1พงศ์กษัตริย์ 11

มเหสีของโซโลมอน 1 นอกเหนือจากธิดาของฟาโรห์แล้ว โซโลมอนทรงรักหญิงต่างชาติจำนวนมาก ได้แก่ชาติโมอับ อัมโมน เอโดม ไซดอน และฮิตไทต์ 2 พวกนางมาจากชนชาติที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสห้ามประชากรอิสราเอลว่า “เจ้าจงอย่าแต่งงานกับคนเหล่านั้น เพราะพวกเขาจะชักนำเจ้าให้หันไปฝักใฝ่พระต่างๆ ของเขาอย่างแน่นอน” ถึงกระนั้นโซโลมอนก็ทรงผูกพันรักใคร่หญิงเหล่านั้น 3 โซโลมอนทรงมีมเหสีเป็นเจ้าหญิงเจ็ดร้อยคนและนางสนมสามร้อยคน หญิงเหล่านี้ทำให้โซโลมอนหลงไป 4 เมื่อโซโลมอนทรงชราภาพ หญิงเหล่านี้โน้มน้าวพระทัยให้ไปติดตามพระต่างๆ โซโลมอนไม่ได้ทรงภักดีต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์อย่างสุดใจเหมือนดาวิดราชบิดา 5 พระองค์ทรงหันไปติดตามพระอัชโทเรทเทวีของชาวไซดอน และพระโมเลคเทพเจ้าอันน่าชิงชังของชาวอัมโมน 6 ดังนั้นโซโลมอนทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ได้ทรงติดตามองค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างสุดใจเหมือนที่ดาวิดราชบิดาได้ทรงทำ 7 โซโลมอนถึงกับสร้างสถานบูชาบนที่สูงบนเนินเขาทางตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็ม อุทิศแด่พระเคโมชเทพเจ้าอันน่าชิงชังของโมอับ และสำหรับพระโมเลคเทพเจ้าอันน่าชิงชังของชาวอัมโมน 8 พระองค์ทรงสร้างสถานบูชาบนที่สูงต่างๆ ขึ้น เพื่อให้มเหสีต่างชาติทั้งหลายเผาเครื่องหอม และถวายเครื่องบูชาแด่เทพเจ้าของพวกนาง 9 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธโซโลมอนที่หันเหพระทัยจากพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ทรงปรากฏแก่โซโลมอนถึงสองครั้งสองครา 10 ทั้งๆ ที่พระองค์ทรงห้ามโซโลมอนไม่ให้ไปติดตามพระอื่นๆ โซโลมอนก็ยังทรงฝ่าฝืนพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้า 11 ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับโซโลมอนว่า “เนื่องจากเจ้ามีท่าทีเช่นนี้และไม่ได้รักษาพันธสัญญาและกฎหมายซึ่งเราได้สั่งเจ้าไว้ เราจะฉีกอาณาจักรของเจ้าอย่างแน่นอนที่สุด และแบ่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งของเจ้า 12 แต่เพื่อเห็นแก่ดาวิดราชบิดาของเจ้า เราจะยังไม่ทำเช่นนั้นในชั่วชีวิตของเจ้า เราจะริบอาณาจักรจากบุตรชายของเจ้า 13 แต่เราจะไม่ริบไปหมดทั้งอาณาจักร เราจะเหลือชนเผ่าหนึ่งไว้ให้ […]

1พงศ์กษัตริย์ 12

อิสราเอลกบฏต่อเรโหโบอัม 1 เรโหโบอัมเสด็จไปที่เชเคม เพราะชาวอิสราเอลทั้งปวงพากันไปที่นั่นเพื่อตั้งเรโหโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์ 2 เมื่อเยโรโบอัมบุตรเนบัท (ซึ่งหนีกษัตริย์โซโลมอนไปอยู่ในอียิปต์) ทราบข่าว จึงกลับมาจากอียิปต์ 3 พวกเขาก็ส่งคนไปตามเยโรโบอัมมา แล้วเขากับชุมนุมประชากรอิสราเอลทั้งปวงก็เข้าเฝ้าและทูลเรโหโบอัมว่า 4 “ราชบิดาของฝ่าพระบาททรงวางแอกหนักให้พวกข้าพระบาท บัดนี้ขอทรงผ่อนภาระและบรรเทาแอกที่วางไว้ แล้วพวกข้าพระบาทจะรับใช้ฝ่าพระบาท” 5 เรโหโบอัมตรัสตอบว่า “ให้เวลาเราสามวัน แล้วพวกท่านค่อยกลับมาพบเรา” ประชากรจึงกลับไป 6 กษัตริย์เรโหโบอัมทรงหารือกับบรรดาผู้อาวุโสซึ่งเคยถวายคำปรึกษาแด่โซโลมอนราชบิดาเมื่อครั้งยังทรงพระชนม์อยู่ว่า “ท่านว่าเราควรจะตอบประชาชนเหล่านี้ว่าอย่างไร?” 7 พวกเขาทูลว่า “หากวันนี้ฝ่าพระบาทจะทรงเป็นผู้รับใช้ประชาชน ปรนนิบัติเขา และตอบตามที่เขาต้องการ พวกเขาก็จะเป็นผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเสมอไป” 8 แต่เรโหโบอัมไม่ฟังคำแนะนำของผู้อาวุโส กลับปรึกษาพระสหายหนุ่มๆ ซึ่งเติบโตมาด้วยกันและรับใช้พระองค์อยู่ 9 พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “พวกเจ้าจะแนะนำอย่างไร? เราควรจะตอบคนที่มาพูดกับเราว่า ‘ขอทรงผ่อนปรนแอกที่ราชบิดาของฝ่าพระบาทวางไว้บนเหล่าข้าพระบาท’ ว่าอย่างไร?” 10 พวกคนหนุ่มที่เติบโตขึ้นมากับพระองค์ก็ทูลตอบว่า “ขอให้ตรัสกับบรรดาผู้ที่มาทูลว่า ‘ราชบิดาของฝ่าพระบาททรงวางแอกหนักบนเรา ขอทรงทำให้แอกของเราเบาลง’ นั้นว่า ‘นิ้วก้อยของเราก็หนายิ่งกว่าเอวของเสด็จพ่อเสียอีก 11 เสด็จพ่อของเราวางแอกหนักบนพวกเจ้า เราจะทำให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก เสด็จพ่อของเราเคยใช้แส้เฆี่ยนพวกเจ้า ส่วนเราจะใช้แมงป่องเล่นงานพวกเจ้า’ ” 12 สามวันต่อมาเยโรโบอัมและประชากรทั้งปวงกลับมาเข้าเฝ้ากษัตริย์เรโหโบอัมตามที่ตรัสไว้ว่า “อีกสามวันค่อยกลับมาพบเรา” […]

1พงศ์กษัตริย์ 13

คนของพระเจ้าจากยูดาห์ 1 โดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าคนของพระเจ้าคนหนึ่งจากยูดาห์มายังเบธเอล ขณะที่เยโรโบอัมทรงยืนอยู่ข้างแท่นบูชาเพื่อถวายเครื่องบูชา 2 คนของพระเจ้านั้นร้องออกมาโดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับแท่นบูชาว่า “แท่นบูชา แท่นบูชาเอ๋ย!องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘บุตรคนหนึ่งนามโยสิยาห์จะถือกำเนิดในวงศ์วานของดาวิด เขาผู้นั้นจะเผาบรรดาปุโรหิตของสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายผู้ซึ่งบัดนี้ถวายเครื่องบูชาที่นี่ และกระดูกมนุษย์จะถูกนำมาเผาบนเจ้า’ ” 3 ในวันเดียวกันนั้นคนของพระเจ้าก็ให้หมายสำคัญว่า “นี่คือหมายสำคัญที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศไว้ แท่นนี้จะแยกออก และเถ้าถ่านบนแท่นนี้จะถูกเทออก” 4 เมื่อกษัตริย์เยโรโบอัมทรงได้ยินถ้อยคำที่คนของพระเจ้าประกาศเกี่ยวกับแท่นบูชาที่เบธเอล ก็ยื่นพระหัตถ์ออกมาจากแท่นและตรัสว่า “จับชายคนนี้ไว้!” แต่พระหัตถ์ของกษัตริย์กลายเป็นอัมพาตแข็งอยู่ในท่านั้น ไม่สามารถชักพระหัตถ์กลับคืนดังเดิม 5 แล้วแท่นบูชาก็แยกจากกัน เถ้าถ่านร่วงลงมา สำเร็จตามหมายสำคัญที่คนของพระเจ้าให้ไว้โดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 6 กษัตริย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “ช่วยอธิษฐานวิงวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ให้มือของเรากลับคืนสภาพปกติด้วยเถิด” คนของพระเจ้าจึงอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อกษัตริย์ แล้วพระหัตถ์ของกษัตริย์ก็กลับเป็นปกติ 7 จากนั้นกษัตริย์ตรัสกับคนของพระเจ้าว่า “มาที่วังกับเราเถิด มารับประทานอะไรด้วยกัน แล้วเราจะให้รางวัลท่าน” 8 แต่คนของพระเจ้าทูลกษัตริย์ว่า “แม้ฝ่าพระบาทจะประทานราชสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง ข้าพระบาทก็จะไม่ไปกับฝ่าพระบาท ทั้งจะไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำในสถานที่นี้ 9 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสบัญชาข้าพเจ้าว่า ‘ห้ามรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ หรือกลับไปตามเส้นทางที่มา’” 10 แล้วเขาจึงกลับไปอีกทางหนึ่ง ไม่ใช่เส้นทางเดียวกับที่มายังเบธเอล 11 มีผู้เผยพระวจนะชราผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในเบธเอล ลูกๆ ของเขากลับมาบ้านและเล่าทุกสิ่งที่คนของพระเจ้าได้ทำที่เบธเอลในวันนั้น และสิ่งที่เขาทูลกษัตริย์ 12 […]

1พงศ์กษัตริย์ 14

คำทำนายของอาหิยาห์ 1 ครั้งนั้นอาบียาห์โอรสของเยโรโบอัมป่วยหนัก 2 เยโรโบอัมจึงตรัสกับมเหสีว่า “จงปลอมตัว อย่าให้ใครจำได้ว่าเป็นมเหสีของเยโรโบอัม ไปพบผู้เผยพระวจนะอาหิยาห์ที่ชิโลห์ ผู้ที่บอกว่าเราจะได้เป็นกษัตริย์ของชนชาตินี้ 3 เอาขนมปังสิบก้อน ขนมหวานกับน้ำผึ้งหนึ่งไหไปกำนัลเขาด้วย เขาจะบอกเจ้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของเรา” 4 มเหสีของเยโรโบอัมก็ทำตามนั้น และเสด็จมายังบ้านของอาหิยาห์ที่ชิโลห์ ฝ่ายอาหิยาห์ก็มองอะไรไม่เห็นแล้วเพราะชรามาก 5 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับอาหิยาห์ว่า “มเหสีของเยโรโบอัมปลอมตัวมาเพื่อถามเจ้าเกี่ยวกับลูกชายของนางซึ่งป่วยอยู่ เจ้าจงตอบตามนี้” 6 ฉะนั้นเมื่ออาหิยาห์ได้ยินเสียงคนเดินมาที่ประตูจึงร้องบอกว่า “เข้ามาเถิด มเหสีของเยโรโบอัม ทำไมต้องปลอมตัวมา? เรามีข่าวร้ายจะแจ้งให้ทราบ 7 จงไปบอกเยโรโบอัมว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราได้ยกเจ้าขึ้นมาจากหมู่ประชาชน ตั้งให้เป็นผู้นำของอิสราเอลประชากรของเรา 8 เราแบ่งอาณาจักรจากวงศ์วานดาวิดยกให้เจ้า แต่เจ้าไม่ได้เป็นเหมือนดาวิดผู้รับใช้ของเรา ซึ่งปฏิบัติตามคำสั่งของเราและติดตามเราอย่างสุดหัวใจ ผู้ซึ่งทำแต่สิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเรา 9 เจ้าทำชั่วยิ่งกว่าทุกคนก่อนหน้าเจ้า เจ้าได้สร้างพระต่างๆ ให้ตัวเอง หล่อรูปเคารพโลหะทั้งหลายยั่วยุให้เราโกรธ และหันหลังให้กับเรา 10 “ ‘ฉะนั้นเราจะนำหายนะมาสู่วงศ์วานเยโรโบอัม และประหารชายทุกคนไม่ว่าเป็นทาสหรือเป็นไทซึ่งเป็นเชื้อสายของเยโรโบอัมจากอิสราเอล เราจะเผาวงศ์วานของเยโรโบอัมเหมือนเผาขยะจนกว่าจะสิ้นซากไป 11 คนของเยโรโบอัมที่ตายในเมืองจะถูกสุนัขแทะกิน และผู้ที่ตายในทุ่งนาจะถูกนกจิกกินองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ลั่นวาจาไว้!’ 12 “สำหรับเจ้า จงกลับไปเถิด และเมื่อเจ้าย่างเท้าเข้าตัวเมือง เด็กนั้นจะเสียชีวิต […]

1พงศ์กษัตริย์ 15

กษัตริย์อาบียาห์แห่งยูดาห์ 1 อาบียาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ตรงกับปีที่สิบแปดของรัชกาลเยโรโบอัมบุตรเนบัท 2 พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสามปี ราชมารดาคือมาอาคาห์ธิดาของอาบีชาโลม 3 พระองค์ทรงทำบาปทุกอย่างเช่นเดียวกับราชบิดา และไม่ได้มีพระทัยภักดีแน่วแน่ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์เหมือนดาวิดบรรพบุรุษ 4 แต่เพื่อเห็นแก่ดาวิด พระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาทรงโปรดประทานดวงประทีปดวงหนึ่งในเยรูซาเล็ม โดยให้โอรสองค์หนึ่งขึ้นมาครองราชย์ต่อและทำให้เยรูซาเล็มเข้มแข็ง 5 เพราะดาวิดได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ทุกประการตลอดชีวิต ยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวกับอุรียาห์ชาวฮิตไทต์ 6 ตลอดพระชนม์ชีพของอาบียาห์มีสงครามระหว่างเรโหโบอัมกับเยโรโบอัม 7 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลอาบียาห์และพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? และมีสงครามระหว่างอาบียาห์กับเยโรโบอัม 8 และอาบียาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในเมืองดาวิด แล้วอาสาโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน กษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ 9 อาสาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ ตรงกับปีที่ยี่สิบของรัชกาลเยโรโบอัมแห่งอิสราเอล 10 ทรงครองราชย์อยู่ 41 ปีในกรุงเยรูซาเล็ม เสด็จย่าของพระองค์คือมาอาคาห์ ธิดาของอาบีชาโลม 11 อาสาทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนดาวิดบรรพบุรุษ 12 อาสาทรงเนรเทศโสเภณีชายประจำเทวสถานออกไปจากดินแดน และทรงขจัดเทวรูปทั้งปวงที่บรรพบุรุษสร้างขึ้น 13 พระองค์ทรงถอดพระนางมาอาคาห์เสด็จย่าของพระองค์ออกจากตำแหน่งพระพันปีหลวง เพราะพระนางได้สร้างเสาเจ้าแม่อาเชราห์อันน่ารังเกียจ อาสาทรงโค่นเสานั้นและเผาทิ้งที่หุบเขาขิดโรน 14 แม้พระองค์ไม่ได้ทรงรื้อสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายทิ้ง แต่พระทัยของอาสาก็ภักดีแน่วแน่ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดพระชนม์ชีพ 15 พระองค์ทรงนำเงินและทองกับเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ซึ่งพระองค์กับราชบิดาได้ถวายแด่พระเจ้ามาไว้ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 16 มีสงครามระหว่างอาสากับกษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอลตลอดรัชกาล 17 กษัตริย์บาอาชาแห่งอิสราเอลมาสู้รบกับยูดาห์ […]

1พงศ์กษัตริย์ 16

1 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยฮูบุตรฮานานีกล่าวโทษบาอาชาว่า 2 “เราได้ยกเจ้าขึ้นมาจากฝุ่นธุลี ให้เป็นผู้นำของอิสราเอลประชากรของเรา แต่เจ้ากลับดำเนินตามทางของเยโรโบอัม เจ้าชักนำอิสราเอลประชากรของเราให้ทำบาป และยั่วยุให้เราโกรธด้วยบาปของพวกเขา 3 ฉะนั้นเราจะทำลายล้างบาอาชากับวงศ์วาน ทำให้วงศ์วานของเจ้าเป็นเช่นวงศ์วานของเยโรโบอัมบุตรเนบัท 4 คนของบาอาชาที่ตายในเมืองจะถูกสุนัขกิน ส่วนคนที่ตายในท้องทุ่งจะถูกนกจิกกิน” 5 สำหรับเหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลบาอาชา พระราชกิจและความสำเร็จต่างๆ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 6 บาอาชาทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และถูกฝังไว้ในทีรซาห์ และเอลาห์โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน 7 ยิ่งกว่านั้นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าผ่านมาทางผู้เผยพระวจนะเยฮูบุตรฮานานีมาถึงบาอาชากับราชวงศ์ เพราะความชั่วทั้งปวงที่ได้ทรงทำในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะสิ่งที่พระองค์ทรงทำได้ยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงประพฤติตนเหมือนราชวงศ์เยโรโบอัม และเพราะพระองค์ได้ทรงทำลายราชวงศ์นั้นด้วย กษัตริย์เอลาห์แห่งอิสราเอล 8 เอลาห์โอรสบาอาชาขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอล ตรงกับปีที่ยี่สิบหกของรัชกาลกษัตริย์อาสาแห่งยูดาห์ ทรงครองราชย์ในทีรซาห์อยู่สองปี 9 ศิมรีผู้บัญชาการกองรถรบหลวงครึ่งกองวางแผนกบฏต่อพระองค์ ครั้งนั้นกษัตริย์เอลาห์ประทับอยู่ที่ทีรซาห์ทรงเมามายอยู่ที่บ้านของอารซาเจ้ากรมวังประจำทีรซาห์ 10 ศิมรีก็เข้ามาปลงพระชนม์ ตรงกับปีที่ยี่สิบเจ็ดของรัชกาลอาสาแห่งยูดาห์ จากนั้นศิมรีขึ้นครองราชย์แทน 11 ทันทีที่ขึ้นครองราชย์ ศิมรีก็ประหารครอบครัวของบาอาชาทั้งหมด พระองค์ไม่ทรงไว้ชีวิตชายแม้แต่คนเดียว ทั้งญาติและมิตร 12 ดังนั้นศิมรีทำลายครอบครัวบาอาชาทั้งหมดตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะเยฮู 13 เพราะบาปทั้งปวงที่บาอาชาและโอรสเอลาห์ได้ทำและชักนำให้อิสราเอลทำตาม พวกเขาได้ยั่วยุพระพิโรธของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยรูปเคารพอันไร้ค่า 14 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเอลาห์ รวมทั้งพระราชกิจต่างๆ มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? กษัตริย์ศิมรีแห่งอิสราเอล […]

1พงศ์กษัตริย์ 17

นกกาเลี้ยงเอลียาห์ 1 ครั้งนั้นเอลียาห์ชาวทิชบีในกิเลอาดกล่าวกับอาหับว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลซึ่งข้าพเจ้าปรนนิบัติรับใช้อยู่นั้นทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในสองสามปีข้างหน้าจนกว่าข้าพเจ้าจะบอกให้มีฉันนั้น” 2 แล้วมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเอลียาห์ว่า 3 “จงไปซ่อนตัวที่ลำห้วยเครีททางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 4 เจ้าจะดื่มน้ำจากลำห้วยและเราได้สั่งให้นกกานำอาหารมาเลี้ยงเจ้า” 5 เอลียาห์ก็ปฏิบัติตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา และไปอาศัยอยู่ที่ลำห้วยเครีททางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 6 นกกาคาบขนมปังและเนื้อมาให้เขาทุกเช้าและทุกเย็น และเขาดื่มน้ำจากลำธาร หญิงม่ายที่ศาเรฟัท 7 ต่อมาลำห้วยนั้นก็แห้งผากเพราะไม่มีฝนตกเลยทั่วดินแดนนั้น 8 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเอลียาห์ว่า 9 “จงไปอาศัยอยู่ที่เมืองศาเรฟัทในไซดอน เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นให้เลี้ยงดูเจ้า” 10 เอลียาห์จึงไปยังศาเรฟัท เมื่อมาถึงประตูเมืองก็เห็นหญิงม่ายคนหนึ่งกำลังเก็บฟืน เขาจึงเรียกนางและร้องขอว่า “ช่วยเอาน้ำใส่เหยือกมาให้เราดื่มสักนิดได้ไหม?” 11 ขณะที่หญิงนั้นจะไปเอามา เขาบอกนางว่า “โปรดช่วยเอาขนมปังมาให้สักชิ้นด้วย” 12 หญิงนั้นตอบว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดิฉันไม่มีขนมปังเลยสักชิ้นฉันนั้น มีเพียงแป้งหยิบมือเดียวในหม้อ กับน้ำมันก้นไห นี่ก็กำลังเก็บฟืนจะเอาไปทำอาหารกินกับลูกชาย จากนั้นก็จะต้องอดตาย” 13 เอลียาห์กล่าวกับนางว่า “อย่ากลัวเลย กลับบ้านไปทำตามที่เจ้าว่าเถิด แต่ทำขนมชิ้นเล็กๆ มาให้เราก่อน จากนั้นจึงทำอาหารให้ตัวเจ้ากับลูกชายของเจ้า 14 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘จะมีแป้งไม่ขาดหม้อ น้ำมันไม่ขาดไห จนถึงวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้ฝนตกลงมาบนดินแดนนี้’ ” 15 […]

1พงศ์กษัตริย์ 18

เอลียาห์กับโอบาดีห์ 1 หลังจากนั้นเป็นเวลานาน พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเอลียาห์ในปีที่สามว่า “จงไปแสดงตัวต่ออาหับ เราจะให้ฝนตกลงมา” 2 เอลียาห์จึงไปแสดงตัวต่ออาหับ ในเวลานั้นการกันดารอาหารในสะมาเรียรุนแรงมาก 3 อาหับรับสั่งให้เรียกโอบาดีห์เจ้ากรมวังมาหา (โอบาดีห์เป็นผู้เชื่อที่เข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า 4 เมื่อครั้งพระนางเยเซเบลเข่นฆ่าผู้เผยพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าโอบาดีห์ช่วยเหลือผู้เผยพระวจนะหนึ่งร้อยคนให้ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำสองแห่ง แห่งละห้าสิบคนและจัดส่งอาหารกับน้ำให้) 5 อาหับตรัสกับโอบาดีห์ว่า “จงไปยังตาน้ำหุบเขาทุกแห่งทั่วดินแดน เราอาจจะพบหญ้าพอประทังชีวิตม้าและล่อ จะได้ไม่ต้องฆ่าสัตว์ของเรา” 6 ทั้งสองจึงแบ่งกันออกไปสำรวจดู อาหับเสด็จไปทางหนึ่ง โอบาดีห์ไปอีกทางหนึ่ง 7 ขณะเดินไปตามทาง เอลียาห์ก็มาพบเขา โอบาดีห์จำเอลียาห์ได้ จึงหมอบคำนับลงกับพื้นและกล่าวว่า “นี่เป็นท่านเอลียาห์นายของข้าพเจ้าจริงๆ หรือ?” 8 เอลียาห์ตอบว่า “ถูกแล้ว ไปทูลกษัตริย์เถิดว่า ‘เอลียาห์อยู่ที่นี่’” 9 โอบาดีห์ถามว่า “ข้าพเจ้าทำอะไรผิดหรือ ท่านจึงจะส่งข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านไปให้อาหับประหาร? 10 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ก็ไม่มีชาติใดหรืออาณาจักรใดที่นายของข้าพเจ้าไม่ได้ส่งคนไปค้นหาตัวท่านฉันนั้น และทุกครั้งที่มีชาติใดหรืออาณาจักรใดบอกว่าท่านไม่ได้อยู่ที่นั่น กษัตริย์ก็จะให้พวกเขาสาบานว่าไม่พบท่าน 11 มาตอนนี้ท่านบอกให้ข้าพเจ้าไปทูลเจ้านายว่า ‘เอลียาห์อยู่ที่นี่’ 12 แต่เมื่อข้าพเจ้าไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะมารับตัวท่านไปไหน หากข้าพเจ้าไปทูลแล้วอาหับเสด็จมาไม่พบท่าน ก็จะทรงประหารข้าพเจ้า ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านได้ปรนนิบัตินมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้ามาตั้งแต่ยังหนุ่มๆ […]

1พงศ์กษัตริย์ 19

เอลียาห์หนีไปภูเขาโฮเรบ 1 อาหับทรงเล่าทุกสิ่งที่เอลียาห์ทำให้พระนางเยเซเบลฟัง และเล่าถึงการที่เอลียาห์ประหารผู้ทำนายของพระบาอัลทั้งหมดด้วยดาบ 2 ดังนั้นเยเซเบลจึงส่งคนมาแจ้งเอลียาห์ว่า “ขอให้พระทั้งหลายจัดการกับเราอย่างสาหัส หากภายในพรุ่งนี้เวลาเดียวกันนี้ เรายังไม่ปลิดชีวิตเจ้าเหมือนที่เจ้าทำกับคนของเรา” 3 เอลียาห์กลัวจึงหนีเอาชีวิตรอด เขาไปยังเบเออร์เชบาในยูดาห์ และทิ้งคนรับใช้ของเขาไว้ที่นั่น 4 ส่วนเขาเองเดินทางเข้าไปในถิ่นกันดารแต่ลำพัง รอนแรมตลอดวัน แล้วเขาพบต้นซากต้นหนึ่ง จึงนั่งลงใต้ต้นซากนั้นและอธิษฐานให้ตัวเองตายเสีย เขากล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ทนมามากพอแล้ว ขอทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเถิด ข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์” 5 แล้วเขาก็นอนลงใต้ต้นซากและหลับไป ทันใดนั้นมีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาแตะต้องตัวเขาและบอกว่า “จงลุกขึ้นและรับประทานอาหาร” 6 เอลียาห์มองไปรอบๆ และเห็นว่ามีขนมปังผิงอยู่บนก้อนหินร้อนๆ และมีน้ำเหยือกหนึ่งอยู่ข้างศีรษะ เขาจึงรับประทานขนมปัง ดื่มน้ำ แล้วล้มตัวลงนอนอีก 7 ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาอีกครั้งหนึ่ง แตะต้องตัวเขาและบอกว่า “จงลุกขึ้นและรับประทานอาหารเพราะการเดินทางครั้งนี้เกินกำลังของท่าน” 8 เอลียาห์จึงลุกขึ้นรับประทานและดื่ม ทำให้เขามีกำลังวังชาพอที่จะเดินทางเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืนจนมาถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า 9 เขาเข้าไปพักแรมค้างคืนในถ้ำแห่งหนึ่งที่นั่น องค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเขาว่า “เอลียาห์เอ๋ย เจ้าทำอะไรอยู่ที่นี่?” 10 เอลียาห์ทูลตอบว่า “ข้าพระองค์กระตือรือร้นทุ่มเททำงานเพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ ชนอิสราเอลได้ละทิ้งพันธสัญญาของพระองค์ รื้อแท่นบูชาของพระองค์ สังหารผู้เผยพระวจนะของพระองค์ด้วยคมดาบ เหลือข้าพระองค์เพียงคนเดียว และบัดนี้พวกเขากำลังพยายามฆ่าข้าพระองค์อีกด้วย” 11 […]

1พงศ์กษัตริย์ 20

เบนฮาดัดโจมตีสะมาเรีย 1 ครั้งนั้นกษัตริย์เบนฮาดัดแห่งอารัมยกกองทัพมาสมทบกับกษัตริย์ 32 องค์ พร้อมรถม้าศึกและม้าเข้าล้อมและโจมตีสะมาเรีย 2 เบนฮาดัดส่งทูตเข้ามาในเมืองแจ้งกษัตริย์อาหับแห่งอิสราเอลว่า “เบนฮาดัดตรัสว่า 3 ‘เงินและทองของท่านเป็นของเรา มเหสีและโอรสธิดาที่ดีที่สุดของท่านก็เป็นของเราด้วย’ ” 4 กษัตริย์อิสราเอลตอบว่า “ข้าแต่เจ้านาย ตกลงตามที่ท่านว่า ข้าพเจ้าและทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามีเป็นของท่าน” 5 แล้วทูตกลับมาแจ้งอีกว่า “เบนฮาดัดตรัสว่า ‘เราส่งคนมาเรียกร้องเอาเงินและทอง มเหสี โอรส ธิดาของท่าน 6 แต่พรุ่งนี้เวลาเดียวกันนี้ เราจะส่งคนมาตรวจดูราชวังของท่าน และบ้านเรือนของข้าราชการ แล้วจะริบเอาของมีค่าทุกอย่างไปจากท่าน’ ” 7 กษัตริย์อิสราเอลจึงเรียกชุมนุมผู้อาวุโสทั้งหมดและตรัสกับพวกเขาว่า “ดูชายคนนี้สิ เขาพาลหาเรื่องเรา เมื่อเขามาเรียกร้องเอามเหสี โอรสธิดา เงินและทองของเรา เราก็ไม่ขัดขืน” 8 ผู้อาวุโสและประชากรทั้งปวงทูลว่า “ขออย่าทรงฟังหรือยอมตามข้อเรียกร้องของเขาเลย” 9 อาหับจึงตรัสแก่ทูตของเบนฮาดัดว่า “ช่วยไปทูลกษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้าเถิดว่า ‘ผู้รับใช้ยอมทุกอย่างตามที่ทรงเรียกร้องในครั้งแรก แต่ข้อเรียกร้องครั้งหลังนี้ไม่อาจทำตามได้’ ” ทูตจึงกลับไปรายงานเบนฮาดัด 10 แล้วเบนฮาดัดมีพระดำรัสมาถึงอาหับอีกว่า “ขอให้เทพเจ้าทั้งหลายจัดการกับเราอย่างหนัก หากในสะมาเรียยังเหลือฝุ่นพอให้คนของเราคนละกำมือ” 11 กษัตริย์อิสราเอลตอบกลับไปว่า “จงทูลพระองค์ว่า ‘ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะอย่าเพิ่งคุยโว’ ” 12 […]