เอสรา 1

ไซรัสช่วยเชลยกลับภูมิลำเนา 1 ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้พระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสผ่านทางเยเรมีย์สำเร็จ โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดลใจกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียให้ออกประกาศทั่วราชอาณาจักรของพระองค์ และให้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรความว่า 2 “กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียตรัสดังนี้ว่า “ ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานราชอาณาจักรทั้งสิ้นของโลกนี้แก่ข้าพเจ้า และได้ทรงมอบหมายให้ข้าพเจ้าสร้างพระวิหารถวายแด่พระองค์ที่เยรูซาเล็มในเขตยูดาห์ 3 ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่เป็นประชากรของพระเจ้า ขอให้พระเจ้าของเขาสถิตกับเขา และให้เขากลับไปยังเยรูซาเล็มในยูดาห์และสร้างพระวิหารของพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล พระเจ้าผู้ประทับในเยรูซาเล็ม 4 ให้ประชาชนในถิ่นที่ผู้รอดชีวิตเหล่านี้อาศัยอยู่มอบเงิน ทอง ข้าวของ และฝูงสัตว์ พร้อมทั้งของถวายตามความสมัครใจเพื่อพระวิหารของพระเจ้าในเยรูซาเล็มแก่พวกเขา’ ” 5 แล้วบรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่ายูดาห์และเบนยามิน กับปุโรหิตและคนเลวี คือทุกคนที่พระเจ้าทรงดลใจ ก็เตรียมตัวขึ้นไปสร้างพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เยรูซาเล็ม 6 เพื่อนบ้านทั้งปวงช่วยเหลือจุนเจือพวกเขาโดยให้เครื่องใช้ไม้สอยที่ทำจากเงินและทอง ข้าวของและฝูงสัตว์ พร้อมทั้งของมีค่าต่างๆ นอกเหนือจากของถวายตามความสมัครใจ 7 นอกจากนี้กษัตริย์ไซรัสเองทรงมอบเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ยึดไปจากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าในเยรูซาเล็มและได้เก็บไว้ในวิหารของเทพเจ้าของพระองค์ 8 กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียทรงให้ขุนคลังมิทเรดาทนำเครื่องใช้เหล่านี้ออกมานับจำนวนแล้วมอบให้เชชบัสซาร์ซึ่งเป็นเจ้านายของยูดาห์ 9 รายการสิ่งของมีดังนี้ คือ ชามทองคำ 30 ใบ ชามเงิน 1,000 ใบ กระทะเงิน 29 ใบ 10 อ่างทองคำ 30 ใบ อ่างเงินที่เข้าชุดกัน 410 ใบ […]

เอสรา 2

รายชื่อเชลยที่กลับมา 1 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อผู้ที่กลับมาหลังจากที่ถูกกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนกวาดต้อนไปยังบาบิโลน (พวกเขากลับมาบ้านเกิดเมืองนอนของตนในเยรูซาเล็มและยูดาห์ 2 พร้อมกับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ เสไรอาห์ เรเอไลยาห์ โมรเดคัย บิลชาน มิสปาร์ บิกวัย เรฮูม และบาอานาห์) จำนวนประชากรอิสราเอลได้แก่ 3 วงศ์วานของปาโรช 2,172 คน 4 ของเชฟาทิยาห์ 372 คน 5 ของอาราห์ 775 คน 6 ของปาหัทโมอับ (ทางสาย เยชูอา และโยอาบ) 2,812 คน 7 ของเอลาม 1,254 คน 8 ของศัทธู 945 คน 9 ของศักคัย 760 คน 10 ของบานี 642 คน 11 ของเบบัย 623 […]

เอสรา 3

สร้างแท่นบูชาขึ้นใหม่ 1 หลังจากชนอิสราเอลได้ตั้งถิ่นฐานในเมืองของตนแล้ว เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด พวกเขาก็มาชุมนุมในเยรูซาเล็มอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน 2 แล้วเยชูอาบุตรโยซาดักกับปุโรหิตคนอื่นๆ และเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลกับพวกพ้องเริ่มสร้างแท่นบูชาของพระเจ้าแห่งอิสราเอล เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาบนแท่นตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติของโมเสสคนของพระเจ้า 3 ถึงแม้ว่าประชากรเกรงกลัวชนชาติต่างๆ ที่อาศัยในแถบนั้น พวกเขาก็ยังสร้างแท่นบูชาขึ้นบนฐานเดิม และถวายเครื่องเผาบูชายามเช้าและยามเย็นแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 4 แล้วพวกเขาฉลองเทศกาลอยู่เพิงตามที่เขียนไว้ในบทบัญญัติ พร้อมกับถวายเครื่องเผาบูชาตามจำนวนซึ่งระบุไว้สำหรับแต่ละวัน 5 หลังจากนั้นพวกเขาถวายเครื่องเผาบูชาตามปกติ เครื่องบูชาสำหรับวันขึ้นหนึ่งค่ำและเครื่องบูชาสำหรับเทศกาลอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเทศกาลที่กำหนดไว้ กับถวายเครื่องบูชาตามความสมัครใจของประชากรแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 6 ในวันที่หนึ่งของเดือนที่เจ็ด พวกเขาเริ่มถวายเครื่องเผาบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าแม้ยังไม่ได้เริ่มวางฐานรากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า สร้างพระวิหารขึ้นใหม่ 7 แล้วพวกเขาให้เงินแก่ช่างก่อและช่างไม้ และมอบอาหาร เครื่องดื่ม และน้ำมันแก่ชาวไซดอนและชาวไทระ เพื่อให้ผูกซุงไม้สนซีดาร์จากเลบานอนล่องทะเลมายังเมืองยัฟฟาตามที่ได้รับพระราชานุญาตจากกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย 8 ในเดือนที่สองของปีที่สองหลังจากกลับมาถึงพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็ม เศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอล เยชูอาบุตรโยซาดัก และพี่น้องคนอื่นๆ (คือปุโรหิต ชนเลวี และคนทั้งปวงที่กลับมาจากการเป็นเชลยมายังเยรูซาเล็ม) ก็เริ่มปฏิบัติงาน และแต่งตั้งคนเลวีที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า 9 เยชูอากับบรรดาบุตรชายและพี่น้องของเขา ขัดมีเอลกับบรรดาบุตรชายของเขา (วงศ์วานของโฮดาวิยาห์) และบรรดาบุตรชายของเฮนาดัดกับบรรดาบุตรชายและพี่น้องของพวกเขาซึ่งล้วนอยู่ในเผ่าเลวี ร่วมกันควบคุมดูแลการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า 10 เมื่อช่างก่อสร้างวางฐานรากพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสร็จแล้ว บรรดาปุโรหิตซึ่งสวมเครื่องแต่งกายปุโรหิตและถือแตร คนเลวี (พงศ์พันธุ์ของอาสาฟ) ถือฉาบเข้าประจำที่เพื่อถวายสรรเสริญแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่กษัตริย์ดาวิดแห่งอิสราเอลทรงกำหนดไว้ 11 พวกเขาร้องเพลงสรรเสริญและขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า […]

เอสรา 4

ศัตรูพยายามขัดขวาง 1 เมื่อบรรดาศัตรูของยูดาห์และเบนยามินได้ยินว่า เชลยทั้งหลายกำลังสร้างพระวิหารเพื่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 2 พวกเขาก็มาพบเศรุบบาเบลและหัวหน้าครอบครัวต่างๆ และกล่าวว่า “ขอให้พวกเราช่วยท่านสร้างเถิด เพราะเราก็แสวงหาพระเจ้าของท่านเช่นเดียวกับท่าน เราได้ถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์นับตั้งแต่กษัตริย์เอสารฮัดโดนแห่งอัสซีเรียนำเรามาที่นี่” 3 แต่เศรุบบาเบล เยชูอา และหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ของอิสราเอลตอบว่า “ท่านไม่มีส่วนร่วมกับเราในการสร้างพระวิหารถวายแด่พระเจ้าของเรา เราเท่านั้นที่จะสร้างถวายพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตามที่กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียทรงบัญชาเราไว้” 4 บรรดาคนที่อาศัยอยู่ในถิ่นนั้นจึงพยายามทำลายขวัญของชาวยูดาห์ และทำให้เขาไม่กล้าสร้างต่อ 5 คนเหล่านั้นว่าจ้างที่ปรึกษาไว้คอยก่อกวนขัดขวางงานของพวกเขาตลอดรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซียจวบจนรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซีย การขัดขวางในรัชกาลเซอร์ซีสและอารทาเซอร์ซีส 6 ต้นรัชกาลกษัตริย์เซอร์ซีสพวกเขาตั้งข้อหาฟ้องร้องประชาชนยูดาห์และเยรูซาเล็ม 7 และในรัชกาลของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย บิชลาม มิทเรดาท และทาเบเอลกับพรรคพวกเขียนจดหมายราบทูลพระองค์เป็นภาษาอารเมคและมีผู้แปลถวาย 8 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยเขียนจดหมายฟ้องร้องเยรูซาเล็ม กราบทูลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสดังนี้ว่า 9 ผู้บัญชาการเรฮูมและเลขานุการชิมชัยพร้อมคณะ อันได้แก่ เหล่าตุลาการ และเจ้าหน้าที่ปกครองคนจากทริโปลิส เปอร์เซียเอเรก และบาบิโลน พวกเอลามแห่งสุสา 10 และชนชาติอื่นซึ่งอาชูร์บานิปาลผู้ยิ่งใหญ่และสูงศักดิ์นำตัวมาและให้ตั้งถิ่นฐานในเยรูซาเล็ม สะมาเรีย และทั่วดินแดนใกล้เคียงที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส 11 (สำเนาจดหมายที่พวกเขานำขึ้นกราบทูลกษัตริย์ ความว่า) กราบทูล กษัตริย์อารทาเซอร์ซีส จากบรรดาข้าราชบริพารของพระองค์ที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส 12 ขอกราบทูลให้ทรงทราบว่าชาวยิวซึ่งถูกส่งตัวจากบาบิโลนไปยังเยรูซาเล็มกำลังสร้างนครจอมกบฏและชั่วร้ายนั้นขึ้นใหม่ พวกเขากำลังซ่อมแซมกำแพงเมืองและฐานราก 13 […]

เอสรา 5

จดหมายของทัทเทนัยถึงดาริอัส 1 ฝ่ายผู้เผยพระวจนะฮักกัยและผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์วงศ์วานของอิดโดได้เผยพระวจนะแก่ชาวยิวในยูดาห์และเยรูซาเล็มในพระนามพระเจ้าแห่งอิสราเอลผู้ทรงปกครองเหนือพวกเขา 2 แล้วเศรุบบาเบลบุตรเชอัลทิเอลกับเยชูอาบุตรโยซาดักจึงลงมือก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าในเยรูซาเล็มอีก และผู้เผยพระวจนะของพระเจ้าอยู่เคียงข้างคอยช่วยเหลือพวกเขา 3 ครั้งนั้นทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและเชธาร์โบเซนัยกับพวกมาถามพวกเขาว่า “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารนี้ขึ้นใหม่จนเสร็จ?” 4 ทั้งได้ถามว่า “คนที่ทำการก่อสร้างพระวิหารนี้ชื่ออะไรบ้าง?” 5 แต่พระเจ้าทรงดูแลบรรดาผู้อาวุโสของพวกยิว พวกเขาจึงทำงานรุดหน้าไปไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามส่งรายงานไปกราบทูลกษัตริย์ดาริอัส และพระองค์ทรงส่งสาส์นตอบกลับมา 6 นี่คือสำเนาจดหมายซึ่งทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสและเชธาร์โบเซนัย กับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ที่เป็นพวกพ้องกันที่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติสส่งไปกราบทูลกษัตริย์ดาริอัส 7 รายงานของเขาที่ส่งไปถึงพระองค์ มีใจความว่า กราบทูลกษัตริย์ดาริอัส ขอจงทรงพระเจริญ 8 ข้าพระบาททั้งหลายขอกราบทูลให้ทรงทราบว่า ข้าพระบาททั้งหลายได้ไปยังยูดาห์ ไปยังพระวิหารของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ประชาชนกำลังก่อสร้างโดยใช้หินก้อนใหญ่และบุผนังด้วยไม้กระดาน พวกเขากำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งและงานกำลังคืบหน้าไปภายใต้การดูแลของพวกเขา 9 ข้าพระบาทถามเหล่าผู้อาวุโสว่า “ใครอนุญาตให้พวกเจ้าสร้างพระวิหารนี้ขึ้นใหม่จนเสร็จ?” 10 พร้อมทั้งยังถามเอารายชื่อของคนเหล่านั้นมาเพื่อกราบบังคมทูลฝ่าพระบาท 11 พวกเขาตอบข้าพระบาทว่า “เราเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และเรากำลังสร้างพระวิหารซึ่งเคยสร้างจนสำเร็จเมื่อหลายปีก่อนโดยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งของอิสราเอล 12 แต่เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเรายั่วยุพระพิโรธของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์คนเคลเดีย กษัตริย์แห่งบาบิโลนผู้ทำลายพระวิหารนี้และกวาดต้อนประชาชนไปยังบาบิโลน 13 “แต่ในปีที่หนึ่งของรัชกาลกษัตริย์ไซรัสแห่งบาบิโลน พระองค์ทรงออกพระราชกฤษฎีกาให้สร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ 14 กษัตริย์ไซรัสเองถึงกับทรงคืนเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ทรงยึดไปจากพระวิหารในเยรูซาเล็มไปเก็บไว้ในวิหารที่บาบิโลนนั้นให้ด้วยแล้วกษัตริย์ไซรัสทรงมอบเครื่องใช้เหล่านี้แก่ชายชื่อเชชบัสซาร์ซึ่งทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ว่าการ 15 และทรงบัญชาเชชบัสซาร์ว่า ‘จงนำภาชนะเหล่านั้นไปเก็บไว้ในพระวิหารที่เยรูซาเล็มและจงสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม’ 16 […]

เอสรา 6

พระราชกฤษฎีกาของดาริอัส 1 กษัตริย์ดาริอัสจึงมีพระราชโองการให้สืบค้นในหอจดหมายเหตุที่พระคลังในบาบิโลน 2 ก็พบหนังสือม้วนฉบับหนึ่งในป้อมเอคบาทานาในมณฑลมีเดีย ซึ่งมีข้อความว่า บันทึก 3 ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลกษัตริย์ไซรัส กษัตริย์ทรงมีพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับพระวิหารของพระเจ้าที่เยรูซาเล็มดังนี้ว่า ให้สร้างพระวิหารขึ้นใหม่เพื่อเป็นที่ถวายเครื่องบูชาต่างๆ และวางฐานรากไว้ พระวิหารต้องมีขนาดสูง 60 ศอกและกว้าง 60 ศอก 4 ให้ก่อด้วยหินใหญ่สามชั้นและไม้ซุงอีกหนึ่งชั้น ค่าใช้จ่ายเบิกได้จากพระคลังหลวง 5 อีกทั้งให้นำเครื่องใช้ทองคำและเงินของพระนิเวศของพระเจ้าซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงนำจากพระวิหารในเยรูซาเล็มมายังบาบิโลนกลับไปยังพระวิหารในเยรูซาเล็ม เก็บไว้ในพระนิเวศของพระเจ้าตามเดิม 6 จึงบัญชามายังทัทเทนัยผู้ว่าการอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส กับเชธาร์โบเซนัยและพวกท่านที่เป็นข้าราชการส่วนอื่นๆ ประจำแว่นแคว้นให้หลีกห่างจากที่นั่น 7 อย่าขัดขวางการก่อสร้างพระวิหารของพระเจ้า ให้ผู้ว่าการกับบรรดาผู้อาวุโสของชาวยิวสร้างพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นใหม่ในที่เดิม 8 นอกจากนี้ ในการก่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้า เราขอประกาศกฤษฎีกาให้เจ้าทำสิ่งต่างๆ เพื่อผู้อาวุโสชาวยิวดังต่อไปนี้ ให้อนุมัติเงินค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างเต็มจำนวนแก่พวกเขาจากพระคลังหลวงซึ่งเก็บได้ในเขตอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำยูเฟรติส เพื่องานจะได้ไม่หยุดชะงัก 9 สิ่งใดๆ ที่ต้องใช้เช่น วัวผู้ แกะผู้ และลูกแกะตัวผู้ เพื่อเป็นเครื่องเผาบูชาถวายแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ ทั้งข้าวสาลี เกลือ เหล้าองุ่น และน้ำมัน ซึ่งบรรดาปุโรหิตในเยรูซาเล็มขอมานั้น จงมอบแก่เขาทุกวันไม่ให้ขาด 10 เพื่อพวกเขาจะสามารถถวายเครื่องบูชาเป็นที่พอพระทัยแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ และอธิษฐานเผื่อสวัสดิภาพของกษัตริย์กับเหล่าราชโอรส 11 ยิ่งกว่านั้นเราประกาศว่าหากผู้ใดบิดเบือนข้อความนี้ […]

เอสรา 7

เอสรามายังเยรูซาเล็ม 1 หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ ระหว่างรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งเปอร์เซีย เอสราผู้เป็นบุตรของเสไรอาห์ ผู้เป็นบุตรของอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของฮิลคียาห์ 2 ผู้เป็นบุตรของชัลลูม ผู้เป็นบุตรของศาโดก ผู้เป็นบุตรของอาหิทูบ 3 ผู้เป็นบุตรของอามาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของอาซาริยาห์ ผู้เป็นบุตรของเมราโยท 4 ผู้เป็นบุตรของเศราหิยาห์ ผู้เป็นบุตรของอุสซี ผู้เป็นบุตรของบุคคี 5 ผู้เป็นบุตรของอาบีชูวา ผู้เป็นบุตรของฟีเนหัส ผู้เป็นบุตรของเอเลอาซาร์ ผู้เป็นบุตรของอาโรนหัวหน้าปุโรหิต 6 เอสราผู้นี้เดินทางมาจากบาบิโลน เอสราเป็นครูผู้เชี่ยวชาญในบทบัญญัติของโมเสสซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลประทาน กษัตริย์ประทานทุกอย่างตามที่เขาทูลขอ เพราะพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาอยู่เหนือเขา 7 ชาวอิสราเอลบางคนรวมทั้งปุโรหิต คนเลวี นักร้อง ยามเฝ้าประตู และผู้ช่วยงานในพระวิหารร่วมเดินทางมายังเยรูซาเล็มในปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสด้วย 8 เอสรามาถึงเยรูซาเล็มในเดือนที่ห้าปีที่เจ็ดแห่งรัชกาลของกษัตริย์องค์นั้น 9 เอสราออกเดินทางจากบาบิโลนวันที่หนึ่งเดือนที่หนึ่ง และมาถึงเยรูซาเล็มในวันที่หนึ่งเดือนที่ห้า เพราะพระหัตถ์อันทรงพระคุณของพระเจ้าอยู่เหนือเอสรา 10 เพราะเอสราได้อุทิศตนในการศึกษาและปฏิบัติตามบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเพื่อสอนกฎหมายและบทบัญญัตินั้นในอิสราเอล สาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสถึงเอสรา 11 นี่เป็นสำเนาพระราชสาส์นของกษัตริย์อารทาเซอร์ซีสถึงเอสราผู้เป็นปุโรหิตและเป็นครูซึ่งรอบรู้เกี่ยวกับพระบัญชาและกฎหมายขององค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับอิสราเอล ความว่า 12 จากจอมกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส ถึงปุโรหิตเอสราผู้สอนบทบัญญัติของพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ สวัสดี 13 บัดนี้ เราออกกฤษฎีกาว่า ชาวอิสราเอลคนใดในราชอาณาจักรของเรา […]

เอสรา 8

รายชื่อหัวหน้าครอบครัวที่กลับมากับเอสรา 1 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อเหล่าผู้นำและบรรดาผู้ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับพวกเขา ที่ร่วมทางมากับข้าพเจ้าจากบาบิโลนในรัชกาลอารทาเซอร์ซีส 2 จากวงศ์วานฟีเนหัสคือ เกอร์โชม จากวงศ์วานอิธามาร์คือ ดาเนียล จากวงศ์วานดาวิดคือ ฮัททัช 3 ซึ่งสืบเชื้อสายมาทางเชคานิยาห์ จากวงศ์วานปาโรชคือ เศคาริยาห์ และชายอีก 150 คนที่ขึ้นทะเบียนกับเขา 4 จากวงศ์วานปาหัทโมอับคือ เอลีเอโฮเอนัยบุตรเศราหิยาห์ และชายอีก 200 คน 5 จากวงศ์วานศัทธูคือ เชคานิยาห์บุตรยาฮาซีเอล และชายอีก 300 คน 6 จากวงศ์วานอาดีนคือ เอเบดบุตรโยนาธาน และชายอีก 50 คน 7 จากวงศ์วานเอลามคือ เยชายาห์บุตรอาธาลิยาห์ และชายอีก 70 คน 8 จากวงศ์วานเชฟาทิยาห์คือ เศบาดิยาห์บุตรมีคาเอล และชายอีก 80 คน 9 จากวงศ์วานโยอาบคือ โอบาดีห์บุตรเยฮีเอล และชายอีก 218 คน 10 […]

เอสรา 9

คำอธิษฐานของเอสราเรื่องการแต่งงานกับคนต่างชาติ 1 ภายหลังเหตุการณ์เหล่านั้น เหล่าผู้นำมาแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่า “ประชากรอิสราเอลรวมทั้งปุโรหิตและคนเลวีไม่ได้แยกตัวจากชนชาติเพื่อนบ้าน ซึ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอันน่าชิงชังแบบเดียวกับชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวเยบุส ชาวอัมโมน ชาวโมอับ ชาวอียิปต์ และชาวอาโมไรต์ 2 พวกเขารับบุตรสาวของคนเหล่านั้นมาเป็นภรรยาและเป็นสะใภ้ ทำให้เผ่าพันธุ์บริสุทธิ์ปนเปกับชนชาติทั้งหลายโดยรอบ ทั้งพวกผู้นำและเจ้าหน้าที่ก็เป็นตัวการในเรื่องความไม่ซื่อสัตย์นี้” 3 เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเช่นนี้ก็ฉีกเสื้อผ้าทึ้งผมทึ้งหนวด และนั่งลงด้วยความตระหนกตกใจ 4 แล้วทุกคนที่ยำเกรงพระดำรัสของพระเจ้าแห่งอิสราเอลจนตัวสั่นก็มานั่งล้อมรอบข้าพเจ้า เนื่องด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของเหล่าเชลย ข้าพเจ้านั่งอยู่ที่นั่นด้วยความตกใจจวบจนเวลาถวายเครื่องเผาบูชายามเย็น 5 แล้วเมื่อถึงเวลาถวายเครื่องเผาบูชายามเย็น ข้าพเจ้าจึงลุกขึ้นจากการนั่งเป็นทุกข์ทั้งที่เสื้อผ้าขาดวิ่น คุกเข่าชูมือต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า 6 และอธิษฐานว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อดสูละอายใจเกินกว่าจะเงยหน้าขึ้นต่อพระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายสูงท่วมศีรษะ และความผิดของเหล่าข้าพระองค์ขึ้นถึงฟ้าสวรรค์ 7 นับแต่สมัยบรรพบุรุษจวบจนบัดนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายมีความผิดใหญ่หลวง เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกับกษัตริย์และเหล่าปุโรหิตตกเป็นเหยื่อคมดาบ ตกเป็นเชลยถูกย่ำยีและถูกปล้นชิง ได้รับความอัปยศอดสูโดยน้ำมือของบรรดากษัตริย์ต่างชาติดังเช่นทุกวันนี้ 8 “แต่บัดนี้ ในชั่วขณะหนึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทรงเมตตาให้มีชนหยิบมือที่เหลือ ทรงให้เหล่าข้าพระองค์มีที่มั่นคงในสถานนมัสการของพระองค์ และพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งปวงทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ชื่นตาชื่นใจ บรรเทาจากภาวะคับแค้นที่ตกเป็นทาส 9 ถึงแม้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นทาส พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ทิ้งเหล่าข้าพระองค์ไว้ให้ถูกจองจำ พระองค์ทรงเมตตากรุณาเหล่าข้าพระองค์ต่อหน้าบรรดากษัตริย์แห่งเปอร์เซีย พระองค์ประทานชีวิตใหม่แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพื่อสร้างพระนิเวศของพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายขึ้นใหม่ และซ่อมแซมส่วนที่ปรักหักพัง และประทานปราการป้องกันในยูดาห์และเยรูซาเล็ม 10 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย […]

เอสรา 10

ประชาชนสารภาพบาป 1 ขณะที่เอสราอธิษฐานและสารภาพบาป ร่ำไห้และทิ้งกายลงหน้าพระนิเวศของพระเจ้า ฝูงชนอิสราเอลหมู่ใหญ่ทั้งผู้ชายผู้หญิงและเด็กมาห้อมล้อมเขา พวกเขาร้องไห้อย่างรันทดเช่นกัน 2 แล้วเชคานิยาห์บุตรเยฮีเอลวงศ์วานเอลามกล่าวกับเอสราว่า “พวกข้าพเจ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของเราที่ไปแต่งงานกับผู้หญิงจากชนชาติต่างๆ ที่แวดล้อมเรา แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความหวังเหลืออยู่สำหรับอิสราเอล 3 บัดนี้ให้เราทำพันธสัญญาต่อหน้าพระเจ้าของเราว่าจะทิ้งภรรยาเหล่านี้กับลูกๆ ตามคำแนะนำของเจ้านายของข้าพเจ้ากับบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระบัญชาของพระเจ้าของเรา ขอให้เป็นไปตามบทบัญญัติเถิด 4 ลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้สุดแท้แต่ท่าน เราจะสนับสนุนท่าน ขอให้กล้าหาญและลงมือทำเถิด” 5 ดังนั้นเอสราจึงลุกขึ้นและให้บรรดาหัวหน้าปุโรหิต คนเลวี และชนอิสราเอลทั้งปวงปฏิญาณว่าจะทำตามที่เสนอมา พวกเขาก็ปฏิญาณ 6 แล้วเอสราละจากหน้าพระนิเวศของพระเจ้าเข้าไปในห้องของเยโฮฮานันบุตรเอลียาชีบ ขณะอยู่ที่นั่นเขาไม่รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ เพราะทุกข์โศกเนื่องด้วยความไม่ซื่อสัตย์ของเชลยที่กลับมา 7 จากนั้นมีการออกหมายประกาศทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็มให้เชลยทุกคนมารวมกันที่เยรูซาเล็ม 8 ผู้ใดไม่มาปรากฏตัวภายในสามวันจะถูกริบทรัพย์สินทั้งหมดตามมติของบรรดาเจ้าหน้าที่กับผู้อาวุโส และถูกขับออกจากชุมนุมของพวกเชลย 9 ภายในสามวันคนยูดาห์และเบนยามินทั้งหมดก็มาชุมนุมกันในเยรูซาเล็ม และในวันที่ยี่สิบเดือนที่เก้าประชากรทั้งปวงมานั่งอยู่ในลานหน้าพระนิเวศของพระเจ้า เป็นทุกข์ยิ่งนักเพราะเรื่องนี้และเพราะฝนตก 10 แล้วปุโรหิตเอสราจึงลุกขึ้นและกล่าวแก่พวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายไม่ซื่อสัตย์ ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ เพิ่มความผิดให้อิสราเอล 11 บัดนี้จงสารภาพผิดต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่าน และทำตามพระประสงค์ของพระองค์ จงแยกตัวออกจากชนชาติทั้งหลายโดยรอบและจากภรรยาต่างชาติของท่าน” 12 ทั้งชุมชนก็ตอบเสียงดังว่า “ท่านพูดถูก! เราต้องทำตามที่ท่านบอก 13 แต่เรื่องนี้ไม่อาจจัดการให้เสร็จภายในวันสองวัน เพราะเราได้ทำบาปมากในเรื่องนี้ และที่นี่มีคนมากมาย […]