มัทธิว 1

ลำดับวงศ์ของพระเยซูคริสต์ 1 บันทึกลำดับวงศ์ตระกูลของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด ผู้เป็นเชื้อสายของอับราฮัมมีดังนี้ 2 อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค อิสอัคเป็นบิดาของยาโคบ ยาโคบเป็นบิดาของยูดาห์กับพี่น้องของเขา 3 ยูดาห์เป็นบิดาของเปเรศกับเศราห์ มารดาของพวกเขาคือนางทามาร์ เปเรศเป็นบิดาของเฮสโรน เฮสโรนเป็นบิดาของราม 4 รามเป็นบิดาของอัมมีนาดับ อัมมีนาดับเป็นบิดาของนาโชน นาโชนเป็นบิดาของสัลโมน 5 สัลโมนเป็นบิดาของโบอาส มารดาของเขาคือนางราหับ โบอาสเป็นบิดาของโอเบด มารดาของเขาคือนางรูธ โอเบดเป็นบิดาของเจสซี 6 และเจสซีเป็นบิดาของกษัตริย์ดาวิด ดาวิดเป็นบิดาของโซโลมอน มารดาของโซโลมอนเคยเป็นภรรยาของอุรียาห์มาก่อน 7 โซโลมอนเป็นบิดาของเรโหโบอัม เรโหโบอัมเป็นบิดาของอาบียาห์ อาบียาห์เป็นบิดาของอาสา 8 อาสาเป็นบิดาของเยโฮชาฟัท เยโฮชาฟัทเป็นบิดาของเยโฮรัม เยโฮรัมเป็นบิดาของอุสซียาห์ 9 อุสซียาห์เป็นบิดาของโยธาม โยธามเป็นบิดาของอาหัส อาหัสเป็นบิดาของเฮเซคียาห์ 10 เฮเซคียาห์เป็นบิดาของมนัสเสห์ มนัสเสห์เป็นบิดาของอาโมน อาโมนเป็นบิดาของโยสิยาห์ 11 และโยสิยาห์เป็นบิดาของเยโคนิยาห์กับพี่น้องของเขาเมื่อครั้งตกเป็นเชลยที่บาบิโลน 12 หลังจากตกเป็นเชลยที่บาบิโลนแล้ว เยโคนิยาห์เป็นบิดาของเชอัลทิเอล เชอัลทิเอลเป็นบิดาของเศรุบบาเบล 13 เศรุบบาเบลเป็นบิดาของอาบียุด อาบียุดเป็นบิดาของเอลียาคิม เอลียาคิมเป็นบิดาของอาซอร์ 14 […]

มัทธิว 2

โหราจารย์มาเข้าเฝ้าพระกุมารเยซู 1 หลังจากพระเยซูประสูติที่เบธเลเฮมแคว้นยูเดียในสมัยของกษัตริย์เฮโรด มีโหราจารย์จากตะวันออกมายังกรุงเยรูซาเล็ม 2 และถามว่า “ผู้ที่มาบังเกิดเป็นกษัตริย์ของชาวยิวนั้นอยู่ที่ไหน? เราได้เห็นดาวของพระองค์เมื่อเราอยู่ที่ตะวันออกจึงมาเพื่อนมัสการพระองค์” 3 เมื่อกษัตริย์เฮโรดได้ยินดังนั้นก็ว้าวุ่นพระทัย ทั่วทั้งเยรูซาเล็มก็พลอยว้าวุ่นไปด้วย 4 เฮโรดทรงเรียกประชุมหัวหน้าปุโรหิตทั้งปวงและบรรดาธรรมาจารย์ของประชาชน และตรัสถามพวกเขาว่าพระคริสต์จะประสูติที่ใด 5 คนเหล่านั้นกราบทูลว่า “ที่เบธเลเฮมในแคว้นยูเดียเพราะผู้เผยพระวจนะได้เขียนไว้ว่า 6 “ ‘ส่วนเจ้า เบธเลเฮมในดินแดนยูดาห์ ไม่ได้ต่ำต้อยในหมู่ผู้ปกครองแห่งยูดาห์ เพราะจะมีผู้ปกครองผู้หนึ่งออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้เลี้ยงประชากรอิสราเอลของเรา’” 7 แล้วเฮโรดจึงเรียกพวกโหราจารย์มาพบอย่างลับๆ ไต่ถามจนทราบถึงเวลาที่แน่นอนที่ดาวนั้นปรากฏขึ้น 8 แล้วส่งพวกเขาไปยังเบธเลเฮมพร้อมทั้งรับสั่งว่า “จงไปค้นหาพระกุมารนั้น เมื่อพบแล้วจงแจ้งเราทันทีเพื่อเราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” 9 เมื่อได้ฟังรับสั่งของกษัตริย์แล้ว โหราจารย์เหล่านั้นก็เดินทางต่อไป และดวงดาวที่พวกเขาได้เห็นเมื่ออยู่ที่ตะวันออกนำทางพวกเขาไปจนมาหยุดอยู่เหนือที่ประทับของพระกุมาร 10 เมื่อพวกเขาเห็นดาวดวงนั้นก็ปีติยินดียิ่งนัก 11 เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นพระกุมารกับมารีย์มารดาของพระองค์ จึงกราบนมัสการพระองค์แล้วเปิดหีบนำเครื่องบรรณาการออกมาถวาย คือทองคำ กำยาน และมดยอบ 12 พวกเขาได้รับคำเตือนในความฝันไม่ให้กลับไปพบเฮโรด พวกเขาจึงกลับประเทศของตนโดยใช้เส้นทางอื่น หนีไปอียิปต์ 13 เมื่อพวกโหราจารย์กลับไปแล้ว ทูตองค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันและสั่งว่า “จงลุกขึ้น พาพระกุมารและมารดาหนีไปยังอียิปต์และอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะบอกให้กลับมา เพราะเฮโรดกำลังจะค้นหาพระกุมารเพื่อประหาร” 14 ในคืนนั้นโยเซฟจึงลุกขึ้นพามารีย์กับพระกุมารเดินทางไปยังอียิปต์ 15 […]

มัทธิว 3

ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเตรียมทาง 1 ครั้งนั้นยอห์นผู้ให้บัพติศมาได้มาเทศนาในถิ่นกันดารแห่งแคว้นยูเดีย 2 และกล่าวว่า “จงกลับใจใหม่เพราะอาณาจักรสวรรค์มาใกล้แล้ว” 3 ยอห์นผู้นี้แหละที่ถูกกล่าวถึงผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า “เสียงของผู้หนึ่งร้องในถิ่นกันดารว่า ‘จงเตรียมทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า จงทำทางสำหรับพระองค์ให้ตรงไป’ ” 4 เสื้อผ้าของยอห์นทำจากขนอูฐ เขาคาดเอวด้วยเข็มขัดหนัง อาหารของเขาคือตั๊กแตนกับน้ำผึ้งป่า 5 ประชาชนจากกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดียและทั่วแถบแม่น้ำจอร์แดนพากันมาหาเขา 6 เมื่อพวกเขาสารภาพบาปทั้งหลายของตนแล้ว ยอห์นก็ให้พวกเขารับบัพติศมาในแม่น้ำจอร์แดน 7 แต่เมื่อยอห์นเห็นพวกฟาริสีและพวกสะดูสีมายังที่ซึ่งเขาให้บัพติศมาอยู่ ยอห์นก็กล่าวแก่พวกเขาว่า “เจ้าชาติงูร้าย ใครตักเตือนพวกเจ้าให้หนีจากพระพิโรธที่จะมาถึง? 8 จงเกิดผลให้สมกับที่กลับใจใหม่ 9 และอย่านึกในใจว่า ‘เรามีอับราฮัมเป็นบรรพบุรุษของเรา’ เราบอกท่านว่าพระเจ้าทรงสามารถทำให้ลูกหลานของอับราฮัมเกิดจากก้อนหินเหล่านี้ได้ 10 ขวานนั้นอยู่ที่โคนต้นไม้แล้วและทุกต้นที่ไม่ให้ผลดีจะถูกโค่นและโยนลงในไฟ 11 “เราให้บัพติศมาด้วยน้ำแก่พวกท่านแสดงถึงการกลับใจใหม่ แต่ภายหลังเราจะมีผู้หนึ่งทรงฤทธิ์อำนาจยิ่งกว่าเราเสด็จมา เราไม่คู่ควรแม้แต่จะถือฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้ท่านทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ 12 พระองค์ถือพลั่วอยู่ในพระหัตถ์พร้อมแล้วและจะทรงเก็บกวาดลานนวดข้าว รวบรวมข้าวซึ่งเป็นของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง และเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้ดับ” พระเยซูทรงรับบัพติศมา 13 แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลีมายังแม่น้ำจอร์แดนเพื่อรับบัพติศมาจากยอห์น 14 แต่ยอห์นพยายามทูลทัดทานว่า “ข้าพระองค์ต่างหากที่ต้องขอรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์เสด็จมาหาข้าพระองค์?” 15 พระเยซูตรัสตอบว่า “ขณะนี้ให้เป็นไปตามนั้นเถิด สมควรแล้วที่พวกเราจะทำเช่นนี้เพื่อให้ความชอบธรรมทุกประการสำเร็จครบถ้วน” แล้วยอห์นจึงยอมทำตาม […]

มัทธิว 4

พระเยซูถูกมารทดลอง 1 จากนั้นพระวิญญาณทรงนำพระเยซูไปยังถิ่นกันดารเพื่อให้มารทดลอง 2 หลังจากอดอาหารสี่สิบวันสี่สิบคืนแล้ว พระเยซูทรงหิว 3 มารผู้ทดลองได้มาหาพระองค์และทูลว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้กลายเป็นขนมปัง” 4 พระเยซูตรัสตอบว่า “มีคำเขียนไว้ว่า ‘มนุษย์ไม่อาจดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวแต่ดำรงชีวิตด้วยทุกถ้อยคำจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’” 5 แล้วมารนำพระองค์ไปยังนครบริสุทธิ์และให้พระองค์ประทับยืนที่จุดสูงสุดของพระวิหาร 6 แล้วทูลว่า “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้าจงกระโดดลงไปเถิด เพราะมีคำเขียนไว้ว่า “ ‘พระองค์จะทรงบัญชาทูตสวรรค์ของพระองค์ให้ดูแลท่าน ทูตเหล่านั้นจะยื่นมือประคองท่าน เพื่อไม่ให้เท้าของท่านกระทบหิน’” 7 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “มีคำเขียนไว้เช่นกันว่า ‘อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่าน’” 8 อีกครั้งหนึ่งมารนำพระองค์มายังภูเขาที่สูงมาก แล้วแสดงอาณาจักรทั้งปวงของโลกกับความโอ่อ่าตระการของอาณาจักรเหล่านั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร 9 แล้วทูลว่า “ทั้งหมดนี้เราจะยกให้ท่านหากท่านกราบนมัสการเรา” 10 พระเยซูตรัสว่า “เจ้าซาตาน จงไปให้พ้น! เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว’” 11 แล้วมารก็ละพระองค์ไปและเหล่าทูตสวรรค์มาปรนนิบัติพระองค์ พระเยซูทรงเริ่มเทศนา 12 เมื่อพระเยซูทรงทราบว่ายอห์นถูกจับขังคุก พระองค์จึงเสด็จกลับไปยังแคว้นกาลิลี 13 ทรงย้ายจากเมืองนาซาเร็ธมาประทับที่เมืองคาเปอรนาอุมซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบบริเวณเขตแดนเศบูลุนและนัฟทาลี 14 เพื่อให้เป็นไปตามที่กล่าวไว้ผ่านทางผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ว่า 15 “ดินแดนเศบูลุนกับดินแดนนัฟทาลี เส้นทางสู่ทะเลเลียบแม่น้ำจอร์แดน กาลิลีแห่งชนต่างชาติ 16 ประชากรผู้อยู่ในความมืด […]

มัทธิว 5

คำเทศนาบนภูเขา 1 เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นฝูงชนมากมายก็เสด็จขึ้นเนินเขาและประทับนั่ง เหล่าสาวกของพระองค์พากันมาหาพระองค์ 2 และพระองค์ทรงเริ่มต้นสั่งสอนพวกเขาว่า 3 “ความสุขมีแก่ผู้ที่สำนึกว่าตนขัดสนฝ่ายจิตวิญญาณ เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขาแล้ว 4 ความสุขมีแก่ผู้ที่โศกเศร้า เพราะเขาจะได้รับการปลอบประโลม 5 ความสุขมีแก่ผู้ที่ถ่อมสุภาพ เพราะเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก 6 ความสุขมีแก่ผู้ที่หิวกระหายความชอบธรรม เพราะเขาจะได้อิ่มบริบูรณ์ 7 ความสุขมีแก่ผู้ที่เมตตากรุณา เพราะเขาจะได้รับความเมตตากรุณาตอบแทน 8 ความสุขมีแก่ผู้ที่มีจิตใจบริสุทธิ์ เพราะเขาจะได้เห็นพระเจ้า 9 ความสุขมีแก่ผู้ที่สร้างสันติ เพราะเขาจะได้ชื่อว่าบุตรของพระเจ้า 10 ความสุขมีแก่ผู้ที่ถูกข่มเหงเพราะความชอบธรรม เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขาแล้ว 11 “ความสุขมีแก่ท่านเมื่อคนทั้งหลายสบประมาท ข่มเหง และใส่ร้ายป้ายสีท่านเพราะเรา 12 จงชื่นชมยินดีเถิดเพราะบำเหน็จของท่านในสวรรค์ยิ่งใหญ่นัก เพราะพวกเขาได้ข่มเหงบรรดาผู้เผยพระวจนะที่อยู่ก่อนท่านเหมือนกัน เกลือและแสงสว่าง 13 “ท่านทั้งหลายเป็นเกลือของโลก แต่ถ้าเกลือนั้นหมดความเค็มแล้วจะทำให้กลับเค็มอีกได้อย่างไร? มันก็ไม่มีประโยชน์อันใดอีกต่อไป มีแต่จะถูกสาดทิ้งให้คนเหยียบย่ำ 14 “ท่านทั้งหลายเป็นแสงสว่างของโลก เมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาจะซ่อนไว้ไม่ได้ 15 เช่นเดียวกัน เมื่อคนจุดตะเกียงแล้วย่อมไม่เอาฝาครอบ แต่จะตั้งไว้บนเชิงตะเกียงให้ส่องสว่างแก่ทุกคนในบ้าน 16 ในทำนองเดียวกัน จงให้ความสว่างของท่านกระจ่างแจ้งต่อหน้าคนทั้งหลาย เพื่อเขาจะเห็นการดีของท่านและสรรเสริญพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ บทบัญญัติสำเร็จ […]

มัทธิว 6

เอื้อเฟื้อแก่คนขัดสน 1 “จงระวัง อย่าทำดีเพื่อเอาหน้า ถ้าทำเช่นนั้นท่านจะไม่ได้รับบำเหน็จจากพระบิดาของท่านในสวรรค์ 2 “ดังนั้นเมื่อท่านให้ทานแก่คนขัดสน อย่าตีฆ้องร้องป่าวเหมือนที่คนหน้าซื่อใจคดทำในธรรมศาลาและตามถนนหนทางเพื่อให้ผู้คนยกย่องชมเชย เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้รับบำเหน็จของตนเต็มที่แล้ว 3 แต่เมื่อท่านหยิบยื่นแก่คนขัดสน อย่าให้มือซ้ายรู้สิ่งที่มือขวาทำ 4 เพื่อการให้ของท่านเป็นความลับ แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นสิ่งที่ทำเป็นการลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่าน การอธิษฐาน 5 “และเมื่อท่านอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนคนหน้าซื่อใจคดเพราะพวกเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามมุมถนนเพื่อให้คนเห็น เราบอกความจริงแก่ท่านว่าพวกเขาได้รับบำเหน็จของตนเต็มที่แล้ว 6 เมื่อท่านอธิษฐาน จงเข้าไปในห้อง ปิดประตู และอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ไม่ปรากฏแก่ตา แล้วพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นสิ่งที่ทำอย่างลับๆ จะประทานบำเหน็จแก่ท่าน 7 และเมื่อท่านอธิษฐาน ไม่ต้องพูดพร่ำซ้ำซากเหมือนคนต่างศาสนา เพราะเขาคิดว่าพูดมากๆ พระจึงจะได้ยิน 8 อย่าทำอย่างเขาเลยเพราะพระบิดาของท่านทรงทราบว่าท่านต้องการอะไรก่อนที่ท่านจะทูลขอต่อพระองค์ 9 “ฉะนั้น ท่านควรจะอธิษฐานดังนี้ว่า “ ‘ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลายผู้สถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เทิดทูนสักการะ 10 ขอให้อาณาจักรของพระองค์ได้รับการสถาปนาไว้ ขอให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จในโลกเช่นเดียวกับในสวรรค์ 11 ขอโปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในวันนี้ 12 ขอทรงยกหนี้ให้ข้าพระองค์ทั้งหลาย เหมือนที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยกหนี้ให้ผู้ที่เป็นหนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายเช่นกัน 13 และขออย่าให้ข้าพระองค์ทั้งหลายล้มลงเมื่อถูกทดลอง แต่ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นจากมารร้าย’ 14 เพราะถ้าท่านอภัยให้ผู้ที่ทำผิดต่อท่าน พระบิดาของท่านในสวรรค์จะทรงอภัยให้ท่านด้วย 15 แต่ถ้าท่านไม่ยอมอภัยบาปผิดของผู้อื่นพระบิดาก็จะไม่อภัยบาปผิดของท่านเช่นกัน […]

มัทธิว 7

ตัดสินผู้อื่น 1 “อย่าตัดสิน มิฉะนั้นท่านเองจะถูกตัดสินด้วย 2 เพราะท่านตัดสินผู้อื่นอย่างไร ท่านจะถูกตัดสินอย่างนั้น ท่านตวงให้ไปด้วยทะนานอันใด ท่านก็จะได้รับเท่ากับทะนานอันนั้น 3 “เหตุใดท่านมองดูผงขี้เลื่อยในตาของพี่น้อง แต่ไม่ใส่ใจกับไม้ทั้งท่อนในตาของท่านเอง? 4 ท่านพูดกับพี่น้องได้อย่างไรว่า ‘ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของท่านเถิด’ ในเมื่อตลอดเวลานั้นท่านเองมีไม้ทั้งท่อนอยู่ในตา? 5 เจ้าคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาเจ้าเองก่อน แล้วเจ้าจะเห็นชัดเพื่อจะเขี่ยผงออกจากตาของพี่น้องได้ 6 “อย่าให้ของบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์แก่สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้สุกร มิฉะนั้นมันจะเหยียบย่ำไว้ใต้เท้า แล้วหันมาฉีกท่านเป็นชิ้นๆ จงขอ จงหา จงเคาะ 7 “จงขอแล้วท่านจะได้รับ จงหาแล้วท่านจะพบ จงเคาะแล้วประตูจะเปิดให้แก่ท่าน 8 เพราะทุกคนที่ขอก็ได้รับ คนที่แสวงหาก็พบ และคนที่เคาะ ประตูก็จะเปิดให้แก่เขา 9 “ใครบ้างในพวกท่านถ้าบุตรขอขนมปังจะให้ก้อนหิน? 10 หรือถ้าบุตรขอปลาจะให้งูแก่เขา? 11 ถ้าแม้ท่านเองซึ่งเป็นคนชั่วยังรู้จักให้สิ่งดีๆ แก่บุตรของท่าน พระบิดาของท่านในสวรรค์จะประทานสิ่งดีแก่บรรดาผู้ที่ทูลขอต่อพระองค์ยิ่งกว่านั้นสักเพียงใด! 12 ฉะนั้นในทุกสิ่งจงทำต่อผู้อื่นอย่างที่ท่านอยากให้เขาทำต่อท่าน เพราะนี่สรุปสาระของหนังสือบทบัญญัติและหนังสือผู้เผยพระวจนะ ประตูแคบและประตูกว้าง 13 “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะประตูใหญ่และทางกว้างนำไปสู่ความพินาศและคนเป็นอันมากเข้าไปทางนั้น 14 ส่วนประตูเล็กและทางแคบนำไปสู่ชีวิตและมีเพียงไม่กี่คนที่ค้นพบ ต้นไม้และผลของมัน […]

มัทธิว 8

พระเยซูทรงรักษาคนเป็นโรคเรื้อน 1 เมื่อพระองค์เสด็จลงมาจากภูเขา คนเป็นอันมากติดตามพระองค์มา 2 ชายคนหนึ่งเป็นโรคเรื้อนมาคุกเข่ากราบทูลพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงรักษาข้าพระองค์ให้หายได้ถ้าพระองค์เต็มใจ” 3 พระเยซูทรงยื่นพระหัตถ์แตะต้องชายผู้นั้นและตรัสว่า “เราเต็มใจจะรักษา จงหายโรคเถิด!” ทันใดนั้นเขาก็หายจากโรคเรื้อน 4 แล้วพระเยซูตรัสกับเขาว่า “จงระวังอย่าบอกผู้ใดเลย แต่จงไปแสดงตัวต่อปุโรหิตและถวายเครื่องบูชาตามที่โมเสสสั่งไว้เพื่อเป็นพยานแก่คนทั้งหลายว่าท่านหายโรคแล้ว” ความเชื่อของนายร้อย 5 เมื่อพระเยซูเสด็จเข้าเมืองคาเปอรนาอุม มีนายร้อยคนหนึ่งมาทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ 6 เขากล่าวว่า “พระองค์เจ้าข้า คนรับใช้ของข้าพระองค์นอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่ที่บ้าน ทนทุกข์ทรมานยิ่งนัก” 7 พระเยซูตรัสแก่นายร้อยนั้นว่า “เราจะไปรักษาเขา” 8 เขาทูลว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ไม่คู่ควรที่จะให้พระองค์เสด็จมาใต้ชายคาบ้านของข้าพระองค์ เพียงแต่พระองค์ตรัสสั่งเท่านั้น คนรับใช้ของข้าพระองค์ก็จะหายป่วย 9 เพราะข้าพระองค์เองมีทั้งผู้บังคับบัญชาและมีทหารใต้บังคับบัญชา ข้าพระองค์สั่งคนนี้ว่า ‘ไป’ เขาก็ไป สั่งคนนั้นว่า ‘มา’ เขาก็มา ข้าพระองค์สั่งคนรับใช้ว่า ‘จงทำสิ่งนี้’ เขาก็ทำ” 10 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินเช่นนั้นก็ทรงประหลาดพระทัยและตรัสกับบรรดาผู้ติดตามพระองค์ว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเราไม่เคยพบใครสักคนในอิสราเอลที่มีความเชื่อยิ่งใหญ่เพียงนี้ 11 เราบอกท่านว่าคนเป็นอันมากจากตะวันออกและตะวันตกจะมาเข้าประจำที่ของตนในงานเลี้ยงร่วมกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบในอาณาจักรสวรรค์ 12 แต่พลเมืองของอาณาจักรนั้นจะถูกโยนออกมาสู่ความมืดมิดภายนอกที่ซึ่งจะมีการร่ำไห้และการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” […]

มัทธิว 9

พระเยซูทรงรักษาคนเป็นอัมพาต 1 พระเยซูจึงเสด็จลงเรือข้ามฟากไปยังเมืองของพระองค์ 2 มีผู้หามคนเป็นอัมพาตซึ่งนอนอยู่บนที่นอนมาหาพระเยซู เมื่อทรงเห็นความเชื่อของพวกเขาก็ตรัสกับคนเป็นอัมพาตนั้นว่า “ลูกเอ๋ยจงชื่นใจเถิด บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว” 3 พวกธรรมาจารย์บางคนได้ยินเช่นนั้นก็คิดในใจว่า “ชายคนนี้กำลังพูดหมิ่นประมาทพระเจ้า!” 4 พระเยซูทรงทราบความคิดของเขาจึงตรัสว่า “เหตุใดพวกท่านจึงคิดชั่วอยู่ในใจ? 5 ที่จะพูดว่า ‘บาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว’ กับ ‘จงลุกขึ้นเดินไป’ อย่างไหนจะง่ายกว่ากัน? 6 แต่ทั้งนี้ก็เพื่อให้พวกท่านรู้ว่าบุตรมนุษย์มีสิทธิอำนาจในโลกที่จะอภัยบาป” แล้วพระองค์ตรัสกับคนเป็นอัมพาตว่า “จงลุกขึ้นแบกที่นอนกลับไปบ้านเถิด” 7 และชายคนนั้นก็ลุกขึ้นกลับไปบ้าน 8 เมื่อฝูงชนเห็นดังนี้ก็ยำเกรงและสรรเสริญพระเจ้าผู้ประทานสิทธิอำนาจเช่นนี้แก่มนุษย์ ทรงเรียกมัทธิว 9 เมื่อพระเยซูเสด็จจากที่นั่น พระองค์ทรงเห็นชายคนหนึ่งชื่อ มัทธิวนั่งอยู่ที่ด่านเก็บภาษี จึงตรัสกับเขาว่า “จงตามเรามา” มัทธิวก็ลุกขึ้นติดตามพระองค์ไป 10 ขณะพระเยซูเสวยพระกระยาหารที่บ้านของมัทธิว คนเก็บภาษีและ “คนบาป” หลายคนมาร่วมรับประทานกับพระองค์และเหล่าสาวก 11 เมื่อพวกฟาริสีเห็นเช่นนั้นก็ถามสาวกของพระองค์ว่า “ทำไมอาจารย์ของท่านจึงรับประทานอาหารร่วมกับคนเก็บภาษีและ ‘คนบาป’?” 12 เมื่อพระเยซูทรงได้ยินเช่นนี้จึงตรัสว่า “คนสุขภาพดีไม่ต้องการหมอ แต่คนป่วยต้องการ 13 จงไปศึกษาให้เข้าใจความหมายของข้อความที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ใช่เครื่องบูชา’เพราะเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเพื่อเรียกคนบาป” ถามพระเยซูเรื่องการถืออดอาหาร […]

มัทธิว 10

พระเยซูทรงส่งอัครทูตทั้งสิบสองคนออกไป 1 พระเยซูทรงเรียกสาวกสิบสองคนของพระองค์มาและประทานสิทธิอำนาจแก่เขาที่จะขับไล่วิญญาณชั่วและบำบัดโรคภัย ไข้เจ็บทุกอย่าง 2 นี่คือรายชื่อของอัครทูตสิบสองคน คนแรกคือซีโมน (ที่เรียกกันว่า เปโตร) กับอันดรูว์น้องชายของเขา ยากอบกับยอห์นน้องชายของเขา ทั้งสองเป็นบุตรเศเบดี 3 ฟีลิปและบารโธโลมิว โธมัสและมัทธิวคนเก็บภาษี ยากอบบุตรอัลเฟอัสและธัดเดอัส 4 ซีโมนพรรคชาตินิยมและยูดาสอิสคาริโอทผู้ทรยศพระองค์ 5 พระเยซูทรงส่งทั้งสิบสองคนนี้ออกไปพร้อมกับกำชับว่า “อย่าไปในหมู่คนต่างชาติหรือเข้าไปในเมืองใดของชาวสะมาเรีย 6 แต่จงไปหาแกะที่หลงหายของอิสราเอล 7 ขณะที่ไปจงประกาศข่าวสารที่ว่า ‘อาณาจักรสวรรค์มาใกล้แล้ว’ 8 จงรักษาคนเจ็บป่วย ให้คนตายฟื้นขึ้น รักษาคนโรคเรื้อนให้หาย และขับผีออก ท่านทั้งหลายได้รับเปล่าๆ ก็จงให้เปล่าๆ 9 ไม่ต้องพกเงิน ทอง หรือทองแดงไว้ในเข็มขัด 10 ไม่ต้องเอาย่าม หรือเสื้ออีกตัวหนึ่ง หรือรองเท้า หรือไม้เท้าไปในการเดินทางเพราะคนงานควรได้รับสิ่งตอบแทน 11 “เมื่อเข้าสู่เมืองใดหมู่บ้านใด จงหาคนที่เหมาะสมที่นั่นและพักที่บ้านของเขาจนกว่าจะจากไป 12 เมื่อเข้าไปในบ้าน จงอวยพรเขา 13 หากบ้านนั้นต้อนรับท่านอย่างดีก็ให้สันติสุขของท่านอยู่กับบ้านนั้น แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นก็ให้สันติสุขนั้นกลับคืนมาสู่ท่าน 14 หากผู้ใดไม่ต้อนรับหรือฟังคำของท่านจงสะบัดฝุ่นออกจากเท้าเมื่อออกจากบ้านนั้นหรือเมืองนั้น 15 เราบอกความจริงแก่ท่านว่าในวันพิพากษาโทษของเมืองโสโดมและโกโมราห์ยังเบากว่าโทษของเมืองนั้น […]