สดุดี 31

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด) 1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ลี้ภัยในพระองค์ ขออย่าให้ข้าพระองค์อับอายเลย ขอทรงกอบกู้ข้าพระองค์ในความชอบธรรมของพระองค์ 2 ขอทรงเอียงพระกรรณสดับฟัง และเสด็จมาช่วยข้าพระองค์โดยเร็ว ขอทรงเป็นศิลาให้ข้าพระองค์เข้าลี้ภัย และเป็นป้อมปราการมั่นคงเพื่อช่วยข้าพระองค์ให้ปลอดภัย 3 เพราะพระองค์ทรงเป็นศิลาและเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์ ฉะนั้นขอทรงนำและชี้ทางแก่ข้าพระองค์ โดยเห็นแก่พระนามของพระองค์ 4 ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากกับดักที่ดักข้าพระองค์ไว้ เพราะพระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ 5 ข้าพระองค์มอบจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าผู้ทรงซื่อสัตย์ ขอทรงไถ่ข้าพระองค์เถิด 6 ข้าพระองค์เกลียดชังผู้ที่ยึดมั่นในรูปเคารพอันไร้ค่า ข้าพระองค์วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า 7 ข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์และชื่นชมยินดีในความรักมั่นคงของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเห็นความทุกข์ลำเค็ญของข้าพระองค์ และทรงทราบความเจ็บปวดรวดร้าวในจิตใจของข้าพระองค์แล้ว 8 พระองค์ไม่ได้ทรงมอบข้าพระองค์ไว้ในมือศัตรู แต่ทรงวางย่างเท้าของข้าพระองค์ไว้ในที่กว้างขวาง 9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงเมตตาข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์กำลังทุกข์ใจ ดวงตาของข้าพระองค์หม่นหมองเพราะความทุกข์โศก ทั้งกายและวิญญาณบอบช้ำเพราะความทุกข์ระทม 10 ชีวิตของข้าพระองค์สูญไปกับความปวดร้าว และปีเดือนของข้าพระองค์สูญไปกับการคร่ำครวญ กำลังวังชาของข้าพระองค์อ่อนลงเพราะความทุกข์ลำเค็ญของข้าพระองค์ กระดูกของข้าพระองค์ก็เสื่อมไป 11 เนื่องจากศัตรูทั้งปวงของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ตกเป็นขี้ปากให้เพื่อนบ้านเย้ยหยัน ข้าพระองค์เป็นที่น่าขยาดสำหรับเพื่อนฝูง คนที่พบเห็นข้าพระองค์บนถนนก็รีบหนีไป 12 ข้าพระองค์ถูกลืมประหนึ่งคนที่ตายแล้ว ข้าพระองค์กลายเป็นเหมือนภาชนะที่แตก 13 ข้าพระองค์ได้ยินคำนินทาว่าร้ายจากหลายฝ่าย มีความหวาดผวาอยู่รอบด้าน พวกเขาคบคิดกันเล่นงานข้าพระองค์ หมายเอาชีวิตของข้าพระองค์ […]

สดุดี 32

(มัสคิล บทหนึ่งของดาวิด) 1 ความสุขมีแก่ผู้ที่ การล่วงละเมิดของเขาได้รับการอภัย ผู้ที่บาปของเขาได้รับการกลบเกลื่อน 2 ความสุขมีแก่ผู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ทรงถือโทษบาปของเขา ผู้ซึ่งจิตวิญญาณไม่มีเล่ห์เพทุบาย 3 เมื่อข้าพระองค์นิ่งเงียบอยู่ กระดูกของข้าพระองค์ก็สึกกร่อนไป โดยการคร่ำครวญวันยังค่ำ 4 เพราะทั้งวันทั้งคืน พระหัตถ์ของพระองค์วางอยู่เหนือข้าพระองค์อย่างหนักหน่วง พละกำลังของข้าพระองค์เหือดแห้งไป เหมือนอยู่ในฤดูร้อนที่แผดเผา เสลาห์ 5 แล้วข้าพระองค์สารภาพบาปต่อพระองค์ และไม่ปิดซ่อนความชั่วช้าไว้ ข้าพระองค์กล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะสารภาพ การล่วงละเมิดทั้งปวงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า” และพระองค์ก็ทรงอภัย ความผิดบาปของข้าพระองค์ เสลาห์ 6 ฉะนั้นผู้ที่ซื่อสัตย์ทุกคนจงอธิษฐานต่อพระองค์ ในขณะที่ยังมีโอกาสพบพระองค์ได้ และเมื่อกระแสน้ำหลากโถมซัดเข้ามา น้ำนั้นก็จะไม่แผ้วพานเขาเลย 7 พระองค์ทรงเป็นที่หลบภัยของข้าพระองค์ พระองค์ทรงคุ้มครองข้าพระองค์จากความยากลำบาก และทรงโอบล้อมข้าพระองค์ด้วยบทเพลงแห่งการช่วยกู้ เสลาห์ 8 เราจะสอนและชี้แนะทางที่เจ้าควรเดินไป เราจะให้คำปรึกษาและเฝ้าดูเจ้า 9 อย่าเป็นเหมือนม้าหรือล่อ ที่ปราศจากความเข้าใจ ซึ่งจะต้องใช้สายรั้งบังเหียนบังคับควบคุม มิฉะนั้นจะไม่ยอมมาด้วย 10 คนชั่วร้ายนั้นเผชิญกับวิบัติมากมาย แต่ความรักมั่นคงขององค์พระผู้เป็นเจ้า โอบล้อมบรรดาผู้ที่วางใจในพระองค์ 11 ท่านผู้ชอบธรรมเอ๋ย จงชื่นชมยินดีและเปรมปรีดิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า ท่านทั้งปวงผู้มีจิตใจเที่ยงตรง จงร้องเพลงเถิด […]

สดุดี 33

1 บรรดาผู้ชอบธรรมเอ๋ย จงร้องเพลงชื่นบานถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ควรแล้วที่ผู้ชอบธรรมจะสรรเสริญพระองค์ 2 จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยเสียงพิณ จงบรรเลงเพลงถวายพระองค์ด้วยพิณสิบสาย 3 จงขับร้องเพลงบทใหม่ถวายพระองค์ เล่นดนตรีอย่างชำนิชำนาญ และโห่ร้องอย่างชื่นชมยินดี 4 เพราะพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าถูกต้องและเป็นจริง พระองค์ทรงซื่อสัตย์ในทุกสิ่งที่ทรงกระทำ 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ 6 โดยพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าฟ้าสวรรค์ก็อุบัติขึ้น ดวงดาวทั้งปวงมีขึ้นโดยลมพระโอษฐ์ของพระองค์ 7 พระองค์ทรงรวบรวมห้วงสมุทรทั้งหลายไว้ด้วยกัน ทรงเก็บห้วงน้ำลึกไว้ในคลัง 8 ให้ทั้งโลกเกรงกลัวองค์พระผู้เป็นเจ้า ให้คนทั้งโลกยำเกรงพระองค์ 9 เพราะพระองค์ตรัส โลกก็อุบัติขึ้น พระองค์ทรงบัญชา มันก็คงอยู่ 10 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้แผนการของประชาชาติทั้งหลายล้มเหลวไป พระองค์ทรงทำให้เป้าหมายของพวกเขาสูญเปล่า 11 แต่แผนการขององค์พระผู้เป็นเจ้ายั่งยืนนิรันดร์ พระประสงค์ในพระทัยของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ 12 ความสุขมีแก่ประชาชาติที่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพระเจ้า คือประชากรซึ่งพระองค์ทรงเลือกเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ 13 องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์ และทรงเห็นมวลมนุษยชาติ 14 จากที่ประทับ พระองค์ทรงจับตาดู ทุกชีวิตในโลก 15 พระองค์ผู้ทรงสร้างจิตใจของทุกคน ผู้ทรงพิจารณาทุกสิ่งที่เขาทำ 16 กษัตริย์ไม่ได้รอดชีวิตเพราะขนาดของกองทัพ นักรบไม่ได้รอดชีวิตเพราะพละกำลังมากมายของตน 17 หวังให้ม้าศึกช่วยกอบกู้ก็เปล่าประโยชน์ […]

สดุดี 34

(บทประพันธ์ของดาวิด เมื่อพระองค์แสร้งทำเป็นบ้าต่อหน้าอาบีเมเลคซึ่งขับไล่ดาวิดไป) 1 ข้าพเจ้าจะยกย่องเทิดทูนองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดเวลา ริมฝีปากของข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์เสมอ 2 จิตวิญญาณของข้าพเจ้าจะอวดอ้างองค์พระผู้เป็นเจ้า ให้ผู้ทุกข์ลำเค็ญได้ยินแล้วยินดี 3 เชิญมาถวายเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับข้าพเจ้า ให้เราเทิดทูนพระนามของพระองค์กันเถิด 4 ข้าพเจ้าได้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์ทรงตอบ พระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากความหวาดกลัวทั้งปวง 5 บรรดาผู้ที่หวังพึ่งพระองค์ก็ผ่องใส ใบหน้าของพวกเขาไม่เคยมีความอดสู 6 คนทุกข์ยากคนนี้ได้ร้องทูล และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังเขา พระองค์ทรงช่วยเขาให้พ้นจากความทุกข์ร้อนทั้งปวง 7 ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งค่ายรายล้อมบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระองค์ และพระองค์ช่วยพวกเขาให้รอด 8 เชิญชิมดูแล้วจะรู้ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแสนดี ความสุขมีแก่ผู้ที่ลี้ภัยในพระองค์ 9 ท่านวิสุทธิชนขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงยำเกรงพระองค์ เพราะผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไม่ขาดสิ่งใด 10 ราชสีห์อาจจะอ่อนแรงและหิวโหย แต่บรรดาผู้ที่แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่เคยขาดสิ่งที่ดีเลย 11 บุตรทั้งหลายเอ๋ย มาฟังเถิด เราจะสอนเจ้าให้รู้ถึงความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้า 12 ใครก็ตามในพวกเจ้าที่รักชีวิต และปรารถนาวันคืนอันผาสุกยืนยาว 13 ก็จงรักษาลิ้นให้พ้นจากความชั่ว รักษาริมฝีปากให้พ้นจากการพูดโกหก 14 จงหันจากความชั่วร้ายและทำความดี จงใฝ่หาสันติภาพและมุ่งมั่นเพื่อให้ได้มา 15 พระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเฝ้าดูคนชอบธรรม และพระกรรณของพระองค์ฟังคำร้องทูลของพวกเขา 16 พระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าหันเข้าต่อต้านคนทำชั่ว เพื่อทำลายอนุสรณ์ของพวกเขาจากแผ่นดินโลก 17 คนชอบธรรมร้องทูล และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงฟังพวกเขา […]

สดุดี 35

(บทประพันธ์ของดาวิด) 1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงต่อสู้กับบรรดาผู้ที่ต่อสู้กับข้าพระองค์ ขอทรงสู้รบกับบรรดาผู้ที่สู้รบกับข้าพระองค์ 2 ขอทรงถือโล่และเขน ขอทรงลุกขึ้นและมาช่วยข้าพระองค์ 3 ขอทรงชูหอกและขวานศึก ต่อสู้ผู้รุกไล่ข้าพระองค์ โปรดตรัสกับจิตใจของข้าพระองค์ว่า “เราคือความรอดของเจ้า” 4 ขอให้ผู้ที่มุ่งเอาชีวิตของข้าพระองค์นั้น อัปยศอดสู ขอให้ผู้ที่วางแผนทำลายข้าพระองค์ ล่าถอยไปด้วยความตกใจกลัว 5 ให้เขาเป็นเหมือนแกลบที่ถูกลมพัด มีทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าขับไล่เขา 6 ขอให้ทางของเขาลื่นและมืดมน มีทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าไล่ล่าเขาไป 7 เพราะเขาวางข่ายดักข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ และขุดหลุมพรางดักข้าพระองค์โดยไม่มีสาเหตุ 8 ขอให้ความพินาศจู่โจมเขาโดยไม่คาดคิด ขอให้เขาติดข่ายที่เขาวางไว้เอง ขอให้เขาตกหลุมพรางของตัวเองพินาศไป 9 แล้วจิตวิญญาณของข้าพระองค์จะปีติยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า และชื่นชมในการกอบกู้ของพระองค์ 10 ทั้งชีวิตจิตใจของข้าพระองค์จะประกาศว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าเจ้าข้า ใครเล่าเสมอเหมือนพระองค์? พระองค์ทรงช่วยผู้ยากไร้จากผู้ที่แข็งแกร่งเกินกำลังของเขา ทรงช่วยผู้ยากไร้และแร้นแค้นจากผู้ที่ปล้นเขา” 11 พยานผู้มุ่งร้ายขึ้นมาปรักปรำข้าพระองค์ เขาสอบสวนข้าพระองค์ในข้อหาที่ข้าพระองค์ไม่รู้เรื่อง 12 เขาตอบแทนการดีของข้าพระองค์ด้วยการชั่ว และละทิ้งจิตวิญญาณของข้าพระองค์ให้เปล่าเปลี่ยว 13 แต่เมื่อพวกเขาป่วย ข้าพระองค์สวมชุดผ้ากระสอบ และถ่อมใจลงด้วยการอดอาหาร เมื่อคำอธิษฐานของข้าพระองค์ไม่ได้รับคำตอบ 14 ข้าพระองค์ทุกข์โศก ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนหรือพี่น้องของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก้มศีรษะลงด้วยความโศกเศร้า ราวกับว่าร้องไห้ให้กับมารดาของข้าพระองค์ […]

สดุดี 36

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทประพันธ์ของดาวิดผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า) 1 คำทำนายบทหนึ่งดังก้องอยู่ในใจของข้าพเจ้า เกี่ยวกับบาปของคนชั่วว่า ไม่มีความยำเกรงพระเจ้า ในสายตาของเขา 2 เพราะว่าในสายตาของเขา เขาป้อยอตนเองเกินกว่าที่จะมองเห็นหรือเกลียดชังบาปของตน 3 วาจาของเขาชั่วร้ายและมีเล่ห์เหลี่ยม เขาเลิกใช้สติปัญญาและเลิกทำความดี 4 แม้ยังนอนอยู่บนเตียง เขาก็ยังวางแผนชั่ว เขาอุทิศตนให้กับทางบาป และไม่ยอมปฏิเสธสิ่งผิดใดๆ 5 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าความรักมั่นคงของพระองค์ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าสวรรค์ ความซื่อสัตย์ของพระองค์สูงถึงท้องฟ้า 6 ความชอบธรรมของพระองค์ดั่งขุนเขา ความยุติธรรมของพระองค์ประดุจห้วงลึก ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ทรงปกป้องดูแลทั้งมนุษย์และสัตว์ 7 ความรักมั่นคงของพระองค์ประเมินค่าไม่ได้! มวลมนุษยชาติ ต่างก็ลี้ภัยอยู่ใต้ร่มปีกพระองค์ 8 พระองค์ทรงบำรุงเลี้ยงเขาด้วยความอุดมสมบูรณ์จากพระนิเวศของพระองค์ และพระองค์ทรงให้เขาดื่มจากธารน้ำแห่งความปีติยินดีของพระองค์ 9 เพราะพระองค์ทรงเป็นน้ำพุแห่งชีวิต เราเห็นแสงสว่างในความสว่างของพระองค์ 10 โปรดสำแดงความรักมั่นคงของพระองค์แก่บรรดาผู้ที่รู้จักพระองค์ และสำแดงความชอบธรรมของพระองค์แก่บรรดาผู้มีใจเที่ยงธรรมต่อไป 11 ขออย่าให้เท้าของคนหยิ่งผยองมาเหยียบย่ำข้าพระองค์ หรืออย่าให้มือของคนชั่วขับไล่ข้าพระองค์ไป! 12 ดูเถิด บรรดาคนทำชั่วล้มลงแล้ว เขาถูกเหวี่ยงลงและไม่อาจลุกขึ้นได้อีก —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/PSA/36-4b520e1e948cb0af1eb36b941fe902bd.mp3?version_id=179—

สดุดี 37

(บทประพันธ์ของดาวิด) 1 อย่าเดือดเนื้อร้อนใจเพราะคนชั่ว หรืออย่าอิจฉาคนที่ทำผิด 2 เพราะว่าในไม่ช้าเขาก็จะเหี่ยวแห้งไปเหมือนต้นหญ้า และเขาจะเฉาตายไปเหมือนพืชผัก 3 จงวางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าและทำความดี จงอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นและรื่นรมย์อยู่ในทุ่งหญ้าอันปลอดภัย 4 จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์จะประทานสิ่งที่ใจของท่านปรารถนา 5 จงมอบทางของท่านไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า จงวางใจในพระองค์ และพระองค์จะทรงทำสิ่งเหล่านี้ คือ 6 พระองค์จะทำให้ความชอบธรรมของท่านฉายแสงดั่งรุ่งอรุณ ให้ความยุติธรรมในคดีของท่านเจิดจ้าดั่งแสงอาทิตย์ตอนเที่ยงวัน 7 จงสงบนิ่งต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและเพียรรอคอยพระองค์ อย่าเดือดเนื้อร้อนใจเพราะเหตุที่พวกเขาประสบความสำเร็จในทางของเขา เมื่อแผนชั่วของเขาลุล่วงไปด้วยดี 8 จงระงับโทสะ เลิกโมโหโกรธาเสีย อย่าเดือดเนื้อร้อนใจ ซึ่งมีแต่จะนำไปสู่ความเลวร้าย 9 เพราะคนชั่วร้ายจะถูกกำจัด แต่บรรดาผู้ที่หวังในองค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้แผ่นดินนั้นเป็นมรดก 10 เพียงชั่วประเดี๋ยว คนชั่วก็จะสูญสิ้นไป แม้ท่านจะมองหาเขาแต่จะไม่พบ 11 ส่วนคนที่ถ่อมสุภาพจะได้รับแผ่นดินนั้นเป็นมรดก และชื่นชมกับสันติสุขอันยิ่งใหญ่ 12 คนชั่ววางแผนปองร้ายผู้ชอบธรรม และขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่พวกเขา 13 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงหัวเราะเยาะคนชั่ว เพราะพระองค์ทรงทราบว่าวันเวลาของเขาใกล้จะมาถึงแล้ว 14 คนชั่วชักดาบและโก่งคันธนู เพื่อโค่นล้มคนยากไร้และขัดสน เพื่อเข่นฆ่าคนที่ดำเนินในทางเที่ยงธรรม 15 แต่ดาบของเขาเองจะเสียบทะลุหัวใจของเขาเอง และธนูของเขาจะถูกหักทำลาย 16 สิ่งเล็กน้อยที่คนชอบธรรมมีอยู่ […]

สดุดี 38

(บทสดุดีของดาวิด คำทูลวิงวอน) 1 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขออย่าทรงลงโทษข้าพระองค์ขณะที่ทรงกริ้ว หรือตีสั่งสอนข้าพระองค์ขณะที่ทรงพระพิโรธ 2 เพราะลูกศรของพระองค์ปักลึกในตัวข้าพระองค์ พระหัตถ์ของพระองค์วางเหนือข้าพระองค์อย่างหนักหน่วง 3 ร่างกายของข้าพระองค์ทรุดโทรมเพราะพระพิโรธของพระองค์ กระดูกของข้าพระองค์เสื่อมโทรมเพราะบาปของข้าพระองค์ 4 ความผิดของข้าพระองค์ท่วมท้นข้าพระองค์ เหมือนภาระอันหนักหน่วงเกินจะแบกไว้ 5 บาดแผลของข้าพระองค์ร้าวระบม และกลัดหนองเพราะบาปอันโง่เขลาของข้าพระองค์ 6 ข้าพระองค์ถูกทำให้ทรุดลงและตกต่ำอย่างมาก ข้าพระองค์คร่ำครวญอยู่วันยังค่ำ 7 หลังของข้าพระองค์ปวดร้าว ร่างกายของข้าพระองค์ทรุดโทรม 8 ข้าพระองค์อ่อนระโหยและบอบช้ำ ข้าพระองค์ครวญครางด้วยความร้าวรานใจ 9 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ความปรารถนาทั้งสิ้นของข้าพระองค์เปิดเผยอยู่ต่อหน้าพระองค์ เสียงทอดถอนใจของข้าพระองค์ไม่ได้ถูกปิดกั้นจากพระองค์ 10 ใจของข้าพระองค์เต้นระรัว กำลังวังชาของข้าพระองค์ถดถอย และตาของข้าพระองค์ก็มืดมัวไป 11 เพื่อนฝูงปลีกตัวออกห่างเพราะบาดแผลของข้าพระองค์ เพื่อนบ้านหลบลี้หนีหน้า 12 บรรดาผู้ที่หมายเอาชีวิตข้าพระองค์ก็วางกับดัก บรรดาผู้ที่จะทำร้ายข้าพระองค์ก็พูดถึงแต่ความหายนะของข้าพระองค์ และคิดหาอุบายอยู่วันยังค่ำ 13 แต่ข้าพระองค์เป็นเหมือนคนหูหนวกที่ไม่ได้ยิน และเป็นเหมือนคนใบ้ที่พูดไม่ได้ 14 ข้าพระองค์กลายเป็นเหมือนคนที่ไม่ได้ยินอะไร ผู้ซึ่งไม่สามารถปริปากโต้ตอบ 15 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์รอคอยพระองค์อยู่ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์จะทรงตอบ 16 เพราะข้าพระองค์ทูลว่า “ขออย่าให้พวกเขากระหยิ่มยิ้มย่อง […]

สดุดี 39

(ถึงหัวหน้านักร้อง ถึงเยดูธูน บทสดุดีของดาวิด) 1 ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะระแวดระวังทางของตน และจะไม่ปล่อยให้ลิ้นทำบาป ข้าพเจ้าจะไม่ปริปาก ตราบใดที่คนอธรรมอยู่ตรงหน้า” 2 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงนิ่งและเงียบอยู่ ไม่ปริปากพูดแม้แต่จะเอ่ยถึงความดีใดๆ แต่ความทุกข์ใจของข้าพเจ้าก็ทวีขึ้น 3 ความร้อนใจรุมเร้าอยู่ภายใน ขณะที่ข้าพเจ้าใคร่ครวญ ไฟก็สุมอก จนกระทั่งลิ้นของข้าพเจ้าได้เอ่ยออกมา 4 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงให้ข้าพระองค์เห็นบั้นปลายของชีวิต ขอให้รู้ว่าวันเวลาของข้าพระองค์มีจำนวนเท่าใด ขอให้ข้าพระองค์รู้ตัวว่าชีวิตของข้าพระองค์นั้นผ่านไปเร็วเพียงใด 5 พระองค์ทรงทำให้วันคืนของข้าพระองค์สั้นแค่คืบ ชั่วชีวิตของข้าพระองค์ไม่มีค่าอะไรสำหรับพระองค์ ชีวิตแต่ละคนอยู่แค่ชั่วลมหายใจ เสลาห์ 6 มนุษย์เป็นแค่เงาแวบไปแวบมา วิ่งวุ่นทำโน่นทำนี่แต่ก็สูญเปล่า ทรัพย์สมบัติที่สะสมไว้ไม่รู้ว่าใครจะได้ไป 7 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ขณะนี้ข้าพระองค์แสวงหาอะไรเล่า? ความหวังของข้าพระองค์อยู่ในพระองค์ 8 ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากการล่วงละเมิดทั้งสิ้นของข้าพระองค์ อย่าให้คนโง่เย้ยหยันข้าพระองค์ได้ 9 ข้าพระองค์นิ่งเงียบอยู่ ไม่ยอมเปิดปาก เพราะพระองค์เองคือผู้ที่กระทำให้ข้าพระองค์เป็นเช่นนี้ 10 ขออย่าทรงโบยข้าพระองค์อีกเลย ข้าพระองค์สิ้นแรงอยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์แล้ว 11 เมื่อพระองค์ทรงกำราบและตีสั่งสอนมนุษย์เพราะบาปของเขา พระองค์ก็ทรงผลาญทรัพย์สมบัติของเขาเหมือนแมลงกัดกิน มนุษย์แต่ละคนอยู่แค่ชั่วลมหายใจ เสลาห์ 12 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพระองค์ ขอทรงรับคำทูลขอความช่วยเหลือของข้าพระองค์ ขออย่าทรงเฉยเมยต่อการคร่ำครวญของข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ก็อาศัยอยู่กับพระองค์ […]

สดุดี 40

(ถึงหัวหน้านักร้อง บทสดุดีของดาวิด) 1 ข้าพเจ้าอดทนรอคอยองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงหันมาและรับฟังคำทูลวิงวอนของข้าพเจ้า 2 พระองค์ทรงยกข้าพเจ้าออกจากหลุมแห่งความสิ้นหวัง จากหุบเหวและแอ่งโคลน พระองค์ทรงวางเท้าข้าพเจ้าบนศิลา และประทานที่อันมั่นคงให้ยืน 3 พระองค์ทรงใส่เพลงบทใหม่ในปากข้าพเจ้า เป็นเพลงสรรเสริญแด่พระเจ้าของเรา คนทั้งหลายจะเห็นและยำเกรง และไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า 4 ความสุขมีแก่ ผู้ที่ไว้วางใจในองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่ไม่ได้หันไปหาคนหยิ่งทะนง หรือไปหาคนที่หันไปพึ่งพระจอมปลอม 5 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์มากมายยิ่งนัก พระองค์ทรงวางแผนสิ่งต่างๆ เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลาย ไม่มีใครเทียบกับพระองค์ได้ หากข้าพระองค์จะกล่าวและเล่าถึงพระราชกิจของพระองค์ ก็มากมายเกินกว่าจะทำไหว 6 พระองค์ไม่ได้ทรงประสงค์เครื่องบูชาและของถวาย ไม่ได้ทรงเรียกร้องเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาไถ่บาป แต่ทรงเปิดหูของข้าพระองค์ 7 แล้วข้าพระองค์ทูลว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่ ข้าพระองค์มาแล้ว ในหนังสือม้วนได้เขียนถึงข้าพระองค์ไว้ 8 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ปรารถนาจะทำตามพระประสงค์ของพระองค์ บทบัญญัติของพระองค์อยู่ในดวงใจของข้าพระองค์” 9 ข้าพระองค์ประกาศความชอบธรรมในที่ชุมนุมใหญ่ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่พระองค์ทรงทราบ ข้าพระองค์ไม่ได้ปิดปากเงียบ 10 ข้าพระองค์ไม่ได้เก็บงำความชอบธรรมของพระองค์ไว้ในใจ ข้าพระองค์ได้ประกาศความซื่อสัตย์และความรอดของพระองค์ ข้าพระองค์ไม่ได้ปกปิดความรักมั่นคงและความจริงของพระองค์ จากที่ชุมนุมใหญ่ 11 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขออย่าทรงยับยั้งพระเมตตาจากข้าพระองค์ ขอให้ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์ปกป้องข้าพระองค์ไว้เสมอ 12 […]