เยเรมีย์ 31

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ในครั้งนั้น เราจะเป็นพระเจ้าของอิสราเอลทุกตระกูล และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา” 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ชนชาติที่รอดชีวิตจากคมดาบ จะได้รับพระคุณในถิ่นกันดาร เราจะมาเพื่อให้อิสราเอลได้พักสงบ” 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปรากฏแก่พวกเราในอดีตและตรัสว่า “เราได้รักเจ้าด้วยความรักนิรันดร์ เราได้โน้มนำเจ้าเข้ามาหาเราด้วยความรักความเอ็นดู 4 อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย เราจะสร้างเจ้าขึ้นมาอีก และเจ้าจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ เจ้าจะหยิบรำมะนาขึ้นมาอีกครั้ง และออกไปเต้นรำกับผู้ที่รื่นเริงยินดี 5 เจ้าจะทำไร่องุ่น บนภูเขาของสะมาเรียอีกครั้ง กสิกรจะเพาะปลูก และชื่นชมกับพืชผลที่ได้ 6 จะมีวันหนึ่งซึ่งยามรักษาการณ์ร้องบอก บนภูเขาของเอฟราอิมว่า ‘มาเถิด ให้พวกเราขึ้นไปยังศิโยน ไปเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’ ” 7 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงร้องเพลงรื่นเริงยินดีให้ยาโคบ จงโห่ร้องให้กับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่ประชาชาติ จงร้องเพลงสรรเสริญให้ได้ยินทั่วกันว่า ‘ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงช่วยชนหยิบมือที่เหลือของอิสราเอล ประชากรของพระองค์’ 8 ดูเถิด เราจะนำพวกเขามาจากดินแดนทางเหนือ และรวบรวมพวกเขามาจากสุดปลายแผ่นดินโลก ในหมู่พวกเขามีคนตาบอดและคนง่อย หญิงมีครรภ์และผู้หญิงที่กำลังจะคลอดลูก ฝูงชนกลุ่มใหญ่จะกลับมา 9 พวกเขาจะร้องไห้มา พวกเขาจะอธิษฐานขณะที่เรานำพวกเขากลับมา เราจะนำพวกเขาเลียบธารน้ำ มาตามทางราบเรียบซึ่งพวกเขาจะไม่สะดุดล้ม เพราะเราเป็นบิดาของอิสราเอล และเอฟราอิมเป็นลูกชายหัวปีของเรา 10 “ประชาชาติทั้งหลาย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า […]

เยเรมีย์ 32

เยเรมีย์ซื้อที่ดิน 1 นี่เป็นพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ในปีที่สิบของรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่สิบแปดของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 2 ขณะนั้นกองทัพของกษัตริย์บาบิโลนกำลังล้อมกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ถูกกักตัวไว้ในลานทหารรักษาพระองค์ในพระราชวังของกษัตริย์ยูดาห์ 3 กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ให้คุมขังเยเรมีย์ไว้ที่นั่น พระองค์ตรัสว่า “เหตุใดเจ้าจึงพยากรณ์เช่นนั้น? เจ้าพูดว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เรากำลังจะมอบกรุงนี้ให้กษัตริย์บาบิโลนยึดครอง 4 กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์จะหนีไม่พ้นเงื้อมมือของชาวบาบิโลนแต่จะตกอยู่ในเงื้อมมือของกษัตริย์บาบิโลนอย่างแน่นอน เขาจะได้เห็นเนบูคัดเนสซาร์กับตาและจะได้พูดกันซึ่งๆ หน้า 5 เนบูคัดเนสซาร์จะนำตัวเศเดคียาห์ไปยังบาบิโลน และเขาต้องอยู่ที่นั่นจวบจนวันที่เราจัดการกับเนบูคัดเนสซาร์’องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ‘ถ้าเจ้าต่อสู้กับทัพบาบิโลน เจ้าจะไม่ชนะ’ ” 6 เยเรมีย์กล่าวว่า “พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าดังนี้ว่า 7 ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าคือฮานัมเอลบุตรชัลลูมจะมาหาเจ้าและกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านซื้อที่นาของข้าพเจ้าในเมืองอานาโธท ท่านมีสิทธิและหน้าที่ที่จะซื้อเอาไว้ในฐานะญาติที่สนิทที่สุด’ 8 “แล้วฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้าก็มาเยี่ยมข้าพเจ้าที่ลานทหารรักษาพระองค์ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ และกล่าวว่า ‘ขอให้ซื้อที่นาของข้าพเจ้าในอานาโธทเขตเบนยามินเถิด เพราะท่านมีสิทธิ์ไถ่และครอบครอง ขอให้ซื้อไว้เป็นของท่าน’ “ข้าพเจ้ารู้แน่ว่านี่คือพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 9 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงซื้อที่ดินผืนนั้นจากฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้า และชั่งเงินหนัก 17 เชเขลให้เขา 10 ข้าพเจ้าลงชื่อและประทับตราในสัญญาซื้อขายต่อหน้าพยาน แล้วเอาเงินมาชั่งจ่ายให้เขา 11 แล้วข้าพเจ้าหยิบสัญญาที่ประทับตราแล้วซึ่งระบุเงื่อนไขและข้อกำหนดต่างๆ พร้อมทั้งสำเนาซึ่งไม่ได้ประทับตรา 12 ข้าพเจ้ายื่นเอกสารเหล่านี้ให้แก่บารุคบุตรเนริยาห์ซึ่งเป็นบุตรของมาอาเสอาห์ ต่อหน้าฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้าและพยานทั้งหลายที่ได้ลงนามในสัญญา และต่อหน้าชาวยิวทั้งปวงที่นั่งอยู่ในลานทหารรักษาพระองค์ 13 “แล้วข้าพเจ้ากล่าวกำชับบารุคต่อหน้าคนเหล่านั้นว่า 14 […]

เยเรมีย์ 33

พระสัญญาว่าจะให้กลับสู่สภาพดี 1 ขณะที่เยเรมีย์ยังถูกกักตัวอยู่ที่ลานทหารรักษาพระองค์ พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเขาเป็นครั้งที่สองว่า 2 “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างโลก ผู้ทรงกำหนดรูปร่างและทรงสถาปนามันไว้ ผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ 3 ‘จงร้องเรียกเราและเราจะตอบเจ้า และจะบอกถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ สิ่งที่เจ้าไม่รู้ และไม่อาจค้นพบได้นั้นแก่เจ้า’ 4 ด้วยว่าพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสเกี่ยวกับบ้านเรือนในกรุงนี้และพระราชวังของกษัตริย์ยูดาห์ซึ่งถูกรื้อลงเพื่อใช้ต้านเชิงเทินและดาบ 5 ในการต่อสู้กับชาวบาบิโลนนั้นว่า ‘สถานที่เหล่านี้จะเต็มไปด้วยซากศพของผู้ที่เราประหารด้วยความโกรธและด้วยโทสะของเรา เราจะเบือนหน้าหนีกรุงนี้เพราะความชั่วร้ายทั้งปวงของมัน 6 “ ‘อย่างไรก็ตามเราจะนำสุขภาพที่ดีและการบำบัดรักษามายังกรุงนี้ เราจะรักษาประชากรของเรา และจะให้พวกเขาชื่นชมกับสันติสุขและความมั่นคงอย่างล้นเหลือ 7 เราจะนำยูดาห์และอิสราเอลกลับมาจากการเป็นเชลยและเราจะสร้างพวกเขาขึ้นใหม่ให้เหมือนแต่ก่อน 8 เราจะชำระล้างพวกเขาจากบาปทั้งหมดที่พวกเขาได้ทำต่อเรา และให้อภัยบาปทั้งหมดที่พวกเขาได้กบฏต่อเรา 9 แล้วกรุงนี้จะนำเกียรติ ความชื่นชมยินดี และคำสรรเสริญมาให้เราต่อหน้ามวลประชาชาติในโลกที่ได้ยินสิ่งดีงามทั้งปวงที่เราทำเพื่อกรุงนี้ พวกเขาจะยำเกรงจนตัวสั่นเมื่อได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองและความสงบสุขอันไพบูลย์ซึ่งเราให้แก่กรุงนี้’ 10 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เจ้ากล่าวถึงสถานที่แห่งนี้ว่า “เป็นแดนร้าง ไม่มีคนหรือสัตว์อาศัยอยู่” แต่ในหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์และตามถนนหนทางของเยรูซาเล็มซึ่งถูกทิ้งร้างและไม่มีทั้งคนหรือสัตว์อาศัยอยู่จะมีเสียงให้ได้ยินอีกครั้ง 11 คือเสียงรื่นเริงยินดี เสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว เสียงบรรดาผู้นำเครื่องบูชาขอบพระคุณมายังพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า “ ‘ “ขอบพระคุณพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประเสริฐ ความรักของพระองค์ดำรงนิรันดร์” เพราะเราจะคืนความเจริญรุ่งเรืองแก่กรุงนี้เหมือนแต่ก่อน’องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น 12 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า ‘แผ่นดินนี้ซึ่งถูกทิ้งร้างและปราศจากคนและสัตว์ จะมีทุ่งหญ้าในทุกหัวเมืองอีกครั้ง […]

เยเรมีย์ 34

พระดำรัสเตือนเศเดคียาห์ 1 ขณะที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนและกองทัพของพระองค์กับมวลอาณาจักรและประชาชนในจักรวรรดิที่ทรงปกครองกำลังสู้รบกับเยรูซาเล็มและหัวเมืองต่างๆ โดยรอบ ก็มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ความว่า 2 “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงไปบอกกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ เรากำลังจะยกเมืองนี้ให้กษัตริย์บาบิโลน และเขาจะเผามันเสีย 3 เจ้าจะหนีไม่พ้นมือเขา แต่จะถูกจับกุมตัวไปให้เขาอย่างแน่นอน เจ้าจะเห็นกษัตริย์บาบิโลนกับตา และเขาจะพูดกับเจ้าซึ่งๆ หน้าและเจ้าจะไปยังบาบิโลน 4 “ ‘แต่จงฟังพระสัญญาขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด กษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์เอ๋ยองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับเจ้าดังนี้ว่า เจ้าจะไม่ตายเพราะสงคราม 5 เจ้าจะตายอย่างสงบสุข และประชาชนจะเผาเครื่องหอมเป็นเกียรติแก่เจ้าเหมือนที่ได้ทำแก่บรรพบุรุษของเจ้าซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ครองราชย์ก่อนเจ้า เขาจะร่ำไห้อาลัยเจ้าว่า “โอ้ อนิจจา กษัตริย์ของเรา!” เราเองได้สัญญาไว้องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น’ ” 6 แล้วผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์จึงทูลทุกอย่างต่อกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ในเยรูซาเล็ม 7 ขณะที่กองทัพบาบิโลนกำลังสู้รบกับเยรูซาเล็มและสู้รบกับลาคิชและอาเซคาห์ซึ่งเป็นหัวเมืองป้อมปราการที่ยังคงต่อสู้อยู่ในยูดาห์ เสรีภาพสำหรับทาส 8 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์หลังจากที่กษัตริย์เศเดคียาห์ทรงทำสัญญากับประชาชนในเยรูซาเล็มว่าจะประกาศให้เสรีภาพแก่ทาสทั้งปวง 9 ให้ทุกคนปล่อยทาสฮีบรู ไม่ว่าชายหรือหญิง อย่าให้ผู้ใดทำให้ชาวยิวซึ่งเป็นพี่น้องร่วมชาติตกเป็นทาส 10 ดังนั้นบรรดาข้าราชบริพารและประชาชนทั้งปวงที่เข้าร่วมในพันธสัญญานี้จึงเห็นพ้องต้องกันที่จะปลดปล่อยทาสชายหญิงของตนให้พ้นจากข้อผูกมัดทุกประการ 11 แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนใจ และจับทาสที่ปล่อยเป็นไทแล้วกลับมาเป็นทาสอีก 12 ฉะนั้นจึงมีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า 13 “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราได้ทำพันธสัญญากับบรรพบุรุษของพวกเจ้าเมื่อเรานำคนเหล่านั้นออกมาจากอียิปต์ซึ่งเป็นดินแดนทาส เราสั่งไว้ว่า 14 ‘ทุกปีที่เจ็ดพวกเจ้าทุกคนต้องปลดปล่อยพี่น้องชาวฮีบรูซึ่งขายตัวเองเป็นทาสของเจ้า หลังจากที่เขารับใช้เจ้ามาตลอดหกปีแล้ว พวกเจ้าต้องปล่อยเขาเป็นไท’แต่บรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลายไม่ยอมใส่ใจ […]

เยเรมีย์ 35

ตระกูลเรคาบ 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ในรัชกาลเยโฮยาคิม โอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ว่า 2 “จงไปหาคนตระกูลเรคาบ และเชื้อเชิญพวกเขามายังห้องเฉลียงห้องหนึ่งในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเอาเหล้าองุ่นให้เขาดื่ม” 3 ข้าพเจ้าจึงไปหายาอาซันยาห์บุตรของเยเรมีย์ บุตรของฮาบาซซินยาห์ พาเขากับพี่น้องและลูกชายทั้งหมดมา คือคนในครอบครัวของเรคาบทั้งหมด 4 ข้าพเจ้าพาพวกเขามายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเชิญเข้าในห้องของบุตรทั้งหลายของฮานันบุตรอิกดาลิยาห์คนของพระเจ้า ซึ่งอยู่ถัดจากห้องพักของข้าราชการ เหนือห้องของมาอาเสอาห์บุตรชัลลูมนายประตู 5 แล้วข้าพเจ้าวางถ้วยและเหยือกเหล้าองุ่นต่อหน้าคนตระกูลเรคาบ และกล่าวกับพวกเขาว่า “เชิญดื่มเหล้าองุ่นเถิด” 6 แต่พวกเขาตอบว่า “พวกข้าพเจ้าไม่ดื่มเหล้าองุ่น เพราะบรรพบุรุษคือโยนาดับบุตรเรคาบสั่งไว้ว่า ‘ไม่ว่าเจ้าหรือลูกหลานของเจ้าจะต้องไม่ดื่มเหล้าองุ่นเป็นอันขาด 7 และเจ้าจะต้องไม่ปลูกสร้างเรือน หว่านเมล็ดพืช หรือทำสวนองุ่นด้วย อย่ามีสิ่งเหล่านี้เลย แต่จงอาศัยอยู่ในเต็นท์เสมอ แล้วเจ้าจะมีชีวิตยืนนานในดินแดนซึ่งเจ้าเป็นชนเร่ร่อน’ 8 พวกข้าพเจ้าก็ได้ปฏิบัติตามทุกอย่างที่บรรพบุรุษโยนาดับบุตรเรคาบสั่งไว้ ไม่ว่าพวกข้าพเจ้าเอง หรือภรรยา หรือบุตรชายบุตรสาว ล้วนไม่เคยดื่มเหล้าองุ่น 9 หรือปลูกสร้างเรือนเพื่ออยู่อาศัย หรือมีที่ดิน สวนองุ่น หรือพืชผล 10 ได้แต่อาศัยอยู่ในเต็นท์และปฏิบัติตามทุกสิ่งที่บรรพบุรุษโยนาดับสั่งไว้ 11 แต่เมื่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนบุกโจมตีดินแดนนี้ พวกข้าพเจ้าพูดกันว่า ‘มาเถิด ให้เราหนีจากกองทัพของชาวบาบิโลนและอารัมไปยังเยรูซาเล็มเถิด’ ฉะนั้นพวกข้าพเจ้าจึงได้มาอยู่ในเยรูซาเล็มนี้” 12 แล้วมีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า 13 “พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ […]

เยเรมีย์ 36

เยโฮยาคิมเผาม้วนหนังสือของเยเรมีย์ 1 ในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ มีพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า 2 “จงเอาหนังสือม้วนมาเขียนทุกถ้อยคำของเราที่เกี่ยวกับอิสราเอล ยูดาห์ และชนชาติอื่นๆ ทั้งปวง ตั้งแต่ครั้งที่เราเริ่มพูดกับเจ้าในรัชกาลโยสิยาห์จนถึงเดี๋ยวนี้ 3 เผื่อบางทีเมื่อชนยูดาห์ได้ยินเกี่ยวกับภัยพิบัติทั้งปวงที่เราคิดจะทำแก่เขานั้นแล้วจะรู้สึกตัวและหันกลับจากวิถีชั่วของตน เราก็จะให้อภัยความชั่วและบาปของเขา” 4 ดังนั้นเยเรมีย์จึงเรียกบารุคบุตรเนริยาห์มา และบอกพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งมีมาถึงตนให้บารุคบันทึกลงในหนังสือม้วน 5 แล้วเยเรมีย์บอกบารุคว่า “เราถูกกักกัน จึงไม่สามารถไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ 6 ฉะนั้นเจ้าจงไปยังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าในวันถืออดอาหารและอ่านพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากหนังสือม้วนที่เจ้าบันทึกตามคำบอกของเรานี้ให้ชาวยูดาห์ทั้งปวงซึ่งมาจากหัวเมืองต่างๆ ฟัง 7 เผื่อบางทีพวกเขาจะมาทูลวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและหันกลับจากวิถีชั่วของตน เพราะพระพิโรธและโทสะซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ประกาศไว้เหนือประชาชาตินี้ใหญ่หลวงนัก” 8 บารุคบุตรเนริยาห์ก็ทำตามที่ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์สั่งไว้ทุกประการ และอ่านข้อความขององค์พระผู้เป็นเจ้าทั้งหมดนี้จากหนังสือม้วนให้ประชาชนที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าฟัง 9 ในเดือนที่เก้า ปีที่ห้าแห่งรัชกาลเยโฮยาคิมโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ มีประกาศให้ประชาชนทั้งปวงในเยรูซาเล็มและหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์มาถืออดอาหารต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 10 จากห้องของเกมาริยาห์บุตรราชเลขาชาฟานซึ่งอยู่ในลานด้านบนตรงทางเข้าประตูใหม่ของพระวิหาร บารุคก็อ่านถ้อยคำของเยเรมีย์จากหนังสือม้วนนั้นให้ประชากรทั้งหมดซึ่งอยู่ที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าฟัง 11 เมื่อมีคายาห์บุตรเกมาริยาห์บุตรของชาฟานได้ยินพระดำรัสทั้งปวงขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากม้วนหนังสือนั้น 12 ก็ลงมายังห้องของราชเลขาในพระราชวัง ซึ่งบรรดาข้าราชบริพารทั้งปวงนั่งอยู่ ได้แก่ราชเลขาเอลิชามา เดไลยาห์บุตรเชไมอาห์ เอลนาธันบุตรอัคโบร์ เกมาริยาห์บุตรชาฟาน เศเดคียาห์บุตรฮานันยาห์ และข้าราชบริพารอื่นๆ ทุกคน 13 เมื่อมีคายาห์เล่าทุกอย่างตามที่ได้ยินบารุคอ่านจากหนังสือม้วนให้ประชาชนฟังแล้ว 14 พวกเขาก็ส่งเยฮูดีบุตรเนธานิยาห์ซึ่งเป็นบุตรเชเลมิยาห์บุตรคูชีมาบอกบารุคว่า “จงนำหนังสือม้วนที่ท่านอ่านให้ประชาชนฟังนั้นมาเถิด” บารุคบุตรเนริยาห์จึงมาพบพวกเขาพร้อมกับหนังสือม้วน […]

เยเรมีย์ 37

เยเรมีย์ถูกขังคุก 1 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนทรงแต่งตั้งเศเดคียาห์โอรสโยสิยาห์ให้เป็นกษัตริย์ยูดาห์แทนเยโฮยาคีนโอรสของเยโฮยาคิม 2 ทั้งเศเดคียาห์และข้าราชบริพาร ตลอดจนบรรดาประชากรของดินแดนนั้นไม่ได้ใส่ใจในพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ 3 แต่กษัตริย์เศเดคียาห์ทรงใช้ให้เยฮูคัลบุตรเชเลมิยาห์และปุโรหิตเศฟันยาห์บุตรมาอาเสอาห์มาขอร้องผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ว่า “โปรดอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราเผื่อพวกเราด้วย” 4 ขณะนั้นเยเรมีย์ยังไม่ถูกขังคุก เขาจึงไปไหนมาไหนท่ามกลางประชาชนได้ตามใจชอบ 5 เมื่อกองทัพบาบิโลนซึ่งกำลังล้อมกรุงเยรูซาเล็มอยู่ได้ทราบข่าวว่ากองทัพของฟาโรห์เคลื่อนออกมาจากอียิปต์ก็ถอยทัพไปจากเยรูซาเล็ม 6 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ว่า 7 “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงไปบอกกษัตริย์ยูดาห์ผู้ซึ่งใช้พวกเจ้ามาถามเรานั้นว่า ‘กองทัพของฟาโรห์ซึ่งยกมาเพื่อสนับสนุนเจ้าจะกลับไปยังอียิปต์ดินแดนของตน 8 แล้วทัพบาบิโลนจะหวนกลับมาโจมตีกรุงนี้ จะยึดได้และจุดไฟเผา’ 9 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่าหลอกตัวเองโดยคิดว่า ‘ชาวบาบิโลนจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับเราอีก’ เปล่าเลย! 10 ถึงแม้ว่าเจ้าทำลายกองทัพบาบิโลนทั้งกองทัพที่มาโจมตีเจ้าจนเหลือแต่พวกที่บาดเจ็บนอนอยู่ในเต็นท์ เขาก็ยังจะออกมาเผากรุงนี้” 11 หลังจากที่กองทัพบาบิโลนถอนทัพไปจากเยรูซาเล็มเมื่อได้ยินเรื่องกองทัพของฟาโรห์ 12 เยเรมีย์ก็ออกเดินทางจากกรุงไปยังเขตแดนเบนยามินเพื่อรับส่วนแบ่งที่ดินของเขาในหมู่ประชาชนที่นั่น 13 แต่เมื่อเยเรมีย์มาถึงประตูเบนยามิน หัวหน้ายามชื่ออิรียาห์บุตรเชเลมิยาห์บุตรฮานันยาห์ ก็จับตัวเยเรมีย์ไว้และกล่าวว่า “ท่านคิดจะหนีไปเข้ากับพวกชาวบาบิโลน!” 14 เยเรมีย์กล่าวว่า “ไม่จริง! เราไม่ได้จะหนีไปเข้ากับพวกบาบิโลน” แต่อิรียาห์ไม่ฟังเสียง กลับจับกุมตัวเยเรมีย์ไปพบเจ้าหน้าที่ปกครอง 15 พวกเขาโกรธเยเรมีย์มากจึงให้เฆี่ยนตีและขังเขาไว้ในบ้านของราชเลขาโยนาธานซึ่งพวกเขาดัดแปลงให้เป็นคุก 16 เยเรมีย์ถูกขังไว้ในคุกมืดของห้องใต้ดินเป็นเวลานาน 17 ต่อมากษัตริย์เศเดคียาห์ทรงใช้คนมารับตัวเยเรมีย์ไปยังพระราชวัง แล้วตรัสถามเขาเป็นการส่วนพระองค์ว่า “มีพระดำรัสประการใดจากองค์พระผู้เป็นเจ้าบ้างหรือไม่?” เยเรมีย์ทูลว่า […]

เยเรมีย์ 38

เยเรมีย์ถูกทิ้งไว้ในบ่อ 1 ฝ่ายเชฟาทิยาห์บุตรมัทธาน เกดาลิยาห์บุตรปาชเฮอร์ เยฮูคัลบุตรเชเลมิยาห์ และปาชเฮอร์บุตรมัลคียาห์ ได้ยินถ้อยคำที่เยเรมีย์กล่าวแก่ประชากรทั้งปวงว่า 2 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ใครก็ตามที่ยังคงอยู่ในเยรูซาเล็มจะตายเพราะสงคราม การกันดารอาหาร และโรคระบาด แต่ใครก็ตามที่ยอมแพ้แก่ชาวบาบิโลนจะรอดชีวิต เขาจะมีชีวิตอยู่’ 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะยกเมืองนี้ให้กองทัพของกษัตริย์บาบิโลนอย่างแน่นอนและเขาจะยึดเมืองได้’ ” 4 ขุนนางเหล่านี้ก็มาทูลกษัตริย์ว่า “ชายคนนี้สมควรตาย เขาพูดทำลายขวัญของทหารซึ่งยังเหลืออยู่ในกรุงนี้ตลอดจนประชาชนทั้งปวง ชายคนนี้ไม่ได้คิดถึงประโยชน์สุขของประชาชน แต่บ่อนทำลาย” 5 เศเดคียาห์ตรัสตอบว่า “เขาอยู่ในมือของเจ้าแล้ว กษัตริย์ไม่อาจทำอะไรที่ขัดพวกเจ้าได้” 6 พวกเขาจึงจับตัวเยเรมีย์ ใช้เชือกหย่อนลงในบ่อซึ่งอยู่ในลานทหารรักษาพระองค์ เป็นบ่อของมัลคียาห์ซึ่งเป็นโอรสกษัตริย์ บ่อนั้นไม่มีน้ำ มีแต่โคลน เยเรมีย์ก็จมลงในโคลน 7 เมื่อเอเบดเมเลคชาวคูชเจ้าหน้าที่คนหนึ่งของราชวังได้ยินว่าเยเรมีย์ถูกหย่อนลงในบ่อ ในขณะที่กษัตริย์ประทับอยู่ที่ประตูเบนยามิน 8 เอเบดเมเลคได้ออกจากวังมากราบทูลพระองค์ว่า 9 “ข้าแต่กษัตริย์เจ้านายของข้าพเจ้า คนเหล่านี้ทำสิ่งเลวร้ายต่อผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ พวกเขาทิ้งเยเรมีย์ไว้ในบ่อ เขาจะต้องอดตายเมื่อไม่มีขนมปังเหลืออยู่ในกรุงนี้อีก” 10 กษัตริย์จึงตรัสสั่งเอเบดเมเลคชาวคูชว่า “ให้นำคนสามสิบคนไปช่วยกันดึงเยเรมีย์ขึ้นมาจากบ่อก่อนที่จะตาย” 11 ดังนั้นเอเบดเมเลคก็นำคนไปยังห้องหนึ่งใต้คลังของพระราชวัง เอาผ้าขี้ริ้วและเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วมาจากที่นั่น และผูกเชือกหย่อนลงไปให้เยเรมีย์ในบ่อ 12 เอเบดเมเลคบอกเยเรมีย์ว่า “เอาผ้าขี้ริ้วกับเสื้อผ้าเก่านี้รองใต้รักแร้กันเชือกบาด” เยเรมีย์ก็ทำตาม […]

เยเรมีย์ 39

เยรูซาเล็มล่ม นี่เป็นเรื่องราวที่เยรูซาเล็มถูกยึด 1 ในเดือนที่สิบปีที่เก้าของรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนยกทัพหลวงมาสู้รบและล้อมกรุงเยรูซาเล็มไว้ 2 กำแพงเมืองถูกพังลงในวันที่เก้า เดือนที่สี่ ปีที่สิบเอ็ดของรัชกาลเศเดคียาห์ 3 บรรดาแม่ทัพนายกองของบาบิโลนก็เข้ามานั่งอยู่ที่ประตูกลาง ได้แก่เนอร์กัลชาเรเซอร์แห่งสัมการ์ นายทัพเนโบสารเสคิมเนอร์กัลชาเรเซอร์ผู้เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และเจ้านายคนอื่นๆ ทั้งหมดของกษัตริย์บาบิโลน 4 เมื่อกษัตริย์เศเดคียาห์แห่งยูดาห์และทหารทั้งปวงเห็นคนเหล่านี้ ก็ลอบหนีออกจากกรุงในเวลากลางคืนทางอุทยานหลวง ผ่านประตูระหว่างกำแพงทั้งสอง และมุ่งหน้าไปยังอาราบาห์ 5 แต่กองทัพบาบิโลนไล่ตามมาและจับกุมเศเดคียาห์ไว้ได้ในที่ราบเยรีโค แล้วคุมพระองค์มาให้กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนซึ่งประทับอยู่ที่ริบลาห์ในเขตฮามัท และเนบูคัดเนสซาร์ได้ตัดสินลงโทษเขาที่นั่น 6 ที่ริบลาห์นี้ กษัตริย์บาบิโลนก็ประหารบรรดาโอรสของเศเดคียาห์ต่อหน้าต่อตาเศเดคียาห์ และประหารขุนนางทั้งปวงของยูดาห์ด้วย 7 แล้วควักพระเนตรของเศเดคียาห์ออกและจับเศเดคียาห์ตีตรวนทองสัมฤทธิ์ เพื่อคุมตัวไปยังบาบิโลน 8 ทัพบาบิโลนจุดไฟเผาพระราชวัง บ้านเรือนของประชาชน และทลายกำแพงเยรูซาเล็ม 9 เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์นำประชากรที่เหลือพร้อมทั้งบรรดาผู้ออกมาสวามิภักดิ์ต่อตนนั้นไปเป็นเชลยที่บาบิโลน 10 แต่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เหลือคนกลุ่มหนึ่งไว้ในยูดาห์ ซึ่งเป็นคนยากไร้ไม่มีสมบัติอะไร พร้อมทั้งยกที่นาและสวนองุ่นให้พวกเขา 11 กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลนได้บัญชาเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์เกี่ยวกับเยเรมีย์ไว้ว่า 12 “จงรับตัวเขาไว้และคอยดูแลเขา อย่าทำอันตรายเขา แต่จงทำทุกอย่างตามที่เขาขอ” 13 ดังนั้นเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ นายทัพเนบูชัสบาน เนอร์กัลชาเรเซอร์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่และขุนนางอื่นๆ ของกษัตริย์บาบิโลน 14 จึงส่งคนไปนำตัวเยเรมีย์ออกมาจากลานทหารรักษาพระองค์ […]

เยเรมีย์ 40

เยเรมีย์เป็นอิสระ 1 มีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์หลังจากที่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ปล่อยตัวเขาที่รามาห์ เขาพบเยเรมีย์ถูกจองจำด้วยโซ่ตรวนอยู่ในหมู่ประชาชนจากเยรูซาเล็มและยูดาห์ซึ่งกำลังจะถูกคุมตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน 2 เมื่อผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์พบเยเรมีย์ก็กล่าวกับเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเป็นผู้บงการภัยพิบัติเหนือสถานที่แห่งนี้ 3 และบัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงบันดาลให้เป็นไปตามที่ตรัสไว้แล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นก็เพราะประชากรของท่านทำบาปต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เชื่อฟังพระองค์ 4 แต่วันนี้ข้าพเจ้าจะปลดโซ่ตรวนออกจากข้อมือของท่าน ปล่อยท่านเป็นอิสระ เชิญไปบาบิโลนกับข้าพเจ้าหากท่านต้องการ ข้าพเจ้าจะดูแลท่าน แต่หากท่านไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป ดูเถิด ดินแดนทั้งหมดอยู่ตรงหน้าท่านแล้ว ท่านจะไปที่ไหนก็ได้ตามใจชอบ” 5 แต่ก่อนที่เยเรมีย์จะจากไปเนบูซาระดานกล่าวอีกว่า “จงกลับไปหาเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟาน ซึ่งกษัตริย์บาบิโลนแต่งตั้งให้ดูแลหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ ไปอยู่กับเขาในหมู่ประชาชน หรือท่านจะไปไหนก็ได้ตามใจชอบ” แล้วเนบูซาระดานก็มอบเสบียงกับของกำนัลแก่เยเรมีย์และปล่อยเขาไป 6 เยเรมีย์จึงไปหาเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมที่มิสปาห์ และพักอยู่ที่นั่นกับประชาชนที่เหลืออยู่ในดินแดนนั้น เกดาลิยาห์ถูกฆ่า 7 เมื่อบรรดาแม่ทัพนายกองและคนของเขาซึ่งยังคงอยู่ในทุ่งโล่งได้ยินข่าวว่ากษัตริย์บาบิโลนทรงแต่งตั้งเกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมให้เป็นผู้ว่าการปกครองผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ซึ่งเป็นคนยากจนข้นแค้นที่สุดในดินแดนและไม่ถูกนำตัวไปเป็นเชลยที่บาบิโลน 8 พวกเขาก็พากันมาหาเกดาลิยาห์ที่มิสปาห์ คนเหล่านี้ได้แก่อิชมาเอลบุตรเนธานิยาห์ โยฮานัน และโยนาธานบุตรคาเรอาห์ เสไรอาห์บุตรทันหุเมท บุตรทั้งหลายของเอฟายจากเนโทฟาห์ และยาอาซันยาห์บุตรชาวมาอาคาห์กับคนของเขา 9 เกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมบุตรชาฟานกล่าวสาบานกับคนเหล่านั้นว่า “อย่ากลัวที่จะปรนนิบัติรับใช้ชาวบาบิโลนเลย จงตั้งรกรากในแผ่นดินและรับใช้กษัตริย์บาบิโลน แล้วท่านจะอยู่เย็นเป็นสุข 10 ข้าพเจ้าเองจะอยู่ที่มิสปาห์ เป็นตัวแทนให้พวกท่านติดต่อกับชาวบาบิโลนซึ่งจะมาหาเรา ส่วนพวกท่านจงเก็บองุ่น ผลไม้ฤดูร้อน และน้ำมัน […]