อิสราเอลต่อสู้กับชาวคานาอันที่เหลือ 1 หลังจากที่โยชูวาสิ้นชีวิตแล้ว ชนอิสราเอลทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ใครควรออกทำศึกกับชาวคานาอันก่อน?” 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “ให้ยูดาห์ไปก่อน เราได้มอบดินแดนนั้นไว้ในมือของพวกเขาแล้ว” 3 ชนเผ่ายูดาห์กล่าวกับพี่น้องเผ่าสิเมโอนว่า “โปรดมาช่วยเรารบกับชาวคานาอันในดินแดนซึ่งเป็นของเราตามที่ได้แบ่งสรรแล้ว และเราจะไปช่วยเมื่อถึงคราวของท่านบ้าง” ฉะนั้นชาวสิเมโอนจึงไปสมทบกับชาวยูดาห์ 4 เมื่อยูดาห์เข้าโจมตีองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบชาวคานาอันและชาวเปริสซีไว้ในมือพวกเขา พวกเขาฆ่าคนเหล่านั้นไปหนึ่งหมื่นคนที่เบเซก 5 พวกเขาพบอาโดนีเบเซกที่นั่นและสู้รบกับเขา จนชาวคานาอันกับชาวเปริสซีแตกพ่ายไป 6 อาโดนีเบเซกหนีไป แต่พวกเขาไล่ตามและจับกุมตัวไว้ได้ แล้วตัดนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วหัวแม่เท้าของเขา 7 แล้วอาโดนีเบเซกกล่าวว่า “เราเคยตัดนิ้วหัวแม่มือและนิ้วหัวแม่เท้ากษัตริย์เจ็ดสิบองค์ และให้พวกเขากินเศษอาหารจากใต้โต๊ะของเรา บัดนี้พระเจ้าทรงแก้แค้นในสิ่งที่เราได้ทำแล้ว” พวกเขานำตัวอาโดนีเบเซกไปยังเยรูซาเล็ม และเขาสิ้นชีวิตที่นั่น 8 ชาวยูดาห์โจมตีเยรูซาเล็มและยึดเมืองได้ พวกเขาประหารชาวเมืองนั้น แล้วจุดไฟเผาเมือง 9 หลังจากนั้นคนของยูดาห์ลงไปรบกับชาวคานาอันซึ่งอยู่ในดินแดนเทือกเขาในเนเกบและแถบเชิงเขาทางตะวันตก 10 แล้วไปสู้รบกับชาวคานาอันในเฮโบรน (เดิมเรียกว่า คีริยาทอารบา) และพิชิตเชชัย อาหิมาน และทัลมัย 11 จากนั้นพวกเขาบุกเข้าโจมตีชาวเมืองเดบีร์ (เดิมเรียกว่า คีริยาทเสเฟอร์) 12 และคาเลบประกาศว่า “ใครบุกเข้าโจมตีและยึดคีริยาทเสเฟอร์ได้ เราจะยกอัคสาห์ลูกสาวของเราให้เป็นภรรยา” 13 โอทนีเอลบุตรชายของเคนัสซึ่งเป็นน้องชายของคาเลบยึดเมืองได้ ดังนั้นคาเลบจึงยกอัคสาห์ลูกสาวของเขาให้เป็นภรรยา […]
Category Archives: ผู้วินิจฉัย
ผู้วินิจฉัย 2
ทูตของพระเจ้าที่โบคิม 1 ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าออกจากกิลกาลมายังโบคิมและกล่าวว่า “เรานำเจ้าออกมาจากอียิปต์เข้าสู่ดินแดนนี้ซึ่งเราสาบานไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า เรากล่าวไว้ว่า ‘เราจะไม่ล้มล้างพันธสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า 2 และเจ้าจะต้องไม่ทำพันธสัญญากับชาวดินแดนนี้ แต่เจ้าจะต้องทำลายแท่นบูชาทั้งหลายของพวกเขา’ แต่เจ้าไม่เชื่อฟังเรา เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้? 3 ดังนั้นในคราวนี้ เราจึงลั่นวาจาว่าเราจะไม่ขับไล่พวกเขาออกไปให้พ้นหน้าเจ้า เขาจะเป็นหอกข้างแคร่ทิ่มแทงเจ้า และพระของเขาจะเป็นกับดักของเจ้า” 4 เมื่อทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวถ้อยคำเช่นนี้ต่อปวงชนอิสราเอลจบแล้ว พวกเขาก็ร้องไห้เสียงดัง 5 เขาจึงเรียกที่นั่นว่าโบคิมพวกเขาถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าที่นั่นด้วย การไม่เชื่อฟังและความพ่ายแพ้ 6 หลังจากที่โยชูวาให้ชนอิสราเอลแยกย้ายกันไป พวกเขาก็ไปครอบครองดินแดนตามกรรมสิทธิ์ของตน 7 ประชาชนได้ปรนนิบัติองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดชั่วชีวิตของโยชูวาและตลอดชีวิตของเหล่าผู้อาวุโสซึ่งมีอายุยืนยาวกว่าโยชูวาและได้เห็นพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเพื่ออิสราเอล 8 โยชูวาบุตรนูนผู้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าสิ้นชีวิตเมื่ออายุ 110 ปี 9 และเขาถูกฝังไว้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ของเขาที่ทิมนาทเฮเรสในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม ทางเหนือของภูเขากาอัช 10 หลังจากคนในชั่วอายุนั้นสิ้นชีวิตหมดแล้ว คนรุ่นต่อมาก็ไม่รู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่รู้ถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่ออิสราเอล 11 ชนชาติอิสราเอลทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไปปรนนิบัติพระบาอัล 12 พวกเขาละทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกเขาผู้ทรงนำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ พวกเขาหันไปกราบไหว้นมัสการพระต่างๆ ของชนชาติเพื่อนบ้าน ยั่วยุพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า 13 เพราะพวกเขาละทิ้งพระองค์ไปปรนนิบัติพระบาอัลและพระอัชโทเรท 14 ด้วยพระพิโรธต่ออิสราเอลองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงปล่อยให้พวกเขาพ่ายแพ้ศัตรูซึ่งปล้นพวกเขา พระองค์ทรงขายพวกเขาให้แก่ศัตรูรอบด้านซึ่งเขาไม่อาจรับมือได้อีกต่อไป 15 เมื่อใดก็ตามที่อิสราเอลออกรบ พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ต่อสู้กับพวกเขา ทำให้เขาพ่ายแพ้ตามที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้แล้ว เหล่าประชากรเป็นทุกข์แสนสาหัส 16 […]
ผู้วินิจฉัย 3
1 ต่อไปนี้คือชนชาติต่างๆ ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้ทิ้งไว้ เพื่อทดสอบชนชาติอิสราเอลซึ่งไม่เคยร่วมรบในคานาอัน 2 (พระองค์ทรงทำเช่นนี้เพื่อที่จะสอนลูกหลานอิสราเอลซึ่งไม่เคยผ่านการรบ ให้เรียนรู้การทำสงคราม) 3 ได้แก่ ประมุขทั้งห้าของชาวฟีลิสเตีย ชาวคานาอันทั้งปวง ชาวไซดอน และชาวฮีไวต์ซึ่งอาศัยอยู่แถบภูเขาเลบานอน จากภูเขาบาอัลเฮอร์โมนถึงเลโบฮามัท 4 ชนชาติเหล่านี้เป็นเครื่องทดสอบชนอิสราเอล เพื่อดูว่าพวกเขาจะเชื่อฟังพระบัญชาขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งประทานแก่บรรพบุรุษของพวกเขาผ่านทางโมเสสหรือไม่ 5 ชาวอิสราเอลจึงอาศัยอยู่ท่ามกลางชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวฮีไวต์ ชาวเปริสซี ชาวอาโมไรต์ และชาวเยบุส 6 ชาวอิสราเอลรับหญิงสาวของพวกเขามาเป็นภรรยา หญิงอิสราเอลก็แต่งงานกับหนุ่มชาติต่างๆ เหล่านั้น และเหล่าประชากรได้ไปปรนนิบัติพระของพวกเขา โอทนีเอล 7 ชนอิสราเอลทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาหลงลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาและได้ปรนนิบัติพระบาอัลและเจ้าแม่อาเชราห์ 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระพิโรธอิสราเอลอย่างมาก ถึงกับทรงขายพวกเขาไว้ในมือของกษัตริย์คูชันริชาธาอิมแห่งอารัมนาหะราอิมอิสราเอลตกอยู่ใต้อำนาจของเขาเป็นเวลาแปดปี 9 แต่เมื่อพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าพระองค์ก็ทรงตั้งโอทนีเอลบุตรเคนัสน้องชายของคาเลบให้ช่วยกู้พวกเขา 10 พระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือโอทนีเอล เขาจึงเป็นผู้วินิจฉัยของอิสราเอลและออกรบองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบกษัตริย์คูชันริชาธาอิมแห่งอารัมไว้ในมือของโอทนีเอล ซึ่งรบชนะเขา 11 ดังนั้นดินแดนนี้จึงมีความสงบสุขอยู่สี่สิบปี จนกระทั่งโอทนีเอลบุตรเคนัสสิ้นชีวิต เอฮูด 12 แล้วประชากรอิสราเอลก็หวนกลับไปทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีกองค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงให้กษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับมีอำนาจเหนืออิสราเอล 13 เมื่อกษัตริย์เอกโลนได้ชาวอัมโมนและชาวอามาเลขมาสมทบ ก็ยกมาโจมตีอิสราเอล และยึดครองเมืองแห่งต้นอินทผลัมได้ 14 ชาวอิสราเอลต้องขึ้นกับกษัตริย์เอกโลนแห่งโมอับเป็นเวลาสิบแปดปี 15 อิสราเอลร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกครั้งหนึ่ง […]
ผู้วินิจฉัย 4
เดโบราห์ 1 หลังจากเอฮูดสิ้นชีวิตแล้ว ชนอิสราเอลทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงขายพวกเขาให้กษัตริย์ยาบินแห่งคานาอันผู้ปกครองในฮาโซร์ แม่ทัพของกษัตริย์ยาบินคือสิเสราซึ่งอาศัยอยู่ที่ฮาโรเชธฮาโกยิม 3 อิสราเอลได้ร้องทูลขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยพวกเขาเพราะว่ากษัตริย์ยาบินมีรถรบเหล็กเก้าร้อยคัน และได้กดขี่ข่มเหงอิสราเอลอย่างโหดร้ายอยู่ถึงยี่สิบปี 4 ผู้นำของอิสราเอลในครั้งนั้นคือ ผู้เผยพระวจนะหญิงเดโบราห์ภรรยาของลัปปิโดท 5 นางเปิดศาลตัดสินอยู่ใต้ต้นอินทผลัมแห่งเดโบราห์ ซึ่งอยู่ระหว่างรามาห์กับเบธเอลในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม ชาวอิสราเอลพากันมาให้นางตัดสินข้อพิพาท 6 เดโบราห์ส่งคนไปตามตัวบาราคบุตรอาบีโนอัมจากเคเดชในเขตนัฟทาลีมาพบ นางกล่าวกับบาราคว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงบัญชาท่านว่า ‘จงยกพลหนึ่งหมื่นคนจากเผ่านัฟทาลีกับเผ่าเศบูลุนไปยังภูเขาทาโบร์ 7 เราจะล่อสิเสราแม่ทัพของกษัตริย์ยาบินพร้อมด้วยรถม้าศึกและกองทหารของเขามาที่แม่น้ำคีโชน และมอบเขาไว้ในมือของเจ้า’ ” 8 บาราคตอบว่า “ถ้าท่านไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไป แต่หากท่านไม่ไปกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะไม่ไป” 9 เดโบราห์จึงตอบว่า “ตกลง เราจะไปกับท่าน แต่เพราะท่านเลือกวิธีนี้ท่านจะไม่ได้รับเกียรติ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงมอบสิเสราไว้ในมือผู้หญิงคนหนึ่ง” ดังนั้นนางกับบาราคจึงเดินทางไปเคเดช 10 บาราคเกณฑ์ชายหนึ่งหมื่นคนจากเผ่าเศบูลุนและนัฟทาลีที่เคเดชให้ติดตามเขาไปและเดโบราห์ก็ไปด้วย 11 ฝ่ายเฮเบอร์ชาวเคไนต์ ซึ่งเป็นลูกหลานของโฮบับพี่น้องของภรรยาของโมเสส ได้แยกออกจากวงศ์วานของตน มาตั้งเต็นท์อยู่ที่ต้นไม้ใหญ่แห่งศาอานันนิมใกล้เคเดช 12 เมื่อสิเสราได้ข่าวว่าบาราคบุตรอาบีโนอัมมาที่ภูเขาทาโบร์ 13 สิเสราก็รวมพลทั้งหมดและรถรบเหล็กเก้าร้อยคันจากฮาโรเชธฮาโกยิมมายังแม่น้ำคีโชน 14 เดโบราห์จึงกล่าวแก่บาราคว่า “จงไปเถิด! วันนี้เป็นวันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบสิเสราไว้ในมือของท่านองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำหน้าท่านไปไม่ใช่หรือ?” ดังนั้นบาราคจึงนำพลหนึ่งหมื่นคนลงจากภูเขาทาโบร์เข้าประจัญบาน 15 […]
ผู้วินิจฉัย 5
บทเพลงของเดโบราห์ 1 ในวันนั้นเดโบราห์กับบาราคบุตรอาบีโนอัมร้องเพลงบทนี้ว่า 2 “สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า! เมื่อเหล่าเจ้านายในอิสราเอลนำหน้า เมื่อเหล่าประชากรเต็มใจอุทิศตน 3 “ฟังเถิด กษัตริย์ทั้งหลาย! ฟังเถิด บรรดาเจ้านาย! ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสดุดีแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพเจ้าจะขับร้อง จะบรรเลงเพลงถวายพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 4 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อพระองค์เสด็จออกมาจากเสอีร์ เมื่อทรงยาตราจากดินแดนเอโดม โลกก็สั่นสะท้าน ท้องฟ้าหลั่งริน เมฆเทฝนลงมา 5 ภูเขาสะเทือนเลื่อนลั่นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้แต่ภูเขาซีนายก็สั่นคลอนต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล 6 “ในยุคของชัมการ์บุตรอานาท ในสมัยของยาเอลถนนหนทางถูกทิ้งร้าง ผู้สัญจรไปมาใช้เส้นทางคดเคี้ยว 7 วิถีชาวบ้านในอิสราเอลก็หยุดลง หยุดจนกระทั่งข้าพเจ้าเดโบราห์ขึ้นมา ดั่งมารดาคนหนึ่งของอิสราเอล 8 เมื่อพวกเขาเลือกพระอื่นๆ สงครามก็มาประชิดประตูเมือง และไม่มีโล่ไม่มีหอกให้เห็นเลย ท่ามกลางชายฉกรรจ์สี่หมื่นคนในอิสราเอล 9 จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมบรรดาเจ้านายของอิสราเอล และเหล่าอาสาสมัครในหมู่ประชาชน สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า! 10 “ท่านผู้ขี่ลาสีขาว นั่งอยู่บนอานพรม และท่านผู้เดินตามถนน จงใคร่ครวญ 11 เสียงของเหล่านักร้องที่แหล่งน้ำ เขาเล่าขานถึงพระราชกิจอันชอบธรรมขององค์พระผู้เป็นเจ้า ถึงพันธกิจอันชอบธรรมของนักรบของพระองค์ในอิสราเอล “แล้วชนชาติขององค์พระผู้เป็นเจ้า ลงมาที่ประตูเมือง 12 ‘ตื่นเถิดเดโบราห์เอ๋ย ตื่นขึ้นเถิด! ตื่นเถิด […]
ผู้วินิจฉัย 6
กิเดโอน 1 ต่อมาชนอิสราเอลก็ทำชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก และพระองค์ทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของชาวมีเดียนเป็นเวลาเจ็ดปี 2 เพราะว่าชาวมีเดียนมีกำลังเข้มแข็งและโหดร้าย จนชาวอิสราเอลต้องหนีไปหาที่หลบซ่อนอยู่ในโพรงตามภูเขา ในถ้ำ และที่มั่นต่างๆ 3 เมื่อใดก็ตามที่ชนอิสราเอลหว่านพืช ชาวมีเดียน ชาวอามาเลข และชนชาติอื่นๆ ทางตะวันออกจะพากันมาบุกรุกพื้นที่ 4 พวกเขามาตั้งค่ายและทำลายพืชพันธุ์ตลอดทางไปถึงกาซา ไม่เหลือสิ่งมีชีวิตสักอย่างเดียวให้ชนอิสราเอล ไม่ว่าแกะ วัว หรือลา 5 พวกเขากรูเข้ามาพร้อมกับฝูงสัตว์ เต็นท์ของเขาเหมือนตั๊กแตนฝูงมหึมา ทั้งคนทั้งอูฐนับไม่ถ้วน พวกเขาบุกรุกเข้ามาเพื่อทำลายล้างดินแดน 6 ชาวมีเดียนทำให้ชนอิสราเอลสิ้นเนื้อประดาตัว จนต้องร้องทูลให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วย 7 เมื่อชนอิสราเอลร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะคนมีเดียน 8 พระองค์ทรงส่งผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งมาแจ้งว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เราได้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์ ออกจากแดนทาส 9 เรากอบกู้เจ้าจากอำนาจของอียิปต์ จากเงื้อมมือของบรรดาผู้ที่กดขี่ข่มเหงเจ้า เราขับไล่ศัตรูออกไปต่อหน้าเจ้า ยกดินแดนของเขาให้เจ้า 10 เราบอกเจ้าว่า ‘เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า อย่ากราบไหว้พระต่างๆ ของชาวอาโมไรต์ในดินแดนซึ่งเจ้าอาศัยอยู่’ แต่เจ้าก็ไม่ฟังเรา” 11 ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามานั่งอยู่ใต้ต้นโอ๊กในโอฟราห์ ซึ่งเป็นที่ดินของโยอาชตระกูลอาบีเอเซอร์ กิเดโอนบุตรโยอาชกำลังนวดข้าวสาลีอยู่ในบ่อย่ำองุ่น เพื่อให้พ้นจากสายตาชาวมีเดียน 12 ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏแก่กิเดโอนและกล่าวว่า “นักรบผู้เกรียงไกรเอ๋ยองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับท่าน” […]
ผู้วินิจฉัย 7
รบชนะชาวมีเดียน 1 ในเวลาเช้าตรู่เยรุบบาอัล (คือกิเดโอน) และคนของเขาทั้งหมดออกมาตั้งค่ายที่น้ำพุฮาโรด ค่ายของชาวมีเดียนตั้งอยู่ทางเหนือของพวกเขาในหุบเขาซึ่งใกล้เนินเขาโมเรห์ 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า “เจ้ามีกำลังพลมากเกินไป เราจะไม่ให้เจ้าชนะชาวมีเดียนด้วยคนมากมายขนาดนี้ เพื่อชาวอิสราเอลจะได้ไม่อวดอ้างกับเราว่าพวกเขากอบกู้ตนเองโดยอาศัยกำลังของพวกเขา 3 จงประกาศแก่คนทั้งปวงว่า ‘ผู้ใดหวาดกลัว จงหันกลับและไปจากภูเขากิเลอาดเถิด’ ” ฉะนั้นจึงมี 22,000 คนกลับบ้าน เหลืออยู่หนึ่งหมื่นคน 4 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า “ยังมีคนมากเกินไป จงพาพวกเขาลงไปที่แหล่งน้ำ เราจะเลือกพวกเขาที่นั่น ถ้าเราบอกว่า ‘คนนี้จะไปกับเจ้า’ เขาก็จะไป แต่ถ้าเราบอกว่า ‘คนนี้จะไม่ไปกับเจ้า’ เขาก็จะไม่ไป” 5 ฉะนั้นกิเดโอนจึงนำคนของเขาลงมาที่ริมน้ำองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเขาที่นั่นว่า “จงแยกคนที่เลียน้ำกินเหมือนสุนัขออกจากคนที่คุกเข่าลงดื่มน้ำ” 6 มีเพียงสามร้อยคนที่เอามือวักน้ำขึ้นเลียนอกนั้นคุกเข่าลงดื่มน้ำ 7 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า “เราจะช่วยกู้เจ้าและมอบชาวมีเดียนไว้ในเงื้อมมือของเจ้าด้วยคนสามร้อยคนนี้ ให้คนอื่นกลับบ้านไปให้หมด” 8 ดังนั้นกิเดโอนจึงส่งชาวอิสราเอลที่เหลือกลับไปยังเต็นท์ของตน แต่เอาสามร้อยคนและเอาเสบียงอาหารกับแตรของคนที่กลับบ้านไว้ ฝ่ายชาวมีเดียนตั้งค่ายพักอยู่ในหุบเขาเบื้องล่าง 9 ในคืนนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับกิเดโอนว่า “จงลุกขึ้น จงไปต่อสู้กับค่ายนั้น เพราะว่าเรากำลังจะมอบเขาไว้ในมือของเจ้า 10 แต่หากเจ้าหวาดกลัว ไม่กล้าโจมตี จงลงไปที่ค่ายของชาวมีเดียนพร้อมกับปูราห์คนรับใช้ของเจ้า 11 แล้วจงฟังสิ่งที่พวกเขากำลังพูดกัน หลังจากนั้นเจ้าจะมีกำลังใจที่จะเข้าโจมตีค่าย” […]
ผู้วินิจฉัย 8
เศบาห์และศัลมุนนา 1 คนเผ่าเอฟราอิมมาถามกิเดโอนว่า “ทำไมจึงทำกับเราอย่างนี้? ทำไมท่านไม่เรียกเราเมื่อไปรบกับชาวมีเดียน?” แล้วพวกเขาก็ต่อว่ากิเดโอนอย่างรุนแรง 2 แต่เขาตอบคนเหล่านั้นว่า “ความสำเร็จของข้าพเจ้าเทียบกับสิ่งที่ท่านทำได้หรือ? ผลองุ่นที่เอฟราอิมเก็บตกได้ก็ยังดีกว่าผลองุ่นที่อาบีเอเซอร์เก็บได้อย่างเต็มที่ไม่ใช่หรือ? 3 พระเจ้าทรงมอบโอเรบและเศเอบซึ่งเป็นผู้นำมีเดียนไว้ในมือของท่าน สิ่งที่ข้าพเจ้าทำเทียบกับท่านได้หรือ?” เมื่อได้ฟังดังนั้น พวกเขาจึงค่อยหายขุ่นเคือง 4 กิเดโอนกับคนของเขาสามร้อยคนข้ามแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาต่างก็อ่อนเพลีย แต่ยังคงรุกไล่ชาวมีเดียนอยู่ 5 กิเดโอนกล่าวกับชาวเมืองสุคคทว่า “โปรดให้เสบียงแก่ทหารของข้าพเจ้าบ้างเถิด พวกเขาอิดโรยมาก และข้าพเจ้าก็ยังตามล่ากษัตริย์เศบาห์กับกษัตริย์ศัลมุนนาของชาวมีเดียนอยู่” 6 แต่เจ้าหน้าที่ของเมืองสุคคทกล่าวว่า “ท่านจับตัวกษัตริย์เศบาห์กับกษัตริย์ศัลมุนนาได้อย่างนั้นหรือ? เรื่องอะไรที่เราจะต้องให้เสบียงแก่ทหารของท่านเล่า?” 7 กิเดโอนจึงตอบว่า “ถ้าท่านกล่าวเช่นนี้แล้ว เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบกษัตริย์เศบาห์และกษัตริย์ศัลมุนนาไว้ในมือของเรา เราจะฉีกเนื้อพวกท่านด้วยหนามทะเลทราย” 8 จากที่นั่นกิเดโอนขึ้นไปที่เปนีเอลและขอเสบียงอาหารเช่นกัน แต่ได้รับคำตอบอย่างเดียวกับที่ได้รับจากชาวเมืองสุคคท 9 เขาจึงกล่าวกับชาวเปนีเอลว่า “เมื่อเรารบชนะกลับมา เราจะรื้อหอคอยนี้ทิ้ง” 10 ขณะนั้นกษัตริย์เศบาห์กับกษัตริย์ศัลมุนนาและกองทหารที่เหลือราว 15,000 คนอยู่ที่คารโคร์ ซึ่งเป็นจำนวนคนที่เหลือทั้งหมดจากทัพพันธมิตรของฟากตะวันออก เพราะพลดาบถูกฆ่าตายถึง 120,000 คน 11 กิเดโอนขึ้นไปตามเส้นทางของคนเร่ร่อนทางตะวันออกของโนบาห์และโยกเบฮาห์ บุกโจมตีโดยที่ศัตรูไม่คาดคิด 12 กษัตริย์เศบาห์และกษัตริย์ศัลมุนนาแห่งมีเดียนหลบหนีไป แต่กิเดโอนตามจับตัวมาได้ และรุกไล่กองกำลังทั้งหมดแตกพ่ายไป […]
ผู้วินิจฉัย 9
อาบีเมเลค 1 อาบีเมเลคบุตรเยรุบบาอัลไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องฝ่ายมารดาที่เชเคม และกล่าวกับพวกเขาพร้อมทั้งคนในตระกูลของมารดาว่า 2 “จงถามชาวเมืองเชเคมทั้งปวงว่า ‘สำหรับท่านแล้วอะไรจะดีกว่ากันระหว่างการให้บุตรชายของเยรุบบาอัลทั้งเจ็ดสิบคนปกครอง หรือให้ชายเพียงคนเดียวปกครองท่าน?’ อย่าลืมว่าข้าพเจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน” 3 เมื่อญาติพี่น้องเล่าคำกล่าวนี้แก่ชาวเมืองเชเคม พวกเขาก็เอนเอียงอยากติดตามอาบีเมเลคเพราะพวกพี่น้องกล่าวว่า “เขาเป็นพี่น้องของเรา” 4 พวกเขานำเงินหนัก 70 เชเขลจากวิหารของพระบาอัลเบรีทมามอบแก่อาบีเมเลค ซึ่งนำเงินไปว่าจ้างนักเลงไว้ติดตามตน 5 อาบีเมเลคไปยังบ้านของบิดาที่โอฟราห์ และเขาได้สังหารพี่น้องร่วมบิดาทั้งเจ็ดสิบคนบนศิลาแห่งหนึ่ง ยกเว้นโยธามลูกชายคนสุดท้องของเยรุบบาอัลซึ่งหนีไปซ่อนตัวทัน 6 จากนั้นชาวเมืองเชเคมและเบธมิลโลก็มาชุมนุมกันข้างๆ ต้นไม้ใหญ่ที่เสาหินในเชเคมเพื่อแต่งตั้งอาบีเมเลคเป็นกษัตริย์ 7 เมื่อโยธามได้ยินเรื่องนี้ ก็ปีนขึ้นไปบนยอดเขาเกริซิมและตะโกนบอกพวกเขาว่า “พี่น้องชาวเมืองเชเคม จงฟังข้าพเจ้า เพื่อพระเจ้าจะทรงฟังพวกท่าน 8 วันหนึ่งต้นไม้ทั้งหลายออกไปเจิมตั้งกษัตริย์สำหรับพวกตน ต้นไม้ทั้งหลายกล่าวกับต้นมะกอกว่า ‘เชิญมาเป็นกษัตริย์ของเรา’ 9 “แต่ต้นมะกอกตอบว่า ‘ควรหรือที่ข้าพเจ้าจะทิ้งน้ำมันของข้าพเจ้าที่ใช้ให้เกียรติทั้งพระและมนุษย์ เพื่อไปแกว่งไกวเหนือต้นไม้ทั้งปวง?’ 10 “แล้วต้นไม้ทั้งหลายก็ไปพูดกับต้นมะเดื่อว่า ‘เชิญมาเป็นกษัตริย์ของเราเถิด’ 11 “แต่ต้นมะเดื่อตอบว่า ‘ควรหรือที่ข้าพเจ้าจะทิ้งผลอันงามและหวานฉ่ำ เพื่อไปแกว่งไกวเหนือต้นไม้ทั้งปวง?’ 12 “แล้วต้นไม้ทั้งหลายจึงกล่าวกับเถาองุ่นว่า ‘เชิญมาเป็นกษัตริย์ของเราเถิด’ 13 “แต่เถาองุ่นตอบว่า ‘ควรหรือที่ข้าพเจ้าจะเลิกผลิตเหล้าองุ่นซึ่งให้ความชื่นใจแก่ทั้งพระและมนุษย์ เพื่อไปแกว่งไกวเหนือต้นไม้ทั้งปวง?’ 14 “ในที่สุดต้นไม้ทั้งหลายจึงกล่าวกับพุ่มหนามว่า […]
ผู้วินิจฉัย 10
โทลา 1 หลังจากยุคของอาบีเมเลค ก็มีโทลาบุตรปูอาห์หลานโดโดจากตระกูลอิสสาคาร์ขึ้นมาช่วยกอบกู้อิสราเอล เขาอาศัยอยู่ที่ชามีร์ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม 2 โทลาวินิจฉัยอิสราเอลอยู่ 23 ปี เมื่อเขาสิ้นชีวิตก็ถูกฝังไว้ที่ชามีร์ ยาอีร์ 3 แล้วยาอีร์แห่งกิเลอาดดำรงตำแหน่งสืบต่อมา เขาวินิจฉัยอิสราเอลอยู่ 22 ปี 4 เขามีบุตรชายสามสิบคน พวกเขาขี่ลาคนละตัวและครองเมืองสามสิบเมืองในดินแดนกิเลอาด ซึ่งยังคงเรียกกันว่าฮัฟโวทยาอีร์จนถึงทุกวันนี้ 5 เมื่อยาอีร์สิ้นชีวิตก็ถูกฝังไว้ที่คาโมน เยฟธาห์ 6 แล้วอิสราเอลทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าอีก พวกเขาปรนนิบัติพระบาอัล พระอัชโทเรท และพระต่างๆ ของชาวอารัม ไซดอน โมอับ อัมโมน และฟีลิสเตีย เนื่องจากอิสราเอลละทิ้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ปรนนิบัติพระองค์อีกต่อไป 7 พระองค์จึงทรงพระพิโรธพวกเขา ทรงขายพวกเขาให้ตกอยู่ในมือของชาวฟีลิสเตียและชาวอัมโมน 8 ผู้ซึ่งเข้ามาบดขยี้พวกเขาในปีนั้น ตลอดสิบแปดปีคนเหล่านั้นมากดขี่ข่มเหงอิสราเอลทั้งปวงทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในกิเลอาดซึ่งเป็นดินแดนของชาวอาโมไรต์ 9 ชาวอัมโมนยังข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาสู้รบกับยูดาห์ เบนยามิน และเผ่าเอฟราอิมด้วย อิสราเอลทุกข์แสนสาหัส 10 แล้วชนชาติอิสราเอลร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์ โดยละทิ้งพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายและไปปรนนิบัติพระบาอัล” 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “เมื่อชาวอียิปต์ อาโมไรต์ อัมโมน ฟีลิสเตีย […]