนึ่งที่กล่าวมา เขาต้องสารภาพว่าเขาได้ทำบาปอย่างไร

6 และเพื่อเป็นการลงโทษบาปที่เขาได้ทำไป เขาจะต้องนำเครื่องบูชาไถ่บาปมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นลูกแกะหรือแพะตัวเมียจากฝูงก็ได้ ปุโรหิตจะทำการลบบาปให้เขา

7 “ ‘หากเขาไม่สามารถนำลูกแกะมาถวาย ก็ให้นำนกเขาสองตัวหรือนกพิราบรุ่นสองตัวมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการลงโทษบาปของเขา ตัวหนึ่งใช้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป อีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชา

8 เขาจะต้องนำนกเหล่านั้นมามอบให้ปุโรหิต โดยจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเป็นอันดับแรก โดยจะต้องบิดคอของมันแต่ไม่ให้หัวหลุดจากตัว

9 จากนั้นพรมเลือดบางส่วนข้างแท่นบูชาด้านหนึ่งและเทเลือดที่เหลือลงที่ด้านล่างของแท่นบูชา นี่เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป

10 จากนั้นปุโรหิตจะถวายนกอีกตัวเป็นเครื่องเผาบูชา โดยปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่ระบุมาข้างต้นและทำการลบบาปให้เขาสำหรับบาปที่เขาได้ทำไปและเขาจะได้รับการอภัย

11 “ ‘อย่างไรก็ตามถ้าเขาไม่สามารถถวายนกเขาสองตัวหรือนกพิราบรุ่นสองตัว ก็ให้เขานำแป้งละเอียดประมาณ 2 ลิตรมาถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปของเขา เขาต้องไม่ใส่น้ำมันหรือเครื่องหอมบนแป้งนั้น เพราะนี่คือเครื่องบูชาไถ่บาป

12 เขาจะนำแป้งมามอบให้ปุโรหิต ปุโรหิตจะกอบมากำมือหนึ่งเป็นส่วนอนุสรณ์และเผาบนแท่นบูชาพร้อมกับเครื่องบูชาด้วยไฟที่ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านี่คือเครื่องบูชาไถ่บาป

13 ปุโรหิตจะทำการลบบาปให้เขาโดยวิธีนี้สำหรับบาปใดๆ ที่เขาได้ทำไป และเขาจะได้รับการอภัย แป้งที่เหลือเป็นของปุโรหิตเช่นเดียวกับการถวายเครื่องธัญบูชา’ ”

เครื่องบูชาลบความผิด

14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า

15 “หากผู้ใดละเมิดกฎและทำบาปโดยไม่เจตนาเกี่ยวกับของบริสุทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาต้องนำแกะผู้ตัวหนึ่งซึ่งไม่มีตำหนิมาจากฝูงและมีค่าเหมาะสมเทียบเท่าน้ำหนักเงินตามเชเขลของสถานนมัสการมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นการลงโทษ นี่คือเครื่องบูชาลบความผิด

16 เขาต้องจ่ายค่าชดใช้สำหรับสิ่งบริสุทธิ์ที่เขาทำเสียหาย แล้วเพิ่มอีกหนึ่งในห้าของราคานั้น และนำทั้งหมดนั้นมามอบให้ปุโรหิตผู้ซึ่งจะทำการลบบาปให้เขา โดยใช้แกะตัวผู้เป็นเครื่องบูชาลบความผิด และเขาจะได้รับการอภัย

17 “ผู้ใดทำบาปและทำสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้ามแม้โดยไม่รู้ตัว เขาย่อมมีความผิดและต้องรับผิดชอบ

18 เขาจะต้องนำแกะผู้ที่ไม่มีตำหนิและมีค่าเหมาะสมจากฝูงมาให้ปุโรหิตเป็นเครื่องบูชาลบความผิด ปุโรหิตจะทำการลบบาปให้เขาโดยวิธีนี้ สำหรับความผิดที่เขาทำไปโดยไม่เจตนา แล้วเขาจะได้รับการอภัย

19 นี่เป็นเครื่องบูชาลบความผิดเนื่องจากเขาได้ทำผิดต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า”

—https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/LEV/5-5a515b4fff8b94fcec26bd0b5933ecf8.mp3?version_id=179—