เยเรมีย์ 11

พันธสัญญาถูกละเมิด 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ความว่า 2 “จงฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้ และแจ้งชนยูดาห์กับผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 3 บอกพวกเขาว่าพระยาห์เวห์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘คำสาปแช่งตกแก่ผู้ที่ไม่เชื่อฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้ 4 คือข้อกำหนดซึ่งเราได้บัญชาบรรพบุรุษของพวกเจ้า เมื่อเรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ ออกจากเตาหลอมเหล็ก’ เรากล่าวว่า ‘จงเชื่อฟังเรา และทำตามสิ่งที่เราสั่งทุกประการ แล้วเจ้าจะเป็นประชากรของเราและเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า 5 แล้วเราจะทำให้สำเร็จตามที่เราปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า คือยกดินแดนที่อุดมไปด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งให้พวกเขา’ คือดินแดนที่เจ้าครอบครองอยู่ทุกวันนี้” ข้าพเจ้าทูลตอบว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด” 6 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงป่าวประกาศข้อความทั้งหมดนี้ในหัวเมืองต่างๆ ของยูดาห์ และตามถนนหนทางในเยรูซาเล็มว่า ‘จงฟังข้อกำหนดของพันธสัญญานี้และปฏิบัติตาม 7 ตั้งแต่เรานำบรรพบุรุษของพวกเจ้าออกมาจากอียิปต์จนถึงทุกวันนี้ เราได้ตักเตือนพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “จงเชื่อฟังเรา” 8 แต่เขาไม่ฟังและไม่เคยใส่ใจ กลับทำตามทิฐิแห่งใจชั่วของเขา เราจึงนำคำสาปแช่งทั้งปวงตามพันธสัญญามายังเขา เราได้สั่งให้เขาปฏิบัติตาม แต่เขาไม่ยอมทำ’ ” 9 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ในหมู่ชนยูดาห์และชนเยรูซาเล็มมีการสมรู้ร่วมคิดกัน 10 พวกเขาหวนกลับไปทำบาปตามบรรพบุรุษซึ่งไม่ยอมฟังคำของเรา เขาไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ ทั้งพงศ์พันธุ์อิสราเอลและพงศ์พันธุ์ยูดาห์ ละเมิดพันธสัญญาระหว่างเรากับบรรพบุรุษของเขา 11 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะนำภัยพิบัติมายังเขา ซึ่งเขาจะหนีไม่พ้น ถึงแม้เขาอ้อนวอนเรา เราก็จะไม่ฟัง 12 […]

เยเรมีย์ 12

คำร้องทุกข์ของเยเรมีย์ 1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงชอบธรรมเสมอ เมื่อข้าพระองค์นำความมากราบทูล ถึงกระนั้นข้าพระองค์ก็ขอกราบทูลเรื่องความยุติธรรมของพระองค์ เหตุใดหนทางของคนชั่วจึงเจริญรุ่งเรือง? เหตุใดบรรดาคนอสัตย์อธรรมจึงสุขสบายดี? 2 พระองค์ทรงปลูกเขา เขาก็หยั่งรากลึก เจริญงอกงามและเกิดผล เขามักพูดถึงพระองค์ติดปาก แต่ใจของเขาห่างไกลพระองค์ 3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแต่พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ ทรงเห็นและทรงทดสอบความคิดของข้าพระองค์เกี่ยวกับพระองค์ ขอทรงลากพวกเขาออกไปเหมือนแกะสำหรับฆ่า! ขอทรงแยกเขาไว้สำหรับวันประหาร! 4 ดินแดนนี้จะต้องแตกระแหงไปนานเท่าใด? และทุ่งหญ้าทุกแห่งจะเหี่ยวแห้งไปนานเท่าใด? เนื่องจากผู้ที่อาศัยในดินแดนนี้ชั่วร้าย บรรดาสัตว์และนกทั้งหลายจึงพินาศไป ยิ่งกว่านั้นเหล่าประชากรพากันพูดว่า “พระองค์ไม่เห็นหรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเรา” คำตอบจากพระเจ้า 5 “หากเจ้าวิ่งแข่งกับมนุษย์ แล้วเขายังทำให้เจ้าหมดแรง แล้วเจ้าจะวิ่งแข่งกับม้าได้อย่างไร? หากเจ้าสะดุดล้มในดินแดนที่ปลอดภัย เจ้าจะทำอย่างไรในป่าที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดน? 6 แม้แต่พี่น้องและคนในครอบครัวของเจ้า ก็ยังทรยศเจ้า พวกเขาร้องเสียงดังให้ร้ายเจ้า อย่าเชื่อใจเขา แม้เขาจะพูดดีกับเจ้า 7 “เราได้ทิ้งนิเวศของเรา เราได้เหวี่ยงมรดกของเราทิ้ง เราได้ปล่อยผู้ที่เรารักดั่งดวงใจ ไว้ในมือของศัตรู 8 มรดกของเรากลับกลายเป็นสิงโตในป่าสำหรับเรา เขาคำรามใส่เรา ดังนั้นเราจึงเกลียดเขา 9 มรดกของเรา กลับกลายเป็นนกสีสดใสสะดุดตา นกอื่นๆ จึงรุมล้อมเล่นงานมันไม่ใช่หรือ? ไปเถิด ไปรวบรวมสัตว์ป่าทั้งหลาย มาเขมือบกินมัน […]

เยเรมีย์ 13

ผ้าคาดเอวลินิน 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ไปซื้อผ้าคาดเอวลินินมาคาดไว้ แต่อย่าให้มันถูกน้ำ” 2 ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไปซื้อผ้าลินินผืนหนึ่งมาคาดเอวไว้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง 3 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าเป็นครั้งที่สองว่า 4 “จงเอาผ้าคาดเอวที่เจ้าซื้อและคาดอยู่นั้นออกไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและซ่อนมันไว้ในซอกหิน” 5 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ออกไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและซ่อนมันไว้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่ง 6 หลายวันต่อมาองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บัดนี้จงไปที่แม่น้ำนั้น เอาผ้าคาดเอวที่เราสั่งให้เจ้าซ่อนไว้มา” 7 ดังนั้นข้าพเจ้าก็ไปที่แม่น้ำยูเฟรติสและขุดผ้าคาดเอวออกมาจากซอกที่ได้เอาไปซ่อนไว้ แต่บัดนี้มันขาดยุ่ยใช้การไม่ได้เลย 8 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 9 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะทำลายเกียรติภูมิของยูดาห์และเยรูซาเล็มอย่างนี้แหละ 10 ประชากรที่ชั่วร้ายเหล่านี้ ซึ่งไม่ยอมฟังถ้อยคำของเรา ชอบดื้อดึงทำตามใจตนเอง และหันไปติดตามปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ จะเป็นเหมือนผ้าคาดเอวนี้คือใช้การไม่ได้เลย!’ 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ผ้าคาดเอวแนบติดกับเอวของคนฉันใด เราได้ทำให้ยูดาห์และอิสราเอลแนบสนิทกับเราเพื่อเป็นประชากรของเรา เป็นเกียรติภูมิ ชื่อเสียง และคำสรรเสริญของเราฉันนั้น แต่พวกเขาไม่ยอมฟัง’ ถุงหนังใส่เหล้าองุ่น 12 “จงบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ถุงหนังใส่เหล้าองุ่นทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นเต็ม’ และหากพวกเขาตอบว่า ‘เรารู้แล้วไม่ใช่หรือว่าถุงหนังใส่เหล้าองุ่นทุกใบควรจะมีเหล้าองุ่นเต็ม?’ 13 ก็จงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เราจะทำให้ทุกคนที่อาศัยในดินแดนนี้เมามาย ตั้งแต่กษัตริย์ที่นั่งบนบัลลังก์ของดาวิด บรรดาปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ ตลอดจนคนทั้งปวงซึ่งอาศัยในกรุงเยรูซาเล็ม 14 เราจะจับพวกเขากระแทกกันเอง […]

เยเรมีย์ 14

การกันดารอาหาร ความแห้งแล้ง และสงคราม 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์เกี่ยวกับความแห้งแล้งว่า 2 “ยูดาห์คร่ำครวญ เมืองต่างๆ ซึมเซา พวกเขาร่ำไห้ให้กับดินแดน และมีเสียงร้องระงมขึ้นจากเยรูซาเล็ม 3 บรรดาขุนนางส่งคนใช้ออกไปหาน้ำ พวกคนใช้ไปที่บ่อ แต่ไม่มีน้ำ คนใช้ถือเหยือกเปล่ากลับมา อย่างอับอายและสิ้นหวัง คลุมศีรษะตัวเองด้วยความรันทด 4 ผืนแผ่นดินแตกระแหง เพราะขาดฝน ชาวนาอับอายและสิ้นหวัง และคลุมศีรษะตัวเองด้วยความรันทด 5 แม้แต่กวางในท้องทุ่ง ก็ทิ้งลูกของมันที่เพิ่งเกิด เพราะไม่มีหญ้า 6 ลาป่ายืนเคว้งบนเนินโล่งเตียน และหอบเหมือนหมาใน ตาของมันพร่ามัว เพราะไม่มีหญ้ากิน” 7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าแม้ว่าบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายปรักปรำตัวเอง แต่ขอทรงโปรดช่วยเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายเสื่อมทรามยิ่งนัก เราได้ทำบาปต่อพระองค์ 8 ข้าแต่องค์ผู้ทรงเป็นความหวังของอิสราเอล พระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขาในยามทุกข์ลำเค็ญ เหตุใดทรงเป็นเช่นคนแปลกหน้าในแผ่นดินนี้ เป็นเช่นคนเดินทางซึ่งแวะพักแรมเพียงคืนเดียว? 9 เหตุใดทรงเป็นดั่งคนที่งงงวย เหมือนนักรบที่หมดเรี่ยวหมดแรงจะช่วย? ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงอยู่ท่ามกลางข้าพระองค์ทั้งหลาย และผู้คนเรียกข้าพระองค์ทั้งหลายตามพระนามของพระองค์ ขออย่าทรงทอดทิ้งเหล่าข้าพระองค์! 10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับชนชาตินี้ว่า “พวกเขารักที่จะหลงเตลิด พวกเขาไม่ยั้งเท้าบ้างเลย ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงไม่ยอมรับพวกเขา บัดนี้พระองค์จะทรงระลึกถึงความชั่วช้าของพวกเขา และลงโทษพวกเขาเพราะบาปทั้งหลาย” […]

เยเรมีย์ 15

1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ต่อให้โมเสสและซามูเอลมายืนวิงวอนเพื่อชนชาตินี้ต่อหน้าเรา เราก็จะไม่ใจอ่อนช่วยพวกเขา เอาพวกเขาออกไปให้พ้นหน้าเรา! ไปให้พ้น! 2 และหากพวกเขาถามเจ้าว่า ‘จะให้เราไปที่ไหน?’ จงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ ‘ผู้ที่ถูกกำหนดให้ตายก็ตายไป ผู้ที่จะต้องตายในสงครามก็ตายในสงคราม ผู้ที่จะต้องอดตายก็อดตาย และผู้ที่ต้องไปเป็นเชลยก็ไปเป็นเชลย’” 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เราจะแต่งตั้งผู้ทำลายสี่แบบเพื่อจัดการกับพวกเขาได้แก่ ดาบเพื่อเข่นฆ่า สุนัขเพื่อฉีกทึ้ง นกในอากาศและสัตว์ป่าบนแผ่นดินโลกเพื่อกลืนกินและทำลายเสีย 4 เนื่องด้วยสิ่งที่มนัสเสห์โอรสกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ได้ทำในเยรูซาเล็ม เราก็จะทำให้พวกเขาเป็นที่น่าขยะแขยงแก่อาณาจักรทั้งปวงในโลก 5 “เยรูซาเล็มเอ๋ย ใครจะสงสารเจ้า? ใครจะคร่ำครวญให้กับเจ้า? จะมีใครไยดีถามทุกข์สุขของเจ้า?” 6 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “เจ้าได้ละทิ้งเรา และหวนกลับไปหาบาปร่ำไป เราจึงฟาดเจ้าและทำลายเจ้า เราจะไม่เมตตาเจ้าอีกต่อไป 7 เราจะฝัดร่อนพวกเขาที่ประตูเมือง ด้วยส้อมซัดข้าว เราจะนำวิปโยคและหายนะมาสู่ประชากรของเรา เพราะเขาไม่ยอมหันจากวิถีต่างๆ ของตน 8 เราจะทำให้มีแม่ม่ายในหมู่พวกเขา มากยิ่งกว่าทรายในทะเล กลางวันแสกๆ เราจะนำผู้ทำลาย มาเล่นงานบรรดาแม่ของคนหนุ่ม เราจะนำความทุกข์ร้าวรานและความอกสั่นขวัญแขวน มายังพวกเขาอย่างฉับพลัน 9 แม่ลูกเจ็ดจะเป็นลมหมดสติไป และสิ้นลมหายใจ ดวงตะวันของนางลับหายไปทั้งๆ ที่เป็นเวลากลางวัน นางต้องอับอายขายหน้า […]

เยเรมีย์ 16

วันแห่งภัยพิบัติ 1 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า 2 “เจ้าอย่าแต่งงาน อย่ามีลูกชายหรือลูกสาวในที่แห่งนี้” 3 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสเกี่ยวกับลูกชายลูกสาวที่เกิดในดินแดนนี้และชายหญิงผู้เป็นพ่อแม่ของเขาว่า 4 “พวกเขาจะตายด้วยโรคร้าย ไม่มีใครไว้ทุกข์หรือฝังศพให้ พวกเขาจะเป็นเหมือนกองขยะที่พื้น พวกเขาจะพินาศเพราะสงครามและการกันดารอาหาร ร่างของพวกเขาจะเป็นอาหารแก่นกในอากาศและสัตว์ป่าต่างๆ บนแผ่นดิน” 5 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “อย่าเข้าไปในบ้านที่มีงานศพ อย่าไปไว้ทุกข์หรือแสดงความเห็นใจ เพราะเราได้ถอนพร ความรัก และความสงสารไปจากชนชาตินี้แล้ว”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ 6 “ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยจะตายในดินแดนนี้และไม่มีใครฝังศพให้ ไม่มีใครไว้ทุกข์ ไม่มีใครเชือดเนื้อเถือหนังหรือโกนศีรษะเพื่อไว้อาลัยให้พวกเขา 7 จะไม่มีใครให้อาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อปลอบโยนผู้ที่คร่ำครวญอาลัยถึงผู้ตาย แม้ว่าผู้ตายเป็นบิดามารดาก็ตาม 8 “และอย่าเข้าไปในบ้านที่มีงานเลี้ยงและไปนั่งกินดื่มกับพวกเขา 9 เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ในช่วงชีวิตของเจ้าและต่อหน้าต่อตาเจ้านี่แหละ เราจะยุติเสียงเฮฮา เสียงรื่นเริงบันเทิงใจ และเสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวในดินแดนนี้ 10 “เมื่อเจ้าบอกสิ่งทั้งปวงนี้แก่พวกเขา และพวกเขาถามเจ้าว่า ‘เหตุใดหนอองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงมีประกาศิตให้เกิดหายนะอันยิ่งใหญ่เพียงนี้แก่พวกเรา? พวกเราทำผิดอะไร? เราได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราอย่างไร?’ 11 เจ้าจงบอกพวกเขาว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนี้ว่า ‘เพราะบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ละทิ้งเราไปปรนนิบัตินมัสการพระต่างๆ พวกเขาได้ทอดทิ้งเราและไม่ได้รักษาบทบัญญัติของเรา 12 แต่พวกเจ้าประพฤติเลวทรามยิ่งกว่าบรรพบุรุษเสียอีก ดูเถิด เจ้าต่างก็ทำตามใจดื้อดึงถือทิฐิชั่วของตนแทนที่จะเชื่อฟังเรา 13 ฉะนั้นเราจะเหวี่ยงเจ้าออกจากดินแดนนี้ ไปยังดินแดนซึ่งเจ้าและบรรพบุรุษไม่เคยรู้จักมาก่อน […]

เยเรมีย์ 17

1 “บาปของยูดาห์ถูกสลักไว้ด้วยปากกาเหล็ก จารึกไว้ด้วยปลายเพชร ลงบนแผ่นหัวใจของเขา และบนเชิงงอนที่แท่นบูชาของพวกเขา 2 แม้แต่ลูกหลานของเขาก็ระลึกถึง แท่นบูชาและเสาเจ้าแม่อาเชราห์ ข้างต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขา และบนภูเขาสูงทั้งหลาย 3 ภูเขาของเราในดินแดนนั้น และทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเจ้า ตลอดจนสถานบูชาบนที่สูงของเจ้า เราจะให้ศัตรูมาริบไป เพราะบาปทั่วแดนของเจ้า 4 โดยความผิดของเจ้าเอง เจ้าจะสูญเสียกรรมสิทธิ์ที่เรามอบให้ เราจะส่งเจ้าไปเป็นทาสของศัตรู ในดินแดนซึ่งเจ้าไม่รู้จัก เพราะเจ้าจุดไฟโทสะของเรา มันจะเผาผลาญตลอดไป” 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “คำสาปแช่งตกอยู่แก่ผู้ที่ไว้วางใจในมนุษย์ พึ่งพละกำลังของเขา และเอาใจออกห่างองค์พระผู้เป็นเจ้า 6 เขาจะเป็นเหมือนพุ่มไม้ในถิ่นกันดาร มองไม่เห็นความเจริญรุ่งเรืองที่มาถึง เขาจะอาศัยในถิ่นแห้งแล้งของทะเลทราย ในเขตดินกร่อยซึ่งไม่มีใครอาศัย 7 “แต่ความสุขมีแก่ผู้ที่ไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในพระองค์ 8 เขาจะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากลงไปริมธารน้ำ มันไม่กลัวความร้อนที่มาถึง ใบของมันเขียวขจีอยู่เสมอ มันไม่วิตกในปีที่แห้งแล้ง และไม่หยุดออกผล” 9 จิตใจเป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งอื่นใด และเสื่อมทรามจนสุดจะแก้ ใครจะเข้าใจจิตใจนั้นได้? 10 “เราผู้เป็นพระยาห์เวห์พิเคราะห์ดูจิตใจ และตรวจสอบความคิด เพื่อให้บำเหน็จแก่ทุกคนตามผลการกระทำ และตามความประพฤติของเขา” 11 ผู้ซึ่งมั่งมีด้วยวิธีทุจริต ก็เหมือนนกที่กกไข่ซึ่งมันไม่ได้วาง […]

เยเรมีย์ 18

บทเรียนจากช่างปั้นหม้อ 1 พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า 2 “จงลุกขึ้นลงไปที่บ้านช่างปั้นหม้อ เราจะให้เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราที่นั่น” 3 ข้าพเจ้าก็ไปที่บ้านช่างปั้นหม้อ เขากำลังทำงานอยู่ที่แป้น 4 แต่ภาชนะที่เขากำลังปั้นอยู่นั้นเสียรูปทรงอยู่ในมือของเขา เขาจึงนวดขยำเป็นก้อนและเริ่มปั้นใหม่ตามที่เขาเห็นว่าดีที่สุด 5 แล้วพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 6 “พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราทำกับเจ้าแบบเดียวกับช่างปั้นหม้อผู้นี้ไม่ได้หรือ?”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าอยู่ในมือของเราเหมือนดินเหนียวที่อยู่ในมือของช่างปั้น 7 เมื่อใดก็ตามที่เราประกาศเกี่ยวกับชาติไหนหรืออาณาจักรไหนที่เราจะรื้อถอนและทำลาย 8 แล้วหากชาตินั้นซึ่งเราได้เตือนไว้หันกลับจากความชั่วร้ายของตน เราก็จะเปลี่ยนใจไม่ส่งภัยพิบัติมายังพวกเขาตามที่เราได้ตั้งใจไว้แต่แรก 9 และหากเราประกาศเกี่ยวกับชาติไหนหรืออาณาจักรไหนซึ่งเราจะสร้างและก่อตั้งขึ้น 10 แต่แล้วชาตินั้นอาณาจักรนั้นทำสิ่งที่ชั่วในสายตาของเราและไม่ยอมเชื่อฟังเรา เมื่อนั้นเราก็จะเปลี่ยนใจยังไม่อวยพรพวกเขาอย่างที่คิดไว้ 11 “ฉะนั้นจงไปเตือนชนยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็มว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราเตรียมนำภัยพิบัติมายังเจ้า และมีแผนการลงโทษเจ้า ฉะนั้นเจ้าแต่ละคนจงหันจากวิถีชั่วของเจ้าและแก้ไขแนวทางกับการกระทำของเจ้า’ 12 แต่พวกเขาจะตอบว่า ‘พูดไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เราจะทำตามแผนการของเราต่อไป เราแต่ละคนจะทำตามทิฐิในใจชั่วของเรา’ ” 13 ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงถามดูในหมู่ชนชาติต่างๆ ใครเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้บ้าง อิสราเอลผู้บริสุทธิ์ได้ทำ สิ่งที่เลวร้ายที่สุด? 14 หิมะเคยหายไปจากภูผาของเลบานอนหรือ? สายน้ำเย็นจากภูเขาที่ห่างไกลนั้นเคยหยุดไหลหรือ? 15 ถึงกระนั้นประชากรของเราก็ลืมเรา พวกเขาเผาเครื่องหอมถวายรูปเคารพอันไร้ค่า ซึ่งทำให้เขาสะดุดล้มในวิถีทางของตน และในหนทางโบราณ […]

เยเรมีย์ 19

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “จงไปซื้อไหดินใบหนึ่งจากช่างปั้น และพาผู้อาวุโสบางคนของเหล่าประชากรและปุโรหิตอาวุโสบางคนไปกับเจ้าด้วย 2 และจงไปที่หุบเขาเบนฮินโนม ใกล้ทางเข้าประตูกองเศษหม้อของตัวเมือง และจงพูดกับเขาตามถ้อยคำที่เราบอกเจ้าที่นั่นว่า 3 ‘กษัตริย์ยูดาห์และชาวกรุงเยรูซาเล็ม จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำภัยพิบัติมาเหนือสถานที่แห่งนี้ ซึ่งทุกคนที่ได้ยินจะถึงกับขนลุกขนพอง 4 เพราะพวกเขาได้ละทิ้งเรา และทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นแหล่งพระต่างชาติ พวกเขาเผาเครื่องบูชาแก่พระต่างๆ ซึ่งตัวเขาก็ดี บรรพบุรุษของเขาก็ดี บรรดากษัตริย์ยูดาห์ก็ดี ไม่เคยรู้จักมาก่อน และพวกเขาทำให้สถานที่แห่งนี้นองด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์ 5 เขาได้สร้างสถานบูชาบนที่สูงของพระบาอัล เพื่อเผาลูกชายของตนสังเวยพระบาอัล นี่เป็นสิ่งที่เราไม่เคยสั่งหรือพูดถึง และไม่เคยเข้ามาในความคิดของเราเลย 6 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่าดังนั้นจงระวังให้ดี เพราะจะถึงเวลาที่ผู้คนจะไม่เรียกที่แห่งนี้ว่าโทเฟทหรือหุบเขาเบนฮินโนมอีกต่อไป แต่เรียกว่า “หุบเขาแห่งการเข่นฆ่า” 7 “ ‘ในที่แห่งนี้ เราจะทำลายแผนการต่างๆ ของยูดาห์และเยรูซาเล็ม เราจะทำให้พวกเขาล้มตายด้วยคมดาบต่อหน้าเหล่าศัตรู ในมือของผู้ที่หมายเอาชีวิตของพวกเขา เราจะทิ้งศพของพวกเขาให้เป็นเหยื่อของนกในอากาศและสัตว์ต่างๆ บนแผ่นดินโลก 8 เราจะทำให้กรุงนี้ถูกทิ้งร้างเป็นเป้าของการดูหมิ่น ทุกคนที่ผ่านไปมาจะตกตะลึงและเย้ยหยัน เมื่อได้เห็นความหายนะทั้งหมดของมัน 9 ในขณะที่ถูกบีบคั้นโดยศัตรูผู้หมายเอาชีวิตของพวกเขาซึ่งล้อมเขาไว้ เราจะทำให้พวกเขากินเนื้อลูกชายลูกสาวของตัวเอง และพวกเขาจะกินเนื้อกันเอง’ 10 “จากนั้นเจ้าจงทุบไหใบนั้นต่อหน้าคนเหล่านั้นที่มากับเจ้า 11 และบอกพวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนี้ว่า […]

เยเรมีย์ 20

เยเรมีย์และปาชเฮอร์ 1 เมื่อปุโรหิตปาชเฮอร์บุตรอิมเมอร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ดูแลพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ยินเรื่องที่เยเรมีย์กำลังเผยพระวจนะอยู่ 2 ก็ให้คนทุบตีผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ และจับกุมตัวใส่ขื่อคาขังไว้ที่ประตูเบนยามินด้านบนของพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 3 เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อปาชเฮอร์มาปล่อยเยเรมีย์ออกจากขื่อคา เยเรมีย์กล่าวกับเขาว่า “ชื่อที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งให้ท่านไม่ใช่ปาชเฮอร์ แต่เป็นมาโกร์มิสสาบิบ 4 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘เราจะทำให้เจ้าเป็นที่สยดสยองทั้งแก่ตัวเจ้าเองและแก่เพื่อนฝูงทั้งปวงของเจ้า ตาของเจ้าเองจะเห็นพวกเขาล้มตายด้วยคมดาบของเหล่าศัตรู เราจะมอบยูดาห์ไว้ในเงื้อมมือกษัตริย์บาบิโลน ซึ่งจะกวาดต้อนพวกเขาไปยังบาบิโลนหรือฆ่าทิ้ง 5 เราจะมอบทรัพย์สมบัติทั้งปวงของกรุงนี้แก่ศัตรูของพวกเขา ได้แก่ผลิตผลทั้งปวง ทรัพย์สินมีค่าและสมบัติทั้งสิ้นของบรรดากษัตริย์ยูดาห์ ศัตรูจะปล้นและริบไปยังบาบิโลน 6 ส่วนเจ้า ปาชเฮอร์และทุกคนในครัวเรือนของเจ้าจะต้องไปเป็นเชลยที่บาบิโลน ตายและฝังที่นั่น ทั้งตัวเจ้าและเพื่อนๆที่เจ้าพยากรณ์เท็จให้ฟัง’ ” เยเรมีย์คร่ำครวญ 7 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงหลอกลวงข้าพระองค์และข้าพระองค์ก็ถูกหลอกให้ตายใจ พระองค์เหนือกว่าข้าพระองค์และทรงชนะข้าพระองค์ ข้าพระองค์ถูกหัวเราะเยาะวันยังค่ำ ทุกคนเย้ยหยันข้าพระองค์ 8 เมื่อใดที่พูด ข้าพระองค์เป็นต้องป่าวร้อง ประกาศความรุนแรงและความพินาศย่อยยับ ฉะนั้นพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทำให้ข้าพระองค์ถูกเย้ยหยันและถูกติเตียนวันยังค่ำ 9 แต่หากข้าพระองค์จะกล่าวว่า “ข้าพระองค์จะไม่พูดถึงพระองค์ หรือไม่พูดอะไรในพระนามของพระองค์อีกต่อไป” พระดำรัสของพระองค์ในจิตใจของข้าพระองค์ ก็เป็นเหมือนไฟที่แผดเผาอยู่ในกระดูก และข้าพระองค์หมดเรี่ยวหมดแรงที่จะทนเก็บไว้ได้ ข้าพระองค์เก็บไว้ไม่ได้จริงๆ 10 ข้าพระองค์ได้ยินเสียงซุบซิบหนาหูว่า “ความสยดสยองอยู่รอบด้าน! ให้เรารายงานเรื่องเขา! รายงานเรื่องเขา!” เพื่อนๆ […]