สนซีดาร์แห่งเลบานอน 1 ในวันที่หนึ่งเดือนที่สามปีที่สิบเอ็ด พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์และกองกำลังต่างๆ ของเขาว่า “ ‘ใครจะยิ่งใหญ่เทียบกับเจ้าได้? 3 จงพิจารณาอัสซีเรีย ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนซีดาร์ในเลบานอน กิ่งก้านงดงามแผ่ร่มเงาในป่า มันสูงเสียดฟ้า และชูยอดสง่าเหนือพุ่มหนา 4 สายน้ำหล่อเลี้ยงมัน น้ำบาดาลทำให้มันสูงตระหง่าน ทางน้ำไหลรอบ ที่ซึ่งมันโตขึ้น และส่งน้ำไปหล่อเลี้ยง บรรดาต้นไม้ในท้องทุ่ง 5 มันจึงสูงตระหง่าน เหนือต้นไม้ทุกต้นในท้องทุ่ง มันแตกแขนงมากมาย กิ่งก้านก็ทอดยาว แผ่ขยายเพราะน้ำท่าอุดม 6 มวลนกในอากาศ มาทำรังบนกิ่งไม้ บรรดาสัตว์ในทุ่ง มาคลอดลูกใต้กิ่งก้านของมัน มวลประชาชาติใหญ่ มาอาศัยในร่มเงาของมัน 7 มันงามโอ่อ่า เพราะกิ่งก้านที่แตกแขนงออกไป เพราะรากของมันหยั่งลึก ลงในน้ำอันอุดมสมบูรณ์ 8 สนซีดาร์ทั้งหลายในอุทยานของพระเจ้า ไม่อาจแข่งกับมัน ทั้งต้นสนทั้งหลายและบรรดาต้นเปลน ก็ไม่อาจเทียบกับกิ่งก้านสาขาของมันได้ ไม่มีต้นไม้ใดๆ ในอุทยานของพระเจ้า ทัดเทียมความงามของมันได้เลย 9 เราทำให้มันงดงาม มีกิ่งก้านหนาแน่น เป็นที่อิจฉาริษยาของต้นไม้ทุกต้น ในเอเดนอุทยานของพระเจ้า 10 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า […]
Category Archives: เอเสเคียล
เอเสเคียล 32
บทคร่ำครวญแด่ฟาโรห์ 1 ในวันที่หนึ่งเดือนที่สิบสองปีที่สิบสอง พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเปล่งบทคร่ำครวญเกี่ยวกับฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ และกล่าวแก่เขาว่า “ ‘เจ้าเป็นเหมือนสิงโตในหมู่ประชาชาติ เหมือนสัตว์ร้ายในทะเล เจ้าฟาดหางไปมาอยู่ในห้วงน้ำ เอาเท้ากวนน้ำให้กระเพื่อม และทำให้ลำธารต่างๆ ขุ่น 3 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า “ ‘เราจะกางตาข่ายของเราคลุมเจ้า โดยกลุ่มชนหมู่ใหญ่ พวกเขาจะลากเจ้าขึ้นมาด้วยอวนของเรา 4 เราจะเหวี่ยงเจ้าลงบนดิน จับเจ้าฟาดลงบนทุ่งโล่ง เราจะให้มวลนกในอากาศมาอาศัยอยู่บนเจ้า และสัตว์โลกทั้งปวงจะเขมือบเจ้าจนอิ่ม 5 เราจะโปรยเนื้อของเจ้ากระจายบนภูเขาต่างๆ และถมหุบเขาทั้งหลายด้วยซากของเจ้า 6 เราจะทำให้เลือดของเจ้าไหลนองเต็มแผ่นดิน ตลอดทางสู่ภูเขาต่างๆ และให้เนื้อของเจ้าอยู่เต็มลำห้วยทั้งหลาย 7 เมื่อเราทำให้เจ้าแตกดับ เราจะปกคลุมฟ้าสวรรค์ และให้ดวงดาวทั้งหลายมืดมน เราจะคลุมดวงอาทิตย์ด้วยเมฆ และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง 8 แสงสว่างสุกใสทั้งปวงในฟ้าสวรรค์นั้น เราจะทำให้มืดมิดเหนือเจ้า เราจะนำความมืดมนมาเหนือดินแดนของเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 9 เราจะทำให้จิตใจของชนชาติทั้งหลายทุกข์ร้อน เมื่อเรานำหายนะมาสู่เจ้าท่ามกลางชนชาติต่างๆ ท่ามกลางดินแดนทั้งหลายซึ่งเจ้าไม่รู้จัก 10 เราจะทำให้บรรดาชนชาติตกตะลึงเพราะเจ้า และบรรดากษัตริย์ของพวกเขาจะสั่นสะท้านด้วยความสยดสยองเนื่องจากเจ้า เมื่อเรากวัดแกว่งดาบของเราต่อหน้าพวกเขา ในวันที่เจ้าล่มจม เขาแต่ละคนจะสั่นสะท้านทุกขณะจิต เพราะห่วงชีวิตของตน 11 “ ‘เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า […]
เอเสเคียล 33
เอเสเคียลเป็นยามรักษาการณ์ 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่พี่น้องร่วมชาติของเจ้าว่า ‘เมื่อเรานำดาบมาสู้กับดินแดนหนึ่ง และชาวดินแดนนั้นได้เลือกชายคนหนึ่งขึ้นมาเป็นยามรักษาการณ์ 3 เมื่อเขาเห็นข้าศึกมาก็เป่าแตรเพื่อเตือนประชาชน 4 หากผู้หนึ่งผู้ใดได้ยินเสียงแตร แต่ไม่ใส่ใจฟังคำเตือนและข้าศึกปลิดชีวิตเขา ที่เขาตายก็เป็นความผิดของเขาเอง 5 เนื่องจากเขาได้ยินเสียงแตร แต่ไม่ใส่ใจฟังคำเตือน ที่เขาตายเป็นความผิดของเขาเอง หากเขาเชื่อคำเตือนก็คงจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ได้ 6 แต่หากยามรักษาการณ์เห็นศัตรูมา แล้วไม่ได้เป่าแตรเตือนประชาชน และศัตรูมาปลิดชีวิตคนหนึ่งคนใดไป คนนั้นจะถูกคร่าชีวิตไปเพราะบาปของตน แต่เราจะให้ยามนั้นรับผิดชอบความตายของคนนั้น’ 7 “เช่นนี้แหละบุตรมนุษย์เอ๋ย เราตั้งเจ้าให้เป็นยามรักษาการณ์สำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล ฉะนั้นจงฟังถ้อยคำของเราและแจ้งคำเตือนของเราแก่พวกเขา 8 เมื่อเรากล่าวแก่คนชั่วร้ายว่า ‘คนชั่วเอ๋ย เจ้าจะตายแน่’ แล้วเจ้าไม่ได้พูดตักเตือนเขาให้หันจากวิถีความประพฤติ คนชั่วนั้นจะตายเนื่องจากบาปของตน และเราจะให้เจ้ารับผิดชอบความตายของคนนั้น 9 แต่หากเจ้าเตือนคนชั่วนั้นให้หันจากวิถีทางของตน แล้วเขาไม่ยอมทำตาม เขาจะตายเพราะบาปของตน ส่วนเจ้าจะรักษาชีวิตของตนไว้ได้ 10 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พวกเจ้ากล่าวว่า “การล่วงละเมิดและบาปของเราก็หนักอึ้งทับถมเรา เรากำลังย่อยยับไปเพราะบาปนั้น เราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?” ’ 11 จงบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศว่าเรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราไม่อยากให้คนชั่วต้องตายฉันนั้น แต่อยากให้เขาหันกลับจากทางชั่วและมีชีวิตอยู่ จงหันเสียจากทางชั่วเถิด! […]
เอเสเคียล 34
คนเลี้ยงแกะและแกะ 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์ประณามบรรดาคนเลี้ยงแกะของอิสราเอล จงพยากรณ์และกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า วิบัติแก่คนเลี้ยงแกะของอิสราเอล ผู้เลี้ยงดูแต่ตนเอง! ไม่ควรหรือที่คนเลี้ยงแกะจะเลี้ยงดูฝูงแกะ? 3 เจ้ากินนมข้น เอาขนแกะห่มกาย และฆ่าสัตว์ตัวที่อ้วนพี แต่เจ้าไม่ดูแลฝูงแกะ 4 เจ้าไม่ได้ทำให้ตัวที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น เจ้าไม่รักษาตัวที่ป่วย เจ้าไม่ได้เอาผ้าพันแผลตัวที่บาดเจ็บ เจ้าไม่ได้ตามตัวที่หลงหายหรือเตลิดไปกลับคืนมา เจ้าปกครองแกะอย่างโหดร้ายทารุณ 5 แกะทั้งหลายจึงกระจัดกระจายไปเพราะไม่มีคนเลี้ยง และเมื่อพลัดฝูงไป ก็ตกเป็นอาหารของบรรดาสัตว์ป่า 6 แกะของเราระเหเร่ร่อนไปตามภูเขาต่างๆ และเนินเขาสูงทุกลูก กระจัดกระจายไปทั่วโลกโดยไม่มีใครเสาะหาหรือเหลียวแล 7 “ ‘ฉะนั้นเจ้าคนเลี้ยงแกะทั้งหลาย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 8 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เนื่องจากฝูงแกะของเราขาดคนเลี้ยง จึงถูกปล้นและตกเป็นอาหารของบรรดาสัตว์ป่าทั้งหลาย และเนื่องจากคนเลี้ยงแกะของเราไม่ตามหาฝูงแกะ เอาแต่เลี้ยงดูตนเองแทนที่จะเลี้ยงแกะ 9 ฉะนั้นบรรดาคนเลี้ยงแกะ จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 10 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเราเป็นศัตรูกับบรรดาคนเลี้ยงแกะ เราจะให้พวกเขารับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับฝูงแกะของเรา เราจะปลดพวกเขาจากการดูแลฝูงแกะ พวกเขาจะไม่ได้เลี้ยงตัวเองอีกต่อไป เราจะช่วยฝูงแกะของเราจากปากของพวกเขา เพื่อไม่ให้แกะเป็นอาหารของพวกเขาอีกต่อไป 11 “ ‘เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราเองจะตามหาแกะของเราและเลี้ยงดูพวกมัน 12 เราจะดูแลแกะของเราเหมือนคนเลี้ยงแกะดูแลฝูงแกะที่ได้กระจัดกระจายไป […]
เอเสเคียล 35
คำพยากรณ์กล่าวโทษเอโดม 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าไปยังภูเขาเสอีร์และพยากรณ์กล่าวโทษมัน 3 จงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ภูเขาเสอีร์เอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า เราจะยื่นมือออกต่อสู้กับเจ้าและทำให้เจ้าเป็นแดนรกร้างว่างเปล่า 4 เราจะทำให้เมืองต่างๆ ของเจ้ากลายเป็นซากปรักหักพังและเจ้าจะเริศร้างว่างเปล่า เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 5 “ ‘เนื่องจากเจ้าอาฆาตคุมแค้นมาตั้งแต่โบราณ และมอบชนชาติอิสราเอลให้เป็นเหยื่อคมดาบในคราวหายนะของเขา ในคราวที่โทษทัณฑ์ของเขาถึงขีดสุด 6 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ว่า ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะมอบเจ้าให้แก่การนองเลือดซึ่งจะตามล่าเจ้าฉันนั้น เพราะเจ้าไม่ได้เกลียดชังการนองเลือด ดังนั้นการนองเลือดจะตามล่าเจ้า 7 เราจะทำให้ภูเขาเสอีร์เป็นที่เริศร้างว่างเปล่าและตัดขาดมันจากผู้ที่สัญจรไปมา 8 เราจะทำให้ภูเขาต่างๆ ของเจ้าเต็มไปด้วยเหยื่อสังหาร คนที่ถูกฆ่าด้วยดาบจะล้มลงบนเนินเขาทั้งหลาย ในหุบเขาต่างๆ และลำห้วยทุกแห่งของเจ้า 9 เราจะทำให้เจ้าเริศร้างเป็นนิตย์ เมืองต่างๆ ของเจ้าจะไม่มีคนอยู่อาศัย เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 10 “ ‘เนื่องจากเจ้ากล่าวว่า “ชนชาติและประเทศทั้งสองนี้จะเป็นของเรา เราจะถือสิทธิ์ครอบครอง” ทั้งๆ ที่เราผู้เป็นพระยาห์เวห์อยู่ที่นั่น 11 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ว่า ฉะนั้นเรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะปฏิบัติต่อเจ้าตามความโกรธและความอิจฉาซึ่งเจ้าแสดงออกโดยความเกลียดชังต่อพวกเขาฉันนั้น และเราจะแสดงตัวให้เป็นที่รู้จักท่ามกลางพวกเขาเมื่อเราพิพากษาเจ้า 12 แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้ยินคำพูดดูหมิ่นทุกคำที่เจ้าว่าภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล เจ้ากล่าวว่า “มันถูกทิ้งร้างและมอบให้เราเขมือบกิน” […]
เอเสเคียล 36
คำพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล 1 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงพยากรณ์แก่ภูเขาทั้งหลายของอิสราเอลว่า ‘บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 2 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ศัตรูกล่าวถึงเจ้าว่า “อะฮ้า! ที่สูงโบราณทั้งหลายตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเราแล้ว” ’ 3 ฉะนั้นจงพยากรณ์ว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เนื่องจากพวกเขาทำลายล้างและตามล่าเจ้าจากทุกด้านจนเจ้าตกเป็นกรรมสิทธิ์ของประชาชาติทั้งหลาย และเป็นเป้าของการนินทาว่าร้ายของผู้คน 4 ฉะนั้นบรรดาภูเขาของอิสราเอล จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลาย แก่ซากปรักหักพังและบรรดาหัวเมืองอันเริศร้างซึ่งถูกปล้นชิงและเย้ยหยันโดยชาติต่างๆ ที่อยู่รายรอบ 5 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรากล่าวประณามชนชาติทั้งหลายและเอโดมทั้งปวงด้วยความเดือดดาลของเรา เพราะพวกเขายึดดินแดนของเราเป็นกรรมสิทธิ์ด้วยความลิงโลดและใจชั่วร้าย และเพราะพวกเขาได้ปล้นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์นั้น’ 6 ฉะนั้นจงพยากรณ์เกี่ยวกับดินแดนอิสราเอลและกล่าวแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาทั้งหลายว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราพูดด้วยอารมณ์เดือดดาลเนื่องจากพวกเจ้าต้องทนการดูหมิ่นดูแคลนจากชนชาติต่างๆ 7 ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราชูมือขึ้นปฏิญาณว่าบรรดาชนชาติล้อมรอบเจ้าก็จะทนรับการดูหมิ่นดูแคลนเช่นเดียวกัน 8 “ ‘ส่วนเจ้า บรรดาภูเขาของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าจะแตกกิ่งก้านและออกผลเพื่ออิสราเอลประชากรของเรา เพราะไม่ช้าพวกเขาจะคืนถิ่น 9 เราห่วงหาอาทรเจ้าและจะเฝ้าดูเจ้าด้วยความโปรดปราน เจ้าจะได้รับการไถพรวนและหว่านพืช 10 เราจะทวีจำนวนประชากรของเจ้าคือพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด เมืองต่างๆ จะมีคนอยู่อาศัยและซากปรักหักพังจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ 11 เราจะทวีจำนวนคนและสัตว์เหนือเจ้า พวกเขาจะมีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมืองและกลับมีจำนวนมากมาย เราจะให้ผู้คนมาตั้งรกรากอยู่เหมือนในอดีต และจะทำให้เจ้ารุ่งเรืองยิ่งกว่าแต่ก่อน […]
เอเสเคียล 37
นิมิตหุบเขากระดูกแห้ง 1 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้า และทรงนำข้าพเจ้าออกมาโดยพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางข้าพเจ้าไว้ที่กลางหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยกระดูก 2 พระองค์ทรงพาข้าพเจ้าท่องไปในหมู่กระดูก และข้าพเจ้าเห็นกระดูกเกลื่อนกลาดทั่วพื้นหุบเขา เป็นกระดูกที่แห้งมาก 3 พระองค์ตรัสถามข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย กระดูกเหล่านี้จะกลับมีชีวิตได้ไหม?” ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระองค์แต่ผู้เดียวที่ทรงทราบ” 4 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเผยพระวจนะแก่กระดูกเหล่านี้ว่า ‘กระดูกแห้งเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า! 5 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่กระดูกเหล่านี้ว่า เราจะให้ลมปราณเข้าสู่เจ้า แล้วเจ้าจะกลับมีชีวิต 6 เราจะร้อยเอ็นของเจ้าและให้เจ้ามีเลือดเนื้อ แล้วเอาผิวหนังคลุมเจ้า เราจะใส่ลมปราณให้เจ้าและเจ้าจะมีชีวิต แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ ” 7 ข้าพเจ้าจึงเผยพระวจนะตามที่พระองค์ตรัสสั่ง ขณะที่ข้าพเจ้าเผยพระวจนะอยู่ มีเสียงดังกรุกกริก และกระดูกต่างๆ มาประสานต่อเข้าด้วยกัน 8 ข้าพเจ้ามองดูก็เห็นเอ็นและเลือดเนื้อก่อตัวขึ้นเหนือกระดูกและผิวหนังคลุมทั้งหมดไว้ แต่ร่างเหล่านั้นยังปราศจากลมปราณ 9 แล้วพระองค์ตรัสแก่ข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะแก่ลมปราณ จงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ลมปราณเอ๋ย จงมาจากลมทั้งสี่ทิศ และเข้าสู่ร่างที่ถูกสังหารเหล่านี้เพื่อพวกเขาจะมีชีวิต’ ” 10 ข้าพเจ้าจึงเผยพระวจนะตามที่พระองค์ตรัสสั่ง แล้วลมปราณก็เข้าสู่ร่างเหล่านั้น พวกเขาจึงมีชีวิต ลุกขึ้นยืน และกลายเป็นกองทัพใหญ่ 11 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า […]
เอเสเคียล 38
คำพยากรณ์กล่าวโทษโกก 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าประณามโกกแห่งดินแดนมาโกก เจ้านายคนสำคัญแห่งเมเชคและทูบัล จงพยากรณ์กล่าวโทษเขา 3 และกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า โกกเจ้านายคนสำคัญแห่งเมเชคและทูบัลเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า 4 เราจะทำให้เจ้าหันกลับ จะเอาเบ็ดเกี่ยวขากรรไกรของเจ้า และลากเจ้าออกไปพร้อมกองทัพทั้งปวงของเจ้าคือม้าและพลม้าซึ่งมีอาวุธครบมือ ทั้งกองกำลังมหึมาที่ถือโล่น้อยใหญ่และทุกคนที่กวัดแกว่งดาบ 5 เปอร์เซีย คูชและพูตจะไปด้วย ทุกคนล้วนถือโล่และสวมหมวกเกราะ 6 พร้อมทั้งโกเมอร์กับทหารทั้งปวง และทั้งเบธโทการมาห์จากภาคเหนืออันไกลโพ้นกับทหารทั้งปวง มีหลายประชาชาติที่ร่วมกับเจ้า 7 “ ‘เจ้ากับกองกำลังทั้งปวงที่ชุมนุมกันรอบเจ้า จงเตรียมพร้อมและรับคำสั่งเกี่ยวกับพวกเขา 8 หลายวันผ่านไปเจ้าจะถูกเรียกมารบ อีกหลายปีข้างหน้าเจ้าจะบุกดินแดนซึ่งว่างเว้นจากสงคราม ซึ่งประชากรดินแดนนั้นถูกรวบรวมมาจากหลายชาติสู่ภูเขาต่างๆ ของอิสราเอลซึ่งถูกทิ้งร้างมานาน พวกเขาถูกพามาจากชาติต่างๆ บัดนี้เขาทั้งหมดอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย 9 เจ้ากับกองทหารทั้งปวงและชนหลายชาติที่ร่วมกับเจ้าจะยกพลขึ้นไปรุกกระหน่ำอย่างพายุ เจ้าจะเป็นเหมือนเมฆปกคลุมดินแดนนั้น 10 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันนั้นความคิดจะแวบเข้ามาในใจของเจ้าและเจ้าจะคิดก่อการร้าย 11 เจ้าจะกล่าวว่า “เราจะบุกดินแดนซึ่งหมู่บ้านต่างๆ ไม่มีปราการ เราจะโจมตีชนชาติซึ่งรักสงบและไม่ระแวงภัย เขาทั้งปวงอาศัยอยู่โดยปราศจากกำแพง ประตู และดาลประตู 12 เราจะปล้นและริบข้าวของ และรบกับที่ปรักหักพังซึ่งบัดนี้มีคนอยู่อาศัย และสู้กับประชากรที่รวบรวมมาจากชาติต่างๆ ซึ่งร่ำรวยด้วยฝูงสัตว์และผลผลิตต่างๆ […]
เอเสเคียล 39
1 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะกล่าวโทษโกกว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า โกกผู้เป็นเจ้านายคนสำคัญแห่งเมเชคและทูบัลเอ๋ย เราเป็นศัตรูกับเจ้า 2 เราจะทำให้เจ้าหันกลับและลากเจ้าไป เราจะนำเจ้ามาจากเหนือสุดและส่งเจ้ามารบกับภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล 3 แล้วเราจะฟาดให้คันธนูหลุดจากมือซ้ายของเจ้า และทำให้ลูกธนูร่วงจากมือขวาของเจ้า 4 เจ้าและทหารทั้งหมดกับชนชาติต่างๆ ที่ร่วมกับเจ้าจะล้มลงบนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอล เราจะยกเจ้าให้เป็นอาหารของแร้งกาและสัตว์ป่าทั้งปวง 5 เจ้าจะล้มลงในทุ่งกว้างเพราะเราได้ลั่นวาจาไว้แล้ว พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนี้ 6 เราจะส่งไฟลงมาบนมาโกกและบนบรรดาคนที่อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยตามดินแดนชายฝั่งทะเล และพวกเขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 7 “ ‘เราจะทำให้นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราเป็นที่รู้จักในท่ามกลางอิสราเอลประชากรของเรา เราจะไม่ปล่อยให้นามอันศักดิ์สิทธิ์ของเราถูกลบหลู่อีกต่อไป และประชาชาติทั้งหลายจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์คือองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล 8 วันนั้นกำลังจะมาถึงแล้ว! เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น นี่เป็นวันที่เราได้ลั่นวาจาไว้ 9 “ ‘แล้วบรรดาคนที่อาศัยอยู่ในเมืองต่างๆ ของอิสราเอลจะออกไปเก็บอาวุธมาเผาเป็นเชื้อเพลิง ทั้งโล่น้อยใหญ่ คันธนู ลูกธนู กระบองศึกและหอก เขาจะใช้อาวุธเหล่านี้เป็นเชื้อเพลิงตลอดเจ็ดปี 10 เขาไม่จำเป็นต้องเก็บฟืนจากทุ่งหรือตัดฟืนจากป่า เพราะจะใช้อาวุธทั้งหลายเป็นเชื้อเพลิงและเขาจะปล้นผู้ที่ปล้นเขา และจะแย่งชิงผู้ที่แย่งชิงของของเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 11 “ ‘ในวันนั้นเราจะจัดสุสานให้โกกในอิสราเอล เป็นหุบเขาของคนที่เดินทางไปทางตะวันออกมุ่งหน้าสู่ทะเลนั้นมันจะกีดขวางทางของคนที่สัญจรไปมาเพราะโกกและกองกำลังทั้งหมดของเขาจะถูกฝังไว้ที่นั่น ผู้คนจะเรียกที่นั่นว่าหุบเขาฮาโมนโกก 12 “ ‘พงศ์พันธุ์อิสราเอลจะฝังศพพวกเขาตลอดเจ็ดเดือนเพื่อชำระแผ่นดินให้สะอาด 13 ประชาชนทุกคนจะช่วยกันฝังศพพวกเขาและวันที่เราได้รับเกียรติสิรินั้น จะเป็นวันรำลึกสำหรับพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น […]
เอเสเคียล 40
บริเวณพระวิหารใหม่ 1 ในวันที่สิบต้นปีที่ยี่สิบห้าซึ่งเราตกเป็นเชลยหรือปีที่สิบสี่หลังจากกรุงแตก ในวันนั้นพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือข้าพเจ้าและทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น 2 ในนิมิตของพระเจ้านั้นพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามายังดินแดนอิสราเอล และทรงวางข้าพเจ้าไว้บนภูเขาที่สูงมาก ทางด้านทิศใต้ของภูเขานั้นมีอาคารบ้านเรือนซึ่งดูเหมือนเป็นเมืองหนึ่ง 3 พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไปที่นั่น และข้าพเจ้าพบชายคนหนึ่งมีรูปลักษณ์เปล่งปลั่งคล้ายทองสัมฤทธิ์ยืนอยู่ที่ทางเข้า มือถือเชือกป่านเส้นหนึ่งและไม้วัดอันหนึ่ง 4 ชายผู้นั้นกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองให้เต็มตา จงฟังให้เต็มหู และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะสำแดงให้แก่เจ้า เพราะพระเจ้าพาเจ้ามาที่นี่ก็เพื่อการนี้ จงแจ้งทุกสิ่งที่เจ้าเห็นนั้นแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล” ประตูด้านตะวันออกสู่ลานชั้นนอก 5 ข้าพเจ้าเห็นกำแพงล้อมรอบบริเวณพระวิหาร ไม้วัดในมือเขาผู้นั้นยาว 6 ศอกยาวหนึ่งในหกของไม้วัดนั้นยาว 1 ศอกและ 1 ฝ่ามือเขาวัดกำแพงได้หนาหนึ่งไม้วัดและสูงหนึ่งไม้วัด 6 แล้วเขาไปยังประตูด้านตะวันออกและขึ้นบันไดไป แล้ววัดธรณีประตูลึกหนึ่งไม้วัด 7 สองฟากทางเดินของประตูด้านตะวันออกมีห้องยามฟากละสามห้อง แต่ละห้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวห้องละหนึ่งไม้วัด ผนังกั้นระหว่างห้องยามแต่ละห้องหนา 5 ศอกทางเข้าติดกับมุขซึ่งหันหน้าไปทางพระวิหารลึกหนึ่งไม้วัด 8 แล้วเขาวัดมุขของประตูทางเข้านี้ 9 วัดความลึกได้ 8 ศอกและมีเสาหนา 2 ศอกมุขของประตูทางเข้านี้หันไปทางพระวิหาร 10 ห้องยามทั้งสองฟากซึ่งอยู่ด้านในประตูด้านตะวันออกมีขนาดเดียวกัน และความหนาของผนังกั้นระหว่างห้องก็มีขนาดเท่ากัน 11 แล้วเขาวัดความกว้างของมุขประตูได้ 10 ศอกและความยาว 13 […]