เศคาริยาห์ 1

เรียกร้องให้กลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า 1 ในเดือนที่แปดของปีที่สองแห่งรัชกาลดาริอัส พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์บุตรเบเรคิยาห์บุตรอิดโดว่า 2 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธบรรพบุรุษของพวกเจ้ายิ่งนัก 3 ฉะนั้นจงบอกเหล่าประชากรดังนี้ว่า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘จงกลับมาหาเรา’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า ‘แล้วเราจะกลับมาหาพวกเจ้า’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น 4 อย่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษของพวกเจ้า ซึ่งบรรดาผู้เผยพระวจนะแต่ก่อนเคยประกาศดังนี้ว่า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘จงหันจากวิถีและความประพฤติอันชั่วช้าของพวกเจ้า’ แต่พวกเขาไม่ได้ฟังหรือใส่ใจเราเลยองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 5 บัดนี้บรรพบุรุษของพวกเจ้าไปไหนเสียแล้ว? และบรรดาผู้เผยพระวจนะมีชีวิตยืนยงตลอดกาลหรือ? 6 แต่ถ้อยคำและกฎหมายซึ่งเราสั่งเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเราก็เป็นจริงกับบรรพบุรุษของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ? “แล้วเขาเหล่านั้นก็สำนึกผิดและกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ทรงทำกับเราอย่างสาสมกับวิถีและความประพฤติของเราตามที่พระองค์ทรงตัดสินพระทัยไว้แล้ว’ ” ชายผู้อยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียว 7 ในวันที่ยี่สิบสี่เดือนเชบัท คือเดือนที่สิบเอ็ดของปีที่สองแห่งรัชกาลดาริอัส พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์บุตรเบเรคิยาห์บุตรอิดโด 8 ยามค่ำคืนข้าพเจ้าเห็นนิมิตตรงหน้าข้าพเจ้า มีชายคนหนึ่งขี่ม้าสีแดง! เขายืนอยู่ในหมู่ต้นน้ำมันเขียวในลำห้วย ข้างหลังเขามีม้าสีแดง ม้าสีน้ำตาล และม้าสีขาว 9 ข้าพเจ้าถามว่า “ท่านเจ้าข้า สิ่งเหล่านี้คืออะไร?” ทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าตอบว่า “เราจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าคืออะไร” 10 แล้วชายคนที่ยืนในหมู่ต้นน้ำมันเขียวอธิบายว่า “พวกเขาคือผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งไปทั่วโลก” 11 แล้วพวกเขามารายงานทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งยืนอยู่กลางหมู่ต้นน้ำมันเขียวว่า “เราได้ไปทั่วโลก และพบว่าทั่วโลกก็พักสงบอยู่” 12 แล้วทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระองค์จะทรงยับยั้งพระเมตตาจากเยรูซาเล็มและหัวเมืองต่างๆ […]

เศคาริยาห์ 2

ชายที่ถือสายวัด 1 แล้วข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้น เห็นชายคนหนึ่งถือสายวัดอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า! 2 ข้าพเจ้าถามว่า “ท่านจะไปไหน?” เขาตอบว่า “ไปวัดกรุงเยรูซาเล็มดูว่ากว้างยาวแค่ไหน” 3 แล้วทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าก็จากไป มีทูตสวรรค์อีกองค์มาพบทูตองค์นั้น 4 และกล่าวกับเขาว่า “วิ่งไปบอกชายหนุ่มผู้นั้นเถิดว่า ‘เยรูซาเล็มจะมีผู้คนและฝูงสัตว์อาศัยอยู่แน่นหนา จนทำกำแพงล้อมไว้ไม่ได้ 5 และเราเองจะเป็นกำแพงไฟล้อมกรุงเยรูซาเล็ม และเป็นสง่าราศีในกรุงนั้น’องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น” 6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “มาเถิด! มาเถิด! จงหนีไปจากดินแดนภาคเหนือเพราะเราได้ทำให้เจ้ากระจัดกระจายไปกับลมทั้งสี่แห่งฟ้าสวรรค์”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 7 “มาเถิดศิโยนเอ๋ย จงหนีเถิด เจ้าทั้งหลายผู้เป็นเชลยอยู่ในบาบิโลน!” 8 เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า “หลังจากพระองค์ประทานเกียรติแก่เรา และทรงใช้เรามาต่อสู้กับชนชาติทั้งหลายที่มาปล้นเจ้า เพราะผู้ใดแตะต้องเจ้าก็แตะต้องแก้วพระเนตรของพระองค์ 9 แน่นอนเราจะเงื้อมือขึ้นฟาดพวกเขา เพื่อทาสของพวกเขาจะปล้นพวกเขา แล้วเจ้าจะรู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ทรงใช้เรามา 10 “ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องยินดีเถิด เพราะเรากำลังจะมา และเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 11 “ชนชาติมากมายจะร่วมอยู่ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าในวันนั้น และจะเป็นประชากรของเรา เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า และพวกเจ้าจะรู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ทรงใช้เรามาหาพวกเจ้า 12 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้ยูดาห์เป็นกรรมสิทธิ์ส่วนของพระองค์ในดินแดนบริสุทธิ์ และจะทรงเลือกสรรเยรูซาเล็มอีกครั้ง 13 มวลมนุษยชาติเอ๋ย จงนิ่งสงบต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์เสด็จขึ้นจากที่ประทับอันบริสุทธิ์แล้ว” —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ZEC/2-5b87e851d90085a492eb010bc5ceea94.mp3?version_id=179—

เศคาริยาห์ 3

เครื่องแต่งกายสะอาดสำหรับมหาปุโรหิต 1 แล้วทูตองค์นั้นได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นมหาปุโรหิตโยชูวายืนอยู่ต่อหน้าทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าและซาตานยืนอยู่ขวามือของเขาเพื่อกล่าวหาเขา 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับซาตานว่า “ซาตาน!องค์พระผู้เป็นเจ้าตำหนิเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เลือกสรรเยรูซาเล็มตำหนิเจ้า! ชายผู้นี้เป็นดุ้นฟืนติดไฟที่ถูกดึงออกจากไฟไม่ใช่หรือ?” 3 โยชูวานั้นสวมเสื้อผ้าสกปรกยืนอยู่ต่อหน้าทูตสวรรค์องค์นั้น 4 ทูตนั้นกล่าวแก่บรรดาผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาว่า “ถอดเสื้อผ้าสกปรกของเขาออกเถิด” แล้วกล่าวกับโยชูวาว่า “ดูเถิด เราได้ปลดเปลื้องบาปของเจ้าออกไปแล้ว และเราจะให้เจ้าสวมเสื้อผ้างดงาม” 5 ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “ขอให้เอาผ้าโพกศีรษะที่สะอาดมาโพกให้เขา” แล้วพวกเขาก็โพกศีรษะโยชูวาด้วยผ้าสะอาดและแต่งกายให้ขณะที่ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ายืนอยู่ใกล้ๆ 6 ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวกำชับโยชูวาว่า 7 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘หากเจ้าดำเนินในวิถีทางของเรา และรักษากฎเกณฑ์ของเรา เจ้าจะได้ปกครองนิเวศของเรา รวมทั้งลานวิหารของเรา เราจะให้เจ้าดำเนินอยู่ต่อหน้าเราร่วมกับคนเหล่านี้ที่ยืนอยู่ที่นี่ 8 “ ‘ฟังเถิด มหาปุโรหิตโยชูวาและเพื่อนร่วมงานซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าเจ้า พวกเจ้าผู้เป็นคนซึ่งเป็นสัญลักษณ์บ่งถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เราจะนำผู้รับใช้ของเรามาคือ “กิ่ง” 9 จงดูศิลาที่เราตั้งไว้ตรงหน้าโยชูวาเถิด! ศิลาก้อนเดียวมีเจ็ดเหลี่ยมและเราจะสลักคำจารึกบนศิลานั้น’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘และเราจะขจัดบาปของดินแดนนี้ภายในวันเดียว 10 “ ‘ในวันนั้น พวกเจ้าแต่ละคนจะเชิญเพื่อนบ้านมานั่งใต้เถาองุ่นและต้นมะเดื่อของตน’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น” —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ZEC/3-4a3117e93bd20de59e53ef48d906acb5.mp3?version_id=179—

เศคาริยาห์ 4

คันประทีปทองคำและต้นมะกอกเทศสองต้น 1 แล้วทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้ากลับมาปลุกข้าพเจ้า เหมือนปลุกให้ตื่นจากหลับ 2 ทูตนั้นถามข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้าตอบว่า “เห็นคันประทีปทองคำ มีชามน้ำมันอยู่บนยอด และมีตะเกียงเจ็ดดวง โดยมีท่อตะเกียงเจ็ดท่อส่งน้ำมันไปจุดตะเกียง 3 มีต้นมะกอกเทศสองต้นอยู่ใกล้คันประทีปนั้น ต้นหนึ่งอยู่ทางขวาของชามน้ำมันและอีกต้นอยู่ทางซ้าย” 4 ข้าพเจ้าถามทูตที่สนทนากับข้าพเจ้าว่า “ท่านเจ้าข้า สิ่งเหล่านั้นคืออะไร?” 5 ทูตนั้นย้อนถามว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าสิ่งเหล่านี้คืออะไร?” ข้าพเจ้าตอบว่า “ท่านเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่ทราบ” 6 ทูตนั้นจึงกล่าวว่า “ก่อนอื่นเจ้าจงแจ้งเศรุบบาเบลถึงพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่มีมาถึงเขาว่า ‘ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์อำนาจ แต่โดยวิญญาณของเรา’ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น 7 “ภูเขาที่ยิ่งใหญ่เอ๋ย เจ้ามีอะไรดี? ต่อหน้าเศรุบบาเบลเจ้าจะราบเป็นหน้ากลอง แล้วเขาจะนำศิลามุมเอกมาสถาปนาในพระวิหารท่ามกลางเสียงโห่ร้องว่า ‘ขอพระเจ้าทรงอวยพรพระวิหาร! ขอพระเจ้าทรงอวยพรพระวิหาร!’ ” 8 แล้วมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 9 “เศรุบบาเบลได้ลงมือวางฐานรากของพระวิหารแห่งนี้ และมือของเขาจะสร้างจนสำเร็จ แล้วเจ้าจะรู้ว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงส่งเรามาหาพวกเจ้า 10 “ใครบังอาจดูถูกสิ่งเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในวันนี้? เพราะพระเนตรทั้งเจ็ดขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมองไปทั่วพิภพจะชื่นชมยินดีเมื่อเห็นศิลามุมเอกที่คัดสรรอยู่ในมือเศรุบบาเบล” 11 แล้วข้าพเจ้าจึงถามทูตองค์นั้นว่า “ต้นมะกอกเทศทั้งสองต้นที่ขนาบด้านซ้ายและขวาของคันประทีปหมายถึงอะไร?” 12 และข้าพเจ้าถามอีกว่า “กิ่งมะกอกเทศทั้งสองกิ่งที่อยู่ข้างๆ […]

เศคาริยาห์ 5

หนังสือม้วนบินได้ 1 ข้าพเจ้ามองดูอีกครั้งก็เห็นหนังสือม้วนบินไป 2 ทูตองค์นั้นถามข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้าตอบว่า “ข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนบินอยู่ ยาว 20 ศอก กว้าง 10 ศอก” 3 แล้วทูตนั้นบอกข้าพเจ้าว่า “นี่เป็นคำสาปแช่งซึ่งไปทั่วดินแดน ตามที่มีข้อความระบุไว้ด้านหนึ่งว่าขโมยทุกคนจะถูกขับไล่ออกไป และอีกด้านหนึ่งระบุว่าทุกคนที่สาบานเท็จจะถูกขับไล่ออกไปด้วย 4 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศว่า ‘เราจะส่งคำสาปแช่งนี้ออกไปและมันจะเข้าไปในบ้านของขโมยและคนที่สาบานเท็จในนามของเรา คำสาปแช่งนี้จะอยู่เหนือบ้านของคนเหล่านั้นและทำลายบ้านนั้นลงทั้งไม้และหิน’ ” ผู้หญิงในถังตวง 5 แล้วทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้านั้นออกมากล่าวกับข้าพเจ้าว่า “มองไปเถิด ดูว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น” 6 ข้าพเจ้าก็ถามว่า “นั่นคืออะไร?” ทูตนั้นตอบว่า “มันคือถังตวง” เขากล่าวต่อไปว่า “ถังนี้จุความชั่วช้าของประชาชนทั่วทั้งแผ่นดิน” 7 แล้วฝาตะกั่วของถังก็ถูกยกขึ้น ในถังนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่! 8 ทูตนั้นกล่าวว่า “นี่คือความชั่วร้าย” แล้วก็ผลักหญิงนั้นลงไปในถังตามเดิมและดันฝาตะกั่วปิดปากถัง 9 แล้วข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นและเห็นผู้หญิงสองคนมีปีกเหมือนนกกระสา บินตรงมาหาเรา พวกนางมายกถังนั้นบินทะยานขึ้นไปในอากาศ 10 ข้าพเจ้าถามทูตที่สนทนากับข้าพเจ้าว่า “หญิงทั้งสองจะเอาถังไปที่ไหน?” 11 ทูตสวรรค์ตอบว่า “ไปยังดินแดนบาบิโลนเพื่อสร้างบ้านหลังหนึ่งให้ เมื่อสร้างเสร็จแล้วก็จะวางถังนั้นเก็บเข้าที่” —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ZEC/5-d1a1488b8478a8638c07b849a6f81457.mp3?version_id=179—

เศคาริยาห์ 6

รถรบทั้งสี่ 1 ข้าพเจ้าเงยหน้าเห็นรถม้าศึกสี่คันตรงหน้า แล่นออกมาจากระหว่างภูเขาทองสัมฤทธิ์สองลูก 2 รถม้าศึกคันแรกเทียมม้าแดง คันที่สองเทียมม้าดำ 3 คันที่สามเทียมม้าขาว คันที่สี่เทียมม้าด่าง ทั้งสี่ล้วนทรงอานุภาพ 4 ข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าว่า “ท่านเจ้าข้า สิ่งเหล่านี้คืออะไร?” 5 ทูตนั้นตอบว่า “เหล่านี้คือวิญญาณทั้งสี่แห่งฟ้าสวรรค์ ซึ่งออกมาจากเบื้องพระพักตร์องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งมวลพิภพ 6 คันที่เทียมม้าดำจะไปยังดินแดนภาคเหนือ คันที่เทียมม้าขาวไปทางตะวันตกและคันที่เทียมม้าด่างไปทางใต้” 7 เมื่อม้าทรงอานุภาพเหล่านั้นออกมา พวกมันกระตือรือร้นอยากจะไปทั่วโลก ทูตสวรรค์กล่าวว่า “จงไปทั่วโลก!” แล้วพวกมันก็ออกไปทั่วโลก 8 แล้วทูตนั้นร้องบอกข้าพเจ้าว่า “ดูเถิด พวกที่ไปยังดินแดนภาคเหนือนั้นทำให้พระวิญญาณของเราสงบนิ่งในดินแดนภาคเหนือ” มงกุฎสำหรับโยชูวา 9 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 10 “จงรับเงินและทองคำจากเฮลดัย โทบียาห์ และเยดายาห์เชลยจากบาบิโลนที่เพิ่งมาถึงนั้น นำไปยังบ้านของโยสิยาห์บุตรเศฟันยาห์ในวันนั้น 11 นำเงินและทองคำนั้นไปทำมงกุฎ และสวมให้มหาปุโรหิตโยชูวาบุตรเยโฮซาดัก 12 บอกเขาว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘นี่คือผู้ที่ได้ชื่อว่า “กิ่ง” เขาจะแตกกิ่งก้านสาขาจากที่ของเขาและสร้างวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 13 เขาคือผู้ที่จะสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาจะได้รับเกียรติบารมีเป็นอาภรณ์และนั่งบนบัลลังก์ทำหน้าที่ปกครอง และเขาจะเป็นทั้งกษัตริย์และปุโรหิตอย่างกลมกลืน’ 14 แล้วเก็บมงกุฎนั้นไว้ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อเป็นการระลึกถึงเฮลดัยโทบียาห์ เยดายาห์ และโยสิยาห์บุตรของเศฟันยาห์ […]

เศคาริยาห์ 7

ความยุติธรรมและความเมตตา ไม่ใช่การอดอาหาร 1 ในวันที่สี่เดือนคิสเลฟอันเป็นเดือนที่เก้าของปีที่สี่แห่งรัชกาลดาริอัส พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเศคาริยาห์ 2 ชาวเบธเอลได้ส่งชาเรเซอร์และเรเกมเมเลคกับพรรคพวกมาทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า 3 โดยให้มาถามปุโรหิตที่พระนิเวศของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์และบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า “ข้าพเจ้าควรไว้ทุกข์และถืออดอาหารในเดือนที่ห้าเหมือนที่ได้ทำมาตลอดหลายปีหรือไม่?” 4 แล้วมีพระดำรัสของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์มาถึงข้าพเจ้าว่า 5 “จงถามประชาชนทั้งปวงและบรรดาปุโรหิตว่า ‘ตลอดเจ็ดสิบปีมานี้ เมื่อเจ้าถืออดอาหารและทูลอ้อนวอนในเดือนที่ห้าและในเดือนที่เจ็ดนั้น เจ้าถืออดอาหารเพื่อเราจริงหรือ? 6 และเมื่อเจ้ากินดื่ม เจ้าก็ฉลองเพื่อตัวเองไม่ใช่หรือ? 7 เมื่อครั้งเยรูซาเล็มและหัวเมืองทั้งหลายโดยรอบยังรุ่งเรืองและสงบสุข เนเกบและเชิงเขาตะวันตกยังมีผู้คนตั้งรกรากอยู่ ก็มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเตือนไว้อย่างนี้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะคนก่อนๆ ไม่ใช่หรือ?’ ” 8 แล้วมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเศคาริยาห์อีกว่า 9 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘จงผดุงความยุติธรรมที่แท้จริง แสดงความเมตตาเห็นอกเห็นใจต่อกัน 10 อย่ากดขี่ข่มเหงแม่ม่ายหรือลูกกำพร้าพ่อ คนต่างด้าวหรือผู้ยากไร้ อย่าให้ท่านมีใจคิดร้ายต่อกัน’ 11 “แต่พวกเขาก็ไม่ยอมใส่ใจฟัง เขาอุดหูและหันหลังให้เราอย่างดื้อด้าน 12 เขาทำใจให้แข็งกระด้างดั่งหินเหล็กไฟ และไม่ยอมฟังบทบัญญัติหรือถ้อยคำที่พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์มีมาถึงพวกเขาโดยพระวิญญาณของพระองค์ผ่านทางผู้เผยพระวจนะคนก่อนๆ ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จึงทรงพระพิโรธยิ่งนัก 13 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘เมื่อเราร้องเรียก พวกเขาไม่ฟัง ฉะนั้นเมื่อพวกเขาร้องเรียก เราก็จะไม่ฟัง 14 เราใช้พายุหมุนทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปเป็นคนแปลกถิ่นในหมู่ชนชาติต่างๆ ดินแดนของเขาจะถูกทิ้งร้างอยู่ข้างหลัง ไม่มีใครผ่านไปมา เขาทำให้ดินแดนอันน่าอภิรมย์กลับเริศร้างไปเช่นนี้’ ” —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ZEC/7-6a4a8bddd47e9f7de9b7a34239430f61.mp3?version_id=179—

เศคาริยาห์ 8

องค์พระผู้เป็นเจ้า 1 อีกครั้งหนึ่งมีพระดำรัสของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์มาถึงข้าพเจ้าว่า 2 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “เราหวงแหนศิโยนยิ่งนัก เราหวงแหนด้วยใจที่รุ่มร้อน” 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “เราจะกลับมาหาศิโยน มาอยู่ในเยรูซาเล็ม แล้วเยรูซาเล็มจะได้ชื่อว่า ‘นครแห่งความจริง’ และภูเขาของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะได้ชื่อว่า ‘ภูเขาศักดิ์สิทธิ์’ ” 4 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “ตามถนนหนทางในเยรูซาเล็มจะกลับมีชายหญิงที่แก่หง่อม ถือไม้เท้านั่งอยู่เหมือนแต่ก่อน 5 ตามท้องถนนก็มีเด็กชายหญิงวิ่งเล่นอยู่” 6 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “มันอาจดูเป็นไปไม่ได้สำหรับชนหยิบมือที่เหลืออยู่นี้ แต่สำหรับเราแล้วมันจะเป็นไปไม่ได้เชียวหรือ?” พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น 7 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “เราจะช่วยประชากรของเราจากประเทศต่างๆ ทางตะวันออกและตะวันตก 8 เราจะพาพวกเขากลับมาอยู่ที่เยรูซาเล็ม เขาจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าผู้ซื่อสัตย์และชอบธรรมของเขา” 9 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “พวกเจ้าซึ่งบัดนี้ฟังถ้อยคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะซึ่งอยู่ด้วยเมื่อครั้งวางฐานรากพระนิเวศของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ จงให้มือของเจ้าเข้มแข็งเพื่อสร้างพระวิหารให้สำเร็จ 10 ก่อนหน้านั้นไม่มีค่าจ้างให้คนหรือสัตว์ ผู้คนที่สัญจรไปมาเพื่อค้าขายก็ไม่ปลอดภัยจากศัตรู เพราะเราทำให้เพื่อนบ้านทุกคนเป็นศัตรูกัน 11 แต่เดี๋ยวนี้เราจะไม่ทำกับชนหยิบมือที่เหลืออยู่เหมือนในอดีต” พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนั้น 12 “เมล็ดจะงอกงาม เถาองุ่นจะออกผล ผืนแผ่นดินจะให้พืชผล และฟ้าจะหยาดน้ำค้างลงมา เราจะมอบสิ่งทั้งปวงนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของชนหยิบมือที่เหลืออยู่ 13 ยูดาห์และอิสราเอลเอ๋ย เจ้าเคยเป็นที่สาปแช่งในหมู่ชนชาติทั้งหลายนั้นอย่างไร เราจะช่วยเจ้าและเจ้าจะเป็นพระพรอย่างนั้น […]

เศคาริยาห์ 9

การพิพากษาศัตรูของอิสราเอล 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ประณามดินแดนหัดราก และดามัสกัส เพราะตาของมนุษย์และอิสราเอลทุกเผ่า จับจ้องที่องค์พระผู้เป็นเจ้า 2 และทรงประณามฮามัทซึ่งอยู่ใกล้ดามัสกัส และประณามไทระกับไซดอนด้วย ถึงแม้ว่าพวกเขาช่ำชองนัก 3 ไทระสร้างปราการป้องกันเมือง สะสมเงินไว้มากมายเหมือนธุลี และมีทองมากมายเหมือนฝุ่นตามถนน 4 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงริบทรัพย์สมบัติของเมืองนั้นไป และทำลายอำนาจทางทะเลของมัน และเผาผลาญมันด้วยไฟ 5 อัชเคโลนจะเห็นแล้วหวาดกลัว กาซาจะทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส เอโครนก็เช่นกันเพราะความหวังของมันอับเฉา กาซาจะสูญเสียกษัตริย์ และอัชเคโลนจะถูกทิ้งร้าง 6 ชนต่างชาติจะครอบครองอัชโดด และเราจะกำจัดความหยิ่งผยองของชาวฟีลิสเตีย 7 เราจะเอาเลือดออกจากปากของพวกเขา และเอาอาหารต้องห้ามออกจากซี่ฟันของพวกเขา บรรดาผู้เหลือรอดอยู่จะเป็นของพระเจ้าของเรา และจะกลายเป็นผู้นำในยูดาห์ และเอโครนจะเป็นเหมือนชาวเยบุส 8 แต่เราจะปกป้องนิเวศของเรา จากกองกำลังที่มาปล้นชิง ผู้กดขี่จะไม่มาย่ำยีบีฑาประชากรของเราอีก เพราะบัดนี้เรากำลังจับตาดูอยู่ การเสด็จมาของกษัตริย์ศิโยน 9 ธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย! จงชื่นชมยินดีเหลือล้น ธิดาแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย! จงโห่ร้อง ดูเถิด กษัตริย์ของเจ้าเสด็จมาหาเจ้า ทรงชอบธรรมและนำความรอดมา ทรงอ่อนโยนและประทับมาบนหลังลา ทรงลูกลาเสด็จมา 10 เราจะกำจัดรถม้าศึกจากเอฟราอิม และม้าศึกจากเยรูซาเล็ม ลูกธนูในการรบจะถูกหักทิ้ง พระองค์จะประกาศสันติภาพแก่นานาประชาชาติ […]

เศคาริยาห์ 10

พระเจ้าจะทรงดูแลยูดาห์ 1 จงทูลขอฝนในฤดูใบไม้ผลิจากองค์พระผู้เป็นเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้านี่แหละเป็นผู้สร้างเมฆและพายุ พระองค์ประทานสายฝนแก่มนุษย์ และพืชพันธุ์ธัญญาหารแก่ทุกคน 2 เทวรูปต่างๆ ให้คำตอบหลอกลวง หมอดูเห็นนิมิตจอมปลอม เขาเล่าความฝันเท็จ และให้คำปลอบใจอันเปล่าประโยชน์ ฉะนั้นประชาชนจึงหลงเตลิดไปเหมือนแกะ ถูกข่มเหงรังแกเพราะไม่มีคนเลี้ยง 3 “เราโกรธบรรดาคนเลี้ยงแกะยิ่งนัก และจะลงโทษบรรดาผู้นำ เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะทรงดูแล ฝูงแกะของพระองค์ คือพงศ์พันธุ์ยูดาห์ และทรงทำให้พวกเขาเหมือนม้าศึกทะนงองอาจในสงคราม 4 ศิลามุมเอกจะมาจากยูดาห์ อีกทั้งหมุดเต็นท์ ธนูศึก และผู้ปกครองทุกคน 5 เขาทั้งปวงจะเป็นนักรบเกรียงไกร ย่ำไปบนถนนโคลนเลนในสงคราม เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับพวกเขา พวกเขาจะต่อสู้และพิชิตพลม้า 6 “เราจะทำให้พงศ์พันธุ์ยูดาห์เข้มแข็งขึ้น และช่วยเหลือพงศ์พันธุ์โยเซฟ เราจะกู้พวกเขากลับคืนมา เพราะเราสงสารพวกเขา พวกเขาจะเป็นเหมือน คนที่ไม่เคยถูกเราทอดทิ้งเลย เพราะเราเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา เราจะตอบพวกเขา 7 ชาวเอฟราอิมจะเป็นดั่งนักรบเกรียงไกร จิตใจของพวกเขาจะเปรมปรีดิ์เหมือนได้ดื่มเหล้าองุ่น ลูกหลานของพวกเขาจะเห็นแล้วชื่นชมยินดียิ่งนัก จิตใจของพวกเขาจะชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า 8 เราจะให้สัญญาณ และรวบรวมพวกเขามา แน่นอนเราจะไถ่พวกเขา พวกเขาจะมีจำนวนมากมายเหมือนแต่ก่อน 9 แม้ว่าเราทำให้พวกเขากระจัดกระจายไปในหมู่ชนชาติต่างๆ แต่ในแดนไกลโพ้นพวกเขาจะระลึกถึงเรา พวกเขากับลูกหลานจะอยู่รอด และพวกเขาจะกลับมา […]