การลบบาปสำหรับการฆาตกรรมที่ไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด 1 เมื่อท่านเข้าสู่ดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานเป็นกรรมสิทธิ์ หากพบศพกลางทุ่งและไม่ทราบว่าใครเป็นคนฆ่า 2 ผู้อาวุโสและตุลาการของท่านจะวัดระยะจากศพไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด 3 แล้วผู้อาวุโสของเมืองนั้นจะนำวัวสาวซึ่งไม่เคยเทียมแอก ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน 4 ไปยังหุบเขาซึ่งไม่เคยมีการไถหว่านและมีธารน้ำไหล แล้วหักคอวัวที่นั่น 5 ปุโรหิตชนเลวีจะก้าวไปข้างหน้า เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงเลือกปุโรหิตให้ปฏิบัติหน้าที่ ให้อวยพรในพระนามพระยาห์เวห์ และให้ตัดสินกรณีพิพาทและการทำร้ายร่างกาย 6 บรรดาผู้อาวุโสของเมืองที่ใกล้ที่สุดนั้นจะล้างมือเหนือวัวซึ่งถูกหักคอในหุบเขา 7 และประกาศว่า “มือของเราไม่ได้ทำให้หลั่งเลือด และตาของเราไม่ได้เห็นว่าใครทำ 8 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดรับการลบมลทินบาปสำหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์ซึ่งทรงไถ่ไว้แล้ว อย่าให้ประชากรของพระองค์ต้องรับโทษที่คนบริสุทธิ์ผู้นี้ถูกฆ่าตายเลย” แล้วความตายนี้จะได้รับการอภัยโทษบาป 9 ท่านก็จะได้ช่วยให้ตัวเองพ้นโทษจากการที่คนบริสุทธิ์ต้องตาย เนื่องจากท่านได้ทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า การแต่งงานกับหญิงเชลย 10 เมื่อท่านออกรบและพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบข้าศึกไว้ในมือของท่าน และท่านจับเขาเป็นเชลย 11 หากท่านเห็นหญิงงามในหมู่เชลยซึ่งท่านชอบและอยากได้ไว้เป็นภรรยา 12 จงพานางมาที่บ้านของท่าน ให้นางโกนผมและตัดเล็บ 13 และเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งสวมอยู่เมื่อถูกจับมาเป็นเชลย ให้นางอยู่ในบ้านของท่าน ไว้ทุกข์แก่บิดามารดาของนางหนึ่งเดือนเต็มๆ หลังจากนั้นท่านจึงรับนางมาเป็นภรรยา 14 หากนางไม่ถูกใจท่าน จงปล่อยนางไปตามทางที่นางต้องการ อย่าขายหรือปฏิบัติกับนางเยี่ยงทาส เพราะท่านได้ทำให้นางอับอายแล้ว สิทธิบุตรหัวปี 15 หากชายใดมีภรรยาสองคน เขารักคนหนึ่งและไม่รักอีกคนหนึ่ง และทั้งสองให้กำเนิดบุตรชายแก่เขา แต่บุตรหัวปีเป็นบุตรของภรรยาที่เขาไม่รัก […]
Category Archives: เฉลยธรรมบัญญัติ
เฉลยธรรมบัญญัติ 22
1 หากท่านเห็นวัวหรือแกะของเพื่อนบ้านหลงมา อย่านิ่งดูดาย จงนำมันกลับไปคืนเจ้าของ 2 หากเจ้าของอยู่ไกลหรือท่านไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของ จงพามันไปที่บ้านของท่าน และดูแลมันจนกว่าเจ้าของจะมาถามหา จึงคืนมันให้เขา 3 ไม่ว่าจะเป็นลา เสื้อผ้า หรือสิ่งใดๆ ของเขาที่สูญหาย อย่านิ่งดูดาย 4 เมื่อท่านเห็นลาหรือวัวของเพื่อนบ้านล้มอยู่ตามทาง อย่านิ่งดูดาย จงเข้าไปช่วยเหลือให้มันยืนขึ้นได้อีก 5 สตรีอย่าสวมเครื่องแต่งกายของบุรุษและบุรุษก็อย่าสวมเครื่องแต่งกายของสตรี เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงรังเกียจผู้ที่ทำเช่นนั้น 6 หากพบรังนกริมทาง หรือบนต้นไม้ หรือที่พื้น และมีแม่นกกกไข่หรือลูกของมัน อย่าจับทั้งแม่นกและลูกนก 7 ท่านอาจจับลูกนกไว้ แต่จงปล่อยแม่นกไป เพื่อประโยชน์สุขของท่าน และเพื่อท่านจะมีชีวิตยืนยาว 8 เมื่อสร้างบ้านใหม่ จงก่อขอบรอบหลังคาเพื่อท่านจะไม่นำความผิดมาสู่บ้านของท่านเนื่องจากมีคนพลัดตกลงมาตาย 9 อย่าหว่านเมล็ดพืชสองชนิดปนกันในสวนองุ่นของท่าน หากท่านทำ ทั้งผลองุ่นและพืชพันธุ์นั้นจะเป็นมลทิน 10 อย่าเอาวัวกับลาเข้าเทียมแอกด้วยกัน 11 อย่าสวมเสื้อผ้าที่ทอจากด้ายขนสัตว์ปนด้ายลินิน 12 ท่านจงเย็บพู่ห้อยไว้ที่มุมทั้งสี่ของเสื้อคลุม การทำผิดในชีวิตสมรส 13 หากชายใดแต่งงานและหลังจากที่หลับนอนกับภรรยาแล้วไม่ชอบนาง 14 จึงทำให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงโดยพูดให้ร้ายว่า “ข้าพเจ้าแต่งงานกับหญิงนี้ แต่เมื่อเข้าหานาง กลับไม่พบหลักฐานที่พิสูจน์ว่านางเป็นสาวพรหมจารี” 15 […]
เฉลยธรรมบัญญัติ 23
ผู้ที่ถูกห้ามเข้าร่วมชุมนุมประชากร 1 ชายใดถูกตอนโดยการทุบหรือตัด ห้ามเข้าร่วมชุมนุมประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า 2 ห้ามลูกที่เกิดจากการสมรสต้องห้ามหรือวงศ์วานของเขาเข้าร่วมชุมนุมประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนถึงสิบชั่วอายุ 3 ห้ามชาวอัมโมนหรือชาวโมอับหรือวงศ์วานของเขาเข้าร่วมชุมนุมประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าจนถึงสิบชั่วอายุ 4 เพราะพวกเขาไม่ยอมให้อาหารและน้ำแก่ท่านเมื่อท่านออกมาจากอียิปต์ และเขาว่าจ้างบาลาอัมบุตรเบโอร์จากเปโธร์ในอารัมนาหะราอิมมาแช่งท่าน 5 แต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านไม่ทรงฟังบาลาอัม กลับทรงพลิกผันคำสาปแช่งให้กลายเป็นพรสำหรับท่าน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงรักท่าน 6 อย่าทำสนธิสัญญาไมตรีกับพวกเขาเลยตลอดชีวิตของท่าน 7 อย่ารังเกียจคนเอโดมเพราะเขาเป็นพี่น้องของท่าน และอย่ารังเกียจคนอียิปต์เพราะท่านเคยเป็นคนต่างด้าวในประเทศของเขา 8 บุตรหลานชั่วอายุที่สามของพวกเขาสามารถเข้ามาร่วมชุมนุมประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ สิ่งที่เป็นมลทินในค่าย 9 ระหว่างรบ ผู้ที่อยู่ในค่ายพักจะต้องหลีกห่างจากทุกสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ 10 ชายใดเป็นมลทินเนื่องจากการหลั่งน้ำอสุจิในเวลากลางคืนจะต้องออกไปอยู่นอกค่ายพัก 11 จนตกเย็นจึงอาบน้ำและกลับเข้ามาในค่ายได้เมื่อดวงอาทิตย์ลับฟ้า 12 จงกำหนดที่ปลดทุกข์ไว้นอกค่ายพัก 13 ทุกคนจะมีพลั่ว จงใช้พลั่วขุดหลุมและกลบสิ่งปฏิกูลหลังจากปลดทุกข์แล้ว 14 เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงดำเนินอยู่ในค่ายของท่าน เพื่อปกป้องคุ้มครองท่านและมอบศัตรูไว้ในมือของท่าน ค่ายพักจะต้องบริสุทธิ์เพื่อพระองค์จะได้ไม่เห็นสิ่งที่ไม่บังควรและเมินพระพักตร์ไปจากท่าน กฎอื่นๆ 15 ทาสคนใดหนีนายมาพึ่งท่าน อย่าจับเขาส่งคืนนาย 16 จงยอมให้เขาอาศัยอยู่กับท่านในเมืองใดก็ได้ตามที่เขาเลือก อย่าข่มเหงรังแกเขา 17 อย่าให้มีชายหญิงชาวอิสราเอลคนใดเป็นโสเภณีในเทวสถาน 18 อย่านำรายได้จากหญิงโสเภณีหรือชายโสเภณีมาแก้บนในพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะทั้งสองเป็นที่รังเกียจสำหรับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 19 เมื่อท่านให้พี่น้องร่วมชาติยืมเงิน อาหาร หรือสิ่งอื่นใดก็ตาม […]
เฉลยธรรมบัญญัติ 24
1 ชายใดไม่พึงพอใจภรรยาเพราะข้อบกพร่องต่างๆ ให้เขียนหนังสือหย่ามอบแก่นางและส่งตัวนางออกไปจากบ้านของเขา 2 หลังจากนั้นหากนางแต่งงานใหม่ 3 และสามีใหม่ก็ไม่พึงพอใจนาง แล้วเขียนหนังสือหย่ามอบให้แล้วส่งตัวนางออกไปจากบ้านของเขา หรือหากสามีใหม่ตายไป 4 สามีคนแรกที่หย่ากันแล้ว ห้ามกลับไปแต่งงานกับนางอีกเพราะนางเป็นมลทินแล้ว เพราะเป็นที่น่ารังเกียจในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่านำบาปมาเหนือดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านเป็นกรรมสิทธิ์ 5 อย่าเกณฑ์ชายที่เพิ่งแต่งงานให้ออกรบหรือมอบหมายหน้าที่ใดๆ แก่เขา ตลอดปีแรกให้เขามีความสุขอยู่กับภรรยาที่บ้าน 6 อย่ายึดหินโม่เป็นของค้ำประกันการกู้ยืม เพราะเป็นเครื่องมือที่เจ้าของใช้ประทังชีวิต 7 ผู้ใดลักพาตัวพี่น้องชาวอิสราเอลและปฏิบัติต่อเขาเยี่ยงทาสหรือขายเขาไป ผู้ลักพาตัวจะต้องตาย ท่านต้องขจัดความชั่วร้ายออกไปจากหมู่พวกท่าน 8 ในกรณีของโรคเรื้อนจงใส่ใจปฏิบัติตามคำสั่งของปุโรหิตชาวเลวีอย่างเคร่งครัด ท่านต้องใส่ใจปฏิบัติตามสิ่งที่ข้าพเจ้าได้บัญชาพวกเขาไว้ 9 จงจดจำสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงทำต่อมิเรียมระหว่างทางหลังจากที่ท่านออกจากอียิปต์ 10 เมื่อท่านให้เพื่อนบ้านยืมสิ่งใด อย่าเข้าไปเอาของค้ำประกันในบ้านของเขา 11 จงคอยอยู่ข้างนอก ให้ผู้ขอกู้นำของค้ำประกันออกมาให้ท่านเอง 12 หากคนนั้นยากจน ท่านอย่าเก็บของค้ำประกันไว้ข้ามคืน 13 จงคืนเสื้อคลุมให้เขาก่อนดวงอาทิตย์ตกดิน เพื่อเขาจะใช้ห่มนอน แล้วเขาจะขอบคุณท่าน และจะถือว่าเป็นการกระทำที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 14 อย่าเอารัดเอาเปรียบลูกจ้างที่ยากไร้และขัดสน ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องชาวอิสราเอลหรือคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองของท่าน 15 จงจ่ายค่าแรงแก่เขาทุกวันก่อนดวงอาทิตย์ลับฟ้า เนื่องจากเขายากจนและใจจดใจจ่ออยู่ที่ค่าจ้าง มิฉะนั้นเขาอาจจะร้องกล่าวโทษท่านต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าและท่านจะมีความผิดบาป 16 อย่าประหารบิดาเพราะบาปของบุตร หรือประหารบุตรเพราะบาปของบิดา แต่ละคนจะต้องตายเพราะบาปของตนเอง 17 […]
เฉลยธรรมบัญญัติ 25
1 เมื่อผู้ใดเป็นความกันให้นำเรื่องมาถึงศาล ตุลาการจะตัดสินคดี ปล่อยตัวผู้บริสุทธิ์ และลงโทษผู้กระทำผิด 2 หากผู้กระทำผิดสมควรถูกโบย ตุลาการจะสั่งให้เขานอนลงและให้โบยต่อหน้า มากน้อยตามแต่โทษหนักเบา 3 แต่อย่าโบยเขาเกินสี่สิบที มิฉะนั้นโทษทัณฑ์จะรุนแรงเกินเหตุและพี่น้องของท่านจะต้องเสื่อมเสียเกียรติต่อหน้าท่าน 4 อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัวซึ่งนวดข้าวอยู่ 5 ถ้าพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันและมีคนหนึ่งตายไปโดยปราศจากบุตรชาย อย่าให้ภรรยาม่ายของเขาแต่งงานกับคนนอกครอบครัวสามี พี่น้องสามีจงรับนางเป็นภรรยาและทำหน้าที่พี่น้องสามีแก่นาง 6 ลูกคนแรกที่เกิดมาจะสืบชื่อของผู้ล่วงลับไปแล้วเพื่อชื่อของเขาจะไม่ถูกลบไปจากอิสราเอล 7 แต่หากพี่น้องของผู้ตายไม่ยอมแต่งงานกับหญิงม่ายผู้นั้น นางจะไปหาบรรดาผู้อาวุโสที่ประตูเมืองและกล่าวว่า “พี่น้องสามีของดิฉันไม่ยอมสืบชื่อของผู้ตายในอิสราเอล เขาไม่ยอมทำหน้าที่พี่น้องสามีต่อดิฉัน” 8 แล้วบรรดาผู้อาวุโสของเมืองนั้นจะเรียกตัวญาติคนนั้นมาเจรจา หากเขายังยืนกรานปฏิเสธว่า “ข้าพเจ้าไม่ต้องการแต่งงานกับนาง” 9 หญิงม่ายจะเดินเข้าไปหาชายคนนั้นต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโส ถอดรองเท้าของเขาออกมาข้างหนึ่ง ถ่มน้ำลายรดหน้าเขาและกล่าวว่า “นี่แหละผลที่จะเกิดกับคนที่ไม่ยอมสืบสายตระกูลให้พี่น้องของเขา” 10 หลังจากนั้นคนอิสราเอลจะเรียกเชื้อสายของชายผู้นั้นว่า ‘ครอบครัวของคนที่ถูกดึงรองเท้าออก’ 11 หากชายสองคนสู้รบตบมือกัน และภรรยาของฝ่ายหนึ่งตรงเข้ามาช่วยสามีโดยบีบของลับของฝ่ายตรงข้าม 12 ท่านจะต้องตัดมือของนางทิ้ง อย่าสงสารนางเลย 13 อย่ามีตุ้มน้ำหนักที่ต่างกันไว้ในถุงของท่าน อันหนึ่งหนัก อันหนึ่งเบา 14 อย่ามีเครื่องตวงวัดที่ต่างกันในบ้านของท่าน อันหนึ่งใหญ่ อันหนึ่งเล็ก 15 จงใช้มาตราชั่ง ตวง วัด […]
เฉลยธรรมบัญญัติ 26
พืชผลรุ่นแรกและสิบลด 1 เมื่อท่านเข้ายึดครองและตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านกำลังจะประทานแก่ท่านเป็นกรรมสิทธิ์ 2 จงนำพืชผลรุ่นแรกบางส่วนที่ท่านเก็บเกี่ยวจากผืนแผ่นดินที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ใส่ตะกร้ามายังสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือกเป็นที่สถาปนาพระนามของพระองค์ 3 และกล่าวแก่ปุโรหิตซึ่งประจำการในขณะนั้นว่า “ข้าพเจ้าขอประกาศในวันนี้ต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านว่า ข้าพเจ้าได้มายังดินแดนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเราว่าจะประทานแก่เรา” 4 ปุโรหิตจะรับตะกร้าจากมือของท่านไปวางไว้หน้าแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 5 จากนั้นท่านจะประกาศต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านว่า “บรรพบุรุษของข้าพระองค์คือชาวอารัมผู้ระเหเร่ร่อน และเขาได้ไปอาศัยอยู่ที่อียิปต์พร้อมกับคนเพียงหยิบมือเดียว แต่เมื่ออยู่ที่นั่นก็กลายเป็นชาติใหญ่ มีอำนาจ และมีคนมาก 6 แต่ชาวอียิปต์ปฏิบัติต่อเราอย่างไม่เป็นธรรม เคี่ยวเข็ญให้เราตรากตรำทำงานหนัก 7 แล้วเราร้องทูลพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเรา และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้ยินเสียงของเราและทอดพระเนตรเห็นความยากแค้นลำเค็ญ ความเหนื่อยยาก และการกดขี่ข่มเหงที่เราได้รับ 8 ดังนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงนำเราออกจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์และพระกรที่เหยียดออก ด้วยความครั่นคร้ามใหญ่หลวง ด้วยหมายสำคัญและปาฏิหาริย์ 9 พระองค์ทรงนำเรามายังสถานที่นี้ ประทานดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งแก่เรา 10 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าบัดนี้ข้าพระองค์ได้นำพืชผลรุ่นแรกจากที่ดินที่ประทานมาถวาย” แล้วจงวางตะกร้านั้นต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และก้มกราบต่อหน้าพระองค์ 11 แล้วท่านกับชาวเลวีและคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกท่านจะฉลองสิ่งดีงามทั้งปวงที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ประทานแก่ท่านและครัวเรือนของท่าน 12 ทุกปีที่สามเป็นปีแห่งสิบลด ในปีนั้นจงมอบหนึ่งในสิบของผลิตผลทั้งปวงของท่านแก่ชาวเลวี คนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่าย เพื่อพวกเขาจะได้รับประทานอิ่มหนำในเมืองของท่าน 13 จากนั้นท่านจงทูลพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านว่า “ข้าพระองค์ได้นำส่วนศักดิ์สิทธิ์จากบ้านของข้าพระองค์มามอบให้ชาวเลวี คนต่างด้าว ลูกกำพร้าพ่อ และหญิงม่ายตามที่ทรงบัญชาไว้ ข้าพระองค์ไม่ได้หันเหหรือลืมพระบัญชาทั้งปวงของพระองค์ 14 ข้าพระองค์ไม่ได้รับประทานส่วนศักดิ์สิทธิ์ขณะไว้ทุกข์ […]
เฉลยธรรมบัญญัติ 27
แท่นบูชาที่ภูเขาเอบาล 1 โมเสสและผู้อาวุโสของอิสราเอลสั่งประชากรว่า “จงปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ 2 เมื่อท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าสู่ดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ จงตั้งหินใหญ่จำนวนหนึ่งขึ้นและฉาบปูน 3 จารึกเนื้อความบทบัญญัตินี้ไว้บนหินเหล่านั้น เมื่อท่านข้ามไปสู่ดินแดนซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน ซึ่งเป็นดินแดนที่อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้งตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านทรงสัญญาไว้กับท่าน 4 และเมื่อท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนไป จงตั้งหินเหล่านี้ขึ้นบนภูเขาเอบาลตามที่ข้าพเจ้าสั่งท่านวันนี้ และฉาบด้วยปูน 5 จงสร้างแท่นบูชาหินขึ้นที่นั่นถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน อย่าใช้เครื่องมือเหล็กสกัดหินเหล่านั้น 6 จงสร้างแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยหินที่พบในท้องทุ่ง และถวายเครื่องเผาบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านบนแท่นนั้น 7 จงถวายเครื่องสันติบูชาบนแท่นนั้นเช่นกัน และเลี้ยงฉลองรื่นเริงต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 8 จงจารึกบทบัญญัติทั้งปวงนี้ลงไปให้ชัดเจนบนก้อนหินที่ท่านตั้งขึ้น” คำสาปแช่งจากภูเขาเอบาล 9 แล้วโมเสสและปุโรหิตชาวเลวีกล่าวแก่ชนอิสราเอลว่า “อิสราเอลเอ๋ย จงสงบเงียบและฟังเถิด บัดนี้ท่านได้เป็นประชากรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านแล้ว 10 จงเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและปฏิบัติตามพระบัญชาและกฎหมายทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้” 11 ในวันเดียวกันนั้นโมเสสสั่งประชากรดังนี้ว่า 12 เมื่อท่านข้ามแม่น้ำจอร์แดนแล้ว เผ่าสิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ โยเซฟ และเบนยามิน จะยืนอยู่บนภูเขาเกริซิมเพื่ออวยพรประชากร 13 ส่วนเผ่ารูเบน กาด อาเชอร์ เศบูลุน ดาน และนัฟทาลี จะยืนอยู่บนภูเขาเอบาล เพื่อกล่าวคำสาปแช่ง 14 […]
เฉลยธรรมบัญญัติ 28
พระพรสำหรับการเชื่อฟัง 1 หากท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านอย่างครบถ้วน และหมั่นปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเชิดชูท่านเหนือประชาชาติทั้งปวงในโลก 2 พรทั้งหมดนี้จะมีมาถึงท่านและดำรงอยู่กับท่าน หากท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 3 ท่านจะได้รับพรทั้งในเมืองและในทุ่งนา 4 ท่านจะได้รับพรให้มีบุตรหลานมากมาย ให้ท้องทุ่งของท่านเกิดผลมาก และให้ฝูงสัตว์และฝูงแพะแกะของท่านมีลูกดก 5 ท่านจะได้รับพรให้ตะกร้ามีพืชผลล้นหลาม และรางนวดแป้งเต็มไปด้วยขนมปัง 6 ท่านจะได้รับพรไม่ว่าจะไปทางไหน 7 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปราบศัตรูทั้งหลายต่อหน้าท่าน พวกเขาจะเดินทัพมาสู้ท่านทางเดียว แต่แตกฉานซ่านเซ็นไปเจ็ดทาง 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงอวยพรยุ้งฉางของท่านและทุกสิ่งที่ท่านลงมือทำ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านในดินแดนซึ่งพระองค์ประทานแก่ท่าน 9 หากท่านถือรักษาพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและดำเนินตามทางของพระองค์องค์พระผู้เป็นเจ้าก็จะทรงตั้งท่านให้มั่นคงในฐานะชนชาติบริสุทธิ์ของพระองค์ตามที่ทรงสัญญาไว้กับท่านด้วยคำปฏิญาณ 10 แล้วประชาชาติทั้งปวงในโลกจะเห็นว่าท่านได้รับการขนานนามตามพระนามของพระยาห์เวห์ และพวกเขาจะเกรงกลัวท่าน 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานความเจริญรุ่งเรืองอย่างล้นเหลือแก่ท่าน ในเรื่องบุตรหลาน ลูกอ่อนของฝูงสัตว์ และพืชผลจากแผ่นดิน ในดินแดนที่ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่านว่าจะยกให้ท่าน 12 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเปิดฟ้าสวรรค์ซึ่งเป็นคลังอันอุดมสมบูรณ์ของพระองค์ ให้ฝนตกในแผ่นดินของท่านตามฤดูกาล และจะทรงอวยพรงานทุกอย่างที่ท่านทำ ท่านจะให้หลายชาติกู้ยืม แต่ไม่ยืมจากใครเลย 13 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกระทำให้ท่านเป็นหัวไม่ใช่หาง ถ้าเพียงแต่ท่านใส่ใจพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ท่านจะอยู่เบื้องบนสุดเสมอ ไม่เคยอยู่เบื้องล่างเลย 14 อย่าหันเหจากพระบัญชาซึ่งข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ไปทางขวาหรือทางซ้าย อย่าไปติดตามและปรนนิบัติพระอื่นใด คำสาปแช่งสำหรับการไม่เชื่อฟัง 15 แต่หากท่านไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านและไม่ใส่ใจปฏิบัติตามพระบัญชาและกฎหมายทั้งปวงซึ่งข้าพเจ้ากำลังแจ้งท่านในวันนี้ […]
เฉลยธรรมบัญญัติ 29
รื้อฟื้นพันธสัญญา 1 ทั้งหมดนี้คือเงื่อนไขของพันธสัญญาที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสให้ทำกับชนชาติอิสราเอลในดินแดนโมอับ เพิ่มเติมจากพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงทำกับพวกเขาที่ภูเขาโฮเรบ 2 โมเสสได้เรียกชาวอิสราเอลทั้งปวงมาประชุมและกล่าวแก่พวกเขาว่า ท่านได้เห็นทุกสิ่งกับตาแล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำอะไรบ้างในอียิปต์ ทั้งต่อฟาโรห์ ต่อข้าราชการทั้งปวง และต่อดินแดนทั้งสิ้นของเขา 3 ท่านได้เห็นภัยพิบัติครั้งใหญ่ หมายสำคัญและปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่เหล่านั้นด้วยตาของท่านเอง 4 แต่จนทุกวันนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าก็ยังไม่ได้ประทานจิตใจที่จะเข้าใจ หรือตาที่มองเห็น หรือหูที่ได้ยินแก่ท่าน 5 เรานำเจ้าผ่านถิ่นกันดารมาตลอดสี่สิบปี เสื้อผ้าของเจ้าไม่ได้ขาดวิ่น รองเท้าไม่ได้สึกไป 6 เจ้าไม่ได้รับประทานขนมปังและดื่มเหล้าองุ่นหรือสุรา เราทำเช่นนี้เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า 7 เมื่อท่านมาถึงที่นี่ กษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบนและกษัตริย์โอกแห่งบาชานออกมารบกับพวกเรา แต่พวกเราชนะพวกเขา 8 เรายึดครองดินแดนของพวกเขาและยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า 9 จงใส่ใจปฏิบัติตามข้อกำหนดของพันธสัญญานี้ทุกประการ เพื่อท่านจะเจริญรุ่งเรืองในทุกสิ่งที่ท่านทำ 10 ในวันนี้ท่านทุกคนมาพร้อมหน้ากันที่นี่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทั้งผู้นำ หัวหน้าประชากร ผู้อาวุโส เจ้าหน้าที่ และชายทั้งปวงของอิสราเอล 11 พร้อมทั้งลูกๆ และภรรยาของท่าน และคนต่างด้าวในค่ายของท่านซึ่งตัดฟืนและหาบน้ำให้ท่าน 12 ท่านยืนอยู่ที่นี่เพื่อเข้าร่วมในพันธสัญญากับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เป็นพันธสัญญาซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำกับท่านในวันนี้ และทรงประทับตราด้วยคำปฏิญาณ 13 เพื่อยืนยันกับท่านในวันนี้ในฐานะที่ท่านเป็นประชากรของพระองค์ว่า พระองค์จะทรงเป็นพระเจ้าของท่านตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับท่านและตามที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของท่านคืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ […]
เฉลยธรรมบัญญัติ 30
ความรุ่งเรืองหลังจากหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า 1 เมื่อพระพรและคำสาปแช่งทั้งปวงที่ข้าพเจ้าได้ประกาศไว้เกิดขึ้น ท่านก็จะคิดได้ในขณะที่ท่านอาศัยอยู่ในชาติต่างๆ ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงกระจายท่านไป 2 และเมื่อใดที่ท่านและบุตรหลานหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และเชื่อฟังพระองค์อย่างสุดจิตสุดใจในทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ 3 เมื่อนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะทรงให้ท่านกลับรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งหนึ่งพระองค์จะทรงเอ็นดูสงสารท่าน และรวบรวมท่านกลับคืนมาจากชนชาติต่างๆ ซึ่งพระองค์ทรงกระจายท่านไป 4 แม้ท่านจะถูกเนรเทศไปไกลลิบโลก พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะรวบรวมท่านจากที่นั่นและนำท่านกลับมาอีก 5 พระองค์จะทรงนำท่านมายังดินแดนที่เป็นของบรรพบุรุษของท่าน และท่านจะครอบครองดินแดนนี้ พระองค์จะทรงให้ท่านรุ่งเรืองและมีจำนวนมากยิ่งกว่าบรรพบุรุษของท่าน 6 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงให้จิตใจของท่านและของวงศ์วานของท่านเข้าสุหนัต เพื่อท่านจะรักพระองค์สุดจิตสุดใจและมีชีวิตอยู่ 7 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านก็จะทรงให้คำสาปแช่งทั้งปวงนี้ตกแก่ศัตรูผู้เกลียดชังและข่มเหงรังแกท่าน 8 ท่านจะหวนกลับมาเชื่อฟังพระยาห์เวห์และปฏิบัติตามพระบัญชาทั้งสิ้นที่ข้าพเจ้าแจ้งท่านในวันนี้ 9 แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงให้ท่านเจริญรุ่งเรืองในการงานทุกอย่างที่ท่านทำและให้บุตรหลานทวีขึ้น ให้ฝูงสัตว์มีลูกอ่อนมากมายและพืชผลของแผ่นดินงอกงาม พระยาห์เวห์จะทรงปีติยินดีในตัวท่านและทำให้ท่านเจริญรุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงปีติยินดีในบรรพบุรุษของท่าน 10 หากท่านเชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และถือรักษาพระบัญชาและกฎหมายของพระองค์ซึ่งบันทึกไว้ในหนังสือบทบัญญัตินี้ และหันกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดจิตสุดใจ ข้อเสนอจะให้ชีวิตหรือความตาย 11 สิ่งที่ข้าพเจ้ากำชับท่านในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เหลือบ่ากว่าแรงหรือเกินเอื้อมสำหรับท่าน 12 ไม่ได้อยู่สูงในฟ้าสวรรค์จนท่านต้องถามว่า “ใครจะขึ้นไปบนสวรรค์แล้วนำมาประกาศแก่เราเพื่อเราจะได้ปฏิบัติตาม?” 13 และไม่ใช่อยู่โพ้นทะเลจนท่านต้องถามว่า “ใครจะข้ามทะเลเพื่อนำมาประกาศแก่เราเพื่อเราจะได้ปฏิบัติตาม?” 14 เปล่าเลย แต่ถ้อยคำนี้อยู่ใกล้ตัวท่านอย่างยิ่ง อยู่ในปากและอยู่ในใจของท่านเพื่อท่านจะปฏิบัติตาม 15 ดูเถิด วันนี้ข้าพเจ้าได้ตั้งชีวิตกับความรุ่งเรืองผาสุกและความตายกับหายนะไว้ตรงหน้าท่านแล้ว 16 เพราะข้าพเจ้าได้กำชับท่านแล้วในวันนี้ให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และดำเนินตามทางของพระองค์ ให้รักษาพระบัญชา กฎหมาย […]