บทนำ 1 ในดินแดนอูสมีชายคนหนึ่งชื่อโยบ เป็นคนดีเพียบพร้อม เที่ยงธรรม ยำเกรงพระเจ้า และหลีกห่างจากความชั่ว 2 เขามีบุตรชายเจ็ดคนและบุตรสาวสามคน 3 และเขามีแกะถึงเจ็ดพันตัว อูฐสามพันตัว วัวผู้ห้าร้อยคู่ ลาห้าร้อยตัว และมีคนรับใช้มากมาย เขาเป็นคนยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาชาวตะวันออก 4 บุตรชายของโยบจะผลัดกันจัดงานเลี้ยงในบ้านของตน และเชิญพี่น้องชายหญิงมาร่วมในงานด้วย 5 เมื่องานเลี้ยงเสร็จสิ้นลงแต่ละครั้ง โยบจะให้พวกเขามาชำระตัว ตั้งแต่เช้าตรู่โยบจะถวายเครื่องเผาบูชาให้บุตรแต่ละคนโดยระลึกว่า “บางทีลูกของเราอาจทำบาปหรือแช่งด่าพระเจ้าอยู่ในใจ” นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติของโยบเสมอมา การทดสอบโยบครั้งแรก 6 วันหนึ่งบรรดาทูตสวรรค์มาชุมนุมกันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าซาตานก็มาด้วย 7 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามซาตานว่า “เจ้ามาจากที่ไหน?” ซาตานทูลตอบองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ท่องเที่ยวไปมาในโลกพระเจ้าข้า” 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับซาตานว่า “เจ้าสังเกตดูโยบผู้รับใช้ของเราบ้างหรือไม่? ทั่วโลกนี้ไม่มีใครเหมือนเขา เขาเป็นคนดีเพียบพร้อม เที่ยงธรรม ยำเกรงพระเจ้า และหลีกห่างจากความชั่ว” 9 ซาตานทูลตอบว่า “โยบยำเกรงพระเจ้าโดยไม่หวังอะไรเลยหรือ? 10 พระองค์ทรงล้อมรั้วป้องกันเขาและครอบครัวกับทรัพย์สินทุกอย่างของเขาไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงอวยพรกิจการทุกอย่างที่เขาทำ ดังนั้นฝูงสัตว์ทั้งหลายของเขาจึงขยายทั่วแผ่นดิน 11 ลองพระองค์ยื่นพระหัตถ์ออกทำลายทรัพย์สินทุกอย่างของเขาสิ รับรองว่าเขาจะแช่งด่าพระองค์ต่อหน้าเลยทีเดียว” 12 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับซาตานว่า “เอาเถิด ทุกอย่างที่เขามีก็อยู่ในมือของเจ้าแล้ว […]
Category Archives: โยบ
โยบ 2
การทดสอบโยบครั้งที่สอง 1 อีกวันหนึ่งเมื่อบรรดาทูตสวรรค์มาชุมนุมกันต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและซาตานก็มาร่วมชุมนุมต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถามซาตานว่า “เจ้ามาจากที่ไหน?” ซาตานกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ท่องเที่ยวไปมาในโลกพระเจ้าข้า” 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับซาตานว่า “เจ้าสังเกตดูโยบผู้รับใช้ของเราบ้างหรือไม่? ทั่วโลกนี้ไม่มีใครเหมือนเขา เขาเป็นคนดีเพียบพร้อม เที่ยงธรรม ยำเกรงพระเจ้า และหลีกห่างจากความชั่ว เขายังคงซื่อสัตย์ภักดีต่อเราทั้งๆ ที่เจ้าท้าทายให้เรายอมให้เจ้าทำลายเขาโดยไม่มีสาเหตุ” 4 ซาตานกราบทูลว่า “หนังแทนหนัง! คนเรายอมเสียอะไรก็ได้เพื่อแลกชีวิตของตน 5 ลองพระองค์ยื่นพระหัตถ์ออกทำลายเลือดเนื้อร่างกายของเขาสิ รับรองว่าเขาจะแช่งด่าพระองค์ต่อหน้าเลยทีเดียว” 6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เอาเถิด เจ้าจะทำอะไรเขาก็ได้ แต่ต้องไว้ชีวิตเขา” 7 ซาตานจึงทูลลาองค์พระผู้เป็นเจ้าไป แล้วทรมานโยบด้วยฝีร้ายซึ่งลามตั้งแต่ฝ่าเท้าถึงกลางกระหม่อม 8 โยบจึงเอาเศษหม้อแตกขูดเนื้อของเขาขณะนั่งอยู่ในกองขี้เถ้า 9 ภรรยาของโยบกล่าวกับเขาว่า “ท่านยังจะซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเจ้าอยู่อีกหรือ? จงแช่งด่าพระเจ้าแล้วก็ตายเสียเถอะ!” 10 โยบตอบว่า “เธอพูดเหมือนคนโง่เขลาเราจะรับแต่สิ่งดีๆ จากพระเจ้าโดยไม่ยอมรับความทุกข์ร้อนบ้างเลยหรือ?” ในเหตุการณ์ทั้งหมดนี้โยบไม่ได้ทำบาปในสิ่งที่เขาพูดเลย เพื่อนสามคนของโยบ 11 เมื่อเพื่อนสามคนของโยบ คือเอลีฟัสชาวเทมาน บิลดัดชาวชูอาห์ และโศฟาร์ชาวนาอามาห์ ได้ข่าวเรื่องความทุกข์ร้อนทั้งสิ้นที่เกิดกับเขา ก็นัดกันเดินทางจากบ้านมาเพื่อร่วมทุกข์และให้กำลังใจโยบ 12 เมื่อพวกเขาเห็นโยบแต่ไกลก็จำเขาแทบไม่ได้ พวกเขาจึงพากันร้องไห้เสียงดัง […]
โยบ 3
คำกล่าวของโยบ 1 ต่อมาโยบเอ่ยปากสาปแช่งวันที่เขาเกิดมา 2 เขากล่าวว่า 3 “หากเป็นไปได้ ขอให้วันที่ข้าเกิดมาและคืนที่พวกเขาพูดกันว่า ‘เด็กชายคนหนึ่งเกิดมาแล้ว!’ พินาศเถิด 4 ขอให้วันนั้นกลับกลายเป็นความมืด ขอพระเจ้าเบื้องบนอย่าใส่พระทัยกับวันนั้น อย่าให้มีแสงใดๆ ส่องในวันนั้น 5 ขอให้ความมืดและเงาดำครอบคลุมมันไว้ ขอให้เมฆปกคลุมเหนือมัน ขอให้ความมืดบดบังแสงสว่างของวันนั้น 6 ขอให้ความมืดกลืนค่ำคืนที่ข้าได้เกิดมานั้น ขอให้ลบวันนั้นออกจากปฏิทิน อย่านับมันเข้ากับวันหรือเดือนใดๆ อีกเลย 7 ขอให้คืนนั้นเป็นหมัน อย่าให้ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดี 8 ขอให้ผู้มีอาคมสาปแช่งวันทั้งหลาย ผู้พร้อมจะปลุกเรียกเลวีอาธาน ขึ้นมาสาปแช่งวันนั้น 9 ขอให้ดาวรุ่งในเช้านั้นอับแสงไป ขอให้ความหวังที่จะได้เห็นแสงสว่างนั้นสูญเปล่า และไม่มีวันได้เห็นแสงอรุณ 10 จงสาปแช่งวันนั้น เพราะมันไม่ยอมปิดครรภ์มารดาของข้า ปล่อยให้ข้าเกิดมารู้เห็นความทุกข์นี้ 11 “ทำไมหนอข้าจึงไม่ตายตั้งแต่เกิด? ทำไมไม่สิ้นลมตั้งแต่คลอด? 12 ทำไมหนอจึงมีตักที่รองรับข้าไว้ มีอ้อมอกที่เลี้ยงดู? 13 ไม่เช่นนั้นป่านนี้ข้าคงได้นอนอย่างสงบ ข้าคงได้หลับและพักอย่างสบาย 14 กับบรรดากษัตริย์และที่ปรึกษาของโลก ผู้สร้างสถานที่สำหรับตนซึ่งบัดนี้ปรักหักพัง 15 กับบรรดาผู้ครอบครอง ซึ่งมีเงินทองเต็มบ้าน 16 […]
โยบ 4
เอลีฟัส 1 แล้วเอลีฟัสชาวเทมานตอบว่า 2 “ถ้าใครจะพูดอะไรกับท่านสักคำ ท่านพอจะทนฟังได้ไหม? แต่ใครเล่าจะอดใจไว้ไม่พูดออกมา? 3 คิดดูสิว่าท่านเคยแนะนำคนมากมาย เคยช่วยให้คนที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงมีกำลังขึ้นมาแล้วอย่างไร 4 คำพูดของท่านเคยค้ำจุนผู้ที่สะดุดล้ม ท่านทำให้คนที่ล้มพับลงเข้มแข็งขึ้นมาได้ 5 แต่เดี๋ยวนี้เมื่อความทุกข์ร้อนมาถึงท่าน ท่านก็ท้อแท้ เมื่อความทุกข์ร้อนกระหน่ำใส่ ท่านก็หมดกำลังใจ 6 ไม่ควรหรือที่คุณธรรมของท่านจะให้ความมั่นใจแก่ท่าน และความประพฤติดีพร้อมของท่านจะให้ความหวังแก่ท่าน? 7 “บัดนี้จงใคร่ครวญดูเถิด มีหรือที่คนบริสุทธิ์ต้องพินาศ? มีหรือที่คนชอบธรรมต้องถูกทำลาย? 8 ข้าสังเกตว่าคนที่ไถความชั่วและหว่านความเดือดร้อน ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น 9 พวกเขาพินาศโดยลมหายใจของพระเจ้า ย่อยยับโดยพระพิโรธของพระองค์ 10 สิงโตอาจจะส่งเสียงขู่คำราม แต่เขี้ยวเล็บของราชสีห์ก็ยังถูกหัก 11 สิงโตย่อยยับเพราะหาเหยื่อไม่ได้ ลูกสิงห์ต้องกระจัดกระจายไป 12 “มีถ้อยคำมาถึงข้าอย่างลี้ลับ เป็นเสียงกระซิบที่หูของข้าได้ยิน 13 ในฝันร้ายซึ่งเข้ามายามค่ำคืน ขณะที่ผู้คนหลับสนิท 14 ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงจู่โจมข้า ทำให้กระดูกทุกซี่ของข้าสั่นสะท้าน 15 วิญญาณดวงหนึ่งวูบผ่านหน้าข้าไป ข้าขนลุกซู่ 16 วิญญาณดวงนั้นหยุด แต่ข้าบอกไม่ได้ว่ามันเป็นอะไร มีร่างหนึ่งอยู่ตรงหน้าข้า และข้าได้ยินเสียงเบาๆ เสียงหนึ่งกล่าวว่า […]
โยบ 5
1 “ร่ำร้องไปเถิด แต่ใครเล่าจะตอบท่าน? ท่านจะหันหน้าไปหาเทพเจ้าองค์ไหน? 2 คนโง่ตายเพราะโทสะจริต ความอิจฉาริษยาเข่นฆ่าคนเขลา 3 ข้าเองเคยเห็นคนโง่สร้างตัวเป็นหลักเป็นฐาน แต่ทันใดนั้นบ้านของเขาก็ถูกสาปแช่ง 4 ลูกหลานของเขาอยู่อย่างไร้ความปลอดภัย และถูกคาดคั้นในศาลโดยไม่มีใครปกป้อง 5 พืชผลของเขาถูกคนหิวโหยผลาญหมด แม้แต่ที่ขึ้นในพงหนามก็หมดสิ้น ทรัพย์สินของเขาถูกคนกระหายฉกฉวยไป 6 เพราะความทุกข์ไม่ได้ผุดขึ้นมาจากดิน ความเดือดร้อนไม่ได้งอกขึ้นจากพื้น 7 แต่คนเราเกิดมาเพื่อความทุกข์ยาก เหมือนประกายไฟย่อมพุ่งขึ้นฟ้า 8 “หากเป็นข้า ข้าจะวิงวอนต่อพระเจ้า ข้าจะนำเรื่องราวของข้าร้องทูลต่อพระองค์ 9 พระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์ ที่เกินการหยั่งรู้และเหลือคณานับ 10 พระองค์ทรงให้ฝนตกลงมาบนโลก ทรงส่งน้ำเข้ามาในท้องทุ่ง 11 ทรงเชิดชูผู้ที่ต่ำต้อย และทรงยกชูผู้คร่ำครวญขึ้นสู่สวัสดิภาพ 12 พระองค์ทรงขัดขวางแผนการของคนเจ้าเล่ห์ เพื่อการงานของเขาจะไม่สำเร็จ 13 พระองค์ทรงจับคนฉลาดด้วยเล่ห์เหลี่ยมของเขาเอง และทรงล้มแผนการของคนชั่ว 14 ความมืดมนมาเหนือเขาในยามกลางวัน กลางวันแสกๆ เขาคลำสะเปะสะปะเหมือนอยู่ในยามกลางคืน 15 พระเจ้าทรงช่วยผู้ยากไร้จากวาจาเชือดเฉือนของพวกเขา ทรงกู้เขาจากอุ้งมือของผู้มีอิทธิพล 16 ดังนั้นคนยากจนยังมีความหวัง และความอยุติธรรมก็เป็นฝ่ายปิดปากเงียบ 17 “ความสุขมีแก่ผู้ที่พระเจ้าทรงตักเตือน ฉะนั้นอย่าดูหมิ่นการตีสั่งสอนขององค์ทรงฤทธิ์ […]
โยบ 6
โยบ 1 แล้วโยบตอบว่า 2 “อยากให้ชั่งดูความทุกข์ร้อนของข้า และเอาความลำเค็ญทั้งหมดของข้าขึ้นตราชู! 3 แน่นอนว่ามันจะหนักยิ่งกว่าเม็ดทรายในทะเล ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้าได้พูดอย่างวู่วาม 4 ลูกศรขององค์ทรงฤทธิ์ฝังอยู่ในข้า ยาพิษที่อาบไว้ซึมซาบวิญญาณของข้า ความหวาดหวั่นที่พระเจ้าส่งมาประดังเข้าใส่ข้า 5 มีหรือที่ลาป่าจะร้องเมื่อมีหญ้า? มีหรือที่วัวจะส่งเสียงเมื่อมีอาหารกิน? 6 จะกินอาหารที่จืดชืดโดยไม่เหยาะเกลือได้หรือ? ไข่ขาวดิบๆ จะมีรสชาติอะไร? 7 ข้าไม่ยอมแตะต้องอาหารแบบนั้นหรอก เพราะทำให้ข้าเอือม 8 “โอ ขอให้ข้าได้ตามที่ทูลขอเถิด ขอพระเจ้าโปรดประทานตามที่ข้าหวังไว้ 9 คือขอให้พระเจ้าทรงขยี้ข้า ขอทรงคลายพระหัตถ์ที่กำข้าไว้ แล้วปล่อยให้ข้าถูกตัดขาดไป! 10 อย่างน้อยข้าก็ยังมีข้อปลอบใจ และยินดีขณะเจ็บปวดแสนสาหัส ว่าข้าไม่ได้ปฏิเสธพระวจนะขององค์บริสุทธิ์ 11 “ข้าเอากำลังจากไหนหนอจึงยังมีความหวังอยู่? ข้ามีความคาดหมายอะไรหนอถึงทนอยู่ได้? 12 กำลังของข้าแข็งแกร่งดั่งหินผาหรือ? เนื้อของข้าเป็นทองสัมฤทธิ์หรือ? 13 ข้ายังมีกำลังจะช่วยเหลือตัวเองได้หรือ ในเมื่อความสำเร็จมลายไปจากข้าแล้ว? 14 “ถึงแม้ว่าคนสิ้นหวังจะหมดความยำเกรงองค์ทรงฤทธิ์ แต่เขายังสมควรจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากเพื่อนฝูง 15 แต่ข้าพึ่งพวกท่านที่เป็นเสมือนพี่น้องของข้าไม่ได้เลย เหมือนสายน้ำที่ไหลๆ หยุดๆ เหมือนลำธารที่ไหลล้น 16 ซึ่งขุ่นดำและเอ่อล้น เพราะน้ำแข็งและหิมะละลาย […]
โยบ 7
1 “มนุษย์ไม่ต้องดิ้นรนตรากตรำในโลกเหมือนทหารที่ถูกเกณฑ์หรอกหรือ? ชีวิตของเขาไม่เหมือนชีวิตลูกจ้างหรอกหรือ? 2 เหมือนทาสที่ใฝ่หายามเย็นหลังเลิกงาน เหมือนลูกจ้างตั้งตารอเวลารับค่าจ้าง 3 ข้าก็เช่นกัน ได้รับส่วนปีเดือนอันไร้ผล ได้รับคืนวันอันทุกข์ลำเค็ญ 4 เมื่อข้านอนลงข้าก็คิดว่า ‘อีกนานไหมกว่าจะได้ตื่น?’ ค่ำคืนช่างยืดยาวจริงๆ ข้านอนกระสับกระส่ายจนรุ่งสาง 5 ร่างของข้าเต็มไปด้วยหนอนและแผลตกสะเก็ด ผิวหนังของข้าปริแตกและกลัดหนอง 6 “ชีวิตของข้าผ่านไปเร็วกว่ากระสวยของช่างทอ แล่นไปสู่จุดจบอย่างสิ้นหวัง 7 ข้าแต่พระเจ้า โปรดระลึกว่าชีวิตของข้าพระองค์นั้นเพียงอึดใจเดียว ตาของข้าพระองค์จะไม่เห็นความสุขอีก 8 ตาของผู้ที่เห็นข้าพระองค์ตอนนี้ ต่อไปก็จะไม่เห็นอีกแล้ว พระองค์จะทอดพระเนตรหาข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์ไม่อยู่เสียแล้ว 9 เหมือนเมฆสลายตัวและลับหายไป คนที่ลงไปยังหลุมฝังศพก็ไม่หวนคืนมาอีก 10 เขาจะไม่มีวันได้กลับบ้านอีกเลย เขาจะไม่เป็นที่รู้จักในแถบนั้นอีก 11 “ฉะนั้นข้าพระองค์จะไม่นิ่งอยู่ ข้าพระองค์จะพูดออกมาด้วยความทุกข์ระทมใจ ข้าพระองค์จะพร่ำบ่นด้วยความขมขื่นในดวงวิญญาณ 12 ข้าพระองค์เป็นทะเลหรือสัตว์ร้ายแห่งห้วงลึกกระนั้นหรือ พระองค์จึงทรงวางยามเฝ้าข้าพระองค์ไว้? 13 เมื่อข้าพระองค์คิดว่าการนอนหลับจะช่วยปลอบใจ และฟูกนุ่มๆ จะทำให้ข้าพระองค์คลายทุกข์ที่พร่ำบ่นถึงอยู่ 14 ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังเขย่าขวัญข้าพระองค์ด้วยความฝัน ทำให้ข้าพระองค์หวาดหวั่นด้วยนิมิตต่างๆ 15 ดังนั้นให้ข้าพระองค์อึดอัดใจและตายไป ยังดีกว่าอยู่ในร่างกายอย่างนี้ต่อไป 16 ข้าพระองค์เบื่อหน่ายชีวิต […]
โยบ 8
บิลดัด 1 บิลดัดชาวชูอาห์โต้ตอบโยบว่า 2 “ท่านจะพูดเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด ถ้อยคำของท่านเป็นดั่งพายุบุแคม 3 พระเจ้าทรงบิดเบือนความยุติธรรมหรือ? องค์ทรงฤทธิ์บิดเบือนความถูกต้องหรือ? 4 หากบุตรหลานของท่านทำบาปต่อพระองค์ พระองค์ก็ทรงลงโทษพวกเขา 5 แต่ถ้าท่านหมายพึ่งพระเจ้า ทูลวิงวอนองค์ทรงฤทธิ์ 6 หากท่านบริสุทธิ์และชอบธรรม พระองค์จะทรงลุกขึ้นเพื่อท่าน แล้วนำท่านคืนสู่ฐานะอันสมควรแก่ท่าน 7 ถึงแม้ว่าท่านจะเริ่มต้นด้วยสิ่งเล็กน้อย อนาคตของท่านก็ยังจะเจริญรุ่งเรือง 8 “จงถามคนรุ่นก่อนดู แล้วท่านจะค้นพบสิ่งที่บรรพบุรุษได้เรียนรู้ 9 เพราะเราเพิ่งเกิดมาเมื่อวานนี้เท่านั้น และไม่รู้อะไร และวันเวลาของเราในโลกนี้ก็เป็นเพียงเงา 10 บรรพบุรุษจะไม่บอกกล่าวเล่าสอนหรือ? จะไม่พูดให้ท่านฟังจากความเข้าใจของพวกเขาหรอกหรือ? 11 ต้นกกจะขึ้นงามในที่ซึ่งไม่มีห้วยหนองคลองบึงหรือ? ต้นอ้อจะอยู่ได้โดยปราศจากน้ำหรือ? 12 และทั้งๆ ที่พวกมันยังงอกงาม ไม่มีใครมาตัด มันก็ยังเหี่ยวเฉาไปเร็วกว่าต้นหญ้าฉันใด 13 บั้นปลายของผู้ที่หลงลืมพระเจ้าก็เป็นไปฉันนั้น ความหวังของผู้ที่ไม่มีพระเจ้าก็พินาศไป 14 สิ่งที่เขาพึ่งพาก็เปราะบาง สิ่งที่เขาพึ่งพิงเป็นแค่ใยแมงมุม 15 เขาหวังพักพิง แต่มันก็ขาดไป เขายึดกุมไว้ แต่มันก็ไม่คงอยู่ 16 เขาเหมือนต้นไม้ที่ได้รับน้ำชุ่มชื่นกลางแดด แผ่แขนงไปในสวน 17 […]
โยบ 9
โยบ 1 โยบจึงตอบว่า 2 “จริงอยู่ ข้ารู้แล้วว่าเป็นอย่างนั้น แต่มนุษย์จะชอบธรรมสำหรับพระเจ้าได้อย่างไร? 3 แม้คนใดปรารถนาจะโต้แย้งกับพระเจ้า เขาก็ไม่สามารถตอบพระองค์ได้แม้แต่ครั้งเดียวจากพันครั้ง 4 เพราะสติปัญญาของพระเจ้าลึกซึ้ง และฤทธิ์อำนาจของพระองค์มหาศาล ใครเล่าจะต่อต้านพระเจ้าและรอดมาโดยไม่มีอันตราย? 5 พระองค์ทรงเคลื่อนภูเขาโดยที่มันไม่ทันรู้ตัว และพลิกคว่ำมันด้วยพระพิโรธ 6 พระองค์ทรงเขย่าโลกให้ออกจากที่ ทำให้เสาหลักของมันสั่นคลอน 7 พระองค์ตรัสสั่ง ดวงอาทิตย์ก็ไม่ส่องแสง พระองค์ทรงผนึกดวงดาวไม่ให้ฉายแสง 8 พระองค์แต่ผู้เดียวที่ทรงคลี่ฟ้าสวรรค์ออก และทรงย่ำเหนือคลื่นทะเล 9 พระองค์ทรงสร้างดาวจระเข้และดาวไถ ดาวลูกไก่และหมู่ดาวแห่งทิศใต้ 10 พระองค์ทรงกระทำการอัศจรรย์ ที่เกินการหยั่งรู้และเหลือคณานับ 11 เมื่อพระองค์เสด็จผ่านข้า ข้าไม่สามารถเห็นพระองค์ เมื่อเสด็จผ่านไป ข้าไม่สามารถประจักษ์ 12 เมื่อพระองค์ทรงฉวยไป ใครจะยับยั้งพระองค์ได้? ใครจะอาจหาญทูลถามพระองค์ว่า ‘ทรงทำอะไรนั่น?’ 13 พระเจ้าไม่ได้ทรงยับยั้งพระพิโรธ แม้แต่กองกำลังของราหับก็กลัวลานอยู่แทบพระบาทพระองค์ 14 “แล้วข้าจะบังอาจโต้แย้งกับพระเจ้าหรือ? ข้าจะสรรหาคำอะไรมาโต้เถียงกับพระองค์หรือ? 15 แม้ข้าไม่ผิด ข้าก็ไม่อาจโต้ตอบพระองค์ ได้แต่วอนขอความเมตตาจากองค์ตุลาการ 16 ถึงแม้ว่าข้าทูลร้องเรียกและพระองค์ทรงขานตอบ […]
โยบ 10
1 “ข้าเกลียดชีวิตของข้าเสียจริง ฉะนั้นข้าจะพร่ำบ่นตามอำเภอใจ จะระบายความขมขื่นในวิญญาณของข้า 2 ข้าจะทูลพระเจ้าว่าขออย่าทรงตัดสินว่าข้าพระองค์ผิดเท่านั้น โปรดบอกด้วยว่าพระองค์ทรงตั้งข้อหาอะไรต่อข้าพระองค์ 3 ทรงพอพระทัยหรือที่จะบีบคั้นข้าพระองค์ และไม่ไยดีผู้ที่เป็นหัตถกิจของพระองค์ ในขณะที่ทรงยิ้มให้แผนการของคนชั่วร้าย? 4 พระองค์ทรงมีพระเนตรอย่างตาของคนหรือ? พระองค์ทรงเห็นอย่างมนุษย์หรือ? 5 วันของพระองค์เหมือนวันของมนุษย์หรือ? ปีของพระองค์เหมือนปีของมนุษย์หรือ? 6 พระองค์จึงต้องค้นหาความผิดของข้าพระองค์ และขุดคุ้ยบาปของข้าพระองค์ 7 ทั้งๆ ที่ทราบว่าข้าพระองค์ไม่ได้ทำผิด และไม่มีใครสามารถช่วยข้าพระองค์จากเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ได้ 8 “พระหัตถ์ของพระองค์ทรงสร้างและทรงปั้นข้าพระองค์มา บัดนี้กลับจะทรงทำลายข้าพระองค์หรือ? 9 ขอทรงระลึกว่าพระองค์ทรงปั้นข้าพระองค์ขึ้นมาจากดิน บัดนี้จะทรงเปลี่ยนข้าพระองค์กลับไปเป็นธุลีดินอีกหรือ? 10 พระองค์ไม่ได้ทรงเทข้าพระองค์ลงเหมือนเทน้ำนม และกวนข้าพระองค์เหมือนเนยแข็งหรือ? 11 ทรงห่อหุ้มข้าพระองค์ด้วยเนื้อกับหนัง และทรงถักร้อยข้าพระองค์เข้าด้วยกันโดยกระดูกกับเส้นเอ็นไม่ใช่หรือ? 12 พระองค์ประทานชีวิตให้ และทรงสำแดงความกรุณาแก่ข้าพระองค์ และในการจัดเตรียมของพระองค์ ทรงเฝ้าพิทักษ์รักษาจิตวิญญาณของข้าพระองค์ 13 “แต่นี่คือสิ่งที่พระองค์ซ่อนไว้ในพระทัย และข้าพระองค์รู้ว่าพระองค์ทรงดำริเช่นนี้ 14 คือหากข้าพระองค์ทำบาป พระองค์ทรงเฝ้าดูอยู่ และไม่ปล่อยให้ข้าพระองค์ลอยนวลไปได้ 15 หากข้าพระองค์ทำผิด วิบัติก็เกิดกับข้าพระองค์! ถึงแม้ข้าพระองค์ไม่ผิด ข้าพระองค์ก็ยังไม่อาจโงหัวขึ้นมาได้ เพราะข้าพระองค์รู้สึกอัปยศอดสูยิ่งนัก และจมอยู่ในห้วงความทุกข์ทรมานของข้าพระองค์ […]