พิชิตดินแดนทางเหนือ 1 เมื่อกษัตริย์ยาบินแห่งฮาโซร์ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็ส่งข่าวไปยังกษัตริย์โยบับแห่งมาโดน กษัตริย์แห่งชิมโรน กษัตริย์แห่งอัคชาฟ 2 และกษัตริย์ทั้งหลายในแถบภูเขาทางเหนือในอาราบาห์ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของคินเนเรท ในเชิงเขาทางตะวันตก และในนาโฟทโดร์ทางตะวันตก 3 ชาวคานาอันทั้งด้านตะวันออกและตะวันตก ชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุสในแดนเทือกเขา ชาวฮีไวต์ที่เชิงเขาเฮอร์โมนในดินแดนมิสปาห์ 4 พวกเขายกทัพมาพร้อมกับไพร่พลทั้งหมด พร้อมทั้งม้าและรถม้าศึกจำนวนมหาศาลเหมือนทรายที่ชายทะเล 5 กษัตริย์ทั้งหมดนี้รวมกำลังกัน และมาตั้งค่ายอยู่ที่ลำห้วยเมโรม เพื่อจะสู้รบกับอิสราเอล 6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า “อย่ากลัวพวกเขาเลย เพราะวันพรุ่งนี้เวลาเดียวกัน เราจะมอบพวกเขาให้อิสราเอลประหาร จงตัดเอ็นน่องม้าและเผารถม้าศึกของพวกเขา” 7 ดังนั้นโยชูวากับกองทัพทั้งหมดจึงยกทัพมาถึงลำห้วยเมโรมและรุกเข้าโจมตีทันที 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบพวกเขาไว้ในมืออิสราเอลซึ่งรุกไล่พวกเขาไปไกลถึงไซดอนใหญ่และมิสเรโฟทมาอิม ไปทางตะวันออกสู่หุบเขามิสปาห์ จนกระทั่งไม่มีศัตรูเหลือรอดสักคนเดียว 9 โยชูวาก็ทำตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาตัดเอ็นน่องม้าและเผารถม้าศึก 10 ครั้งนั้นโยชูวาได้วกกลับมายึดเมืองฮาโซร์และฆ่ากษัตริย์ของเมืองนั้นด้วยดาบ (ฮาโซร์เคยเป็นเมืองเอกของอาณาจักรเหล่านั้น) 11 ทุกคนในเมืองนั้นถูกฆ่าตายด้วยดาบ อิสราเอลทำลายพวกเขาหมดสิ้น ไม่มีสักชีวิตเหลือรอดอยู่ แล้วเขาก็เผาเมืองฮาโซร์ 12 แล้วโยชูวาเข้าโจมตีและทำลายล้างนครต่างๆ กษัตริย์ทั้งหลายกับชาวเมืองทั้งปวงถูกทำลายหมดสิ้น ตามที่โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งไว้ 13 อย่างไรก็ตามอิสราเอลไม่ได้เผาเมืองใดวอดวายเป็นเถ้าถ่าน ยกเว้นเมืองฮาโซร์ซึ่งโยชูวาได้เผาทำลาย 14 ชาวอิสราเอลริบข้าวของและฝูงสัตว์ในเมืองปรักหักพังเหล่านั้นไว้เป็นของตน […]
Category Archives: โยชูวา
โยชูวา 12
กษัตริย์ทั้งหลายซึ่งถูกอิสราเอลพิชิต 1 กษัตริย์ของเมืองทั้งหลายทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งถูกอิสราเอลทำลายและเข้าครอบครอง ตั้งแต่โกรกธารอารโนนจดภูเขาเฮอร์โมน รวมแถบตะวันออกทั้งหมดของอาราบาห์ ได้แก่ 2 กษัตริย์สิโหนแห่งอาโมไรต์ผู้ครอบครองในเฮชโบน ดินแดนของเขาจากอาโรเออร์ซึ่งอยู่ริมโกรกธารอารโนน คือจากตอนกลางของโกรกธารนี้ไปจดแม่น้ำยับบอก ซึ่งเป็นพรมแดนของชาวอัมโมน ครอบคลุมอาณาเขตครึ่งหนึ่งของกิเลอาด 3 และอาราบาห์ตะวันออกจากทะเลคินเนเรทถึงทะเลอาราบาห์ (ทะเลเกลือ) ถึงเบธเยชิโมทและด้านใต้ไปถึงลาดเขาปิสกาห์ 4 และดินแดนของกษัตริย์โอกแห่งบาชานซึ่งเป็นหนึ่งในเรฟาอิมกลุ่มสุดท้าย ครอบครองอยู่ที่อัชทาโรทและเอเดรอี 5 เขาครอบครองภูเขาเฮอร์โมน สาเลคาห์ บาชานทั้งหมด จนถึงชายแดนของชาวเกชูร์และมาอาคาห์ และอีกครึ่งหนึ่งของกิเลอาดจนถึงพรมแดนของกษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบน 6 โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าและชนอิสราเอลพิชิตพวกเขา และโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้ามอบดินแดนนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า 7 ต่อไปนี้คือรายชื่อกษัตริย์ทั้งหลายซึ่งโยชูวากับชนอิสราเอลพิชิตทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน จากบาอัลกาดในหุบเขาเลบานอนจดภูเขาฮาลัก เรื่อยไปจนถึงเสอีร์ (โยชูวายกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลเผ่าต่างๆ ตามแต่ละเผ่า คือ 8 แถบเทือกเขา แถบเชิงเขาตะวันตก อาราบาห์ ลาดเขา ถิ่นกันดารและเนเกบ เป็นดินแดนของชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส) ได้แก่ 9 กษัตริย์แห่งเยรีโค หนึ่ง กษัตริย์แห่งอัย […]
โยชูวา 13
ดินแดนที่ยังต้องเข้ายึดครอง 1 เมื่อโยชูวาแก่ลง ผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาว่า “เจ้าแก่มากแล้ว และยังมีดินแดนอีกมากที่จะต้องพิชิต 2 “ดินแดนซึ่งยังจะต้องเข้ายึดครองได้แก่ ดินแดนทั้งหมดของชาวฟีลิสเตียและเกชูร์ 3 ดินแดนซึ่งนับเป็นของชาวคานาอัน จากแม่น้ำชิโหร์ทางตะวันออกของอียิปต์ถึงพรมแดนของเอโครนทางเหนือ (นครทั้งห้าของฟีลิสเตียได้แก่ กาซา อัชโดด อัชเคโลน กัท และเอโครน นี่คือดินแดนของชาวอัฟวิม) 4 จากทางใต้ ดินแดนทั้งหมดของชาวคานาอัน จากอาราห์ของชาวไซดอนจนถึงอาเฟค ตรงพรมแดนของชาวอาโมไรต์ 5 ดินแดนของชาวเกบาลเลบานอนทั้งหมดไปทางตะวันออก จากบาอัลกาดเชิงภูเขาเฮอร์โมนถึงเลโบฮามัท 6 “สำหรับคนที่อาศัยในเขตภูเขาจากเลบานอนถึงมิสเรโฟทมาอิมคือชาวไซดอนทั้งปวง เราเองจะขับไล่พวกเขาออกไปต่อหน้าอิสราเอล จงแบ่งดินแดนเหล่านี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอิสราเอลตามที่เราได้บัญชาเจ้าไว้ 7 และแบ่งดินแดนเหล่านี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเก้าเผ่ากับเผ่ามนัสเสห์อีกครึ่งเผ่า” การแบ่งดินแดนทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 8 สำหรับเผ่ารูเบน กาด และเผ่ามนัสเสห์อีกครึ่งเผ่าได้รับกรรมสิทธิ์ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ยกให้ก่อนแล้ว 9 กรรมสิทธิ์นั้นเริ่มจากดินแดนอาโรเออร์ริมโกรกธารอารโนน จากเมืองซึ่งอยู่ตอนกลางของโกรกธารนี้รวมถึงที่ราบสูงเมเดบาทั้งหมดจนถึงดีโบน 10 และเมืองทั้งหมดของสิโหนกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ซึ่งครองเฮชโบนไปจนจดพรมแดนของชาวอัมโมน 11 และครอบคลุมกิเลอาดอาณาเขตของชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ บริเวณภูเขาเฮอร์โมนทั้งหมด บาชานทั้งหมดจนจดสาเลคาห์ 12 กล่าวคืออาณาเขตทั้งสิ้นของกษัตริย์โอกแห่งบาชาน ซึ่งครองอัชทาโรทและเอเดรอี เขาผู้นี้เป็นหนึ่งในเรฟาอิมกลุ่มสุดท้าย โมเสสพิชิตพวกเขาและเข้ายึดครองดินแดน 13 แต่ชนอิสราเอลไม่ได้ขับไล่ชาวเกชูร์และชาวมาอาคาห์ออกไป […]
โยชูวา 14
การแบ่งดินแดนทางตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน 1 ทั้งหมดนี้คือดินแดนในคานาอันที่ชนอิสราเอลได้รับกรรมสิทธิ์ ซึ่งปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูน และหัวหน้าตระกูลของเผ่าต่างๆ ของอิสราเอลเป็นผู้แบ่งสรรให้ 2 พวกเขาทอดสลากแบ่งสรรกรรมสิทธิ์ในหมู่เก้าเผ่าครึ่ง ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้ผ่านทางโมเสส 3 โมเสสได้มอบดินแดนทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนให้แก่สองเผ่าครึ่งเป็นกรรมสิทธิ์แล้ว แต่เผ่าเลวีไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ใดๆ ท่ามกลางเผ่าที่เหลือ 4 เพราะลูกหลานของโยเซฟได้กลายเป็นสองเผ่า คือเผ่ามนัสเสห์และเผ่าเอฟราอิม ชนเลวีไม่ได้รับดินแดนใดๆ เว้นแต่เมืองสำหรับอาศัยและทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์ของพวกเขา 5 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงแบ่งดินแดนกันตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้ ให้เมืองเฮโบรนแก่คาเลบ 6 ครั้งนั้นคนเผ่ายูดาห์เข้าพบโยชูวาที่กิลกาล และคาเลบบุตรเยฟุนเนห์คนเคนัสกล่าวว่า “ท่านทราบแล้วที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสคนของพระเจ้าที่คาเดชบารเนียเกี่ยวกับท่านและข้าพเจ้า 7 ข้าพเจ้าอายุสี่สิบปีเมื่อโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าส่งข้าพเจ้าจากคาเดชบารเนียไปสำรวจดินแดน และข้าพเจ้ากลับมารายงานตามความคิดเห็นของข้าพเจ้า 8 พี่น้องที่ไปกับเราทำให้ประชากรเสียขวัญ แต่ส่วนข้าพเจ้าติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าอย่างสุดใจ 9 โมเสสจึงปฏิญาณกับข้าพเจ้าในวันนั้นว่า ‘ดินแดนส่วนที่เจ้าเหยียบย่างเข้าไปนั้นจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้ากับลูกหลานของเจ้าตลอดไป เพราะเจ้าได้ติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอย่างสุดใจ’ 10 บัดนี้เป็นไปตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้ พระองค์ทรงโปรดให้ข้าพเจ้าอยู่รอดมา 45 ปีนับแต่พระองค์ตรัสกับโมเสสเมื่อครั้งที่อิสราเอลรอนแรมอยู่ในถิ่นกันดาร เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าก็อายุ 85 ปีแล้ว! 11 ข้าพเจ้ายังคงแข็งแรงเหมือนเมื่อครั้งโมเสสใช้ให้เราเดินทางไป ข้าพเจ้ายังแข็งขันในการสู้รบเท่าๆ กับในตอนนั้น 12 ฉะนั้นขอให้ท่านยกดินแดนเทือกเขาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับข้าพเจ้าในวันนั้น ท่านเองก็ได้ยินแล้วว่ามนุษย์ยักษ์อานาคอาศัยอยู่ที่นั่น เมืองของเขาใหญ่โต มีปราการแน่นหนา แต่หากองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วย ข้าพเจ้าจะขับไล่พวกเขาออกไปตามที่พระองค์ตรัส” […]
โยชูวา 15
ดินแดนของเผ่ายูดาห์ 1 ดินแดนที่เป็นส่วนของเผ่ายูดาห์ตามแต่ละตระกูล ด้านใต้จดพรมแดนเมืองเอโดม ถึงถิ่นกันดารศินทางใต้สุด 2 พรมแดนด้านใต้ของพวกเขาเริ่มจากอ่าวที่ปลายทะเลเกลือด้านใต้ 3 ผ่านทางใต้ของช่องแคบแมงป่อง มายังถิ่นกันดารศินไปที่ทางใต้ของคาเดชบารเนีย แล้วผ่านเฮสโรนไปยังอัดดาร์ อ้อมมาที่คารคา 4 ผ่านมายังอัสโมนไปจดลำน้ำแห่งอียิปต์และมาสิ้นสุดที่ทะเล นี่คือพรมแดนด้านใต้ของพวกเขา 5 พรมแดนด้านตะวันออกคือ ทะเลเกลือไปไกลถึงปากแม่น้ำจอร์แดน พรมแดนด้านเหนือเริ่มจากอ่าวของทะเลที่ปากแม่น้ำจอร์แดน 6 ขึ้นไปถึงเบธโฮกลาห์ไปทางเหนือของเบธอาราบาห์ถึงศิลาแห่งโบฮันบุตรของรูเบน 7 จากที่นั่นผ่านหุบเขาอาโคร์ถึงเดบีร์ แล้วขึ้นเหนือไปยังกิลกาลตรงข้ามไหล่เขาอาดุมมิมทางด้านใต้ของหุบเขา ต่อไปถึงแหล่งน้ำเอนเชเมชและไปสู่เอนโรเกล 8 ผ่านหุบเขาเบนฮินโนม ตามไหล่เขาทิศใต้ของเมืองเยบุส (คือเยรูซาเล็ม) แล้วขึ้นไปยังยอดเขาทางทิศตะวันตกของหุบเขาฮินโนม ไปถึงทางด้านเหนือของหุบเขาแห่งเรฟาอิม 9 จากยอดเขานี้ เส้นแบ่งอาณาเขตมุ่งไปยังน้ำพุเนฟโทอาห์ เมืองต่างๆ บริเวณภูเขาเอโฟรนเรื่อยมาจนถึงบาอาลาห์ (คือคีริยาทเยอาริม) 10 จากนั้นพรมแดนโค้งไปทางทิศตะวันตก จากบาอาลาห์ไปถึงภูเขาเสอีร์ เรื่อยมาตามลาดเขาด้านเหนือของภูเขาเยอาริม (คือเคสะโลน) ลงมาถึงเบธเชเมชและไปยังทิมนาห์ 11 ไปสู่ลาดเขาทางเหนือของเอโครน เลี้ยวไปยังชิกเคโรน เรื่อยมาสู่ภูเขาบาอาลาห์ ผ่านยับเนเอลและสิ้นสุดที่ทะเล 12 เขตแดนด้านตะวันตกคือชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นี่คือพรมแดนโดยรอบของชนยูดาห์แบ่งตามตระกูลของพวกเขา 13 ตามพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าโยชูวามอบดินแดนส่วนหนึ่งในยูดาห์ให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ คือคีริยาทอารบาหรือเฮโบรน (อารบาเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ยักษ์อานาค) […]
โยชูวา 16
ดินแดนของเผ่าเอฟราอิมและมนัสเสห์ 1 ดินแดนที่เป็นส่วนของเผ่าโยเซฟเริ่มจากจอร์แดนแห่งเยรีโคทางตะวันออกของห้วงน้ำแห่งเยรีโค ผ่านถิ่นกันดารเข้าสู่แถบเทือกเขาแห่งเบธเอล 2 จากเบธเอล (คือลูส)ข้ามไปสู่เขตแดนของชาวอารคีในอาทาโรท 3 ลงมาทางตะวันตกถึงเขตแดนของชาวยาเฟลที มายังเบธโฮโรนล่าง ไปเกเซอร์แล้วสุดที่ทะเล 4 เผ่ามนัสเสห์และเอฟราอิมวงศ์วานของโยเซฟได้รับกรรมสิทธิ์ตามนั้น 5 ดินแดนของเอฟราอิมแบ่งตามแต่ละตระกูล ได้แก่ พรมแดนด้านตะวันออกของพวกเขาเริ่มจากอาทาโรทอัดดาร์ ไปยังเบธโฮโรนตอนบน 6 และต่อเนื่องไปถึงทะเล จากมิคเมธัททางเหนือ เลี้ยวไปทางตะวันออกสู่ทาอานาทชิโลห์ มายังยาโนอาห์ทางด้านตะวันออก 7 จากยาโนอาห์มาทางใต้สู่อาทาโรทและนาอาราห์ จดเมืองเยรีโค สิ้นสุดลงที่แม่น้ำจอร์แดน 8 จากทัปปูวาห์มาทางทิศตะวันตกสู่ลำห้วยคานาห์ มาสิ้นสุดที่ทะเล นี่คือกรรมสิทธิ์ของเผ่าเอฟราอิมตามแต่ละตระกูล 9 และยังรวมเมืองต่างๆ กับหมู่บ้านในเขตของเผ่ามนัสเสห์ที่แยกไว้ให้ชาวเอฟราอิมอีกด้วย 10 พวกเขาไม่ได้ขับไล่ชาวคานาอันซึ่งอาศัยอยู่ในเกเซอร์ออกไป ชาวคานาอันจึงยังคงอาศัยอยู่ในหมู่คนเอฟราอิม แต่ถูกเกณฑ์เป็นทาสแรงงานจนถึงทุกวันนี้ —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/16-9071d300d20ea51ff80a236d4b603bfc.mp3?version_id=179—
โยชูวา 17
1 ดินแดนที่เป็นส่วนของเผ่ามนัสเสห์ บุตรหัวปีของโยเซฟมีดังนี้ สำหรับมาคีร์ บุตรชายหัวปีของมนัสเสห์ ผู้เป็นบรรพบุรุษของกิเลอาดได้รับดินแดนกิเลอาดและบาชานไปแล้ว เพราะว่าพวกมาคีร์เป็นนักรบแกล้วกล้า 2 ดังนั้นดินแดนส่วนที่แบ่งนี้จึงยกให้แก่ตระกูลอื่นๆ ของมนัสเสห์ได้แก่ ตระกูลเอบีเอเซอร์ เฮเลค อัสรีเอล เชเคม เฮเฟอร์ และเชมิดา คนเหล่านี้เป็นลูกหลานผู้ชายของมนัสเสห์บุตรโยเซฟตามตระกูลของพวกเขา 3 ฝ่ายเศโลเฟหัดผู้เป็นบุตรของเฮเฟอร์ ผู้เป็นบุตรของกิเลอาด ผู้เป็นบุตรของมาคีร์ ผู้เป็นบุตรของมนัสเสห์ ไม่มีบุตรชาย แต่มีบุตรสาวห้าคนคือ มาห์ลาห์ โนอาห์ โฮกลาห์ มิลคาห์ และทีรซาห์ 4 หญิงเหล่านี้มาพบปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูน และบรรดาผู้นำ แล้วเรียนว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสสั่งโมเสสให้ยกกรรมสิทธิ์แก่พวกข้าพเจ้าเหมือนญาติพี่น้องผู้ชาย” โยชูวาจึงยกกรรมสิทธิ์ให้พวกนางร่วมกับพี่น้องของบิดาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา 5 ส่วนของมนัสเสห์ประกอบด้วยที่ดินสิบส่วน นอกเหนือจากกิเลอาดและบาชานทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 6 เนื่องด้วยบรรดาบุตรสาวของเผ่ามนัสเสห์ได้รับกรรมสิทธิ์ในหมู่บุตรชาย ดินแดนกิเลอาดเป็นของวงศ์วานอื่นๆ ของมนัสเสห์ 7 อาณาเขตของมนัสเสห์จากอาเชอร์ลงมาทางใต้สู่มิคเมธัททางตะวันออกของเชเคม ทางใต้จากมิคเมธัทครอบคลุมถิ่นเอนทัปปูวาห์ 8 (ดินแดนทัปปูวาห์เป็นของมนัสเสห์ แต่เมืองทัปปูวาห์ซึ่งอยู่ในเขตพรมแดนของมนัสเสห์เป็นของเผ่าเอฟราอิม) 9 จากนั้นพรมแดนต่อไปทางใต้สู่ลำห้วยคานาห์ มีเมืองต่างๆ ของเอฟราอิมอยู่ท่ามกลางเมืองต่างๆ ของมนัสเสห์ แต่เขตแดนของมนัสเสห์อยู่ทางด้านเหนือของลำห้วยและสิ้นสุดที่ทะเล […]
โยชูวา 18
การแบ่งดินแดนส่วนที่เหลือ 1 ประชากรอิสราเอลทั้งหมดมาชุมนุมกันที่ชิโลห์ และตั้งเต็นท์นัดพบขึ้น พวกเขาได้เข้าครอบครองดินแดนนั้น 2 แต่ชนอิสราเอลอีกเจ็ดเผ่ายังไม่ได้รับกรรมสิทธิ์ของตน 3 โยชูวาจึงกล่าวแก่ชนอิสราเอลว่า “ท่านจะรออีกนานเท่าใดจึงจะเข้าไปยึดครองดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษประทานแก่ท่าน? 4 จงคัดเลือกคนมาเผ่าละสามคน ข้าพเจ้าจะส่งพวกเขาไปสำรวจและบันทึกลักษณะของดินแดนตามกรรมสิทธิ์นั้น แล้วกลับมารายงานข้าพเจ้า 5 ท่านจงแบ่งดินแดนเป็นเจ็ดส่วน ยูดาห์ยังคงอยู่ในเขตของตนทางใต้ และเผ่าโยเซฟอยู่ในเขตของตนทางเหนือ 6 หลังจากท่านจดรายละเอียดส่วนต่างๆ ทั้งเจ็ดส่วนแล้ว จงนำมาให้ข้าพเจ้าที่นี่ ข้าพเจ้าจะทอดสลากแบ่งสรรให้พวกท่านต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา 7 อย่างไรก็ตามชนเลวีจะไม่ได้รับส่วนแบ่งท่ามกลางพวกท่าน เพราะกรรมสิทธิ์ของพวกเขาคือหน้าที่ปุโรหิตรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับเผ่ากาด รูเบน และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้รับดินแดนฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนแล้ว ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้ายกให้พวกเขา” 8 เมื่อคนเหล่านั้นออกเดินทางเพื่อจะไปสำรวจดินแดน โยชูวาสั่งพวกเขาว่า “จงไปสำรวจและบันทึกลักษณะของดินแดนนั้น แล้วกลับมาหาข้าพเจ้า เพื่อข้าพเจ้าจะได้ทอดสลากแบ่งสรรดินแดนให้แก่พวกท่านต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชิโลห์” 9 พวกเขาจึงออกไปสำรวจทั่วดินแดน จดรายละเอียดแต่ละเมืองในเจ็ดเขตลงบนหนังสือม้วน และกลับมารายงานโยชูวาในค่ายพักที่ชิโลห์ 10 โยชูวาก็ทอดสลากแบ่งสรรต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ชิโลห์ และมอบดินแดนให้แก่ชนอิสราเอลแต่ละเผ่า ดินแดนของเผ่าเบนยามิน 11 สลากแรกได้แก่เผ่าเบนยามินตามแต่ละตระกูล เขตแดนของเบนยามินอยู่ระหว่างยูดาห์กับโยเซฟ 12 อาณาเขตทิศเหนือเริ่มจากแม่น้ำจอร์แดน ผ่านลาดเขาทางเหนือของเยรีโค แล้วเลี้ยวไปทางทิศตะวันตกผ่านดินแดนเทือกเขาและถิ่นกันดารเบธอาเวน 13 จากนั้นมายังลาดเขาของลูส (คือเบธเอล) และลงมาถึงอาทาโรทอัดดาร์บนภูเขาทางใต้ของเบธโฮโรนล่าง 14 […]
โยชูวา 19
ดินแดนของเผ่าสิเมโอน 1 สลากที่สองได้แก่เผ่าสิเมโอนตามแต่ละตระกูล กรรมสิทธิ์ของพวกเขาอยู่ในเขตแดนของยูดาห์ 2 รวมเมืองต่างๆ ได้แก่ เบเออร์เชบา (หรือเชบา)โมลาดาห์ 3 ฮาซารชูอาล บาลาห์ เอเซม 4 เอลโทลัด เบธูล โฮรมาห์ 5 ศิกลาก เบธมารคาโบท ฮาซารซูซาห์ 6 เบธเลบาโอท และชารุเฮน รวม 13 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ 7 อายิน ริมโมน เอเธอร์ และอาชาน รวม 4 เมืองกับหมู่บ้านต่างๆ 8 และหมู่บ้านต่างๆ รอบเมืองเหล่านี้ไปจนถึงบาอาลัทเบเออร์ (รามาห์ในเนเกบ) นี่คือกรรมสิทธิ์ของเผ่าสิเมโอนตามแต่ละตระกูล 9 กรรมสิทธิ์ของเผ่าสิเมโอนมาจากส่วนที่แต่ก่อนยกให้ยูดาห์ ทั้งนี้เพราะส่วนที่ยูดาห์ได้รับมากเกินกว่าที่พวกเขาต้องการ สิเมโอนจึงได้รับกรรมสิทธิ์ในเขตของยูดาห์ ดินแดนของเผ่าเศบูลุน 10 สลากที่สามได้แก่เผ่าเศบูลุนตามแต่ละตระกูล อาณาเขตของเขาไปไกลถึงสาริด 11 มาทางตะวันตกถึงมาราลาห์จดกับดับเบเชท และขยายไปถึงลำห้วยใกล้โยกเนอัม 12 ไปทางตะวันออกจากสาริด ไปทางดวงอาทิตย์ขึ้นสู่เขตแดนคิสโลททาโบร์ ต่อมาถึงดาเบรัทและขึ้นไปยาเฟีย […]
โยชูวา 20
เมืองลี้ภัย 1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า 2 “จงสั่งประชากรอิสราเอลให้กำหนดเมืองลี้ภัยตามที่เราได้สั่งโมเสสไว้ 3 ผู้ใดกระทำให้คนตายโดยไม่เจตนาและเป็นอุบัติเหตุสามารถหนีมายังเมืองเหล่านี้ และได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากผู้แก้แค้น 4 “เมื่อผู้ถูกกล่าวหาหนีมายังเมืองลี้ภัยแห่งใดแห่งหนึ่ง เขาต้องยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูเมืองและชี้แจงคดีต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโสของเมืองนั้น ผู้อาวุโสจะต้องยินยอมให้ผู้นั้นเข้ามาและให้ที่พักอาศัยแก่เขา 5 หากผู้แก้แค้นไล่ตามมา อย่ามอบตัวผู้ถูกกล่าวหาให้แก่ผู้แก้แค้น เพราะเขาฆ่าเพื่อนบ้านโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้คิดมุ่งร้ายไว้ก่อน 6 เขาจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองนั้นจนกระทั่งได้รับการไต่สวนต่อหน้าชุมนุมประชากร และจวบจนมหาปุโรหิตซึ่งดำรงตำแหน่งในช่วงเกิดเหตุนั้นสิ้นชีวิต เขาจึงจะกลับภูมิลำเนาเดิมที่เขาหนีมาได้” 7 เมืองที่เขาตั้งเป็นเมืองลี้ภัยคือเคเดชแห่งกาลิลีในแถบเทือกเขาแห่งนัฟทาลี เชเคมในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม และคีริยาทอารบา (คือเฮโบรน) ในแถบเทือกเขาแห่งยูดาห์ 8 ทางฟากตะวันออกของจอร์แดนแห่งเยรีโคพวกเขากำหนดเมืองเบเซอร์ในถิ่นกันดารบนที่ราบสูงในเขตเผ่ารูเบน เมืองราโมทในกิเลอาดในเขตเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชานในเขตเผ่ามนัสเสห์ 9 เมืองลี้ภัยเหล่านี้สำหรับทั้งชาวอิสราเอลและคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อผู้ใดก็ตามที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนา สามารถไปหลบอยู่ที่เมืองเหล่านี้โดยไม่ถูกฆ่าล้างแค้นก่อนที่จะได้รับการไต่สวนคดีต่อหน้าชุมนุมประชากร —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/20-631404e74fb468de165f40b320c1d7ce.mp3?version_id=179—