สิ่งมีชีวิตทั้งสี่และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า 1 ในวันที่ห้าเดือนที่สี่ปีที่สามสิบขณะที่ข้าพเจ้าอยู่กับเพื่อนเชลยที่ริมแม่น้ำเคบาร์ ฟ้าสวรรค์ได้เปิดออกและข้าพเจ้าเห็นนิมิตจากพระเจ้า 2 ในวันที่ห้าเดือนนั้นเป็นปีที่ห้าซึ่งกษัตริย์เยโฮยาคีนตกเป็นเชลย 3 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงปุโรหิตเอเสเคียลบุตรบุซีที่ริมแม่น้ำเคบาร์ในดินแดนของชาวบาบิโลนพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่เหนือเอเสเคียลที่นั่น 4 ข้าพเจ้ามองดูและเห็นพายุใหญ่พัดมาจากทางเหนือ มีเมฆมหึมาซึ่งรายล้อมด้วยแสงสว่างเจิดจ้าและมีฟ้าแลบแวบวาบอยู่ ใจกลางไฟนั้นดูเหมือนโลหะสุกปลั่ง 5 และในไฟนั้นมีบางสิ่งคล้ายสิ่งมีชีวิตสี่ตน ซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายมนุษย์ 6 แต่ว่าทุกตนต่างมีสี่หน้าและมีสี่ปีก 7 มีขาเหยียดตรง มีกีบเท้าเหมือนกีบลูกวัว และสุกปลั่งเหมือนทองสัมฤทธิ์ขัดเงา 8 ภายใต้ปีกทั้งสี่ด้าน มีมือเป็นมือมนุษย์ สิ่งมีชีวิตทั้งสี่นี้มีหน้าและปีก 9 ปีกของมันกางออกจดปีกของกันและกัน เคลื่อนตัวไปในทิศทางใดก็ได้ โดยไม่ต้องหันตัวเลย 10 ทั้งสี่ตนล้วนมีสี่หน้า คือหน้าหนึ่งเป็นมนุษย์ ด้านขวาเป็นหน้าสิงโต ด้านซ้ายเป็นหน้าวัว และด้านหลังเป็นหน้านกอินทรี 11 หน้าของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ก็เป็นเช่นนั้น ทั้งสี่ตนคลี่สองปีกแผ่ขึ้นข้างบน ออกไปจดกับปีกของกันและกัน ส่วนอีกสองปีกปกคลุมลำตัวไว้ 12 แต่ละตนมุ่งตรงไปข้างหน้า ไม่ว่าวิญญาณจะไปทางไหน ทั้งสี่ตนก็มุ่งไปทางนั้นโดยไม่ได้หันตัวเลย 13 ลักษณะของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนเหมือนถ่านไฟคุโชนหรือเหมือนคบไฟ มีดวงไฟที่สว่างเคลื่อนไปมาท่ามกลางทั้งสี่ตนนี้ และมีแสงแวบวาบออกมาจากดวงไฟนั้น 14 สิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนนี้โฉบไปมาดุจสายฟ้าแลบ 15 ขณะที่ข้าพเจ้าจ้องดูสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ตนนี้ ก็เห็นวงล้อที่พื้น วงล้อแต่ละวงอยู่ข้างสิ่งมีชีวิตแต่ละตนซึ่งมีสี่หน้า 16 […]
Category Archives: เอเสเคียล
เอเสเคียล 2
การทรงเรียกเอเสเคียล 1 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงยืนขึ้นเถิด เราจะพูดกับเจ้า” 2 ขณะพระองค์ตรัส พระวิญญาณเสด็จเข้ามาในข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้ายืนขึ้น และข้าพเจ้าได้ยินพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้า 3 พระองค์ตรัสว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เราจะส่งเจ้าไปยังชนชาติอิสราเอล ไปยังชนชาติที่ชอบกบฏซึ่งได้ทรยศเรา เขากับบรรพบุรุษกบฏต่อเราจนถึงทุกวันนี้ 4 ชนชาติที่เราจะส่งเจ้าไปนี้เป็นพวกที่ดื้อดึงและหัวแข็ง จงกล่าวกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้’ 5 และไม่ว่าเขาจะรับฟังหรือไม่ เขาก็จะรู้ว่ามีผู้เผยพระวจนะในหมู่พวกเขา เพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏ 6 ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย อย่ากลัวเขาหรือคำพูดของเขาเลย อย่ากลัวแม้ว่าเจ้าจะถูกล้อมกรอบด้วยต้นหนามน้อยใหญ่ หรือตกอยู่ในดงแมงป่อง อย่าหวาดกลัวคำพูดของเขาหรือขวัญผวาเพราะเขา แม้ว่าเขาจะเป็นพงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏ 7 เจ้าจงกล่าวถ้อยคำของเราให้เขาฟัง ไม่ว่าเขาจะรับฟังหรือไม่ก็ตาม เพราะพวกเขาชอบกบฏ 8 ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย จงฟังสิ่งที่เราบอก อย่าทรยศเหมือนพงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏ จงอ้าปากกินสิ่งที่เรามอบให้เจ้า” 9 แล้วข้าพเจ้าก็มองดู เห็นมือหนึ่งยื่นหนังสือม้วนออกมาให้ 10 พระองค์ทรงคลี่หนังสือม้วนนั้นออกต่อหน้าข้าพเจ้า ในนั้นมีถ้อยคำคร่ำครวญ คำไว้อาลัย และถ้อยคำเกี่ยวกับภัยพิบัติ เขียนไว้ทั้งสองด้าน —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EZK/2-bb851d5de5ef76c6d022ebfbebd87634.mp3?version_id=179—
เอเสเคียล 3
1 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกินหนังสือม้วนซึ่งอยู่ตรงหน้าเจ้านี้ แล้วไปกล่าวแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล” 2 ข้าพเจ้าจึงอ้าปาก พระองค์ก็ประทานหนังสือม้วนให้ข้าพเจ้ากิน 3 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกินหนังสือม้วนที่เรามอบแก่เจ้านี้ให้เต็มท้อง” ข้าพเจ้าก็กิน หนังสือนั้นมีรสหวานเหมือนน้ำผึ้งในปากของข้าพเจ้า 4 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย บัดนี้จงไปหาพงศ์พันธุ์อิสราเอล และกล่าวถ้อยคำของเราให้พวกเขาฟัง 5 เราไม่ได้ส่งเจ้าไปหาชนชาติที่พูดภาษายากๆ และเจ้าฟังไม่เข้าใจ แต่ให้ไปหาชนชาติอิสราเอล 6 เราไม่ได้ส่งเจ้าไปหาชนชาติต่างๆ ที่พูดภาษายากๆ และเจ้าฟังไม่เข้าใจ แน่ทีเดียว หากเราส่งเจ้าไปหาคนพวกนั้น พวกเขายังจะรับฟัง 7 ส่วนพงศ์พันธุ์อิสราเอลจะไม่ยอมฟังเจ้าเพราะพวกเขาไม่เต็มใจจะฟังเรา เนื่องจากพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดนั้นใจแข็งดื้อด้าน 8 แต่เราจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งและมุ่งมั่นพอๆ กับพวกเขา 9 เราจะทำให้หน้าผากของเจ้าเหมือนหินผาที่แข็งแกร่งที่สุดและแข็งแกร่งยิ่งกว่าหินเหล็กไฟ อย่ากลัวหรืออย่าขวัญผวาเพราะพวกเขา แม้ว่าพวกเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่ชอบกบฏ” 10 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงตั้งใจฟังให้ดีและจงจดจำทุกถ้อยคำที่เรากล่าวแก่เจ้าให้ขึ้นใจ 11 บัดนี้จงไปหาพี่น้องร่วมชาติของเจ้าที่ตกเป็นเชลยอยู่ และจงกล่าวกับพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้’ จงพูดกับพวกเขาไม่ว่าพวกเขาจะฟังหรือไม่ก็ตาม” 12 แล้วพระวิญญาณทรงยกข้าพเจ้าขึ้น และข้าพเจ้าได้ยินเสียงกระหึ่มจากทางด้านหลังของข้าพเจ้าว่า “ขอพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่สรรเสริญยกย่องในที่ประทับของพระองค์!” 13 มีเสียงปีกกระทบกันของสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น […]
เอเสเคียล 4
สัญลักษณ์ของการล้อมกรุงเยรูซาเล็ม 1 “บัดนี้ บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเอาดินเหนียวแผ่นหนึ่งมาวางไว้ตรงหน้าเจ้า และวาดกรุงเยรูซาเล็มลงบนดินนั้น 2 แล้วจงล้อมรอบแผ่นดินเหนียวนั้นด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ล้อมเมือง ก่อเชิงเทิน ตั้งค่ายประชิดเมือง และวางเครื่องกระทุ้งโดยรอบ 3 แล้วเอากระทะเหล็กมาตั้งเป็นเสมือนกำแพงเหล็กกั้นระหว่างเจ้ากับตัวเมือง จงหันหน้าเข้าหาเมืองนั้น เมืองนั้นจะตกอยู่ในวงล้อมของเจ้า นี่เป็นหมายสำคัญแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล 4 “จากนั้นจงนอนตะแคงซ้าย แบกรับบาปของพงศ์พันธุ์อิสราเอลไว้บนเจ้าตลอดจำนวนวันที่เจ้านอนตะแคง 5 เรากำหนดวันให้เจ้าตามจำนวนปีของความบาปของพวกเขา ฉะนั้นเจ้าจะแบกบาปของ พงศ์พันธุ์อิสราเอลอยู่ 390 วัน 6 “เมื่อครบกำหนดแล้ว เจ้าต้องนอนลงอีก คราวนี้ให้นอนตะแคงขวาและแบกรับบาปของพงศ์พันธุ์ยูดาห์ เรากำหนดไว้สี่สิบวัน หนึ่งวันสำหรับหนึ่งปี 7 จงหันหน้าเข้าหาเครื่องล้อมกรุงเยรูซาเล็ม จงชูแขนอันเปลือยเปล่าใส่กรุงนั้นแล้วพยากรณ์ 8 เราจะเอาเชือกมัดเจ้าไว้ เพื่อเจ้าจะพลิกตัวไม่ได้จนกว่าจะครบกำหนดวันล้อมเมือง 9 “จงเอาข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ถั่วและถั่วแดง ข้าวฟ่าง และข้าวสแปลต์เก็บไว้ในโอ่งเพื่อใช้ทำขนมปังให้ตนเอง ซึ่งเจ้าจะต้องกินระหว่างที่เจ้านอนตะแคงตลอด 390 วัน 10 จงตวงอาหารออกมาวันละประมาณ 200 กรัมและกินอาหารนี้ตามมื้อที่กำหนดในแต่ละวัน 11 และจงตวงน้ำประมาณ 0.6 ลิตรดื่มตามเวลาที่กำหนด 12 […]
เอเสเคียล 5
1 “บัดนี้บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเอาดาบคมกริบมาเล่มหนึ่งและใช้มันเป็นเหมือนมีดโกนของช่างตัดผม จงโกนผมและเคราของเจ้า แล้วเอาตาชั่งมาชั่ง แบ่งผมออกเป็นส่วนๆ 2 เมื่อสิ้นสุดวันกำหนดให้ล้อมกรุงแล้ว จงเผาผมหนึ่งในสามส่วนในกรุงนั้น ผมอีกหนึ่งในสามใช้ดาบฟันกระจายรอบเมือง อีกหนึ่งในสามที่เหลือโปรยปลิวไปกับลมเพราะเราจะชักดาบออกมารุกไล่พวกเขา 3 แต่จงเอาผมกระจุกหนึ่งมาขมวดไว้ในทบของเสื้อคลุม 4 แล้วเอาสองสามเส้นออกมาโยนลงในไฟและเผาให้หมด ไฟกองหนึ่งจะลามจากที่นั่นมายังพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด 5 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า นี่คือเยรูซาเล็มซึ่งเราตั้งไว้ใจกลางชนชาติต่างๆ มีนานาประเทศล้อมรอบ 6 แต่โดยความชั่วร้าย เยรูซาเล็มได้กบฏต่อบทบัญญัติและกฎหมายของเรามากยิ่งกว่าชนชาติและประเทศต่างๆ โดยรอบ เยรูซาเล็มได้ละทิ้งบทบัญญัติของเราและไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของเรา 7 “ดังนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจึงตรัสดังนี้ว่า เจ้าดื้อด้านยิ่งกว่าชนชาติต่างๆ โดยรอบ และไม่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายของเราหรือรักษาบทบัญญัติของเรา มิหนำซ้ำยังชั่วร้ายยิ่งกว่าชนชาติเพื่อนบ้านเสียอีก 8 “ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจึงตรัสดังนี้ว่า เยรูซาเล็มเอ๋ย เราเองจะเป็นศัตรูกับเจ้า และจะลงโทษเจ้าต่อหน้าประชาชาติทั้งหลาย 9 เนื่องจากรูปเคารพอันน่าชิงชังทั้งปวงของเจ้า เราจะทำกับเจ้าอย่างที่เราไม่เคยทำมาก่อนและจะไม่ทำอีกเลย 10 ดังนั้นในหมู่พวกเจ้า พ่อจะกินลูกของตนเองและลูกจะกินพ่อ เราจะลงโทษเจ้าและจะทำให้ผู้ที่รอดชีวิตอยู่ทั้งหมดกระจัดกระจายไปตามลม 11 ดังนั้นพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตจึงประกาศดังนี้ว่า เราดำรงชีวิตอยู่แน่ฉันใด เนื่องจากเจ้าทำให้สถานนมัสการของเราเป็นมลทินด้วยรูปเคารพอันชั่วช้าสามานย์และพิธีกรรมอันน่าชิงชังทั้งสิ้นของเจ้า เราเองจะเลิกโปรดปรานเจ้า เราจะไม่เหลียวแลเจ้าด้วยความสงสารหรือไว้ชีวิตเจ้าฉันนั้น 12 หนึ่งในสามของพวกเจ้าจะตายด้วยโรคระบาดหรือการกันดารอาหารในกรุง อีกหนึ่งในสามล้มตายด้วยสงครามนอกกำแพง และเราจะชักดาบออกไล่ล่าอีกหนึ่งในสามของพวกเจ้าให้กระจัดกระจายไปตามลม 13 […]
เอเสเคียล 6
คำเผยพระวจนะกล่าวโทษภูเขาต่างๆ ของอิสราเอล 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้าของเจ้าไปยังภูเขาทั้งหลายของอิสราเอลและเผยพระวจนะกล่าวโทษภูเขาเหล่านั้น 3 จงกล่าวว่า ‘บรรดาภูเขาแห่งอิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่ภูเขาน้อยใหญ่ ลำห้วย และหุบเขาต่างๆ ดังนี้ว่า เรากำลังจะนำดาบมาต่อสู้เจ้าและเราจะทำลายล้างสถานบูชาบนที่สูงของเจ้า 4 แท่นบูชาของเจ้าจะถูกทลายทิ้ง แท่นเผาเครื่องหอมของเจ้าจะถูกทุบให้แหลก เราจะประหารคนของเจ้าต่อหน้ารูปเคารพทั้งหลายของเจ้า 5 เราจะทิ้งศพชาวอิสราเอลไว้หน้าบรรดารูปเคารพของพวกเขา เราจะโปรยกระดูกของเจ้ารอบแท่นบูชาทั้งหลายของเจ้า 6 ไม่ว่าเจ้าจะอาศัยอยู่ที่ไหน เมืองต่างๆ จะถูกทิ้งร้าง และสถานบูชาบนที่สูงจะถูกทลายลง แท่นบูชาต่างๆ ของเจ้าจะเริศร้างและถูกทำลาย รูปเคารพทั้งหลายแหลกป่นปี้ แท่นเผาเครื่องหอมพังทลาย สิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นถูกกวาดล้างออกไป 7 คนของเจ้าจะถูกสังหารล้มตายลงท่ามกลางพวกเจ้าและเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ 8 “ ‘แต่เราจะไว้ชีวิตบางคน เพราะจะมีบางคนในพวกเจ้ารอดจากคมดาบ เมื่อพวกเจ้าถูกทำให้กระจัดกระจายไปในดินแดนและชนชาติต่างๆ 9 ผู้ที่หนีรอดไปได้จะระลึกถึงเราในหมู่ชนชาติที่เขาถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย ว่าเราชอกช้ำใจเพียงใด เพราะใจใฝ่คบชู้ของพวกเขาซึ่งหันเหไปจากเรา เพราะตาของพวกเขาซึ่งกระสันหารูปเคารพต่างๆ เขาจะเกลียดตัวเองเพราะความชั่วที่ได้ทำลงไปและเพราะความประพฤติอันน่ารังเกียจทั้งสิ้นของตน 10 เขาจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ เราไม่ได้ขู่เขาแบบลมๆ แล้งๆ ว่าจะนำภัยพิบัติมายังเขา 11 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า จงตบมือ กระทืบเท้า และร้องว่า […]
เอเสเคียล 7
จุดจบมาถึงแล้ว 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า 2 “บุตรมนุษย์เอ๋ย พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสแก่ดินแดนอิสราเอลดังนี้ว่า “ ‘จุดจบ! จุดจบ มาเหนือสี่มุมของแผ่นดินแล้ว 3 วาระสุดท้ายมาถึงเจ้าแล้ว เราจะระบายความโกรธลงเหนือเจ้า เราจะพิพากษาเจ้าตามความประพฤติของเจ้าและจะตอบแทนการกระทำอันน่าชิงชังทั้งสิ้นของเจ้า 4 เราจะไม่เหลียวแลเจ้าด้วยความเอ็นดูสงสาร หรือไว้ชีวิตเจ้า เราจะตอบแทนเจ้าให้สาสมกับความประพฤติ และการกระทำอันน่าชิงชังในหมู่พวกเจ้าอย่างแน่นอน แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์’ 5 “พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า “ ‘ภัยพิบัติ! ภัยพิบัติอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน! มันจะมาถึง! 6 จุดจบมาถึงแล้ว! จุดจบมาถึงแล้ว! มันก่อตัวขึ้นมาเล่นงานเจ้า มันมาถึงแล้ว! 7 ความพินาศมาเหนือเจ้า เหนือเจ้าผู้อาศัยอยู่ในดินแดน ถึงเวลาแล้ว! วันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว! บนภูเขาทั้งหลายจะมีแต่ความโกลาหลอลหม่าน ไม่ใช่ความชื่นชมยินดี 8 เรากำลังจะระบายโทสะลงเหนือเจ้า และระบายความโกรธต่อเจ้า เราจะพิพากษาเจ้าตามความประพฤติของเจ้า และจะตอบแทนเจ้าให้สาสมกับการกระทำอันน่าชิงชังทั้งสิ้นของเจ้า 9 เราจะไม่เหลียวแลเจ้าด้วยความเอ็นดูสงสาร หรือไว้ชีวิตเจ้า เราจะตอบแทนเจ้าให้สาสมกับความประพฤติ และการกระทำอันน่าชิงชังในหมู่พวกเจ้า เมื่อนั้นเจ้าจะรู้ว่าเราผู้เป็นพระยาห์เวห์นี่แหละที่ลงโทษพวกเจ้า 10 “ ‘วันนั้นมาถึงแล้ว! มันมาถึงแล้ว! หายนะปะทุขึ้นแล้ว ไม้เรียวผลิดอกแล้ว และความหยิ่งยโสก็เบ่งบาน! 11 ความทารุณก็เติบโต […]
เอเสเคียล 8
การกราบไหว้รูปเคารพในพระวิหาร 1 ในวันที่ห้าเดือนที่หกปีที่หก ขณะที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ในบ้าน และบรรดาผู้อาวุโสของยูดาห์นั่งอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้า พระหัตถ์ของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตมาเหนือข้าพเจ้าที่นั่น 2 ข้าพเจ้ามองดูก็เห็นร่างหนึ่งคล้ายมนุษย์จากส่วนที่ดูคล้ายบั้นเอวของผู้นั้นลงมาเป็นไฟ และจากส่วนนั้นขึ้นไปเหมือนโลหะสุกปลั่ง 3 ผู้นั้นยื่นส่วนที่คล้ายมือออกมาจับผมบนศีรษะของข้าพเจ้า พระวิญญาณทรงยกข้าพเจ้าขึ้นระหว่างพิภพโลกและฟ้าสวรรค์ และในนิมิตของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงพาข้าพเจ้ามายังเยรูซาเล็มตรงทางเข้าประตูทิศเหนือของลานชั้นใน ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปเคารพ ซึ่งยั่วยุพระพิโรธของพระเจ้า 4 ที่นั่นพระเกียรติสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลอยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าเหมือนในนิมิตซึ่งข้าพเจ้าเห็นในที่ราบนั้น 5 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองไปทางเหนือ” ข้าพเจ้าก็มองไปและข้าพเจ้าเห็นรูปเคารพที่ยั่วยุพระพิโรธตรงทางเข้าด้านเหนือของประตูแท่นบูชา 6 และพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่หรือไม่? คือสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง ซึ่งพงศ์พันธุ์อิสราเอลกำลังทำอยู่ที่นี่ สิ่งซึ่งจะผลักไสเราให้ไกลห่างจากสถานนมัสการของเรา แต่เจ้าจะเห็นสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งกว่านี้อีก” 7 แล้วพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาที่ทางเข้าลาน ข้าพเจ้ามองดู เห็นช่องช่องหนึ่งในกำแพง 8 พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเจาะเข้าไปในกำแพงเดี๋ยวนี้” ข้าพเจ้าก็เจาะและเห็นเป็นทางเข้าไป 9 แล้วพระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเข้าไปเถิด ไปดูสิ่งชั่วร้ายและน่าชิงชังที่พวกเขากำลังทำอยู่ที่นี่” 10 ข้าพเจ้าจึงเข้าไปดู เห็นบนผนังโดยรอบมีภาพวาดสัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ที่น่ารังเกียจทุกชนิด และรูปเคารพทั้งสิ้นของพงศ์พันธุ์อิสราเอล 11 ผู้อาวุโสของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเจ็ดสิบคนยืนอยู่ตรงหน้าสิ่งเหล่านั้น และยาอาซันยาห์บุตรชาฟาน ก็ยืนอยู่ในหมู่พวกเขาด้วย แต่ละคนถือกระถางไฟและมีควันจากเครื่องหอมลอยขึ้นไป 12 […]
เอเสเคียล 9
คนไหว้รูปเคารพถูกฆ่า 1 แล้วข้าพเจ้าได้ยินพระองค์เปล่งพระสุรเสียงอันดังว่า “จงนำผู้รักษาการณ์ประจำกรุงนี้มาที่นี่ ให้แต่ละนายถืออาวุธของตนมาด้วย” 2 และข้าพเจ้าเห็นชายหกคนมาจากทางประตูด้านบนซึ่งหันไปทางทิศเหนือ แต่ละคนถืออาวุธพิษสงร้ายกาจมาด้วย พวกเขามาพร้อมกับชายคนหนึ่งนุ่งห่มผ้าลินิน ผู้มีหีบเครื่องเขียนอยู่ข้างกาย พวกเขาเข้ามายืนอยู่ข้างแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ 3 พระเกียรติสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลเคลื่อนขึ้นจากเหนือเครูบที่เคยสถิตมายังธรณีประตูพระวิหาร แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเรียกชายที่นุ่งห่มผ้าลินินและมีหีบเครื่องเขียนอยู่ข้างกายนั้น 4 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “จงไปทั่วกรุงเยรูซาเล็ม กาเครื่องหมายบนหน้าผากของบรรดาผู้ที่เศร้าโศกและคร่ำครวญเพราะสิ่งที่น่าเกลียดชิงชังทั้งสิ้นซึ่งคนทั้งหลายทำกันในกรุงนี้” 5 ขณะที่ข้าพเจ้าฟังอยู่ ก็ได้ยินพระองค์ตรัสกับคนอื่นๆ ว่า “จงตามเขาไปทั่วกรุงและเข่นฆ่าทุกคน อย่าได้สงสารหรือเมตตาปรานีเลย 6 จงฆ่าทั้งคนแก่ หนุ่มสาว ผู้หญิง และเด็ก แต่อย่าแตะต้องผู้ที่มีเครื่องหมายนั้น จงเริ่มต้นตั้งแต่สถานนมัสการของเรานี้เลย” คนเหล่านั้นจึงตั้งต้นฆ่าตั้งแต่ผู้อาวุโสซึ่งอยู่ที่หน้าพระวิหาร 7 แล้วพระองค์ตรัสว่า “จงทำให้พระวิหารเป็นมลทิน และทิ้งร่างผู้ที่ถูกประหารไว้ให้เกลื่อนลาน จงไปเถิด!” พวกเขาจึงออกไปและตั้งต้นฆ่าคนทั่วกรุง 8 ขณะที่พวกเขากำลังฆ่าคนอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็อยู่แต่ลำพัง ข้าพเจ้าก็ซบหน้าลงร้องทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต! พระองค์จะทรงทำลายล้างคนหยิบมือที่เหลืออยู่ในอิสราเอลไปหมดด้วยพระพิโรธที่ทรงระบายเหนือเยรูซาเล็มครั้งนี้หรือ?” 9 พระองค์ตรัสตอบว่า “บาปของพงศ์พันธุ์อิสราเอลและยูดาห์ใหญ่หลวงนัก แผ่นดินเต็มไปด้วยการนองเลือดและความอยุติธรรม พวกเขากล่าวว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงละทิ้งดินแดนนี้ไปเสียแล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเห็น’ 10 ฉะนั้นเราจะไม่เอ็นดูสงสารหรือไว้ชีวิตเขา แต่เราจะให้สิ่งที่พวกเขาทำไว้นั้นย้อนกลับมาตกแก่พวกเขาเอง” 11 แล้วชายที่นุ่งห่มผ้าลินินซึ่งมีหีบเครื่องเขียนอยู่ข้างกายนั้นก็กลับมาทูลรายงานว่า […]
เอเสเคียล 10
พระเกียรติสิริพรากจากพระวิหาร 1 ข้าพเจ้ามองดูและเห็นบางสิ่งคล้ายพระที่นั่งไพฑูรย์อยู่เหนือฟ้ากว้างที่อยู่เหนือศีรษะของเหล่าเครูบ 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับชายที่นุ่งห่มผ้าลินินนั้นว่า “จงเข้าไปท่ามกลางวงล้อใต้เหล่าเครูบ แล้วกอบถ่านไฟคุซึ่งอยู่ท่ามกลางเหล่าเครูบมาโปรยทั่วกรุงนี้” ชายคนนั้นก็เข้าไปขณะที่ข้าพเจ้าเฝ้าดูอยู่ 3 เหล่าเครูบยืนอยู่ที่ด้านใต้ของพระวิหารเมื่อชายผู้นั้นเข้าไป และมีเมฆปกคลุมอยู่ทั่วลานชั้นใน 4 แล้วพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็เคลื่อนขึ้นจากเหนือเหล่าเครูบนั้นมายังธรณีประตูพระวิหาร เมฆปกคลุมพระวิหาร และทั่วลานพระวิหารเต็มไปด้วยรังสีเจิดจ้าแห่งพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า 5 เสียงปีกของเหล่าเครูบได้ยินไปไกลถึงลานชั้นนอกเหมือนพระสุรเสียงของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ 6 เมื่อพระองค์ตรัสสั่งชายที่สวมผ้าลินินนั้นว่า “จงไปเอาไฟจากท่ามกลางวงล้อที่อยู่ในหมู่เครูบออกมา” ชายนั้นก็เข้าไปยืนอยู่ข้างวงล้อวงหนึ่ง 7 แล้วเครูบตนหนึ่งก็ยื่นมือออกไปที่ไฟซึ่งอยู่ท่ามกลางพวกตน เอาไฟออกมาส่วนหนึ่งใส่ในมือของชายผู้สวมผ้าลินิน เขาก็รับไว้และออกมา 8 (เห็นสิ่งหนึ่งคล้ายมือมนุษย์อยู่ใต้ปีกของเครูบ) 9 ข้าพเจ้ามองดูเห็นวงล้อสี่วงอยู่ข้างเหล่าเครูบ เครูบหนึ่งตนมีวงล้อหนึ่งวง วงล้อนั้นเปล่งประกายคล้ายพลอยสีเขียวอมเหลือง 10 วงล้อทั้งสี่มีลักษณะเหมือนกัน แต่ละวงดูคล้ายมีวงล้อซ้อนขวางอยู่ข้างใน 11 วงล้อสามารถเคลื่อนไปยังทิศทางใดทิศทางหนึ่งในสี่ทิศทางตามแต่เครูบจะมุ่งหน้าไป ล้อนั้นไม่ได้เลี้ยวเมื่อเครูบเคลื่อนไป เหล่าเครูบมุ่งหน้าไปทิศทางใดก็ได้โดยไม่ต้องหันตัวเลย 12 ทั่วร่างของเครูบ ทั้งหลังมือและปีกล้วนมีตาเต็มไปหมดเช่นเดียวกับวงล้อทั้งสี่ 13 ข้าพเจ้าได้ยินเขาเรียกวงล้อนั้นว่า “วงล้อกังหัน” 14 เครูบแต่ละตนมีสี่หน้า หน้าที่หนึ่งเป็นหน้าวัวหน้าที่สองเป็นหน้ามนุษย์ หน้าที่สามเป็นหน้าสิงโต หน้าที่สี่เป็นหน้านกอินทรี 15 แล้วเหล่าเครูบก็ลอยขึ้นไป นี่คือสิ่งมีชีวิตซึ่งข้าพเจ้าได้เห็นที่ริมแม่น้ำเคบาร์ 16 เมื่อเหล่าเครูบเคลื่อนไป วงล้อที่อยู่ข้างๆ […]