สุภาษิต 11

1 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเกลียดตาชั่งไม่เที่ยง แต่พอพระทัยเครื่องชั่งที่เที่ยงตรง 2 เมื่อความเย่อหยิ่งมา ความอัปยศก็ตามมา ส่วนปัญญามากับความถ่อมสุภาพ 3 ความสัตย์สุจริตนำทางให้คนเที่ยงธรรม ส่วนความปลิ้นปล้อนทำให้คนไม่ซื่อสัตย์พลิกคว่ำ 4 ทรัพย์สมบัติช่วยอะไรไม่ได้ในวันแห่งพระพิโรธ แต่ความชอบธรรมช่วยกอบกู้ให้พ้นจากความตาย 5 ความชอบธรรมของคนดีไร้ที่ติรักษาทางของเขาให้ตรง ส่วนคนชั่วจะล้มลงโดยความชั่วร้ายของตน 6 ความชอบธรรมของคนเที่ยงตรงช่วยกอบกู้เขา ส่วนคนไม่ซื่อสัตย์ติดกับเพราะความปรารถนาชั่วของตน 7 เมื่อคนชั่วตายไป ความหวังของเขาก็พังพินาศ ทุกสิ่งที่เขาคาดหวังว่าจะได้จากอำนาจของตนก็สูญเปล่า 8 คนชอบธรรมได้รับการช่วยเหลือให้พ้นจากความทุกข์ร้อน แต่ความทุกข์นั้นจะตกอยู่กับคนชั่วแทน 9 ปากของคนกลับกลอกทำลายเพื่อนบ้าน ส่วนคนชอบธรรมหนีพ้นโดยอาศัยความรู้ 10 เมื่อคนชอบธรรมเจริญรุ่งเรือง บ้านเมืองก็ปีติยินดี เมื่อคนชั่วย่อยยับ ก็มีเสียงโห่ร้องยินดี 11 โดยพรของคนเที่ยงธรรม บ้านเมืองก็เป็นที่ยกย่อง แต่โดยปากของคนชั่ว บ้านเมืองก็พินาศย่อยยับ 12 คนไร้สามัญสำนึกก็เหยียดหยามเพื่อนบ้าน ส่วนคนที่มีความเข้าใจย่อมสงบปากสงบคำ 13 คำซุบซิบนินทาแพร่งพรายความลับ ส่วนคนที่ไว้วางใจได้ก็รักษาความลับไว้ 14 ถ้าขาดการชี้นำ ประเทศชาติก็ล่มจม แต่มีที่ปรึกษาหลายคนก็ปลอดภัย 15 ผู้ที่ค้ำประกันให้คนแปลกหน้าจะเดือดร้อนแน่นอน แต่ผู้ที่ไม่ยอมจับมือวางมัดจำก็ปลอดภัย 16 หญิงผู้มีใจกรุณาย่อมได้รับความนับถือ ส่วนชายใจร้ายย่อมได้แต่เงินเท่านั้น […]

สุภาษิต 12

1 ผู้ที่รักคำสั่งสอนก็รักความรู้ ส่วนผู้ที่เกลียดชังคำตักเตือนก็โง่เขลา 2 คนดีย่อมได้รับความโปรดปรานจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงประณามคนเจ้าเล่ห์ 3 ไม่มีใครยั่งยืนอยู่ได้ด้วยความชั่ว แต่รากฐานของคนชอบธรรมจะไม่คลอนแคลน 4 ภรรยาที่ดีเป็นมงกุฎของสามี ส่วนภรรยาที่ทำให้ขายหน้าเป็นความผุกร่อนในกระดูกของเขา 5 แผนการของคนชอบธรรมนั้นยุติธรรม ส่วนคำแนะนำของคนชั่วนั้นหลอกลวง 6 วาจาของคนชั่วซุ่มดักเอาชีวิต ส่วนถ้อยคำของคนเที่ยงธรรมช่วยกอบกู้เขา 7 คนอธรรมจะย่อยยับและสูญสิ้น แต่บ้านของคนชอบธรรมตั้งมั่นคง 8 คนเราได้รับการยกย่องตามไหวพริบปฏิภาณของตน ส่วนคนหัวทึบย่อมเป็นที่ดูหมิ่น 9 เป็นคนที่ไม่สำคัญอะไรแต่มีบริวารใช้สอย ก็ดีกว่าทำท่าวางโตแต่ไม่มีจะกิน 10 คนชอบธรรมห่วงใยแม้แต่ความเป็นอยู่ของสัตว์ที่เขาเลี้ยง ส่วนความกรุณาของคนอธรรมก็ยังโหดเหี้ยม 11 ผู้ซึ่งไถพรวนที่ดินของตนจะมีอาหารอุดมสมบูรณ์ ส่วนคนที่เอาแต่เพ้อฝันก็ไร้สามัญสำนึก 12 คนชั่วโลภอยากได้ของโจร แต่รากฐานของคนชอบธรรมเจริญงอกงาม 13 คนชั่วจะติดกับเพราะวาจาชั่วของตน ส่วนคนชอบธรรมหลุดพ้นจากความทุกข์ร้อน 14 ผลจากวาจาทำให้คนเราได้รับสิ่งดีๆ เหมือนที่ได้รับรางวัลจากการกระทำของตน 15 คนโง่คิดว่าทางของตนถูกต้อง ส่วนคนฉลาดยอมรับฟังคำแนะนำ 16 คนโง่เขลาระเบิดอารมณ์ ส่วนคนฉลาดไม่ใส่ใจคำสบประมาท 17 พยานที่ซื่อสัตย์พูดความจริง ส่วนพยานเท็จพูดโกหก 18 คำพูดพล่อยๆ ทิ่มแทงเหมือนดาบ แต่วาจาของคนเฉลียวฉลาดก็เยียวยารักษา […]

สุภาษิต 13

1 ลูกที่ฉลาดรับฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่ แต่คนชอบเยาะเย้ยไม่ฟังคำเตือนสติ 2 คนเราอิ่มเอมกับผลดีจากวาจาของตน แต่คนอสัตย์กระหายหาความโหดร้าย 3 ผู้ที่ระวังปากก็สงวนชีวิตของตน แต่ผู้ที่พูดพล่อยๆ จะถึงแก่หายนะ 4 คนขี้เกียจกระหายหาแต่ไม่ได้ ส่วนชีวิตของคนขยันมีแต่สมปรารถนา 5 คนชอบธรรมเกลียดคำโกหก แต่คนชั่วทำให้ตัวเองฉาวโฉ่และอับอายขายหน้า 6 ความชอบธรรมปกป้องทางของคนไร้ที่ติ แต่ความชั่วร้ายพลิกคว่ำทางของคนบาป 7 บางคนวางท่าร่ำรวยแต่ไม่มีอะไร แต่บางคนทำทีว่ายากจนแต่กลับมีทรัพย์สมบัติมากมาย 8 ทรัพย์สมบัติอาจใช้เป็นค่าไถ่ชีวิตคน แต่คนจนไม่เคยถูกข่มขู่เรียกค่าไถ่ 9 ความสว่างของคนชอบธรรมส่องแสงสดใส แต่ประทีปของคนชั่วจะถูกดับไป 10 ความหยิ่งยโสมีแต่นำไปสู่การวิวาท แต่ปัญญาพบได้ในผู้ที่รับฟังคำแนะนำ 11 เงินทุจริตร่อยหรอลงเรื่อยๆ แต่ผู้ที่เก็บออมทีละน้อยทำให้เงินเพิ่มพูนขึ้น 12 ความหวังที่ถูกประวิงไว้ทรมานจิตใจคน แต่ความสมปรารถนาเป็นต้นไม้แห่งชีวิต 13 ผู้ที่ลบหลู่คำสั่งสอนจะได้รับความหายนะ แต่ผู้ที่ยำเกรงคำบัญชาก็ได้รับบำเหน็จ 14 คำสอนของปราชญ์เป็นน้ำพุแห่งชีวิต ช่วยให้คนพ้นจากบ่วงความตาย 15 วิจารณญาณที่ดีจะนำไปสู่ความโปรดปราน แต่ทางของคนอสัตย์นำไปสู่ความพินาศ 16 คนฉลาดหลักแหลมทุกคนมีความรู้เป็นเกราะ แต่คนโง่เขลาโอ้อวดความโง่ของตน 17 คนส่งข่าวที่ชั่วร้ายจะย่อยยับ แต่ทูตที่เชื่อถือได้นำการเยียวยามา 18 ผู้ที่ไม่ใส่ใจคำสั่งสอนจะยากจนและอับอาย แต่ผู้ที่รับฟังคำตักเตือนจะได้รับเกียรติ […]

สุภาษิต 14

1 หญิงฉลาดสร้างเรือนของตนขึ้น ส่วนหญิงโง่รื้อมันลงด้วยมือของตน 2 คนที่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เดินอย่างเที่ยงตรง แต่คนที่ดูหมิ่นพระองค์ก็เดินในทางคดเคี้ยวของตน 3 วาจายโสของคนโง่นำโทษทัณฑ์มาสู่ตนเอง แต่คำพูดของคนฉลาดจะปกป้องเขาไว้ 4 ที่ไหนไม่มีวัว ยุ้งฉางก็ว่างเปล่า แต่แรงวัวให้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์ 5 พยานซื่อสัตย์ไม่โกหก แต่พยานเท็จโกหกอยู่เรื่อย 6 คนชอบเยาะเย้ยแสวงหาปัญญาแต่ไม่เคยพบ แต่ผู้ที่มีความเข้าใจก็พบความรู้ได้อย่างง่ายดาย 7 อย่าเฉียดใกล้คนโง่ เพราะเจ้าจะไม่พบความรู้จากปากของเขา 8 ปัญญาของคนฉลาดหลักแหลมคือการเข้าใจทางของตน แต่ความโง่ของคนโง่คือการหลอกตัวเอง 9 คนโง่ล้อเล่นกับความผิดบาป แต่ในหมู่คนเที่ยงธรรมมีแต่ความปรารถนาดี 10 มีแต่ใจตนเองที่รู้ถึงความขมขื่น และไม่มีใครร่วมรับรู้สันติสุขในใจ 11 บ้านของคนชั่วจะถูกทำลายราบคาบ แต่เพิงของคนเที่ยงธรรมจะเจริญขึ้น 12 มีทางหนึ่งซึ่งคนเราคิดว่าถูกต้อง แต่จุดจบของทางเหล่านี้คือความตาย 13 แม้ขณะหัวเราะ จิตใจอาจปวดร้าว และความชื่นชมยินดีอาจจบลงด้วยความโศกเศร้า 14 คนละทิ้งความเชื่อจะถูกลงโทษอย่างสาสมเพราะทางของเขา แต่คนดีก็ได้รับบำเหน็จของตน 15 คนอ่อนต่อโลกเชื่อไปหมดทุกอย่าง แต่คนสุขุมรอบคอบรู้จักยั้งคิดในแต่ละย่างก้าว 16 คนฉลาดยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและหลีกห่างจากความชั่ว ส่วนคนโง่หุนหันพลันแล่นแต่หลงคิดว่าตนเองมั่นคงปลอดภัย 17 คนวู่วามทำอะไรโง่ๆ และคนเจ้าเล่ห์เป็นที่เกลียดชัง 18 คนอ่อนต่อโลกรับความโง่เป็นมรดก […]

สุภาษิต 15

1 คำตอบอ่อนหวานช่วยระงับความโกรธ แต่ถ้อยคำเผ็ดร้อนยั่วโทสะ 2 ลิ้นของคนฉลาดส่งเสริมความรู้ แต่ปากของคนโง่พรั่งพรูความโง่ออกมา 3 พระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทรงจับตาดูทั้งคนชั่วและคนดี 4 ถ้อยคำที่ช่วยเยียวยาเป็นต้นไม้แห่งชีวิต แต่ลิ้นที่ตลบตะแลงทำให้จิตใจแตกสลาย 5 คนโง่ดูหมิ่นคำสั่งสอนของพ่อแม่ ผู้ที่รับฟังคำตักเตือนแสดงถึงความฉลาด 6 บ้านของคนชอบธรรมมีทรัพย์มหาศาล แต่รายได้ของคนชั่วคือความล่มจม 7 ปากของคนฉลาดเผยแพร่ความรู้ แต่จิตใจของคนโง่ไม่ซื่อตรง 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังเครื่องบูชาของคนชั่ว แต่พอพระทัยคำอธิษฐานของคนชอบธรรม 9 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังวิถีทางของคนชั่ว แต่ทรงรักผู้ที่ติดตามความชอบธรรม 10 ผู้ที่ละทิ้งทางแห่งชีวิตจะถูกลงโทษแสนสาหัส ผู้ที่เกลียดชังคำตักเตือนจะพบความตาย 11 แม้แดนมรณาและแดนพินาศก็ประจักษ์แจ้งต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า จิตใจมนุษย์จะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด! 12 คนชอบเยาะเย้ยไม่ชอบการตักเตือน เขาจึงไม่ไปหาคนฉลาด 13 จิตใจที่เป็นสุขทำให้หน้าตาสดใส จิตใจที่ร้าวรานทำให้ดวงวิญญาณแหลกสลาย 14 ใจสุขุมใฝ่หาความรู้ แต่คนโง่กินความโง่เป็นอาหาร 15 ทุกวันของผู้ทุกข์ใจล้วนแต่เลวร้าย แต่จิตใจร่าเริงมีงานฉลองไม่ขาดสาย 16 มีน้อยแต่ยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า ดีกว่ามีมากแต่เดือดร้อนวุ่นวาย 17 ได้กินผักนิดเดียวในที่ซึ่งมีความรัก ดีกว่ากินเนื้อวัวขุนพร้อมกับความเกลียดชัง 18 คนใจร้อนสร้างความแตกแยก แต่คนใจเย็นยุติการวิวาท 19 […]

สุภาษิต 16

1 มนุษย์วางแผนงานในใจ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าให้ลิ้นกล่าวคำตอบที่ถูกต้อง 2 ทางทั้งสิ้นของมนุษย์ก็ดูบริสุทธิ์ในสายตาของเขา แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประเมินแรงจูงใจ 3 จงมอบการงานของเจ้าไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงรับรองแผนงานของเจ้า 4 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ทุกสิ่งจบลงอย่างเหมาะสม แม้แต่คนชั่วร้ายก็เพื่อวันแห่งภัยพิบัติ 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังทุกคนที่มีใจหยิ่งผยอง มั่นใจเถิดว่าพวกเขาจะไม่ลอยนวลพ้นโทษ 6 บาปไถ่ถอนได้โดยความรักและความซื่อสัตย์ ความชั่วหลีกเลี่ยงได้โดยการยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า 7 เมื่อวิถีทางของผู้ใดเป็นที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้แต่ศัตรู พระองค์ก็ยังทรงทำให้คืนดีกับเขา 8 ได้มาเล็กน้อยด้วยความชอบธรรม ดีกว่าได้มามากมายด้วยความอยุติธรรม 9 มนุษย์วางแผนงานอยู่ในใจ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดแต่ละย่างก้าวของเขา 10 คำชี้ขาดอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ริมฝีปากของกษัตริย์ และปากของกษัตริย์จะไม่ตัดสินอย่างอยุติธรรม 11 ตราชูและตาชั่งเที่ยงตรงมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ลูกตุ้มทั้งสิ้นในถุงเป็นพระราชกิจของพระองค์ 12 กษัตริย์ทั้งหลายทรงชิงชังการกระทำผิด เพราะพระราชบัลลังก์สถาปนาขึ้นด้วยความชอบธรรม 13 เหล่ากษัตริย์ทรงชื่นชมวาจาอันซื่อตรง ทรงรักผู้ที่พูดความจริง 14 เมื่อกษัตริย์พิโรธผู้ใด ยมทูตก็มาเยือนผู้นั้น แต่คนฉลาดจะระงับมันไว้ได้ 15 เมื่อพระพักตร์ของกษัตริย์แจ่มใสก็หมายถึงชีวิต ความโปรดปรานของพระองค์เป็นดั่งเมฆฝนในฤดูใบไม้ผลิ 16 ได้สติปัญญาดีกว่าได้ทองคำ ได้ความเข้าใจดีกว่าได้เงิน! 17 ทางหลวงของคนเที่ยงธรรมหลีกห่างจากความชั่ว ผู้ที่ระแวดระวังทางของตนก็ถนอมชีวิตของตน 18 ความยโสโอหังจะทำให้พินาศ […]

สุภาษิต 17

1 เศษเสี้ยวอาหารที่เย็นชืดพร้อมกับความสงบสุข ดีกว่าบ้านที่มีงานฉลองกันเต็มที่พร้อมกับการทะเลาะวิวาท 2 คนรับใช้ที่ฉลาดจะปกครองลูกที่ไม่เอาถ่าน และเขาจะได้รับส่วนแบ่งมรดกเหมือนลูกคนหนึ่ง 3 มนุษย์ใช้เบ้าหลอมทดสอบเงิน และใช้เตาถลุงทดสอบทองคำ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทดสอบจิตใจ 4 คนชั่วสนใจฟังวาจาชั่ว คนโกหกใส่ใจฟังคำพูดมุ่งร้าย 5 ผู้ที่เย้ยหยันคนยากจนก็หมิ่นประมาทพระผู้สร้างของพวกเขา ผู้ที่ดีใจเมื่อคนอื่นเผชิญภัยพิบัติจะไม่ลอยนวลพ้นโทษ 6 ลูกหลานเป็นมงกุฎของคนชรา และพ่อแม่เป็นความภาคภูมิใจของลูกๆ 7 หากวาจาคมคายไม่เหมาะกับคนโฉดเขลา คำโกหกยิ่งไม่เหมาะกับผู้นำสักเท่าใด! 8 สินบนเป็นแก้วสารพัดนึกสำหรับผู้ให้ ไม่ว่าจะหันไปหาใครเขาก็คิดว่าจะสำเร็จ 9 ผู้ที่ส่งเสริมความรักก็ลบความบาดหมาง ผู้ที่ฟื้นฝอยหาตะเข็บก็ทำให้เพื่อนสนิทหมางใจกัน 10 ว่ากล่าวตักเตือนคนรู้จักคิดเพียงครั้งเดียว ได้ผลกว่าเฆี่ยนหลังคนโง่ร้อยที 11 คนชั่วส่งเสริมให้คนกบฏต่อพระเจ้า แต่ยมทูตที่ไร้ความปรานีจะถูกส่งไปสู้กับเขา 12 ให้ไปพบแม่หมีที่ถูกขโมยลูกไป ยังดีกว่าไปพบคนโง่ในความโง่ของเขา 13 หากผู้ใดตอบแทนความดีด้วยความชั่ว ความชั่วจะไม่พรากจากบ้านของเขา 14 เมื่อเริ่มต้นวิวาทก็เหมือนทำให้เขื่อนร้าว ฉะนั้นจงหยุดโต้เถียงก่อนจะเกิดการวิวาท 15 การปล่อยคนผิดให้ลอยนวลและการลงโทษคนบริสุทธิ์ ทั้งสองอย่างนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชัง 16 เงินในมือของคนโง่จะมีประโยชน์อะไร เพราะถึงเขาซื้อสติปัญญาได้ แต่เขาก็ไม่มีปัญญาเรียนรู้มัน? 17 เพื่อนมีความรักความหวังดีให้ทุกเวลา และพี่น้องก็เกิดมาเพื่อช่วยกันในยามทุกข์ยาก 18 คนสิ้นคิดจับมือวางมัดจำ […]

สุภาษิต 18

1 คนไม่เอาเพื่อนทำตามอำเภอใจ ต่อต้านหลักปฏิบัติที่ดีทุกอย่าง 2 คนโง่ไม่ชอบฟังคำชี้แนะ แต่ชอบคุยฟุ้งเรื่องของตน 3 การดูหมิ่นมากับความชั่ว และความอัปยศมากับความอับอาย 4 ถ้อยคำของคนเราเป็นเหมือนน้ำลึก น้ำพุแห่งปัญญาเป็นสายน้ำเชี่ยวกราก 5 การเข้าข้างคนชั่วเป็นเรื่องไม่ดี และการไม่ให้ความยุติธรรมแก่ผู้บริสุทธิ์ก็ไม่ดีเช่นกัน 6 ริมฝีปากของคนโง่ก่อให้เกิดการวิวาท ปากของเขาเชิญชวนการโบยตี 7 ปากของคนโง่ทำให้ตนเองพินาศ ริมฝีปากของเขาเป็นกับดักชีวิตของตน 8 ถ้อยคำซุบซิบนินทาเหมือนอาหารโอชะ เข้าไปยังส่วนลึกที่สุดของคนเรา 9 คนอู้งาน เป็นพี่น้องกับความพินาศ 10 พระนามพระยาห์เวห์เป็นป้อมปราการมั่นคง คนชอบธรรมวิ่งไปหลบอย่างปลอดภัย 11 ทรัพย์สมบัติของคนรวยเป็นเมืองป้อมปราการของเขา เขาคิดว่ามันเป็นกำแพงสูงที่ไม่มีใครข้ามได้ 12 ใจของคนย่อมหยิ่งผยองก่อนที่เขาจะล้มลง แต่ความถ่อมใจนำหน้าเกียรติยศ 13 คนที่ตอบก่อนฟัง ก็โง่เขลาและขายหน้า 14 กำลังใจทำให้ยืนหยัดได้แม้ในยามเจ็บป่วย แต่เมื่อใจแหลกสลายใครจะทนได้ 15 ใจของคนฉลาดขวนขวายหาความรู้ และหูของปราชญ์เสาะหามัน 16 ของกำนัลเปิดช่องทางแก่ผู้ให้ มันนำเขามาอยู่ต่อหน้าคนใหญ่คนโต 17 ผู้ที่ให้การก่อนดูเหมือนเป็นฝ่ายถูก จนกระทั่งอีกฝ่ายเข้ามาสอบทานเขา 18 การจับฉลากยุติข้อโต้แย้ง และแยกคู่พิพาทออกจากกัน 19 […]

สุภาษิต 19

1 เป็นคนยากจนแต่ดำเนินชีวิตอย่างไร้ที่ติ ดีกว่าเป็นคนพูดตลบตะแลง เพราะคนเช่นนี้เป็นคนโง่ 2 หากความปรารถนาที่ปราศจากศีลธรรมความรู้นั้นไม่ดี คนหุนหันพลันแล่นจะยิ่งเดินออกนอกลู่นอกทางไปไกลสักเท่าใด! 3 ความโง่ของคนทำลายชีวิตตนเอง แต่ใจของเขากลับโกรธโทษองค์พระผู้เป็นเจ้า 4 ความมั่งคั่งชักนำให้มีเพื่อนฝูงมากมาย แต่เพื่อนสนิทของคนจนก็ยังละทิ้งเขาไป 5 พยานเท็จจะไม่ลอยนวลพ้นโทษ และคนโกหกจะไม่พ้นผิด 6 คนมากมายเอาใจผู้มีอำนาจ และทุกคนจะเป็นเพื่อนกับคนใจกว้าง 7 หากญาติพี่น้องของคนจนเองยังเมินหน้าหนี เพื่อนๆ ของเขาจะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด! ถึงแม้เขาตามอ้อนวอน แต่ทุกคนก็หายหน้ากันไปหมด 8 ผู้ที่ได้สติปัญญาก็รักชีวิตของตนเอง ผู้ที่รักความเข้าใจไม่ช้าก็เจริญรุ่งเรือง 9 พยานเท็จจะไม่พ้นโทษ และคนโกหกจะต้องพินาศ 10 หากคนโง่ไม่เหมาะจะอยู่อย่างเลิศหรู ทาสยิ่งไม่เหมาะจะปกครองเจ้านายมากกว่านั้นสักเท่าใด! 11 ความสุขุมรอบคอบจะทำให้คนเราอดทน และเกียรติยศของเขาคือการให้อภัยความผิดของคนอื่น 12 พระพิโรธของกษัตริย์เป็นดั่งเสียงคำรามของราชสีห์ แต่ความโปรดปรานของพระองค์เหมือนน้ำค้างรดพืชพันธุ์ธัญญาหาร 13 ลูกโง่เขลาเป็นความหายนะแก่พ่อของตน และภรรยาที่ชอบทะเลาะก็เหมือนหลังคารั่วที่มีน้ำหยดอยู่เสมอ 14 บ้านและทรัพย์สินเป็นมรดกจากพ่อแม่ ส่วนภรรยาที่สุขุมรอบคอบมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า 15 ความขี้เกียจทำให้หลับสนิท และคนขี้เกียจต้องหิวโหย 16 ผู้ที่เชื่อฟังคำตักเตือนสั่งสอนก็ถนอมชีวิตของตนไว้ ผู้ที่ไม่ใส่ใจทางของตนจะต้องตาย 17 ผู้ที่เมตตาคนยากจนก็เท่ากับให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืม และพระองค์จะทรงให้รางวัลตอบแทนสิ่งที่เขาทำ […]

สุภาษิต 20

1 เหล้าทำให้คนปากพล่อย ของมึนเมาทำให้คนเอะอะโวยวาย และผู้ใดยอมให้มันพาหลงเตลิดไปก็ไม่ฉลาด 2 พระพิโรธของกษัตริย์ทำให้คนหวาดผวาดั่งฟังเสียงคำรามของราชสีห์ การยั่วยุพระพิโรธของพระองค์เป็นการเอาชีวิตไปทิ้ง 3 หลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ชอบหาเรื่อง 4 คนเกียจคร้านไม่ยอมไถหว่านเมื่อถึงฤดู ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็จะไม่มีอะไรกิน 5 ความคิดดีเหมือนน้ำที่อยู่ลึกในใจคน แต่คนที่มีความเข้าใจก็ตักมันออกมาได้ 6 คนมากมายอ้างว่าตนมีความรักมั่นคง แต่ใครเล่าจะพบคนซื่อสัตย์? 7 คนชอบธรรมดำเนินชีวิตอย่างไร้ที่ติ ลูกหลานของเขาย่อมได้รับพร 8 เมื่อกษัตริย์ประทับบนบัลลังก์พิพากษา พระเนตรของพระองค์ทรงฝัดร่อนความชั่วทั้งปวงออก 9 ไม่มีใครกล่าวได้ว่า “ข้าพเจ้าได้รักษาใจของตนให้บริสุทธิ์ ข้าพเจ้าสะอาดปราศจากบาป” 10 ตราชั่งไม่เที่ยงกับเครื่องตวงไม่ได้ขนาด องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงชิงชังทั้งคู่ 11 แม้เด็กๆ เราก็มองออกได้จากการกระทำของเขา ดังนั้นชีวิตของเขาบริสุทธิ์ถูกต้องจริงหรือ? 12 ทั้งหูที่ได้ยินและตาที่มองเห็น องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้าง 13 อย่ารักการนอน มิฉะนั้นจะยากจน จงเปิดตาแล้วจะมีอาหารเหลือเก็บ 14 คนซื้อมักจะพูดว่า “ของไม่ดีเลย! ของไม่ดีเลย!” แต่พอได้ของแล้วก็ไปคุยอวด 15 ทองก็มี ทับทิมก็ดาษดื่น แต่ริมฝีปากที่เผยความรู้เป็นอัญมณีที่หายาก 16 จงยึดเสื้อผ้าของผู้ที่ค้ำประกันให้แก่คนแปลกหน้า ยึดไว้เป็นมัดจำเมื่อเขาค้ำประกันให้คนต่างถิ่น […]