เอเสเคียล 11

การพิพากษาบรรดาผู้นำอิสราเอล 1 แล้วพระวิญญาณทรงยกข้าพเจ้าขึ้น นำมายังประตูทิศตะวันออกของพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้ามีชาย 25 คนอยู่ตรงทางเข้าประตูนั้น และในหมู่พวกเขาข้าพเจ้าเห็นยาอาซันยาห์บุตรอัสซูร์และเปลาทียาห์บุตรเบไนยาห์ ทั้งคู่เป็นผู้นำประชากร 2 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย คนเหล่านี้คือคนที่คิดแผนชั่วและให้คำปรึกษาอันร้ายกาจในกรุงนี้ 3 พวกเขากล่าวว่า ‘ใกล้จะถึงเวลาที่เราจะสร้างบ้านขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ?กรุงนี้เป็นเหมือนหม้อและเราเป็นเหมือนเนื้อที่ปลอดภัยอยู่ในนั้น’ 4 ฉะนั้นจงเผยพระวจนะกล่าวโทษเขาเถิด บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะ” 5 แล้วพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมาเหนือข้าพเจ้า พระองค์ตรัสสั่งให้ข้าพเจ้ากล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าพูดเช่นนั้น แต่เรารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ 6 เจ้าได้ฆ่าคนมากมายในกรุงนี้ มีคนตายเกลื่อนถนนไปหมด 7 “ดังนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ซากศพที่เจ้าทิ้งเกลื่อนคือเนื้อ และกรุงนี้คือหม้อ แต่เราจะขับไล่เจ้าออกไปจากที่นี่ 8 เจ้ากลัวดาบ เราก็จะนำดาบมายังเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศไว้ดังนี้ 9 เราจะขับไล่เจ้าออกจากกรุงนี้และมอบเจ้าให้แก่คนต่างชาติ เราจะลง โทษเจ้า 10 เจ้าจะล้มตายด้วยดาบและเราจะพิพากษาเจ้าที่ชายแดนอิสราเอล เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 11 กรุงนี้จะไม่ใช่หม้อสำหรับเจ้า และเจ้าก็ไม่ใช่เนื้อในหม้อนี้ เราจะพิพากษาเจ้าที่ชายแดนอิสราเอล 12 และเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เพราะเจ้าไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเราและไม่ได้รักษาบทบัญญัติของเรา แต่กลับประพฤติตามแบบอย่างของชนชาติทั้งหลายที่อยู่รายรอบเจ้า” 13 ขณะที่ข้าพเจ้าเผยพระวจนะอยู่ […]

เอเสเคียล 12

สัญลักษณ์ของการตกเป็นเชลย 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางคนชอบกบฏ ซึ่งมีตาแต่มองไม่เห็น มีหูแต่ไม่ได้ยิน เพราะพวกเขาเป็นคนชอบกบฏ 3 “ฉะนั้น บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเก็บข้าวของเตรียมตัวอพยพในเวลากลางวัน ในขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่ จงออกเดินทางจากที่ที่เจ้าอยู่ไปยังอีกที่หนึ่ง เผื่อบางทีพวกเขาจะเข้าใจ แม้พวกเขาจะเป็นพงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏ 4 ในเวลากลางวัน ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่ จงนำข้าวของสัมภาระที่เจ้าเก็บไว้เพื่อการอพยพออกมา และในตอนเย็น ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่ จงออกเดินทางไปเหมือนคนที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย 5 ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่ จงเจาะช่องที่กำแพงบ้านและแบกสัมภาระลอดกำแพงไป 6 จงหอบสัมภาระขึ้นบ่าขณะที่พวกเขากำลังเฝ้าดูอยู่ และแบกไปยามพลบค่ำ จงคลุมหน้าเจ้าไว้เพื่อเจ้าจะมองไม่เห็นแผ่นดิน เพราะเราทำให้เจ้าเป็นหมายสำคัญแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล” 7 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงปฏิบัติตามพระบัญชา ข้าพเจ้านำข้าวของออกมาจัดหีบห่อเตรียมอพยพในตอนกลางวัน ครั้นตกเย็นข้าพเจ้าเจาะกำแพงบ้านด้วยมือ พอพลบค่ำข้าพเจ้าก็หอบสัมภาระใส่บ่าแบกออกไปขณะที่พวกเขาเฝ้าดูอยู่ 8 เช้าวันรุ่งขึ้นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า 9 “บุตรมนุษย์เอ๋ย พงศ์พันธุ์อิสราเอลที่ชอบกบฏถามเจ้าไม่ใช่หรือว่า ‘เจ้ากำลังทำอะไร?’ 10 “จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พระดำรัสนี้พยากรณ์ถึงเจ้านายคนนั้นในเยรูซาเล็มกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งปวงที่นั่น’ 11 จงกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘ข้าพเจ้าเป็นหมายสำคัญสำหรับท่าน’ “สิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างที่ข้าพเจ้าได้ทำให้เห็นนั้น พวกเขาจะต้องอพยพไปในฐานะเชลย 12 “เจ้านายในหมู่พวกเขาจะหอบข้าวของใส่บ่ายามพลบค่ำ และออกเดินทางผ่านช่องซึ่งขุดไว้ในกำแพง […]

เอเสเคียล 13

คำพิพากษาผู้เผยพระวจนะเท็จ 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะกล่าวโทษบรรดาผู้เผยพระวจนะของอิสราเอลซึ่งกำลังพยากรณ์อยู่ตอนนี้ จงกล่าวแก่ผู้ที่พยากรณ์ตามความคิดฝันของตนว่า ‘จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า! 3 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า วิบัติแก่ผู้เผยพระวจนะที่โฉดเขลาซึ่งทำตามอำเภอใจของตนเอง และไม่ได้เห็นนิมิตอะไร! 4 อิสราเอลเอ๋ย ผู้เผยพระวจนะของเจ้าเหมือนหมาในที่อยู่ท่ามกลางกองปรักหักพัง 5 พวกเจ้าไม่ได้ปีนขึ้นไปซ่อมรอยแยกในกำแพงให้แก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลเพื่อมันจะได้มั่นคงแน่นหนาพร้อมสำหรับการรบในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า 6 นิมิตของพวกเขาจอมปลอมและคำทำนายของพวกเขาก็เป็นคำโกหก เขาพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า” ทั้งๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ใช้เขาเลย ถึงกระนั้นเขาก็ยังคาดหวังว่าจะเป็นไปตามถ้อยคำของตน 7 เจ้าไม่ได้เห็นนิมิตจอมปลอมและกล่าวคำทำนายโกหกพกลมหรือ? เมื่อเจ้าพูดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า” ทั้งๆ ที่เราไม่ได้พูด 8 “ ‘ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราจะจัดการกับเจ้าเนื่องด้วยคำโป้ปดและนิมิตจอมปลอมของเจ้า พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 9 มือของเราจะต่อสู้กับบรรดาผู้เผยพระวจนะที่เห็นนิมิตจอมปลอมและกล่าวคำทำนายโกหก พวกเขาจะไม่ได้เข้าร่วมสภาประชาชนของเราหรือขึ้นทะเบียนสำมะโนพงศ์พันธุ์อิสราเอล ทั้งจะไม่ได้เข้าสู่ดินแดนอิสราเอล แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต 10 “ ‘ทั้งนี้เพราะพวกเขาชักจูงประชากรของเราให้หลงเตลิดไปโดยกล่าวว่า “สันติสุข” ทั้งๆ ที่ไม่มีสันติสุข และเพราะพวกเขาฉาบปูนขาวทับกำแพงอันเปราะบางที่ถูกสร้างขึ้น 11 ฉะนั้นจงบอกผู้ฉาบปูนขาวเหล่านั้นว่า กำแพงนั้นกำลังจะทลายลง ฝนจะตกลงมาห่าใหญ่ และเราจะส่งลูกเห็บซัดกระหน่ำ และพายุกล้าพัดโหม 12 เมื่อกำแพงพังครืนลง ประชากรจะไม่ถามเจ้าหรือว่า “ไหนล่ะปูนขาวที่ท่านฉาบทับ?” […]

เอเสเคียล 14

คำพิพากษาบรรดาผู้กราบไหว้รูปเคารพ 1 ผู้อาวุโสของอิสราเอลบางคนเข้ามาหาข้าพเจ้าและมานั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า 2 แล้วพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 3 “บุตรมนุษย์เอ๋ย คนเหล่านี้เทิดทูนรูปเคารพอยู่ในใจ และวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้าตน ควรหรือที่เราจะยอมให้เขามาสอบถามอะไรจากเรา? 4 ดังนั้นจงพูดและจงบอกพวกเขาเถิดว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าเมื่อชาวอิสราเอลคนใดเทิดทูนรูปเคารพต่างๆ ไว้ในใจ และวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้าแล้วยังมาหาผู้เผยพระวจนะ เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะตอบเขาเองเกี่ยวกับการกราบไหว้รูปเคารพต่างๆ มากมายของเขา 5 เราจะทำเช่นนั้นเพื่อยึดจิตใจประชากรอิสราเอลที่ทอดทิ้งเราและหันไปหารูปเคารพนั้นกลับคืนมา’ 6 “ฉะนั้นจงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงกลับใจใหม่! จงหันจากรูปเคารพต่างๆ และเลิกการกระทำทุกอย่างที่น่าเกลียดชัง! 7 “ ‘เมื่อชาวอิสราเอลหรือชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในอิสราเอลคนใดแยกตัวจากเรา และเทิดทูนรูปเคารพไว้ในใจ ทั้งวางสิ่งชั่วร้ายซึ่งทำให้สะดุดไว้ตรงหน้า แล้วไปหาผู้เผยพระวจนะเพื่อสอบถามอะไรจากเรา เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะตอบเขาเอง 8 เราจะตั้งตนเป็นศัตรูกับเขา ทำให้เขาเป็นอุทาหรณ์ เป็นคำเปรียบเปรย เราจะตัดเขาออกจากประชากรของเรา เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 9 “ ‘และหากผู้เผยพระวจนะคนนั้นถูกโน้มน้าวให้กล่าวพยากรณ์ เราผู้เป็นพระยาห์เวห์ได้โน้มน้าวเขาเอง และเราจะเหยียดมือออกต่อสู้และทำลายล้างเขาไปจากหมู่ประชากรอิสราเอลของเรา 10 ทั้งคู่ต้องรับโทษของตน ผู้เผยพระวจนะก็ผิดพอๆ กับคนที่มาปรึกษาเขา 11 แล้วประชากรอิสราเอลจะไม่หลงเตลิดไปจากเราอีก ทั้งจะไม่ปล่อยตัวให้แปดเปื้อนบาปทั้งปวงอีก พวกเขาจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ ” คำพิพากษาที่ไม่มีทางเลี่ยง 12 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 13 “บุตรมนุษย์เอ๋ย […]

เอเสเคียล 15

เยรูซาเล็มเถาองุ่นไร้ค่า 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย ไม้องุ่นมีอะไรดีกว่ากิ่งก้านของต้นไม้ใดๆ ในป่าหรือ? 3 ไม้องุ่นจะนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้เล่า? เอามาทำที่แขวนสิ่งใดได้หรือ? 4 และเมื่อโยนลงไปในไฟเป็นเชื้อเพลิง ไฟเผาปลายทั้งสองข้าง และลุกไหม้ตรงกลางแล้ว มันจะใช้ประโยชน์อะไรได้? 5 เมื่อมันยังดีอยู่ก็ทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เมื่อถูกไฟเผาก็ยิ่งไม่มีประโยชน์ 6 “ฉะนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เราโยนไม้องุ่นซึ่งอยู่ท่ามกลางไม้ป่าต่างๆ เป็นเชื้อไฟฉันใด เราก็จะปฏิบัติต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มฉันนั้น 7 เราจะตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขา แม้พวกเขาจะตะเกียกตะกายหนีออกมาจากไฟ ไฟก็ยังจะเผาผลาญพวกเขา และเมื่อเราตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขา เจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 8 เราจะทำให้ดินแดนนั้นถูกทิ้งร้าง เพราะพวกเขาไม่ซื่อสัตย์ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น” —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/15-d74638d32c096d5c4c5b0903cba0d93f.mp3?version_id=179—

เอเสเคียล 16

คำอุปมาเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ของกรุงเยรูซาเล็ม 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงประจันหน้ากับเยรูซาเล็มเพราะเรื่องการกระทำอันน่าชิงชังของนาง 3 และจงกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่เยรูซาเล็มดังนี้ว่า บรรพบุรุษและชาติกำเนิดของเจ้าอยู่ในดินแดนคานาอัน บิดาของเจ้าเป็นชาวอาโมไรต์และมารดาเป็นชาวฮิตไทต์ 4 วันที่เจ้าเกิดมา ไม่มีใครตัดสายสะดือให้ ไม่มีใครอาบน้ำให้สะอาด ไม่มีใครเอาเกลือถูตัวหรือเอาผ้าอ้อมพันให้ 5 ไม่มีใครเหลียวแลสงสารเจ้า หรือเมตตาพอที่จะทำสิ่งเหล่านี้ให้เจ้า เจ้ากลับถูกทิ้งไว้กลางทุ่ง เพราะวันที่เจ้าเกิดมา เจ้าก็เป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ 6 “ ‘แล้วเราผ่านไปเห็นเจ้าดิ้นไปมาเนื้อตัวโชกเลือด เราก็พูดกับเจ้าซึ่งนอนจมกองเลือดอยู่ว่า “จงมีชีวิตอยู่!” 7 เราจะทำให้เจ้าเจริญเติบโตเหมือนต้นไม้กลางทุ่ง เจ้าเติบใหญ่จนกลายเป็นสาวทรวงอกเต่งตึงขึ้นและผมก็ยาว แต่เจ้าก็ยังล่อนจ้อนและเปลือยอยู่ 8 “ ‘ต่อมาเมื่อเราผ่านไปและมองดูเจ้า ก็เห็นว่าเจ้าโตพอที่จะมีความรักแล้ว เราจึงคลี่มุมชายเสื้อของเราคลุมกายเจ้า และปกปิดความเปลือยเปล่าของเจ้าไว้ เราให้คำปฏิญาณและได้ทำพันธสัญญากับเจ้า และเจ้าก็เป็นกรรมสิทธิ์ของเรา พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 9 “ ‘เราได้อาบน้ำให้เจ้า ชำระล้างเลือดจากตัวเจ้าและเอาน้ำมันชโลมให้เจ้า 10 เราเอาชุดปักและรองเท้าหนังสวมให้เจ้า ให้เจ้าแต่งกายด้วยผ้าลินินเนื้อดี คลุมกายเจ้าด้วยอาภรณ์ราคาแพง 11 เราตกแต่งเจ้าด้วยเพชรนิลจินดา สวมกำไลมือและสร้อยคอให้ 12 ใส่ห่วงจมูก ตุ้มหู และสวมมงกุฎงามให้ 13 เจ้าจึงงดงามด้วยทองคำและเงิน เสื้อผ้าอาภรณ์ของเจ้าทำด้วยผ้าลินินเนื้อดี […]

เอเสเคียล 17

นกอินทรีสองตัวและเถาองุ่น 1 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงยกอุทาหรณ์และกล่าวคำอุปมาแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล 3 จงกล่าวกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า นกอินทรีใหญ่ตัวหนึ่งซึ่งมีปีกทรงพลัง และขนยาวดกหลากสีบินมายังเลบานอน มันเกาะที่ยอดต้นสนซีดาร์ต้นหนึ่ง 4 มันจิกหน่อที่สูงที่สุด และคาบไปยังนครของพ่อค้าวาณิชทั้งหลาย แล้วปลูกหน่อนั้นลงในเมืองของพ่อค้า 5 “ ‘นกอินทรีนั้นคาบเมล็ดพืชจากดินแดนของเจ้าไปปลูกไว้ในดินที่อุดมสมบูรณ์ มันปลูกไว้เหมือนต้นหลิวที่อยู่ริมน้ำอันอุดมสมบูรณ์ 6 ต้นไม้นั้นก็งอกงามและกลายเป็นเถาองุ่นพุ่มเตี้ย มันแผ่กิ่งก้านเลื้อยไปทางนกอินทรี แต่รากของมันยังคงอยู่ข้างใต้ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นเถาองุ่นที่แผ่กิ่งก้านและใบดกหนา 7 “ ‘แต่มีนกอินทรีใหญ่อีกตัวหนึ่งบินมา มันมีปีกทรงพลังและมีขนดก เถาองุ่นก็ชอนรากจากจุดที่ขึ้นอยู่และแผ่ก้านมาหามันเพื่อให้มันรดน้ำให้ 8 ทั้งๆ ที่ตัวเองก็งอกอยู่ในดินดีมีน้ำอุดมสมบูรณ์ พร้อมที่จะแผ่กิ่งก้านสาขา ออกผล และกลายเป็นเถาองุ่นชั้นเยี่ยมอยู่แล้ว’ 9 “จงบอกพวกเขาเถิดว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เถาองุ่นนั้นจะเจริญงอกงามได้หรือ? มันจะไม่ถูกถอนรากปลิดผลจนเหี่ยวแห้งไปหรือ? ใบอ่อนของมันจะเหี่ยวแห้งหมด ไม่ต้องใช้แขนที่แข็งแรงมากหรือคนหมู่ใหญ่ในการถอนรากเถาองุ่นนั้นขึ้นมา 10 แม้มันถูกย้ายไปปลูก มันจะเจริญงอกงามได้หรือ? มันจะไม่เหี่ยวแห้งไปหมดสิ้นเมื่อถูกลมตะวันออกพัดกระหน่ำหรือ? มันจะไม่เหี่ยวแห้งคาที่ที่มันงอกขึ้นมาหรือ?’ ” 11 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 12 “จงกล่าวแก่พงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏนี้ว่า ‘เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้หมายความว่าอะไร?’ จงบอกพวกเขาว่า ‘กษัตริย์บาบิโลนมายังเยรูซาเล็มและกวาดต้อนกษัตริย์และบรรดาขุนนางพากลับไปยังบาบิโลน 13 […]

เอเสเคียล 18

จิตวิญญาณที่ทำบาปจะตาย 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “พวกเจ้าหมายความว่าอะไรที่กล่าวภาษิตเกี่ยวกับดินแดนอิสราเอลว่า “ ‘พ่อกินองุ่นเปรี้ยว ลูกก็เข็ดฟัน’? 3 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เจ้าจะไม่กล่าวภาษิตนี้ในอิสราเอลอีกต่อไปฉันนั้น 4 เพราะจิตวิญญาณทุกดวงเป็นของเรา ทั้งของพ่อและของลูกล้วนเป็นของเรา จิตวิญญาณที่ทำบาปจะตาย 5 “สมมุติว่ามีคนชอบธรรมคนหนึ่ง ซึ่งทำสิ่งที่ถูกต้องและเที่ยงธรรม 6 เขาไม่ได้รับประทานอาหารที่สถานบูชาบนภูเขา หรือพึ่งรูปเคารพทั้งหลายของพงศ์พันธุ์อิสราเอล เขาไม่ได้สร้างราคีแก่ภรรยาของเพื่อนบ้าน หรือหลับนอนกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน 7 เขาไม่ได้ข่มเหงรังแกผู้ใด แต่คืนของประกันให้แก่ลูกหนี้ เขาไม่ได้ปล้นชิง แต่ให้อาหารแก่ผู้หิวโหย และให้เครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ที่เปลือยกาย 8 เขาไม่ได้ให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยสูงเกินเหตุ หรือหากำไรโดยการขูดเลือดขูดเนื้อ เขายั้งมือจากการทำความชั่ว และเขาตัดสินเพื่อนมนุษย์อย่างยุติธรรม 9 เขาปฏิบัติตามกฎหมายของเรา และรักษาบทบัญญัติของเราอย่างซื่อสัตย์ ผู้นั้นเป็นคนชอบธรรม เขาจะดำรงชีวิตอยู่แน่นอน พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น 10 “สมมุติว่าชายคนนั้นมีบุตรชายเหี้ยมโหดซึ่งทำให้โลหิตตกหรือทำสิ่งต่อไปนี้ 11 (แม้ว่าผู้เป็นบิดาไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้เลย) “เขารับประทานอาหารที่สถานบูชาบนภูเขา เขาสร้างราคีแก่ภรรยาของเพื่อนบ้าน 12 เขาข่มเหงรังแกคนยากจนและคนขัดสน เขาปล้นชิง เขาไม่ยอมคืนของประกัน เขาพึ่งรูปเคารพ เขาทำสิ่งที่น่าชิงชัง 13 เขาให้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยสูงเกินเหตุและหากำไรโดยการขูดเลือดขูดเนื้อ คนเช่นนั้นจะดำรงชีวิตอยู่ได้หรือ? […]

เอเสเคียล 19

บทคร่ำครวญแด่เจ้านายของอิสราเอล 1 “จงคร่ำครวญอาลัยถึงบรรดาเจ้านาย ของอิสราเอล 2 และกล่าวว่า “ ‘มารดาของเจ้าช่างเหมือนนางสิงห์ ในหมู่สิงห์เสียนี่กระไร! นางเอนกายลงในหมู่สิงห์หนุ่ม และเลี้ยงดูลูกๆ ของนาง 3 ลูกสิงห์ตัวหนึ่งของนาง เติบโตเป็นสิงห์หนุ่มผู้แกร่งกล้า เขาเรียนรู้ที่จะฉีกเหยื่อ และขย้ำมนุษย์ 4 เมื่อประชาชาติทั้งหลายได้ยินเรื่องของเขา ก็ดักจับเขาไว้ได้ในหลุมพราง พวกเขาเอาขอเกี่ยวสิงห์หนุ่มนั้น นำเขาไปยังดินแดนอียิปต์ 5 “ ‘เมื่อนางสิงห์เห็นว่าความหวังไม่เป็นจริง ความคาดหมายก็สูญสิ้นไป นางจึงเอาลูกสิงห์อีกตัวหนึ่งมาเลี้ยง ให้เป็นสิงห์หนุ่มผู้แกร่งกล้า 6 เขาเที่ยวไปในหมู่สิงห์ เพราะบัดนี้เขาเป็นสิงห์หนุ่มแกร่งกล้า เขาเรียนรู้ที่จะฉีกเหยื่อ และขย้ำมนุษย์ 7 เขาทลายที่มั่น และทำลายล้างเมืองต่างๆ ของพวกเขา ดินแดนนั้นและพลเมืองทุกคนก็ตระหนกตกใจ เมื่อเขาขู่คำราม 8 แล้วประชาชาติทั้งปวงจากภูมิภาคต่างๆ โดยรอบ ก็มาสู้กับเขา พวกเขากางตาข่ายดักเขา แล้วก็จับเขาได้ในหลุมพราง 9 เขาถูกลากด้วยขอเกี่ยวไปขังไว้ในกรง ถูกนำตัวไปเข้าเฝ้ากษัตริย์บาบิโลน เขาถูกขังไว้ในคุก จึงไม่ได้ยินเสียงคำรามของเขา บนภูเขาทั้งหลายของอิสราเอลอีกต่อไป 10 “ ‘มารดาของเจ้าเหมือนเถาองุ่น ปลูกไว้ริมน้ำในสวนองุ่นของเจ้า มีผลดกและเต็มไปด้วยกิ่งก้านสาขา เพราะมีน้ำท่าบริบูรณ์ 11 […]

เอเสเคียล 20

อิสราเอลจอมกบฏ 1 ในวันที่สิบเดือนที่ห้าของปีที่เจ็ดผู้อาวุโสของอิสราเอลบางคนมาร้องขอต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและมานั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า 2 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 3 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่บรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า เจ้ามาถามเราหรือ? เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราจะไม่ยอมให้เจ้ามาถามอะไรเราฉันนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตประกาศดังนั้น’ 4 “เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ? เจ้าจะพิพากษาพวกเขาหรือ บุตรมนุษย์เอ๋ย? ถ้าเช่นนั้น จงกล่าวโทษเรื่องความประพฤติอันน่าชิงชังของบรรพบุรุษของพวกเขา 5 จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ในวันที่เราเลือกอิสราเอล เราชูมือขึ้นกล่าวปฏิญาณแก่ลูกหลานของพงศ์พันธุ์ของยาโคบและแสดงตัวแก่พวกเขาในอียิปต์ เราชูมือขึ้นกล่าวกับพวกเขาว่า “เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า” 6 ในวันนั้นเราปฏิญาณต่อพวกเขาว่า เราจะนำพวกเขาออกจากอียิปต์ไปสู่ดินแดนที่เราสรรหาให้พวกเขา เป็นดินแดนที่อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นดินแดนอันงดงามที่สุด 7 และเรากล่าวแก่พวกเขาว่า “เจ้าทุกคน จงกำจัดเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ที่เจ้าหมายพึ่งและอย่าปล่อยตัวให้เป็นมลทินด้วยบรรดารูปเคารพของอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า” 8 “ ‘แต่พวกเขาก็กบฏต่อเราและไม่ยอมฟังเรา เขาไม่ได้กำจัดเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ที่ตนหมายพึ่ง ทั้งไม่ได้ละทิ้งรูปเคารพของอียิปต์ ฉะนั้นเราจึงได้ลั่นวาจาว่าจะระบายโทสะอันรุนแรงลงเหนือพวกเขาในอียิปต์ 9 แต่เพื่อเห็นแก่นามของเรา เราทำสิ่งที่จะป้องกันไม่ให้นามของเราเป็นที่ลบหลู่ในสายตาของชนชาติทั้งหลายที่พวกเขาอาศัยอยู่ด้วย และที่ได้เห็นเราแสดงตัวแก่อิสราเอลโดยการนำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ 10 ฉะนั้นเราจึงนำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ พาเข้าสู่ถิ่นกันดาร 11 เรามอบกฎหมายของเราแก่เขา และให้พวกเขาเรียนรู้บทบัญญัติของเรา ซึ่งผู้ประพฤติตามจะดำรงชีวิตอยู่โดยบทบัญญัติเหล่านั้น 12 และเราได้มอบวันสะบาโตแก่พวกเขา เป็นหมายสำคัญระหว่างเราทั้งสองฝ่าย […]