1 นี่คือถ้อยคำของเยเรมีย์บุตรฮิลคียาห์ เยเรมีย์เป็นปุโรหิตคนหนึ่งอยู่ที่อานาโธทในเขตเบนยามิน 2 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ในปีที่สิบสามของรัชกาลโยสิยาห์ซึ่งเป็นโอรสกษัตริย์อาโมนแห่งยูดาห์ 3 และตลอดรัชกาลเยโฮยาคิมซึ่งเป็นโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์จนถึงเดือนที่ห้าของปีที่สิบเอ็ดแห่งรัชกาลเศเดคียาห์ซึ่งเป็นโอรสกษัตริย์โยสิยาห์แห่งยูดาห์ เมื่อชาวกรุงเยรูซาเล็มถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย พระเจ้าทรงเรียกเยเรมีย์ 4 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าความว่า 5 “เรารู้จักเจ้าตั้งแต่ก่อนที่เราจะปั้นเจ้าในครรภ์มารดา ก่อนเจ้าจะคลอดออกมา เราได้แยกเจ้าไว้แล้ว เราได้แต่งตั้งเจ้าให้เป็นผู้เผยพระวจนะแก่ประชาชาติทั้งหลาย” 6 ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ข้าพระองค์ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร เพราะข้าพระองค์ยังเด็กเกินไป” 7 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อย่าพูดว่า ‘ข้าพระองค์ยังเด็กเกินไป’ เจ้าต้องไปพบทุกคนที่เราใช้เจ้าไป ไม่ว่าเราสั่งอย่างไร เจ้าต้องพูดไปตามนั้น 8 อย่ากลัวพวกเขาเลย เพราะเราอยู่กับเจ้าและจะช่วยกู้เจ้า”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 9 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์มาแตะปากของข้าพเจ้าและตรัสว่า “บัดนี้เราเอาถ้อยคำของเราใส่ไว้ในปากของเจ้า 10 ดูเถิด วันนี้เราแต่งตั้งเจ้าไว้เหนือบรรดาประชาชาติและอาณาจักรต่างๆ ให้รื้อออกและทลายลง ให้ทำลายและโค่นล้ม ให้สร้างและปลูก” 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เยเรมีย์ เจ้าเห็นอะไรบ้าง?” ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นกิ่งอัลมอนด์พระเจ้าข้า” 12 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ถูกต้องแล้ว นั่นหมายความว่าเรากำลังเฝ้าดูให้เป็นไปตามคำที่เราได้ลั่นวาจาไว้” 13 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าอีกครั้งว่า “เจ้าเห็นอะไรบ้าง?” ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นหม้อน้ำที่กำลังเดือดพล่าน […]
Category Archives: เยเรมีย์
เยเรมีย์ 2
อิสราเอลละทิ้งพระเจ้า 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงข้าพเจ้าว่า 2 “จงไปประกาศให้ชาวเยรูซาเล็มได้ยินดังนี้ “ ‘เรายังจำความจงรักภักดีในวัยแรกรุ่นของเจ้าได้ เจ้ารักเราเหมือนเจ้าเป็นเจ้าสาวของเรา และติดตามเราผ่านถิ่นกันดาร ผ่านดินแดนซึ่งหว่านพืชไม่ได้ 3 อิสราเอลเคยบริสุทธิ์สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า เคยเป็นผลแรกที่ทรงเก็บเกี่ยว ผู้ใดกัดกินอิสราเอลผู้นั้นก็มีความผิด และต้องพบกับหายนะ’ ” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 4 พงศ์พันธุ์ยาโคบเอ๋ย ทุกตระกูลของพงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “บรรพบุรุษของเจ้าเห็นเรามีข้อเสียตรงไหนหรือ จึงได้หลงเตลิดไปไกลจากเราเช่นนี้? พวกเขาได้ไปติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า และทำให้ตัวเองไร้ค่าไป 6 พวกเขาไม่ได้ถามว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน? ผู้ทรงนำเราออกมาจากอียิปต์ นำเราผ่านถิ่นกันดารแห้งแล้ง ผ่านดินแดนแห่งทะเลทรายและโตรกเขา เป็นดินแดนที่แห้งแล้งและมืดมน ดินแดนซึ่งไม่มีใครอยู่อาศัยหรือผ่านไปมา’ 7 เรานำพวกเจ้ามายังแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ ให้กินผลิตผลชั้นดีมากมาย แต่เจ้ากลับทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน และทำให้มรดกที่เรายกให้กลายเป็นสิ่งที่น่าชิงชัง 8 ปุโรหิตทั้งหลายไม่ถามว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน?’ ผู้ที่รักษากฎหมายไม่รู้จักเรา บรรดาผู้นำกบฏต่อเรา เหล่าผู้เผยพระวจนะได้พยากรณ์ในนามของพระบาอัล ติดตามรูปเคารพอันไร้ค่า 9 “ฉะนั้นเราจึงกล่าวโทษเจ้าอีกครั้ง” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “และเราจะกล่าวโทษลูกหลานของเจ้า 10 จงข้ามทะเลไปยังชายฝั่งของคิททิมและมองดู ส่งคนไปยังเคดาร์แล้วสังเกตให้ดี ไปดูสิว่าเคยมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นบ้างไหม? 11 เคยมีชาติหนึ่งชาติใดเปลี่ยนเทพเจ้าที่พวกเขานับถือหรือไม่? […]
เยเรมีย์ 3
1 “หากชายใดหย่าขาดจากภรรยา และนางไปแต่งงานกับชายอีกคน เขาควรจะกลับไปหานางอีกหรือ? จะไม่ทำให้แผ่นดินแปดเปื้อนมลทินไปหมดหรอกหรือ? แต่เจ้าก็ใช้ชีวิตเยี่ยงโสเภณีที่มีชู้รักหลายคน บัดนี้เจ้าจะกลับมาหาเราหรือ?” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 2 “จงแหงนหน้ามองบนที่สูงอันเริศร้างทั้งหลาย ดูเถิด มีที่ไหนบ้างที่เจ้าไม่ได้ไปทำตัวแปดเปื้อนด้วยการล่วงประเวณี? เจ้านั่งคอยบรรดาชู้รักอยู่ริมทาง นั่งคอยเหมือนชนเผ่าเร่ร่อนในทะเลทราย เจ้าทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน เนื่องด้วยความสำส่อนและความชั่วร้ายของเจ้า 3 ฉะนั้นฝนจึงถูกระงับเสีย และฝนฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ตกลงมา ถึงกระนั้นเจ้าก็ยังหน้าด้านเหมือนหญิงโสเภณี เจ้าไม่มียางอายเอาเสียเลย 4 เจ้าเพิ่งร้องทูลเราไม่ใช่หรือว่า ‘พระบิดาของข้าพระองค์ ผู้ทรงเป็นมิตรสหายมาตั้งแต่ข้าพระองค์ยังแรกรุ่น 5 พระองค์จะกริ้วอยู่เนืองนิตย์หรือ? พระพิโรธของพระองค์จะคงอยู่ตลอดไปหรือ?’ เจ้าพูดเช่นนี้แหละ แต่เจ้าก็ยังคงทำชั่วทุกอย่างอยู่ร่ำไป” อิสราเอลผู้ไม่ซื่อสัตย์ 6 ในรัชสมัยของกษัตริย์โยสิยาห์องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นสิ่งที่อิสราเอลผู้นอกใจทำหรือไม่? อิสราเอลคบชู้ด้วยการเที่ยวไปนมัสการพระต่างๆ บนภูเขาสูงทุกลูกและใต้ต้นไม้ใบดกทุกต้น 7 เราคิดว่าหลังจากที่อิสราเอลได้ทำทุกสิ่งเหล่านี้แล้ว นางจะกลับมาหาเรา แต่ก็เปล่า และยูดาห์น้องสาวผู้ไร้สัตย์ของนางก็เห็น 8 เราจึงทำหนังสือหย่าขาดจากอิสราเอลผู้นอกใจและไล่นางไปเพราะการคบชู้ทั้งหมดของนาง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ได้เห็นว่ายูดาห์น้องสาวผู้ไร้สัตย์ของนางไม่ขยาดกลัวเลย ยูดาห์เองก็ออกไปคบชู้ด้วย 9 เพราะนางเห็นว่าความเสื่อมศีลธรรมของอิสราเอลเป็นเรื่องเล็กน้อย นางจึงทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน และคบชู้โดยไปนมัสการรูปเคารพซึ่งทำจากไม้และหิน 10 ถึงขนาดนี้แล้ว ยูดาห์น้องสาวผู้ไร้สัตย์ของนางก็ยังไม่หวนกลับมาหาเราอย่างสุดใจ มีแต่เสแสร้งแกล้งทำ”องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า […]
เยเรมีย์ 4
1 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “อิสราเอลเอ๋ย หากเจ้าจะหันกลับมา หากเจ้าจะกลับมาหาเรา หากเจ้ากำจัดเทวรูปอันน่าชิงชังออกไปให้พ้นหน้าเรา และไม่หลงเตลิดอีกต่อไป 2 และหากเจ้าจะปฏิญาณโดยกล่าวอ้างว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ ด้วยความจริง ความยุติธรรม และความชอบธรรม ประชาชาติทั้งหลายก็จะได้รับพรจากเรา และพวกเขาจะสรรเสริญเทิดทูนเรา” 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับชาวยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มว่า “จงไถพรวนดินแข็งแห่งจิตใจของเจ้า และอย่าหว่านเมล็ดพืชลงกลางดงหนาม 4 ชนยูดาห์ ชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย จงทำสุหนัตให้ตัวเองถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำสุหนัตที่ใจของพวกเจ้า มิฉะนั้นโทสะของเราจะระเบิดออกและแผดเผาดั่งไฟ เผาผลาญโดยไม่มีใครดับได้ เนื่องจากความชั่วร้ายที่พวกเจ้าได้ทำ ภัยพิบัติจากทิศเหนือ 5 “จงป่าวประกาศในยูดาห์และป่าวร้องในเยรูซาเล็มว่า ‘จงเป่าแตรทั่วแผ่นดิน!’ จงป่าวร้องเสียงดังว่า ‘มารวมตัวกัน! ให้เราหนีไปยังเมืองป้อมปราการต่างๆ โดยเร็ว!’ 6 จงส่งสัญญาณให้ไปศิโยน! อย่าชักช้า! จงรีบหนีเอาชีวิตรอด เพราะเรากำลังนำภัยพิบัติมาจากทางเหนือ เป็นหายนะร้ายแรง” 7 ราชสีห์ตัวหนึ่งได้ออกมาจากถ้ำ ผู้ที่จะทำลายบรรดาประชาชาติได้ออกมาแล้ว เขาออกมาจากที่พักของตน เพื่อทำให้แผ่นดินของเจ้าถูกทิ้งร้าง เมืองต่างๆ ของเจ้าจะกลายเป็นซากปรักหักพัง ปราศจากผู้อยู่อาศัย 8 ฉะนั้นจงสวมเสื้อผ้ากระสอบ จงร้องไห้คร่ำครวญ เพราะพระพิโรธอันรุนแรงขององค์พระผู้เป็นเจ้า ยังไม่หันเหจากเรา 9 […]
เยเรมีย์ 5
ไม่มีใครเที่ยงธรรม 1 “จงวิ่งไปวิ่งมาตามถนนหนทางในกรุงเยรูซาเล็ม จงมองไปรอบๆ และพิเคราะห์ดู จงค้นหาตามลานเมืองต่างๆ หากเจ้าหาพบแม้แต่คนเดียว ที่ซื่อสัตย์และแสวงหาความจริง เราก็จะยกโทษให้เมืองนี้ 2 ถึงแม้พวกเขากล่าวว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด’ พวกเขาก็กำลังสาบานเท็จ” 3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเนตรของพระองค์มองหาความจริงไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงเฆี่ยนพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่รู้จักเจ็บ ทรงขยี้พวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ยอมปรับปรุงแก้ไข พวกเขาทำหน้าด้านหน้าทนยิ่งกว่าหิน และไม่ยอมกลับตัวกลับใจ 4 ข้าพเจ้าคิดว่า “คนเหล่านี้เป็นเพียงคนยากไร้ พวกเขาเป็นคนโง่เขลา เพราะพวกเขาไม่รู้วิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่รู้ข้อกำหนดของพระเจ้าของตน 5 ฉะนั้นข้าพเจ้าจะไปหาบรรดาผู้นำ และจะพูดกับพวกเขา คนเหล่านั้นย่อมรู้วิถีทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า รู้ข้อกำหนดของพระเจ้าของตนอย่างแน่นอน” แต่คนเหล่านั้นก็พร้อมใจกันหักแอก และทลายเครื่องพันธนาการต่างๆ ด้วยเหมือนกัน 6 ฉะนั้นสิงโตจากป่าจะมาเล่นงานพวกเขา สุนัขป่าจากทะเลทรายจะเข้าขย้ำ เสือดาวจะซุ่มอยู่ใกล้เมืองต่างๆ ของพวกเขา คอยฉีกเนื้อคนที่ออกมานั้นเป็นชิ้นๆ เพราะการทรยศของพวกเขาร้ายแรงนัก และชอบหวนกลับไปทำบาป 7 “ควรหรือที่เราจะอภัยให้พวกเจ้า? ลูกหลานของพวกเจ้าได้ละทิ้งเรา และสาบานโดยอ้างพระต่างๆ ซึ่งไม่ใช่พระเจ้า เราได้จัดหาทุกสิ่งที่จำเป็นให้พวกเขา แต่พวกเขาก็ยังคบชู้ และแห่กันไปยังสำนักนางโลม 8 พวกเขาเป็นม้าหนุ่มกลัดมันที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ต่างกระสันหาภรรยาของเพื่อนบ้าน 9 […]
เยเรมีย์ 6
เยรูซาเล็มถูกล้อม 1 “วิ่งหนีเอาชีวิตรอดเถิด ชาวเบนยามินเอ๋ย! จงหนีจากเยรูซาเล็ม! จงเป่าแตรในเทโคอา! ส่งสัญญาณขึ้นเหนือเบธฮัคเคเรม! เพราะภัยพิบัติโผล่ขึ้นมาจากทางเหนือ เป็นหายนะร้ายแรง 2 เราจะทำลายธิดาแห่งศิโยน ผู้งดงามและบอบบางเหลือเกิน 3 คนเลี้ยงแกะและฝูงสัตว์ของเขาจะมาต่อสู้เธอ พวกเขาจะตั้งเต็นท์ล้อมเมือง แต่ละคนเลี้ยงสัตว์ของเขา” 4 “จงเตรียมทำศึกกับศิโยน! จงลุกขึ้น ให้เราบุกโจมตียามเที่ยงวัน! แต่อนิจจา กลางวันคล้อยลงแล้ว และร่มเงาของยามเย็นทอดยาว 5 ดังนั้นจงลุกขึ้น ให้เราโจมตีตอนกลางคืน และทำลายป้อมปราการต่างๆ เสีย!” 6 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “จงโค่นต้นไม้ แล้วก่อเชิงเทินเพื่อสู้กับเยรูซาเล็ม กรุงนี้ต้องถูกลงโทษ เพราะเต็มไปด้วยการกดขี่ข่มเหง 7 ดั่งบ่อน้ำปล่อยน้ำไหลออกมา กรุงนี้ก็ได้ปล่อยความชั่วร้ายออกมา ความทารุณอำมหิตและการทำลายล้างดังกระหึ่มในเมืองนี้ ความเจ็บป่วยและบาดแผลของมันมีอยู่ต่อหน้าเราเสมอ 8 เยรูซาเล็มเอ๋ย จงรับการเตือน มิฉะนั้นเราจะเบือนหน้าหนีจากเจ้า และทำให้ดินแดนของเจ้าถูกทิ้งร้าง จนไม่มีใครอยู่อาศัยได้” 9 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “แม้แต่ชนอิสราเอลที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือก็ต้องถูกทำลายซ้ำ เหมือนคนเก็บองุ่น ตรวจดูองุ่นแต่ละเถา เพื่อเก็บพวกที่คลาดสายตาไป” 10 จะให้ข้าพเจ้าพูดและเตือนใครได้? ใครจะฟังข้าพเจ้า? หูของพวกเขาถูกอุด […]
เยเรมีย์ 7
ศาสนาจอมปลอมอันไร้ค่า 1 พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงเยเรมีย์ว่า 2 “จงยืนที่ทางเข้าพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าและประกาศว่า “‘ชนยูดาห์ทั้งปวงซึ่งผ่านเข้าประตูเหล่านี้เพื่อนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าจงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้า 3 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงแก้ไขความประพฤติและวิถีทางของเจ้าเสียใหม่ แล้วเราจะอนุญาตให้เจ้าอาศัยอยู่ที่นี่ 4 อย่าไปเชื่อคำหลอกลวงและพูดว่า “นี่คือพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า!” 5 หากเจ้าแก้ไขความประพฤติและวิถีทางต่างๆ อย่างจริงจัง และปฏิบัติต่อกันอย่างยุติธรรม 6 หากเจ้าไม่ข่มเหงคนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ หรือหญิงม่าย ไม่ทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องหลั่งเลือดที่นี่ หากเจ้าไม่ติดตามพระอื่นๆ ให้เจ้าเองได้รับอันตราย 7 เมื่อนั้นเราจะอนุญาตให้เจ้าอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ ในแผ่นดินซึ่งเรายกให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าตลอดไปเป็นนิตย์ 8 แต่ดูสิ เจ้ากำลังเชื่อคำหลอกลวงที่ไร้ค่า 9 “ ‘เจ้าจะลักขโมย ฆ่าคน ล่วงประเวณี และสาบานเท็จเผาเครื่องหอมถวายพระบาอัลและติดตามพระอื่นๆ ซึ่งเจ้าไม่เคยรู้จักมาก่อน 10 แล้วก็เข้ามายืนอยู่ต่อหน้าเราในนิเวศแห่งนี้ซึ่งใช้ชื่อของเรา แล้วเจ้าก็พูดว่า “เราปลอดภัย” ปลอดภัยเพื่อจะทำสิ่งที่น่าเกลียดชังทั้งปวงเหล่านี้หรือ? 11 นิเวศแห่งนี้ซึ่งใช้ชื่อของเรากลายเป็นซ่องโจรสำหรับเจ้าแล้วหรือ? เรากำลังจับตาดูอยู่!องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 12 “ ‘บัดนี้จงไปที่ชิโลห์ ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีเราใช้เป็นที่สถาปนานามของเรา ไปดูซิว่าเราทำอะไรกับที่แห่งนั้นเนื่องด้วยความชั่วร้ายของชนอิสราเอลประชากรของเรา 13 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า ขณะที่เจ้าทำทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เราได้พูดกับเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เจ้าไม่ยอมฟัง เราได้เรียกเจ้า […]
เยเรมีย์ 8
1 “‘องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่าเมื่อถึงเวลานั้นกระดูกของบรรดากษัตริย์และขุนนางของยูดาห์ กระดูกของเหล่าปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ และกระดูกของชาวเยรูซาเล็มจะถูกขุดออกมาจากหลุมฝังศพ 2 และถูกทิ้งกระจัดกระจายไว้กลางแจ้งภายใต้ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และมวลหมู่ดาวแห่งฟ้าสวรรค์ซึ่งพวกเขารักและปรนนิบัติ ติดตามขอคำปรึกษาและนมัสการ กระดูกของพวกเขาจะไม่ถูกเก็บรวบรวมขึ้นมาอีกหรือถูกฝังไว้ แต่จะเป็นเหมือนขยะที่ทิ้งไว้บนพื้น 3 และบรรดาผู้ที่ยังเหลือรอดอยู่ในหมู่ประชาชาติชั่วร้ายนี้ จะเรียกหาความตายมากกว่ามีชีวิตอยู่ในที่ซึ่งเราจะเนรเทศพวกเขาไปนั้น พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ประกาศดังนี้’ บาปและโทษทัณฑ์ 4 “จงไปบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ “ ‘เมื่อคนล้มลง เขาจะไม่ลุกขึ้นหรือ? เมื่อเขาไปผิดทาง เขาจะไม่ย้อนกลับมาหรือ? 5 แล้วทำไมประชากรเหล่านี้หันไปทางอื่น? เหตุใดเยรูซาเล็มจึงหันไปทางอื่นเสมอ? พวกเขายึดติดกับความหลอกลวง พวกเขาไม่ยอมหันกลับมา 6 เราตั้งใจฟัง แต่พวกเขาไม่ได้พูดสิ่งที่ถูกต้อง ไม่มีใครกลับตัวกลับใจจากความชั่วร้ายของตน และกล่าวว่า “ข้าได้ทำอะไรลงไป?” แต่ละคนไปตามทางของตนเอง เหมือนม้าทะยานออกศึก 7 แม้แต่นกกระสาในท้องฟ้า ยังรู้กำหนดฤดูกาล เช่นเดียวกับนกพิราบ นกกระเรียน และนกนางแอ่น ยังรู้จักสังเกตว่าได้เวลาอพยพ แต่ประชากรของเรา ไม่รู้ข้อกำหนดต่างๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า 8 “ ‘เจ้าพูดออกมาได้อย่างไรว่า “เราเฉลียวฉลาด เพราะเรามีบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ในเมื่อปากกามุสาของเหล่าอาลักษณ์ ได้บิดเบือนบทบัญญัตินั้น? 9 คนฉลาดเหล่านั้นจะต้องอับอายขายหน้า พวกเขาจะหวาดกลัวท้อแท้และติดกับ […]
เยเรมีย์ 9
1 โอ ถ้าศีรษะของข้าพเจ้าเป็นเหมือนแหล่งน้ำ และตาของข้าพเจ้าเป็นเหมือนบ่อน้ำพุแห่งน้ำตา! ข้าพเจ้าจะได้ร่ำไห้ทั้งวันทั้งคืน เพื่อพี่น้องร่วมชาติซึ่งถูกสังหาร 2 โอ ข้าพเจ้าอยากมีที่พักแรม สำหรับคนเดินทางในถิ่นกันดารนัก เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไปให้พ้น จากพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้า เพราะพวกเขาล้วนเป็นคนล่วงประเวณี เป็นฝูงชนที่ไม่ซื่อสัตย์ 3 “พวกเขาโก่งลิ้นเหมือนคันศร เพื่อยิงคำโกหกออกมา ความเท็จจึงมีชัย เหนือความจริงในแผ่นดิน พวกเขาทำบาปอย่างหนึ่ง แล้วก็แล่นไปสู่บาปอีกอย่างหนึ่ง พวกเขาไม่ยอมรับเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 4 “จงระวังเพื่อนของเจ้า และอย่าไว้ใจพี่น้องของเจ้า เพราะว่าพี่น้องทุกคนเป็นคนหลอกลวง และเพื่อนทุกคนเป็นนักใส่ร้ายป้ายสี 5 เพื่อนหลอกลวงเพื่อน และไม่มีใครพูดความจริง พวกเขาฝึกลิ้นตัวเองให้โกหก ทำให้ตัวเองเหนื่อยล้าด้วยการทำบาป 6 เจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางการหลอกลวง เพราะความหลอกลวงของพวกเขา พวกเขาจึงไม่ยอมรับเรา” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 7 ฉะนั้นพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “ดูเถิด เราจะถลุงและทดสอบพวกเขา เพราะนอกจากนี้เราจะทำสิ่งอื่นใดได้อีก เนื่องจากบาปที่ประชากรของเราได้ทำ? 8 ลิ้นของพวกเขาเป็นลูกศรคร่าชีวิต พูดจาตลบตะแลง ทุกคนพูดอย่างเป็นมิตรกับเพื่อนบ้านของเขา แต่ในใจคิดวางแผนเล่นงานเขา 9 ไม่ควรหรือที่เราจะลงโทษพวกเขาเพราะเหตุนี้?” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “ไม่ควรหรือที่เราจะแก้แค้น ชนชาติที่เป็นเช่นนี้?” 10 […]
เยเรมีย์ 10
พระเจ้ากับรูปเคารพ 1 พงศ์พันธุ์ของอิสราเอลเอ๋ย จงฟังสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเจ้า 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “อย่าเอาอย่างวิถีต่างๆ ของประชาชาติทั้งหลาย และอย่าตกใจกลัวเนื่องด้วยหมายสำคัญต่างๆ ในท้องฟ้า ดังที่ประชาชาติทั้งหลายหวาดกลัวอยู่นั้น 3 เพราะธรรมเนียมของชนชาติต่างๆ นั้นไร้ค่า เขาโค่นต้นไม้ต้นหนึ่งจากป่า ให้ช่างฝีมือใช้สิ่วแกะสลักเป็นรูปทรง 4 พวกเขาตกแต่งด้วยทองและเงิน จากนั้นใช้ค้อนและตะปูตอกตรึงให้อยู่กับที่อย่างแน่นหนา เพื่อมันจะไม่โอนเอน 5 เทวรูปเหล่านั้นเหมือนหุ่นไล่กาในสวนแตง มันพูดไม่ได้ ต้องอาศัยคนยกไป เพราะมันเดินไม่ได้ อย่าไปกลัวเทพเจ้าเหล่านั้น เพราะมันทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าทำประโยชน์หรือทำร้าย” 6 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ พระองค์ทรงยิ่งใหญ่ และพระนามของพระองค์เปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ 7 ข้าแต่องค์กษัตริย์แห่งประชาชาติ ใครเล่าจะไม่ยำเกรงพระองค์? พระเกียรตินี้คู่ควรแด่พระองค์ ท่ามกลางนักปราชญ์ทั้งปวงของบรรดาประชาชาติ และอาณาจักรทั้งปวงของพวกเขา ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนพระองค์ 8 พวกเขาล้วนสิ้นคิดและโง่เขลา พวกเขาถูกสอนโดยเทวรูปไม้อันไร้ค่า 9 เขานำเงินซึ่งเคาะแล้วมาจากเมืองทารชิช และทองคำมาจากเมืองอุฟาส แล้วผลงานของช่างฝีมือ ช่างทอง ก็ได้สวมอาภรณ์สีน้ำเงินและสีม่วง รูปเคารพเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผลงานของ ช่างที่ชำนาญ 10 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ เป็นองค์กษัตริย์ตลอดนิรันดร์กาล เมื่อพระองค์ทรงพระพิโรธ […]