อพยพ 31

เบซาเลลและโอโฮลีอับ 1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “เราได้เลือกสรรเบซาเลลบุตรชายของอูรีซึ่งเป็นบุตรชายของเฮอร์จากเผ่ายูดาห์ 3 และเราให้เขาเปี่ยมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า มีความรู้ ความสามารถ และความชำนาญในเชิงช่างทุกแบบ 4 เพื่อออกแบบเครื่องทอง เงิน และทองสัมฤทธิ์อย่างวิจิตร 5 เจียระไนเพชรพลอย แกะสลักไม้ และงานฝีมือทุกแบบ 6 ยิ่งกว่านั้นเราได้แต่งตั้งโอโฮลีอับบุตรชายของอาหิสะมัคจากเผ่าดานให้เป็นผู้ช่วยของเขา ทั้งเราได้ให้ความเชี่ยวชาญแก่ช่างฝีมือทุกคน เพื่อทำทุกสิ่งที่เราได้สั่งเจ้าไว้ 7 ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์นัดพบ หีบพันธสัญญาซึ่งมีพระที่นั่งกรุณาวางอยู่ และเครื่องใช้อื่นๆ ทั้งหมดในเต็นท์ 8 โต๊ะพร้อมทั้งภาชนะใช้สอย คันประทีปทองคำบริสุทธิ์พร้อมอุปกรณ์ครบครัน แท่นเผาเครื่องหอม 9 แท่นเผาเครื่องบูชาพร้อมภาชนะใช้สอย อ่างและฐานรองอ่าง 10 รวมทั้งเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์สำหรับอาโรนผู้เป็นปุโรหิต และเครื่องแต่งกายสำหรับบรรดาบุตรชายเมื่อปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิต 11 น้ำมันเจิมและเครื่องหอมสำหรับวิสุทธิสถานให้พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้ตามที่เราได้สั่งเจ้าไว้” วันสะบาโต 12 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 13 “จงสั่งประชากรอิสราเอลว่า ‘พวกเจ้าจะต้องถือรักษาวันสะบาโตของเรา เพราะนี่จะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ เพื่อเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์ผู้ทำให้เจ้าบริสุทธิ์ 14 “ ‘ฉะนั้นจงถือรักษาวันสะบาโต เพราะเป็นวันบริสุทธิ์สำหรับเจ้า ผู้ใดลบหลู่จะต้องมีโทษถึงตาย ผู้ใดทำงานในวันนั้นจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา 15 จงทำงานในช่วงหกวัน ส่วนวันที่เจ็ดเป็นสะบาโตเพื่อการหยุดพัก […]

อพยพ 32

ลูกวัวทองคำ 1 เมื่อเหล่าประชากรเห็นว่าโมเสสล่าช้าไม่กลับลงมาจากภูเขา จึงพากันไปหาอาโรนและกล่าวว่า “มาเถิด ช่วยสร้างเทพเจ้าขึ้นมานำพวกเราไป เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโมเสสผู้ที่นำพวกเราออกมาจากอียิปต์” 2 อาโรนตอบพวกเขาว่า “ถอดตุ้มหูทองคำซึ่งภรรยา ลูกชาย และลูกสาวของพวกท่านสวมอยู่มาให้ข้าพเจ้าสิ” 3 ดังนั้นประชาชนทั้งปวงจึงนำตุ้มหูมามอบให้อาโรน 4 เขาใช้ทองนั้นหล่อลูกวัวขึ้นมาตัวหนึ่ง คนทั้งหลายต่างพูดกันว่า “อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเทพเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์” 5 เมื่ออาโรนเห็นเช่นนั้น จึงก่อแท่นบูชาขึ้นต่อหน้ารูปลูกวัวและประกาศว่า “วันพรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า” 6 ดังนั้นวันรุ่งขึ้นเหล่าประชาชนจึงตื่นตั้งแต่เช้าตรู่มาถวายเครื่องเผาบูชา เครื่องสันติบูชา แล้วนั่งล้อมวงกินดื่มและลุกขึ้นรื่นเริงในงานเลี้ยง 7 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงลงไปเถิด เพราะประชากรที่เจ้าพาออกมาจากอียิปต์เสื่อมทรามไปแล้ว 8 พวกเขาละทิ้งคำบัญชาของเราอย่างรวดเร็วและหล่อรูปเคารพเป็นลูกวัวขึ้นมากราบไหว้และถวายเครื่องบูชา แล้วพูดกันว่า ‘อิสราเอลเอ๋ย นี่คือเทพเจ้าของท่านผู้นำท่านออกมาจากอียิปต์’” 9 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราเห็นแล้วว่าคนเหล่านี้ดื้อด้านจริงๆ 10 ด้วยเหตุนี้จงปล่อยไว้ให้เป็นธุระของเราเอง เราจะระบายความโกรธทำลายล้างพวกเขาให้หมด แล้วเราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่” 11 แต่โมเสสทูลวิงวอนขอพระเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขาว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเหตุใดจึงทรงพระพิโรธต่อประชากรของพระองค์เอง ผู้ซึ่งพระองค์ทรงพาออกมาจากอียิปต์ด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่และด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์? 12 เหตุใดจะให้ชาวอียิปต์พูดได้ว่า ‘พระเจ้าทรงล่อพวกเขาออกมาเพื่อฆ่าทิ้งที่ภูเขา และทำลายล้างให้สิ้นจากแผ่นดินโลก’? ขอทรงระงับพระพิโรธและอดกลั้นพระทัยไว้ ไม่ปล่อยให้ภัยพิบัติเกิดแก่ประชากรของพระองค์เอง 13 ขอทรงระลึกถึงอับราฮัม […]

อพยพ 33

1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงไปจากที่นี่ ทั้งเจ้ากับเหล่าประชากรซึ่งเจ้าพาออกมาจากอียิปต์ และไปยังดินแดนที่เราสัญญาโดยปฏิญาณไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบว่า ‘เราจะยกดินแดนนี้ให้แก่วงศ์วานของเจ้า’ 2 เราจะส่งทูตมานำหน้าเจ้าทั้งหลายและขับไล่ชาวคานาอัน ชาวอาโมไรต์ ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุสออกไป 3 จงไปยังดินแดนอันอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง แต่เราจะไม่ไปกับพวกเจ้า เพราะเจ้าทั้งหลายเป็นชนชาติที่ดื้อด้าน เกรงว่าเราจะทำลายพวกเจ้าเสียระหว่างทาง” 4 เมื่อปวงประชากรได้ยินคำที่น่าทุกข์ใจเช่นนี้ก็พากันโศกเศร้าคร่ำครวญและไม่มีผู้ใดสวมเครื่องประดับเลย 5 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงบอกชนอิสราเอลว่า ‘เจ้าทั้งหลายเป็นคนดื้อด้าน ถ้าเราไปกับพวกเจ้าแม้สักครู่เดียว เราอาจจะทำลายพวกเจ้า บัดนี้จงถอดเครื่องประดับออก จนกว่าเราจะตกลงใจได้ว่าจะทำอย่างไรกับพวกเจ้าดี’ ” 6 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงถอดเครื่องประดับออกที่ภูเขาโฮเรบ เต็นท์นัดพบ 7 โมเสสเคยตั้งเต็นท์หลังหนึ่งไว้นอกค่าย ไกลออกมาหน่อยหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า “เต็นท์นัดพบ” ทุกคนที่ต้องการคำปรึกษาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าจะไปที่เต็นท์นัดพบซึ่งอยู่นอกค่ายนั้น 8 เมื่อใดก็ตามที่โมเสสออกไปที่เต็นท์นัดพบ ประชากรทั้งหมดจะลุกขึ้นยืนอยู่ตรงทางเข้าเต็นท์ของตนคอยดูจนโมเสสเข้าไปในเต็นท์นัดพบ 9 เมื่อโมเสสเข้าไป เสาเมฆจะเคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงทางเข้าขณะที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสส 10 ทุกครั้งที่ประชากรเห็นเสาเมฆอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ พวกเขาทุกคนก็จะยืนนมัสการอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของตน 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสต่อหน้าเหมือนเพื่อนคุยกัน หลังจากนั้นโมเสสจะกลับมาที่ค่ายพัก แต่โยชูวาบุตรนูนชายหนุ่มผู้ช่วยของโมเสสยังคงอยู่ในเต็นท์ โมเสสกับพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้า 12 โมเสสกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า […]

อพยพ 34

ศิลาชุดใหม่ 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงสกัดศิลาอีกสองแผ่นเช่นเดียวกับชุดแรกเพื่อเราจะจารึกข้อความเดิมเหมือนในแผ่นเก่าที่เจ้าทำแตกไปแล้ว 2 พรุ่งนี้เช้าจงเตรียมตัวให้พร้อมและขึ้นมาพบเราบนยอดเขาซีนาย 3 อย่าให้ใครมาด้วยและห้ามผู้หนึ่งผู้ใดขึ้นมาบนภูเขา แม้แต่ฝูงสัตว์ก็อย่าปล่อยให้มากินหญ้าใกล้ๆ ภูเขา” 4 ดังนั้นโมเสสจึงสกัดศิลาสองแผ่นตามแบบชุดแรกและขึ้นไปบนภูเขาซีนายตั้งแต่เช้าตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา เขาถือศิลาสองแผ่นนั้นขึ้นไปด้วย 5 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จลงมาในเมฆและประทับอยู่ที่นั่นกับโมเสส และประกาศพระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์ 6 พระองค์เสด็จผ่านหน้าโมเสสไปพร้อมทั้งประกาศว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระยาห์เวห์ พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณาและพระคุณ ทรงกริ้วช้า บริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ 7 ผู้แสดงความรักมั่นคงต่อคนนับพันชั่วอายุ โดยให้อภัยความชั่วร้าย การกบฏ และบาป แต่พระองค์จะไม่ทรงละเว้นโทษผู้กระทำผิด พระองค์จะทรงลงโทษลูกหลานของเขาเพราะบาปของบรรพบุรุษถึงสามสี่ชั่วอายุคน” 8 โมเสสจึงหมอบลงกับพื้นทันทีและนมัสการ 9 เขาทูลวิงวอนว่า “พระองค์เจ้าข้า หากข้าพระองค์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ ขอโปรดเสด็จไปกับข้าพระองค์ทั้งหลาย แม้ว่าข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นชนชาติที่ดื้อรั้น ขอทรงอภัยโทษความชั่วร้ายและบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย และขอทรงรับข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นมรดกของพระองค์” 10 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เราจะทำพันธสัญญากับเจ้าดังนี้คือ เราจะทำการอัศจรรย์ต่อหน้าชนชาติของเจ้าอย่างที่ไม่เคยทำต่อชนชาติใดในโลกมาก่อน ชนชาติที่เจ้าอยู่ด้วยจะเห็นกิจการอันน่าสะพรึงกลัวที่เราผู้เป็นพระยาห์เวห์จะทำเพื่อเจ้า 11 จงปฏิบัติตามสิ่งที่เราสั่งเจ้าไว้ในวันนี้ เราจะขับไล่ชาวอาโมไรต์ ชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวเปริสซี ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุสออกไปให้พ้นหน้าเจ้า 12 จงระวังให้ดี อย่าทำสนธิสัญญาใดๆ […]

อพยพ 35

ระเบียบวันสะบาโต 1 โมเสสจึงเรียกชนอิสราเอลทั้งหมดมาประชุมและกล่าวกับพวกเขาว่า “ต่อไปนี้คือสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ท่านทั้งหลายทำ 2 จงทำงานเพียงหกวัน ส่วนวันที่เจ็ดจะเป็นวันบริสุทธิ์ เป็นสะบาโตแห่งการหยุดพักถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ใดทำงานในวันนั้นจะต้องตาย 3 ในวันสะบาโตอย่าก่อไฟในที่พักของพวกเจ้า” วัสดุสำหรับพลับพลา 4 โมเสสกล่าวแก่ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า 5 ทุกคนที่เต็มใจ จงนำสิ่งต่างๆ ที่เจ้ามีดังต่อไปนี้มาถวายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้แก่ทองคำ เงิน และทองสัมฤทธิ์ 6 ด้ายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดง ผ้าลินินเนื้อดี ขนแพะ 7 หนังแกะตัวผู้ย้อมสีแดง หนังพะยูน ไม้กระถินเทศ 8 น้ำมันมะกอกสำหรับจุดประทีป เครื่องเทศสำหรับปรุงน้ำมันเพื่อใช้เจิมและสำหรับเครื่องหอม 9 โกเมนและอัญมณีอื่นๆ เพื่อใช้ทำเอโฟดและทับทรวง 10 “พวกท่านทุกคนที่มีความเชี่ยวชาญ จงมาช่วยกันทำทุกสิ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาเถิด 11 คือพลับพลารวมทั้งเต็นท์และเครื่องคลุมพลับพลา ตะขอ ไม้ฝาพลับพลา คานขวาง เสาและฐานเสา 12 หีบพร้อมคานหาม พระที่นั่งกรุณา และม่านกั้นอภิสุทธิสถาน 13 โต๊ะพร้อมคานหามและภาชนะเครื่องใช้ทุกอย่าง รวมทั้งขนมปังเบื้องพระพักตร์ 14 คันประทีปพร้อมกับอุปกรณ์ต่างๆ ตะเกียงและน้ำมันจุดประทีป […]

อพยพ 36

1 ดังนั้นเบซาเลล โอโฮลีอับ และช่างฝีมือทุกคนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความเชี่ยวชาญและความสามารถที่จะทำการทุกอย่างในการสร้างสถานนมัสการจะต้องปฏิบัติงานตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาไว้ทุกประการ” 2 โมเสสจึงเรียกเบซาเลล โอโฮลีอับ และช่างฝีมือทุกคนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความสามารถและผู้ที่เต็มใจนั้นให้ลงมือทำงาน 3 โมเสสมอบวัสดุต่างๆ ซึ่งชนอิสราเอลนำมาถวายให้พวกเขานำไปใช้ในการสร้างสถานนมัสการ ประชาชนยังคงนำของมาถวายเพิ่มทุกๆ เช้าด้วยความสมัครใจ 4 ดังนั้นช่างผู้ชำนาญงานทุกคนที่กำลังทำงานทุกอย่างเพื่อสร้างสถานนมัสการได้วางมือจากงาน 5 และพากันมาบอกโมเสสว่า “ประชาชนนำของมาถวายมากเกินพอแล้วสำหรับการทำงานตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา” 6 แล้วโมเสสจึงให้ประกาศไปทั่วค่ายพักว่า “ชายหญิงทุกคนไม่ต้องนำของมาถวายสำหรับสถานนมัสการแล้ว” ดังนั้นประชากรทั้งปวงจึงหยุดนำของมาถวาย 7 เพราะของที่มีอยู่มากเกินพอแล้วสำหรับงานที่จะต้องทำทั้งหมด พลับพลา 8 ช่างผู้ชำนาญทุกคนทำพลับพลาด้วยม่านผ้าลินินเนื้อดีสิบผืน ให้ช่างฝีมือผู้ชำนาญผู้หนึ่งปักลวดลายด้วยด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงเป็นภาพเหล่าเครูบไว้บนม่านเหล่านั้น 9 ม่านทุกผืนมีขนาดเดียวกันคือ กว้าง 4 ศอก ยาว 28 ศอก 10 พวกเขาต่อม่านเป็นสองแถบ แถบละห้าผืน 11 ต่อจากนั้นใช้ผ้าสีน้ำเงินทำหูที่ขอบของผ้าม่านทั้งสองแถบ 12 แถบละห้าสิบหูตรงกัน 13 แล้วพวกเขาทำตะขอทองคำห้าสิบอันเกี่ยวหูของแถบม่านทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อให้เป็นพลับพลาเดียวกัน 14 พวกเขาทำม่านขนแพะอีกสิบเอ็ดผืนสำหรับทำเป็นเต็นท์เพื่อคลุมพลับพลาไว้ 15 ม่านทุกผืนมีขนาดเดียวกันคือ กว้าง 4 ศอก ยาว […]

อพยพ 37

หีบพันธสัญญา 1 เบซาเลลใช้ไม้กระถินเทศทำหีบขนาดยาว 2.5 ศอก กว้างและสูงเท่ากัน 1.5 ศอก 2 เขาหุ้มหีบนี้ด้วยทองคำบริสุทธิ์ทั้งด้านในและด้านนอก และใช้ทองคำทำเป็นคิ้วทับโดยรอบ 3 เขาหล่อห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้ที่มุมทั้งสี่ของขอบหีบ โดยมีสองห่วงอยู่ทางด้านหนึ่งและอีกสองห่วงอยู่อีกด้านหนึ่ง 4 แล้วเขาทำคานหามสองอันจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำ 5 และเขาสอดคานลอดห่วงทั้งสองด้านของหีบไว้สำหรับหาม 6 จากนั้นเขาทำฝาหีบพันธสัญญา (คือพระที่นั่งกรุณา)จากทองคำบริสุทธิ์ขนาดยาว 2.5 ศอก กว้าง 1.5 ศอก 7 เขาเคาะทองคำบริสุทธิ์เป็นเครูบสองตนที่ปลายทั้งสองด้านของพระที่นั่งกรุณา 8 เครูบทั้งสองนี้ติดเข้าเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา 9 หันหน้าเข้าหากัน มองมายังพระที่นั่งกรุณา และคลี่ปีกจดกันเหนือพระที่นั่งกรุณา โต๊ะเครื่องถวายเบื้องพระพักตร์ 10 แล้วเขาใช้ไม้กระถินเทศทำโต๊ะตัวหนึ่งขนาดยาว 2 ศอก กว้าง 1 ศอก และสูง 1.5 ศอก 11 หุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์และใช้ทองคำทำเป็นคิ้วโดยรอบ 12 คิ้วรอบขอบโต๊ะนี้กว้างหนึ่งฝ่ามือและมีลวดลายเป็นทองคำทาบลงไปโดยรอบอีกครั้ง 13 แล้วเขาหล่อห่วงทองคำสี่ห่วงติดไว้ที่มุมด้านนอกของขาโต๊ะทั้งสี่ขา 14 ห่วงเหล่านั้นจะอยู่ใกล้กับขอบบนสำหรับสอดคานเพื่อหามโต๊ะ 15 แล้วทำคานจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำเพื่อใช้หามโต๊ะ […]

อพยพ 38

แท่นบูชา 1 เขาทำแท่นเผาเครื่องบูชาจากไม้กระถินเทศ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างยาวด้านละ 5 ศอก สูง 3 ศอก 2 ทำเชิงงอนที่มุมทั้งสี่ของแท่นเป็นเนื้อเดียวกับตัวแท่น และใช้ทองสัมฤทธิ์หุ้มรอบแท่น 3 และทำภาชนะทุกชิ้นของแท่นบูชาด้วยทองสัมฤทธิ์ ทั้งหม้อใส่เถ้า ทัพพี อ่างประพรม ขอเกี่ยวเนื้อและถาดรองไฟ 4 เขาทำตะแกรงทองสัมฤทธิ์สำหรับวางที่ด้านในของแท่น ใต้ขอบบนอยู่ระดับกลางแท่น 5 เขาหล่อห่วงทองสัมฤทธิ์ที่มุมทั้งสี่ของตะแกรงทองสัมฤทธิ์สำหรับสอดคานหาม 6 เขาทำคานหามจากไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองสัมฤทธิ์ 7 และสอดคานนั้นไว้ในห่วงข้างแท่นเพื่อใช้หาม เขาทำแท่นนั้นด้วยไม้กระดาน ให้ภายในกลวง อ่างสำหรับล้างชำระ 8 เขาทำอ่างทองสัมฤทธิ์และฐานรองทองสัมฤทธิ์จากกระจกเงาของพวกผู้หญิงที่ปรนนิบัติตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ ลานพลับพลา 9 จากนั้นเขาทำลานพลับพลา มีผ้าลินินเนื้อดีเป็นม่านปิดทางด้านทิศใต้ ม่านคลี่ออกกว้าง 100 ศอก 10 มีเสายี่สิบต้นปักบนฐานรองรับยี่สิบฐานทำด้วยทองสัมฤทธิ์ และมีตะขอเงินติดกับราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา 11 ผนังด้านทิศเหนือยาว 100 ศอกเช่นกัน มีเสายี่สิบต้นพร้อมฐานรองรับทำจากทองสัมฤทธิ์ยี่สิบฐาน และมีตะขอเงินและราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา 12 ด้านทิศตะวันตกมีม่านกว้าง 50 ศอกและมีเสาสิบต้นปักบนฐานทั้งสิบ และมีตะขอเงินกับราวเงินสำหรับแขวนม่านติดอยู่กับเสา 13 ด้านทิศตะวันออกก็กว้าง […]

อพยพ 39

เครื่องแต่งกายปุโรหิต 1 เขาใช้ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดงทอเครื่องแต่งกายเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในสถานนมัสการและเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์สำหรับอาโรนตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส เอโฟด 2 พวกเขาทำเอโฟดโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดี 3 พวกเขาเอาทองมาตีแผ่จนบาง ตัดเป็นเส้นๆ เพื่อจะทอเข้าไปกับผ้าลินินเนื้อดี ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง นี่เป็นผลงานของช่างฝีมือผู้ชำนาญ 4 พวกเขาทำแถบสองชิ้นที่บ่าสำหรับเอโฟดไว้โยงมุมสำหรับผูกเข้าด้วยกัน 5 ทำสายคาดเอวอย่างประณีตด้วยทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีทอเข้าเป็นชิ้นเดียวกับเอโฟดตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส 6 พวกเขานำโกเมนสองชิ้นฝังบนเรือนทองและสลักชื่อบุตรชายทั้งหลายของอิสราเอลเหมือนกรรมวิธีสลักแหวนตรา 7 แล้วพวกเขาติดเข้ากับแถบบ่าของเอโฟด เป็นหินอนุสรณ์ถึงประชากรอิสราเอลตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส ทับทรวง 8 พวกเขาทำทับทรวงโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญโดยใช้ทองคำ ด้ายสีน้ำเงิน ม่วง และแดง และผ้าลินินเนื้อดีเหมือนกับที่ใช้ทำเอโฟด 9 เป็นผืนสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดกว้างยาวด้านละหนึ่งคืบพับเป็นสองทบ 10 แล้วพวกเขาฝังอัญมณีสี่แถวเข้ากับทับทรวง แถวแรกได้แก่ ทับทิม บุษราคัม และนิล 11 แถวที่สองได้แก่ พลอยขี้นกการเวก ไพฑูรย์ และมรกต 12 แถวที่สามได้แก่ […]

อพยพ 40

การตั้งพลับพลา 1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงตั้งพลับพลาคือเต็นท์นัดพบขึ้นในวันแรกของเดือนที่หนึ่ง 3 ตั้งหีบพันธสัญญาในพลับพลา ขึงม่านกั้นบังหีบไว้ 4 ยกโต๊ะเข้ามาตั้งวางภาชนะต่างๆ ลงบนโต๊ะ ตั้งคันประทีป แล้วตั้งตะเกียง 5 วางแท่นทองคำสำหรับเผาเครื่องหอมตรงหน้าหีบพันธสัญญา ขึงม่านกั้นทางเข้าพลับพลา 6 “จงวางแท่นเผาเครื่องบูชาตรงหน้าทางเข้าพลับพลาหรือเต็นท์นัดพบ 7 วางอ่างล้างระหว่างเต็นท์นัดพบกับแท่นบูชา ใส่น้ำไว้ในอ่าง 8 ตั้งลานพลับพลาโดยรอบ ขึงม่านตรงทางเข้าลานพลับพลา 9 “จงเอาน้ำมันเจิมพลับพลาและเจิมของทุกอย่างในพลับพลา เจิมภาชนะเครื่องใช้ต่างๆ เพื่อชำระให้บริสุทธิ์ แล้วพลับพลานั้นจะบริสุทธิ์ 10 แล้วเจิมแท่นบูชาและภาชนะเครื่องใช้ประจำแท่นเพื่อชำระแท่นนั้น และแท่นนั้นจะบริสุทธิ์ที่สุด 11 เจิมอ่างชำระและฐานรอง เป็นการชำระให้บริสุทธิ์ 12 “จงนำอาโรนและบุตรชายของเขามาตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ เอาน้ำชำระกายพวกเขา 13 จากนั้นให้อาโรนสวมเครื่องแต่งกายบริสุทธิ์ เจิมเขา และชำระเขาให้บริสุทธิ์เพื่อปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา 14 จงนำบรรดาบุตรชายของเขาเข้ามาและให้สวมเสื้อตัวใน 15 เจิมพวกเขาเช่นเดียวกับที่เจิมอาโรน เพื่อพวกเขาจะปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิตรับใช้เรา การเจิมนี้เป็นการสถาปนาความเป็นปุโรหิตสืบไปทุกชั่วอายุ” 16 โมเสสก็ทำทุกสิ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา 17 ดังนั้นพวกเขาจึงได้ตั้งพลับพลาขึ้นในวันแรกของเดือนที่หนึ่งปีที่สอง 18 โมเสสตั้งพลับพลาขึ้นโดยวางฐาน เอาไม้ฝาตั้งขึ้นแล้วสอดคานขวางและตั้งเสา […]