วิบัติแก่ผู้ที่พึ่งอียิปต์ 1 วิบัติแก่บรรดาผู้ลงไปขอความช่วยเหลือจากอียิปต์ ผู้พึ่งม้า ผู้วางใจในกองรถม้าศึก และในกำลังมหาศาลแห่งพลม้าของพวกเขา แทนที่จะมุ่งมององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล หรือแสวงหาความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้า 2 พระเจ้ายังทรงพระปรีชาและสามารถบันดาลภัยพิบัติ พระองค์ตรัสแล้วไม่คืนคำ พระองค์จะทรงลุกขึ้นต่อสู้กับวงศ์วานของคนชั่วร้าย และต่อสู้กับคนที่ช่วยเหลือคนทำชั่ว 3 ชาวอียิปต์เป็นเพียงมนุษย์ไม่ใช่พระเจ้า ม้าของพวกเขาเป็นเพียงเลือดเนื้อไม่ใช่วิญญาณ เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา คนที่ช่วยก็จะสะดุด และคนที่ขอให้ช่วยก็จะล้มลง ทั้งคู่จะพินาศไปด้วยกัน 4 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เมื่อสิงโตคำราม ราชสีห์คำรามใส่เหยื่อ ต่อให้คนเลี้ยงแกะหมู่ใหญ่ถูกเรียกมาชุมนุมเพื่อต่อสู้ ราชสีห์ก็ไม่ตระหนกตกใจกับเสียงโห่ร้องอึงคะนึงของพวกเขา เช่นเดียวกัน พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ก็จะเสด็จลงมา เพื่อทำศึกบนภูเขาศิโยนและที่สูงต่างๆ 5 พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะปกป้องเยรูซาเล็ม ดั่งหมู่นกบินโฉบไปมาเหนือศีรษะ พระองค์จะคุ้มครองและช่วยกู้ พระองค์จะ ‘ผ่านไป’ และจะช่วยให้รอด” 6 ชนอิสราเอลเอ๋ย จงหันกลับมาหาพระองค์ผู้ซึ่งท่านได้กบฏอย่างร้ายแรงนั้น 7 เพราะในวันนั้น ท่านทุกคนจะทิ้งรูปเคารพเงินและทองซึ่งพวกท่านได้สร้างขึ้นด้วยมืออันบาปหนา 8 “อัสซีเรียจะล้มตายด้วยดาบซึ่งไม่ใช่ของมนุษย์ ดาบซึ่งไม่ใช่ของมนุษย์จะกลืนกินชีวิตของพวกเขา พวกเขาจะหนีเตลิดจากดาบนั้น ส่วนคนหนุ่มๆ ของพวกเขาจะถูกบังคับให้ใช้แรงงาน 9 ที่มั่นของพวกเขาจะทลายลงเพราะความสยดสยอง แม่ทัพของพวกเขาจะหวาดกลัวแทบคลั่ง เมื่อเห็นธงศึก” องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประกาศดังนั้น ไฟของพระองค์อยู่ในศิโยน เตาหลอมของพระองค์อยู่ในเยรูซาเล็ม […]
Category Archives: อิสยาห์
อิสยาห์ 32
อาณาจักรแห่งความชอบธรรม 1 ดูเถิด กษัตริย์องค์หนึ่งจะครองราชย์ด้วยความชอบธรรม และบรรดาเจ้านายจะปกครองด้วยความยุติธรรม 2 แต่ละคนจะเป็นเหมือนที่กำบังลม เป็นที่ลี้ภัยจากพายุ เหมือนธารน้ำหลายสายในถิ่นกันดาร และร่มเงาของศิลาใหญ่ในดินแดนอันแห้งระโหย 3 แล้วนัยน์ตาของผู้ที่มองเห็นจะไม่ถูกปิดอีกต่อไป และหูของผู้ที่ได้ยินจะฟัง 4 จิตใจของผู้ที่หุนหันจะรู้และเข้าใจ และลิ้นตะกุกตะกักจะพูดคล่องฉะฉาน 5 คนโง่จะไม่ได้รับการยกย่องว่าสูงศักดิ์อีกต่อไป ทั้งพวกวายร้ายจะไม่ได้รับการเคารพนับถืออย่างสูงอีก 6 เพราะคนโง่พูดแต่เรื่องโฉดเขลา จิตใจของเขาหมกมุ่นในความชั่วร้าย เขาประพฤติชั่ว และเผยแผ่เรื่ององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างผิดๆ เขาไม่ให้สิ่งใดกับคนหิวโหย และไม่ยอมให้น้ำกับคนกระหาย 7 วิธีการของพวกวายร้ายนั้นร้ายกาจ เขาวางแผนชั่ว เพื่อทำลายคนยากไร้ด้วยคำโกหก แม้คำอ้อนวอนของคนขัดสนนั้นถูกต้องเที่ยงธรรม 8 ส่วนคนมีคุณธรรมคิดแต่สิ่งดีงาม เขายืนหยัดอยู่ด้วยการกระทำที่ถูกต้องสูงส่ง ผู้หญิงเยรูซาเล็ม 9 พวกเจ้า เหล่าผู้หญิงที่นอนเป็นทองไม่รู้ร้อน จงลุกขึ้นและฟังเรา เหล่าบุตรีผู้รู้สึกมั่นคง จงฟังสิ่งที่เราจะพูด! 10 ในเวลาปีเศษๆ ผู้ที่รู้สึกมั่นคงจะตัวสั่น การเก็บเกี่ยวองุ่นจะล้มเหลว และไม่มีการเก็บผลไม้ 11 จงสั่นสะท้านเถิด หญิงผู้เรื่อยเฉื่อย จงตัวสั่นงันงก พวกเจ้าเหล่าธิดาผู้รู้สึกมั่นคง! จงเปลื้องเสื้อผ้าออก และสวมเสื้อผ้ากระสอบเถิด 12 จงตีอกชกตัวเพราะเรื่องท้องทุ่งอันอุดมสมบูรณ์ […]
อิสยาห์ 33
ความทุกข์และการทรงช่วย 1 วิบัติแก่เจ้า ผู้ทำลายเอ๋ย เจ้าผู้ไม่เคยถูกทำลายมาก่อน! วิบัติแก่เจ้าคนทรยศ เจ้าผู้ไม่เคยถูกทรยศมาก่อน! เมื่อเจ้าหยุดทำลาย เจ้าจะถูกทำลาย เมื่อเจ้าหยุดทรยศ เจ้าจะถูกทรยศ 2 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดเมตตาข้าพระองค์ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายใฝ่หาพระองค์ ขอทรงเป็นกำลังของเหล่าข้าพระองค์ทุกเช้า เป็นความรอดของข้าพระองค์ในยามทุกข์ลำเค็ญ 3 บรรดาประชาชาติเตลิดหนีเมื่อได้ยินพระสุรเสียงกึกก้อง เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้น ชนชาติต่างๆ ก็กระจัดกระจายไป 4 ประชาชาติทั้งหลายเอ๋ย ของที่พวกเจ้าปล้นมา จะถูกกอบโกยเหมือนถูกฝูงตั๊กแตนหนุ่มกัดกิน ผู้คนจะกลุ้มรุมเข้าใส่เหมือนฝูงตั๊กแตน 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่ยกย่องเทิดทูน เพราะพระองค์ประทับอยู่ในที่สูงส่ง พระองค์จะทรงทำให้ศิโยนเปี่ยมด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม 6 พระองค์จะทรงเป็นความมั่นคงสำหรับวันเวลาของเจ้า เป็นคลังอันมั่งคั่งแห่งความรอด สติปัญญา และความรู้ ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นกุญแจไขคลังนี้ 7 ดูเถิด บรรดาผู้กล้าหาญร้องไห้เสียงดังกลางถนน ทูตแห่งสันติภาพร่ำไห้อย่างขมขื่น 8 ทางหลวงก็เริศร้าง ตามถนนหนทางไม่มีผู้สัญจร สนธิสัญญาถูกละเมิด บรรดาพยานถูกดูหมิ่น ไม่มีใครได้รับความเคารพ 9 ดินแดนร่ำไห้และอ่อนระโหย เลบานอนอดสูและเหี่ยวแห้งไป ชาโรนเป็นดั่งอาราบาห์ บาชานและคารเมลก็สลัดใบ 10 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “บัดนี้เราจะลุกขึ้น บัดนี้เราจะได้รับการยกย่องเทิดทูน […]
อิสยาห์ 34
การตัดสินลงโทษชนชาติทั้งหลาย 1 บรรดาประชาชาติเอ๋ย จงขยับเข้ามาใกล้ๆ และรับฟัง ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงตั้งใจฟัง! แผ่นดินโลกและสรรพสิ่งในนั้นจงฟังเถิด ทั้งพิภพและบรรดาสิ่งที่ออกมาจากพิภพ! 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกริ้วมวลประชาชาติ ทรงพระพิโรธต่อกองทัพทั้งหมดของเขา พระองค์จะทรงทำลายล้างพวกเขาทั้งหมด และทิ้งให้เขาถูกสังหารหมู่ 3 ร่างของพวกเขาจะถูกโยนออกไป ซากศพของพวกเขาจะส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง ภูเขาทั้งหลายจะชุ่มโชกไปด้วยเลือดของพวกเขา 4 ดวงดาวทั้งสิ้นในฟ้าสวรรค์จะสูญสลาย ท้องฟ้าจะถูกม้วนเหมือนหนังสือม้วน ดวงดาวทั้งหลายจะตกจากฟ้า เหมือนใบองุ่นแห้งร่วงจากเถาองุ่น เหมือนผลมะเดื่อเหี่ยวร่วงจากต้น 5 เมื่อดาบของเราดื่มจนเต็มอิ่มในฟ้าสวรรค์แล้ว ดูเถิด มันจะลงมาพิพากษาลงโทษเอโดม ชนชาติซึ่งเราได้ทำลายล้างเสียสิ้น 6 พระแสงดาบขององค์พระผู้เป็นเจ้าอาบเลือด และมีไขมันเกาะ เป็นเลือดลูกแกะและแพะ เป็นไขมันจากไตแกะตัวผู้ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะให้มีเครื่องบูชาในโบสราห์ และการสังหารครั้งใหญ่ในเอโดม 7 วัวป่า ลูกวัว และวัวกระทิง จะล้มลงพร้อมพวกเขา แผ่นดินโลกจะนองเลือด ผงธุลีจะชุ่มด้วยไขมัน 8 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีวันที่จะล้างแค้น และมีปีที่จะชดใช้ให้ศิโยน 9 ลำธารทั้งหลายของเอโดมจะกลายเป็นหลุมเป็นบ่อ ธุลีดินจะกลายเป็นกำมะถันลุกไหม้ แผ่นดินเอโดมจะกลายเป็นหลุมที่ลุกโชน! 10 ทั้งวันทั้งคืนไม่มีดับ ควันไฟพวยพุ่งขึ้นมาชั่วนิจนิรันดร์ มันจะเริศร้างตลอดไปทุกชั่วอายุ จะไม่มีใครสัญจรไปมาอีกเลย […]
อิสยาห์ 35
ความชื่นชมยินดีของผู้รับการไถ่ 1 ทะเลทรายและดินแดนที่แตกระแหงจะเปรมปรีดิ์ ถิ่นกันดารจะชื่นชมยินดีและเบิกบาน เหมือนดอกไม้งาม 2 มันจะผลิดอกบาน มันจะชื่นชมยินดีอย่างเปี่ยมล้นและโห่ร้องยินดี มันจะได้รับศักดิ์ศรีแห่งเลบานอน ความโอ่อ่าตระการแห่งคารเมลและชาโรน คนทั้งปวงจะเห็นพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า และความโอ่อ่าตระการของพระเจ้าของเรา 3 จงช่วยให้มือที่อ่อนล้ามีกำลัง จงให้หัวเข่าที่อ่อนแรงมั่นคง 4 จงกล่าวแก่ผู้ที่มีจิตใจหวาดกลัวว่า “จงเข้มแข็งเถิด อย่ากลัวเลย พระเจ้าของท่านจะเสด็จมา พระองค์จะมาพร้อมกับการแก้แค้น พระองค์จะทรงมาเพื่อช่วยกู้ท่าน พร้อมกับการแก้แค้นศัตรูของท่าน” 5 เมื่อนั้นตาของคนตาบอดจะถูกเปิด และหูของคนหูหนวกจะได้ยิน 6 คนขาพิการจะโลดเต้นเหมือนกวาง และบรรดาคนใบ้จะโห่ร้องยินดี น้ำพุจะพุ่งขึ้นในถิ่นกันดาร ลำธารทั้งหลายจะพุ่งขึ้นในที่แห้งแล้ง 7 ทะเลทรายอันร้อนระอุจะกลายเป็นสระน้ำ ผืนดินแตกระแหงจะกลายเป็นธารน้ำพุ ที่ร้างซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของหมาใน จะมีต้นหญ้า ต้นอ้อ และต้นกกงอกขึ้นมา 8 จะมีทางหลวงที่นั่น เรียกว่า “ทางแห่งความบริสุทธิ์” ผู้ที่มีมลทินจะไม่เดินบนนั้น จะสงวนไว้สำหรับผู้ที่ดำเนินในทางนั้น คนโง่เขลาชั่วร้ายจะไม่ไปมาในทางนั้น 9 ที่นั่นไม่มีสิงโต ไม่มีสัตว์ร้ายอยู่บนทางนั้น พวกมันไม่โผล่ออกมาให้เห็น เฉพาะผู้ที่ได้รับการไถ่ไว้แล้วเท่านั้นที่จะเดินในทางนั้น 10 และผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงไถ่ไว้จะกลับมา พวกเขาจะเดินร้องเพลงเข้าเมืองศิโยน มีความสุขนิรันดร์เป็นมงกุฎประดับศีรษะพวกเขา พวกเขาเปรมปรีดิ์และชื่นชมยินดีอย่างเต็มล้น […]
อิสยาห์ 36
เซนนาเคอริบคุกคามเยรูซาเล็ม 1 ในปีที่สิบสี่แห่งรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ กษัตริย์เซนนาเคอริบแห่งอัสซีเรียมาโจมตีและยึดเมืองป้อมปราการทั้งปวงของยูดาห์ 2 แล้วกษัตริย์อัสซีเรียส่งแม่ทัพพร้อมด้วยทัพใหญ่จากลาคีชมาหากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม เมื่อแม่ทัพผู้นั้นมาหยุดอยู่ที่ทางระบายน้ำของสระบน ซึ่งเป็นเส้นทางสู่ลานซักล้าง 3 เจ้ากรมวังเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ ราชเลขาเชบนา และอาลักษณ์หลวงโยอาห์บุตรอาสาฟ ก็ออกไปพบเขา 4 แม่ทัพอัสซีเรียกล่าวกับพวกเขาว่า “จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า “ ‘กษัตราธิราชแห่งอัสซีเรียตรัสว่า เจ้าพึ่งพาสิ่งใดหรือจึงฮึกเหิมถึงเพียงนี้? 5 เจ้าพูดว่าเจ้ามียุทธศาสตร์และแสนยานุภาพ แต่นั่นก็เป็นเพียงลมปาก เจ้าพึ่งใครจึงบังอาจกบฏต่อเรา? 6 ดูสิ เจ้าพึ่งอียิปต์ซึ่งเป็นเหมือนไม้เท้าต้นอ้อที่หัก ใครพิงเข้าก็ถูกเสี้ยนตำเจ็บมือ! ใครพึ่งฟาโรห์แห่งอียิปต์ก็เป็นแบบนี้แหละ 7 และถ้าเจ้ากล่าวกับเราว่า “พวกเราพึ่งพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเรา” ก็พระเจ้าองค์นี้ไม่ใช่หรือที่เฮเซคียาห์ทำลายแท่นบูชากับสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย และกล่าวกับชาวยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า “เจ้าจะต้องนมัสการที่แท่นบูชานี้?” 8 “ ‘มาสิ มาต่อรองกับกษัตริย์อัสซีเรียนายของเรา เราจะให้ม้าสองพันตัวแก่เจ้าหากเจ้าหาคนขี่ม้ามาได้! 9 ต่อให้เจ้าพึ่งรถม้าศึกและม้าจากอียิปต์ก็ไม่อาจต่อกรกับนายทหารที่เล็กที่สุดคนหนึ่งของนายเราได้ 10 ยิ่งกว่านั้นเจ้าคิดว่าเรามาโจมตีและทำลายดินแดนนี้โดยปราศจากองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือ?องค์พระผู้เป็นเจ้าเองนั่นแหละที่บอกให้เรายกทัพมาโจมตีและทำลายดินแดนนี้’ ” 11 แล้วเอลียาคิม เชบนา และโยอาห์กล่าวแก่แม่ทัพนั้นว่า “โปรดพูดกับผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอาราเมคเถิด เพราะเราฟังเข้าใจ อย่าใช้ภาษาฮีบรูเลย เดี๋ยวผู้คนบนกำแพงจะได้ยิน” 12 แต่แม่ทัพนั้นตอบว่า “นายเราใช้เรามาพูดกับเจ้าและนายของเจ้าเท่านั้นหรือ? ไม่ใช่กับพวกที่นั่งอยู่บนกำแพงด้วยหรือ? พวกนั้นก็เหมือนเจ้า […]
อิสยาห์ 37
คำพยากรณ์ว่าเยรูซาเล็มจะได้รับการช่วยกู้ 1 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงได้ยินเช่นนั้นก็ทรงฉีกฉลองพระองค์ สวมผ้ากระสอบ แล้วเสด็จเข้าสู่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 2 พระองค์ทรงใช้เจ้ากรมวังเอลียาคิม ราชเลขาเชบนา และบรรดาปุโรหิตอาวุโสให้ไปพบผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศ ทุกคนล้วนสวมชุดผ้ากระสอบ 3 พวกเขากล่าวกับอิสยาห์ว่า “เฮเซคียาห์ตรัสดังนี้ว่า วันนี้เป็นวันแห่งความทุกข์ระทม การประณามหยามเหยียด และความอับอาย เหมือนเมื่อทารกพร้อมจะเกิด แต่ผู้เป็นแม่ไม่มีแรงจะเบ่งออกมา 4 บางทีพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงได้ยินถ้อยคำของแม่ทัพ ซึ่งกษัตริย์อัสซีเรียเจ้านายของเขาใช้ให้มาหมิ่นประมาทพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ และพระองค์จะทรงลงโทษเขาเนื่องด้วยถ้อยคำที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงได้ยินนั้น ดังนั้นขอโปรดอธิษฐานเผื่อพวกเราที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือนี้ด้วยเถิด” 5 เมื่อข้าราชบริพารของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาพบอิสยาห์ 6 อิสยาห์ก็กล่าวกับพวกเขาว่า “จงไปบอกนายของท่านว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า อย่ากลัวสิ่งที่ได้ยิน คือถ้อยคำซึ่งลูกน้องของกษัตริย์อัสซีเรียได้หมิ่นประมาทเรา 7 จงฟังเถิด! เรากำลังจะบันดาลวิญญาณอย่างหนึ่งในตัวเขา เพื่อเมื่อเขาได้ยินรายงานบางอย่าง เขาจะกลับไปยังประเทศของตน และเราจะให้เขาตายด้วยดาบที่นั่น’ ” 8 ฝ่ายแม่ทัพอัสซีเรียได้ข่าวว่ากษัตริย์ของตนเสด็จออกจากลาคีชแล้ว ก็ถอนทัพไป และพบพระองค์กำลังรบอยู่กับเมืองลิบนาห์ 9 แล้วเซนนาเคอริบได้รับรายงานว่าทีรหะคาห์กษัตริย์ชาวคูชแห่งอียิปต์ยกทัพจะมาสู้รบกับพระองค์ เมื่อได้ยินดังนั้นพระองค์จึงทรงส่งคนกลับมาแจ้งแก่เฮเซคียาห์ว่า 10 “จงไปบอกกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์ดังนี้ว่า อย่ายอมให้พระเจ้าซึ่งเจ้าพึ่งพานั้นหลอกลวงเจ้าเมื่อพระองค์ตรัสว่า ‘เยรูซาเล็มจะไม่ตกอยู่ในมือกษัตริย์อัสซีเรีย’ 11 เจ้าก็รู้ดีว่าบรรดากษัตริย์อัสซีเรียได้ทำอะไรแก่ประเทศทั้งปวงบ้าง กษัตริย์เหล่านั้นได้ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างราบคาบ แล้วเจ้าจะได้รับการช่วยกู้หรือ? 12 บรรดาพระของชนชาติต่างๆ ที่บรรพบุรุษของเราได้ทำลายล้างไปนั้นได้ช่วยกอบกู้พวกเขาไว้หรือ […]
อิสยาห์ 38
เฮเซคียาห์ประชวร 1 ครั้งนั้นเฮเซคียาห์ประชวรหนักใกล้สิ้นพระชนม์ ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอาโมศมาเข้าเฝ้าพระองค์และทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า จงจัดการบ้านเมืองให้เรียบร้อยเพราะเจ้าจะไม่หายป่วย แต่เจ้ากำลังจะตาย” 2 เฮเซคียาห์หันพระพักตร์เข้าหากำแพง และอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า 3 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงระลึกว่าข้าพระองค์ได้ดำเนินชีวิตอยู่ในทางของพระองค์อย่างซื่อสัตย์ ยอมอุทิศตนอย่างสิ้นสุดใจ และทำสิ่งที่ดีในสายพระเนตรของพระองค์อย่างไร” แล้วเฮเซคียาห์ก็ทรงกันแสงอย่างขมขื่น 4 แล้วพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงอิสยาห์ความว่า 5 “จงไปบอกเฮเซคียาห์ว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของท่านตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานและได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว เราจะต่ออายุให้เจ้าอีกสิบห้าปี 6 เราจะช่วยเจ้ากับเมืองนี้ให้พ้นจากมือกษัตริย์อัสซีเรีย เราจะปกป้องเมืองนี้ไว้ 7 “ ‘นี่เป็นหมายสำคัญที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้แก่ท่านเพื่อแสดงว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงทำตามที่ทรงสัญญาไว้คือ 8 “เราจะทำให้เงาที่ดวงอาทิตย์ทอดลงมาบนนาฬิกาแดดของอาหัสเคลื่อนถอยหลังไปสิบขั้น” ’ ” ดังนั้นแสงอาทิตย์จึงถอยหลังกลับไปจากที่เดิมสิบขั้น 9 เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์หายประชวร พระองค์ทรงเขียนไว้ว่า 10 ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า “บัดนี้ชีวิตของข้าพเจ้าได้มาถึงช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุด ก็จะต้องผ่านเข้าประตูแห่งความตาย และปีเดือนที่เหลืออยู่ก็จะต้องถูกฉกฉวยไปหรือ?” 11 ข้าพเจ้าได้พูดว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าอีก จะไม่เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในแดนผู้มีชีวิตอีกต่อไป ข้าพเจ้าจะไม่ได้เห็นมนุษยชาติอีกแล้ว และจะไม่ได้อยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ในโลกนี้อีกต่อไป 12 เรือนของข้าพเจ้าถูกรื้อและนำไปจากข้าพเจ้า เหมือนเต็นท์ของคนเลี้ยงแกะถูกถอนออกไป ข้าพเจ้าม้วนเก็บชีวิตของข้าพเจ้าเหมือนช่างทอ และพระองค์ทรงตัดข้าพเจ้าออกจากหูก ทั้งวันทั้งคืนพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงจุดจบ 13 ข้าพเจ้าอดทนรอคอยตราบจนรุ่งสาง แต่พระองค์ทรงหักกระดูกทั้งสิ้นของข้าพเจ้าประหนึ่งสิงโต ทั้งวันทั้งคืนพระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาถึงจุดจบ […]
อิสยาห์ 39
คณะทูตจากบาบิโลน 1 ครั้งนั้นเมโรดัคบาลาดันโอรสของกษัตริย์บาลาดันแห่งบาบิโลนได้ทราบข่าวว่าเฮเซคียาห์ประชวรและบัดนี้ทรงหายเป็นปกติแล้ว ก็ส่งสาสน์และของกำนัลมาให้เฮเซคียาห์ 2 เฮเซคียาห์ต้อนรับคณะทูตด้วยความปลาบปลื้มพระทัย และทรงอวดสมบัติทั้งสิ้นในท้องพระคลังให้พวกเขาชม คือเงิน ทอง เครื่องเทศ น้ำมันอย่างดี อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมด และทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ไม่มีสักสิ่งเดียวในพระราชวังหรือทั่วอาณาจักรที่เฮเซคียาห์ไม่ได้อวด 3 แล้วผู้เผยพระวจนะอิสยาห์มาเข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์และทูลถามว่า “คนพวกนี้พูดอะไร? และพวกเขามาจากไหน?” เฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “มาจากบาบิโลนดินแดนอันไกลโพ้น” 4 ผู้เผยพระวจนะทูลถามว่า “พวกเขาได้เห็นอะไรในวังของท่านบ้าง?” เฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “พวกเขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในวังของเรา ไม่มีสักสิ่งเดียวในท้องพระคลังที่เราไม่ได้ให้พวกเขาดู” 5 อิสยาห์จึงกล่าวแก่เฮเซคียาห์ว่า “จงฟังพระดำรัสของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ที่ว่า 6 เวลานั้นจะมาถึงอย่างแน่นอน เมื่อทุกอย่างในวังของเจ้าและทุกสิ่งที่บรรพบุรุษของเจ้าได้สะสมไว้จวบจนบัดนี้จะถูกกวาดไปยังบาบิโลน จะไม่มีอะไรเหลือเลยองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ 7 และวงศ์วานของเจ้าบางคน เลือดเนื้อเชื้อไขของเจ้าเองจะถูกกวาดต้อนไป ต้องกลายเป็นขันทีอยู่ในวังของกษัตริย์บาบิโลน” 8 เฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่ท่านว่ามาก็ดีอยู่” เพราะเฮเซคียาห์ดำริว่า “อย่างน้อยก็ยังจะมีความสงบสุขและความมั่นคงปลอดภัยในชั่วอายุของเรา” —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ISA/39-2aacc2294af09ee63f7a1039a4feda6f.mp3?version_id=179—
อิสยาห์ 40
พระเจ้าทรงปลอบโยน 1 พระเจ้าของท่านตรัสว่า จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเรา 2 จงกล่าวแก่เยรูซาเล็มอย่างอ่อนโยน และแจ้งให้เธอทราบว่า เธอได้ผ่านความทุกข์ลำเค็ญแล้ว บาปของเธอได้รับการชดใช้แล้ว ซึ่งเธอได้รับโทษจากพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าครบถ้วนแล้ว ตามบาปทั้งสิ้นที่เธอทำไป 3 เสียงของผู้หนึ่งร้องว่า “จงเตรียมทางในถิ่นกันดาร สำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางหลวงของพระเจ้า ในถิ่นกันดารให้ตรงไป 4 หุบเขาทุกแห่งจะถูกยกขึ้น ภูเขาและเนินเขาทุกแห่งจะถูกทำให้ต่ำลง พื้นดินขรุขระจะถูกทำให้เรียบ ที่ลุ่มๆ ดอนๆ จะถูกทำให้เป็นที่ราบ 5 แล้วพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้รับการเปิดเผย และมวลมนุษยชาติจะได้เห็นร่วมกัน เพราะพระโอษฐ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้แล้ว” 6 เสียงหนึ่งกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “จงร้องเถิด” และข้าพเจ้าถามว่า “ข้าพเจ้าควรจะร้องว่าอะไร?” เสียงนั้นกล่าวว่า “มวลมนุษยชาตินั้นเหมือนหญ้า และเกียรติทั้งปวงของพวกเขาก็เหมือนดอกไม้ในท้องทุ่ง 7 ต้นหญ้าเหี่ยวเฉาและดอกไม้ร่วงโรยไป เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหายใจรดใส่มัน แน่ทีเดียว มนุษย์เราก็เหมือนหญ้า 8 ต้นหญ้าเหี่ยวเฉาและดอกไม้ร่วงโรยไป แต่พระวจนะของพระเจ้าของเรายืนยงนิรันดร์” 9 ท่านผู้นำข่าวดีมายังศิโยน จงขึ้นไปบนภูเขาสูง ท่านผู้นำข่าวดีมายังเยรูซาเล็ม จงป่าวร้องสุดเสียง จงป่าวร้องให้สุดเสียง อย่ากลัวเลย จงร้องบอกเมืองต่างๆ ของยูดาห์ว่า “นี่คือพระเจ้าของท่าน!” […]