ปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า 1 พระวิญญาณของพระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวดีแก่ผู้ยากไร้ พระองค์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาปลอบโยนผู้ชอกช้ำระกำใจ ให้ประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย และปลดปล่อยนักโทษจากความมืด 2 ให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า และวันแห่งการแก้แค้นของพระเจ้าของเรา ให้ปลอบโยนทุกคนที่คร่ำครวญหวนไห้ 3 และมอบมงกุฎแห่งความงามแทนขี้เถ้า แก่ผู้ที่ทุกข์โศกในศิโยน มอบน้ำมันแห่งความยินดี แทนการคร่ำครวญ และเครื่องนุ่งห่มแห่งคำสรรเสริญ แทนดวงใจที่ท้อแท้สิ้นหวัง พวกเขาจะได้ชื่อว่าต้นโอ๊กแห่งความชอบธรรม เป็นต้นไม้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปลูกไว้ เพื่อสำแดงความรุ่งโรจน์ของพระองค์ 4 พวกเขาจะปฏิสังขรณ์ซากโบราณที่ปรักหักพัง บูรณะสถานที่ต่างๆ ซึ่งถูกทำลายเมื่อนานมาแล้ว พวกเขาจะฟื้นฟูเมืองปรักหักพังทั้งหลาย ซึ่งถูกทำลายล้างมาหลายชั่วอายุ 5 คนต่างด้าวจะเลี้ยงดูฝูงแกะของเจ้า คนต่างชาติจะทำงานในทุ่งนาและในสวนองุ่นของเจ้า 6 และเขาจะเรียกเจ้าว่าปุโรหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า เจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าของเรา เจ้าจะอิ่มหมีพีมันด้วยทรัพย์สมบัติของประชาชาติต่างๆ และจะอวดความมั่งคั่งของพวกเขา 7 ประชากรของเราจะได้รับส่วนแบ่งเป็นสองเท่า แทนความอัปยศอดสูของพวกเขา พวกเขาจะชื่นชมยินดีในมรดกของตน แทนความอับอายขายหน้า เพราะฉะนั้น พวกเขาจะได้รับส่วนแบ่งเป็นสองเท่าในแผ่นดินของพวกเขา และได้รับความชื่นชมยินดีนิรันดร์ 8 “เพราะเรา พระยาห์เวห์ รักความยุติธรรม เราเกลียดการปล้นชิงและความชั่วช้า เราจะปูนบำเหน็จอย่างซื่อสัตย์แก่เขา และจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับเขา 9 ลูกหลานของเขาจะเป็นที่รู้จักในหมู่ประชาชาติ และวงศ์วานของเขาจะเป็นที่รู้จักท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย ทุกคนที่เห็นพวกเขาจะตระหนักว่า […]
Category Archives: อิสยาห์
อิสยาห์ 62
นามใหม่ของศิโยน 1 เพื่อเห็นแก่ศิโยน ข้าพเจ้าจะไม่ยอมเงียบ เพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็ม ข้าพเจ้าจะไม่นิ่งเฉย ตราบจนความชอบธรรมของนครนี้จะฉายแสงดั่งรุ่งอรุณ และความรอดเจิดจ้าดั่งคบไฟโชติช่วง 2 บรรดาประชาชาติจะเห็นความชอบธรรมของเจ้า บรรดากษัตริย์จะเห็นศักดิ์ศรีของเจ้า เจ้าจะได้ชื่อใหม่ ซึ่งพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าประทาน 3 เจ้าจะเป็นมงกุฎแห่งความโอ่อ่าตระการในพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นราชมงกุฎในพระหัตถ์พระเจ้าของเจ้า 4 พวกเขาจะไม่เรียกเจ้าว่า ‘ดินแดนที่ถูกทอดทิ้ง’ หรือ ‘ที่ทิ้งร้าง’ อีกต่อไป แต่เจ้าจะได้ชื่อว่า ‘เราปีติยินดีในตัวเธอ’ และแผ่นดินของเจ้าจะมีชื่อว่า ‘สมรสแล้ว’ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงปีติยินดีในตัวเจ้า และดินแดนของเจ้าจะได้แต่งงาน 5 บรรดาบุตรชายของเจ้าจะแต่งงานกับเจ้า เหมือนชายหนุ่มแต่งงานกับหญิงสาว พระเจ้าจะทรงปลื้มปีติในตัวเจ้า เหมือนเจ้าบ่าวชื่นชมในตัวเจ้าสาว 6 เยรูซาเล็มเอ๋ย เราได้ตั้งยามบนกำแพงของเจ้า พวกเขาจะไม่นิ่งเงียบอยู่ทั้งกลางวันและกลางคืน เจ้าผู้คอยร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า จงอย่าหยุดพักเลย 7 และอย่าให้พระเจ้าทรงหยุดพักจนกระทั่งพระองค์ได้สถาปนาเยรูซาเล็ม และทำให้เป็นที่ยกย่องในโลก 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยกพระหัตถ์ขวาและพระกรอันทรงฤทธิ์ปฏิญาณว่า “เราจะไม่ยกเมล็ดข้าวของเจ้าให้เป็นอาหารของศัตรูอีกต่อไป และคนต่างชาติจะไม่ได้ดื่มเหล้าองุ่นใหม่ ซึ่งเป็นน้ำพักน้ำแรงของเจ้าอีกต่อไป 9 แต่ผู้ที่เก็บเกี่ยวจะได้กิน และสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า และผู้ที่เก็บองุ่นจะดื่มเหล้าองุ่น ในลานของสถานนมัสการของเรา” 10 ออกไปเถิด ออกไปทางประตูเถิด! […]
อิสยาห์ 63
วันแห่งการแก้แค้นและการไถ่ของพระเจ้า 1 นี่ใครหนอที่มาจากเอโดม จากโบสราห์ สวมเครื่องแต่งกายที่เปรอะเปื้อนด้วยสีแดงเข้ม? นี่ใครหนอผู้ที่ทรงอาภรณ์โอ่อ่าตระการ รุดหน้าไปด้วยพละกำลังอันยิ่งใหญ่? “คือเราผู้กล่าวด้วยความชอบธรรม และมีอานุภาพที่จะช่วยให้รอด” 2 เหตุใดฉลองพระองค์จึงมีสีแดงเข้ม เหมือนกับเสื้อผ้าของคนที่ย่ำองุ่น? 3 “เราย่ำบ่อองุ่นแต่ลำพัง ไม่มีใครจากชาติใดๆ อยู่กับเรา เรากระทืบพวกเขาด้วยความโกรธ และเหยียบย่ำพวกเขาด้วยความพิโรธ เลือดของพวกเขาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าของเรา และเราได้ทำให้เสื้อผ้าของเราเปื้อนไปหมด 4 เพราะเราได้กำหนดวันแก้แค้นไว้ในใจ และปีแห่งการไถ่ของเราก็มาถึงแล้ว 5 เรามองดูแต่ไม่มีใครมาช่วย เราตกใจที่ไม่มีผู้ใดสนับสนุน มือของเราเองจึงนำความรอดมาเพื่อเรา และความพิโรธของเราเองที่ชูเราไว้ 6 เราบดขยี้นานาประชาชาติด้วยความโกรธของเรา ด้วยความพิโรธของเรา เราทำให้เขามึนเมา และหลั่งเลือดชโลมดิน” คำสรรเสริญและคำอธิษฐาน 7 ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงพระกรุณาขององค์พระผู้เป็นเจ้า เล่าถึงพระราชกิจอันควรแก่การสรรเสริญ ถึงสิ่งทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเพื่อเรา สิ่งดีนานัปการที่ทรงทำเพื่อพงศ์พันธุ์อิสราเอล ตามพระเมตตาและพระกรุณาธิคุณอันเหลือล้นของพระองค์ 8 พระองค์ตรัสว่า “แน่นอน พวกเขาเป็นประชากรของเรา เป็นลูกที่จะไม่ทำผิดต่อเรา” แล้วพระองค์ก็ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา 9 พระองค์ทรงทุกข์พระทัยในความทุกข์ใจทั้งสิ้นของพวกเขา และทูตสวรรค์ที่อยู่ต่อหน้าพระองค์ก็ช่วยพวกเขาให้รอด พระองค์ทรงไถ่พวกเขาด้วยความรักและความเมตตา พระองค์ทรงยกพวกเขาขึ้นและอุ้มพวกเขาไว้ ตลอดวันคืนในสมัยก่อน 10 ถึงกระนั้นพวกเขาก็กบฏ และทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เสียพระทัย […]
อิสยาห์ 64
1 โอ อยากให้พระองค์ทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมา ให้ภูเขาทั้งหลายสั่นสะท้านต่อหน้าพระองค์! 2 เหมือนเมื่อไฟเผากิ่งไม้วอด และทำให้น้ำเดือดพล่าน ขอโปรดเสด็จมาเพื่อทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่ประจักษ์แก่เหล่าศัตรู ทำให้นานาประชาชาติสั่นสะท้านต่อหน้าพระองค์! 3 เพราะเมื่อพระองค์ทรงทำสิ่งที่น่าครั่นคร้ามซึ่งข้าพระองค์ทั้งหลายไม่คาดคิด คือพระองค์เสด็จลงมา ภูเขาทั้งหลายก็สั่นสะท้านต่อหน้าพระองค์ 4 ตั้งแต่ครั้งโบราณไม่เคยมีใครได้ยิน ไม่เคยมีใครได้ฟัง ไม่เคยมีใครได้เห็นพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากพระองค์ ผู้ทรงกระทำการเพื่อคนทั้งปวงที่รอคอยพระองค์ 5 พระองค์เสด็จมาช่วยเหลือคนทั้งหลายที่ยินดีทำสิ่งที่ถูกต้อง ผู้ระลึกถึงวิถีทางของพระองค์ แต่เมื่อข้าพระองค์ทั้งหลายยังคงทำบาปขัดขืนพระมรรคา พระองค์ก็ทรงพระพิโรธ แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายจะรอดได้อย่างไร? 6 ข้าพระองค์ทั้งปวงกลายเป็นผู้มีมลทิน ความประพฤติอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งปวงเหมือนผ้าขี้ริ้วโสโครก ข้าพระองค์ทั้งหลายเหี่ยวเฉาประหนึ่งใบไม้ร่วง และบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายเหมือนลมพัดเอาพวกข้าพระองค์ปลิวหายไป 7 ไม่มีสักคนร้องทูลพระนามของพระองค์ หรือขวนขวายยึดมั่นพระองค์ไว้ เพราะพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์จากข้าพระองค์ทั้งหลาย และทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเสื่อมเสียไปเพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย 8 ถึงกระนั้น ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว พระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายล้วนเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ 9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขออย่าทรงพระพิโรธมากเกินไป ขออย่าทรงจดจำบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายไปตลอดกาล โอ ข้าพระองค์ทั้งหลายอธิษฐาน ขอโปรดทอดพระเนตรเหล่าข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นประชากรของพระองค์ 10 นครบริสุทธิ์ของพระองค์กลายเป็นทะเลทราย แม้แต่ศิโยนก็เป็นทะเลทราย เยรูซาเล็มเป็นที่ถูกทิ้งร้าง 11 พระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์และมีสง่าราศีของข้าพระองค์ทั้งหลาย ซึ่งเหล่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์ใช้เป็นที่สรรเสริญพระองค์นั้นถูกเผาวอดวาย และทุกสิ่งที่พวกเราถือว่าล้ำค่าก็อยู่ในสภาพปรักหักพัง […]
อิสยาห์ 65
การพิพากษาและความรอด 1 “เราสำแดงตนเองแก่บรรดาผู้ที่ไม่ได้เรียกหาเรา บรรดาผู้ที่ไม่ได้แสวงหาเราก็พบเรา ชนชาติที่ไม่ได้ร้องเรียกนามของเรา เราก็กล่าวกับเขาว่า ‘เราอยู่ที่นี่ เราอยู่ที่นี่’ 2 ตลอดวันเราได้ยื่นมือออก ให้แก่ชนชาติที่ดื้อด้าน ซึ่งดำเนินตามวิถีทางอันไม่ดีไม่งาม ทำตามความคิดจินตนาการของตัวเอง 3 คือชนชาติที่ยั่วยุเราซึ่งๆ หน้าอยู่เสมอ ซึ่งถวายเครื่องบูชาตามสวนต่างๆ และเผาเครื่องหอมบนแท่นบูชาที่ทำด้วยอิฐ 4 เขานั่งตามหลุมฝังศพ และเฝ้าอยู่ลับๆ ตลอดคืน เขากินเนื้อหมู และมีอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ที่เป็นมลทินอยู่ในหม้อของเขา 5 เขาผู้กล่าวว่า ‘หลีกไป อย่าเข้ามาใกล้ข้า เพราะข้าบริสุทธิ์กว่าเจ้า!’ คนเช่นนี้เป็นควันระคายจมูกของเรา เป็นไฟซึ่งลุกโพลงตลอดวัน 6 “ดูเถิด มีเขียนไว้ตรงหน้าเราเสมอว่า เราจะไม่นิ่งเฉย แต่จะตอบแทนอย่างสาสม เราจะคืนสนองพวกเขาอย่างเต็มขนาด 7 ทั้งบาปของเจ้าและบาปของบรรพบุรุษของเจ้า” องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนั้น “เพราะพวกเขาเผาเครื่องบูชาบนภูเขาทั้งหลาย และลบหลู่เราบนเนินเขาทั้งหลาย เราจะคืนสนองเขาอย่างเต็มที่ เนื่องด้วยความประพฤติดั้งเดิมของเขา” 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เหมือนยังมีน้ำองุ่นเหลืออยู่ในพวงองุ่น และผู้คนพูดกันว่า ‘อย่าเพิ่งทำลายทิ้ง มันยังมีดีอยู่บ้าง’ เราก็จะทำอย่างนั้นเพื่อผู้รับใช้ของเรา เราจะไม่ทำลายพวกเขาเสียหมด 9 เราจะนำลูกหลานจากยาโคบและจากยูดาห์ออกมา ผู้ซึ่งจะครอบครองภูเขาต่างๆ […]
อิสยาห์ 66
การพิพากษาและความหวัง 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “สวรรค์เป็นบัลลังก์ของเรา และโลกเป็นที่วางเท้าของเรา ก็แล้วนิเวศที่เจ้าจะสร้างให้เราอยู่ที่ไหนเล่า? ที่พำนักสำหรับเราอยู่ที่ไหนเล่า? 2 มือของเราเองไม่ใช่หรือที่ได้สร้างสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ และมันก็มีชีวิตขึ้นมา?” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น “นี่ต่างหากที่เรายกย่อง คือผู้ที่ถ่อมใจและมีจิตใจสำนึกผิด และตัวสั่นเพราะถ้อยคำของเรา 3 แต่ผู้ใดก็ตามที่ถวายวัวเป็นเครื่องบูชา ก็เหมือนผู้ที่ฆ่าคน และผู้ที่ถวายลูกแกะ ก็เหมือนผู้ที่หักคอสุนัข ผู้ใดถวายเครื่องธัญบูชา ก็เหมือนผู้ที่ถวายเลือดหมู ผู้ใดเผาเครื่องหอม ก็เหมือนผู้ที่นมัสการรูปเคารพ พวกเขาเลือกหนทางของตัวเอง จิตวิญญาณของเขาชื่นชมในสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนของตน 4 ดังนั้นเราเลือกที่จะปฏิบัติต่อเขาอย่างรุนแรง และนำสิ่งที่เขาหวาดกลัวมายังเขาด้วย เพราะเมื่อเราร้องเรียก ไม่มีใครตอบ เมื่อเราพูด ไม่มีใครรับฟัง พวกเขาทำชั่วต่อหน้าต่อตาเรา และเลือกทำสิ่งที่เราไม่พอใจ” 5 จงฟังพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านผู้ตัวสั่นเพราะถ้อยคำของพระองค์ “พี่น้องของเจ้าซึ่งเกลียดชังเจ้า และขับไล่ไสส่งเจ้าเนื่องด้วยนามของเราได้กล่าวว่า ‘ขอให้พระเกียรติสิริมีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้เราเห็นความชื่นชมยินดีของเจ้า!’ กระนั้นพวกเขาจะต้องอับอายขายหน้า 6 จงฟังเสียงดังสนั่นจากนครนั้นเถิด จงฟังเสียงจากพระวิหารนั้น! เป็นเสียงขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงตอบสนองบรรดาศัตรูของพระองค์อย่างสาสม 7 “ยังไม่ทันเจ็บท้อง เธอก็คลอด ยังไม่ทันเจ็บปวด เธอก็ให้กำเนิดลูกชาย 8 ใครบ้างเคยได้ยินเรื่องแบบนี้? ใครบ้างเคยเห็นเรื่องเช่นนี้? […]