ปัญญาจารย์ 1

ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง 1 ถ้อยคำของปัญญาจารย์กษัตริย์ในเยรูซาเล็ม เชื้อสายดาวิด 2 ปัญญาจารย์กล่าวว่า “อนิจจัง! อนิจจัง! อนิจจังแท้ๆ! ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง” 3 มนุษย์ได้ประโยชน์อะไรจากการงานทั้งสิ้น ที่เขาตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์? 4 คนรุ่นหนึ่งผ่านมาแล้วอีกรุ่นหนึ่งผ่านไป แต่โลกยังคงอยู่ตลอดกาล 5 ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วก็ลับไป และรีบวนมาขึ้นที่เดิมอีก 6 ลมพัดไปทางใต้แล้ว กลับมาทางเหนือ มันพัดวนไปเวียนมา เป็นวัฏจักร 7 แม่น้ำไหลลงสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เคยอิ่ม และน้ำกลับไปสู่แม่น้ำอีกครั้ง แล้วไหลลงสู่มหาสมุทรอยู่ร่ำไป 8 ทุกสิ่งทุกอย่างอ่อนระโหย เกินที่จะบรรยาย ไม่ว่าเห็นสักเท่าไร เราก็ไม่อิ่ม ไม่ว่าได้ยินสักแค่ไหน เราก็ไม่จุใจ 9 อะไรที่เกิดขึ้นแล้วก็เกิดขึ้นอีก สิ่งที่ทำไปแล้วก็ทำกันอีก ไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์ 10 อะไรบ้างที่เราจะบอกได้ว่า “ดูเถิด นี่เป็นสิ่งใหม่” เพราะมันมีมาตั้งนานแล้ว มีมาตั้งแต่ก่อนยุคสมัยของเรา 11 ไม่มีการระลึกถึงคนรุ่นก่อน และแม้แต่คนรุ่นที่กำลังจะเกิดมา คนรุ่นต่อจากเขา ก็ยังไม่ระลึกถึงพวกเขา สติปัญญาอนิจจัง 12 ข้าพเจ้าปัญญาจารย์ เป็นกษัตริย์ปกครองอิสราเอลอยู่ในเยรูซาเล็ม […]

ปัญญาจารย์ 2

ความสนุกสนานเพลิดเพลินก็อนิจจัง 1 ข้าพเจ้าคิดในใจว่า “งั้นมาเถอะ รื่นเริง สนุกสนาน บันเทิงใจเพื่อค้นหาสิ่งดีๆ” แต่ก็พบว่า นี่ก็อนิจจังอีก 2 ข้าพเจ้ากล่าวว่า “การหัวเราะก็โง่เขลา ความสนุกสนานเพลิดเพลินให้ประโยชน์อะไรบ้าง?” 3 ข้าพเจ้าพยายามทำตัวให้เบิกบานด้วยเหล้าองุ่นและทำอะไรโง่ๆ แต่จิตใจก็ยังนำข้าพเจ้าไว้ด้วยสติปัญญา ข้าพเจ้าอยากจะดูว่าอะไรบ้างที่มีคุณค่าซึ่งมนุษย์ควรจะทำกันใต้ฟ้าสวรรค์ในชั่วอายุสั้นๆ ของตน 4 ข้าพเจ้าดำเนินโครงการใหญ่ๆ คือ สร้างบ้านให้ตัวเองหลายหลัง ทำสวนองุ่นหลายแห่ง 5 สร้างสวนหย่อนใจและปลูกผลไม้นานาชนิดในสวนเหล่านั้น 6 ทำแหล่งเก็บน้ำ ส่งน้ำไปรดแมกไม้ที่กำลังงอกงาม 7 ข้าพเจ้าซื้อทาสชายหญิงและมีทาสอื่นๆ อีกที่ถือกำเนิดในครัวเรือน ข้าพเจ้ามีฝูงสัตว์มากกว่าใครๆ ในเยรูซาเล็มซึ่งอยู่มาก่อนข้าพเจ้า 8 ข้าพเจ้าสะสมเงินทองไว้สำหรับตัวเอง ทั้งยังได้รับเครื่องบรรณาการจากกษัตริย์และแว่นแคว้นต่างๆ ข้าพเจ้าจัดให้มีนักร้องชายหญิง และมีฮาเร็มอันเป็นสิ่งถูกใจผู้ชาย 9 ข้าพเจ้ากลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่กว่าใครๆ ในเยรูซาเล็มก่อนหน้าข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีสติปัญญาอยู่กับตัวในทุกสิ่งเหล่านี้ 10 ตาอยากดูอะไร ข้าพเจ้าก็ไม่ปฏิเสธตัวเอง ใจอยากสนุกอย่างไร ข้าพเจ้าก็ไม่ห้าม ข้าพเจ้าชื่นชมผลงานทั้งปวงของตน และนี่เป็นรางวัลจากการลงทุนลงแรงของข้าพเจ้า 11 ถึงกระนั้นเมื่อข้าพเจ้าสำรวจดูทุกสิ่งที่ทำไป และที่ตรากตรำเพื่อให้ได้มา ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม ไม่ก่อประโยชน์อะไรขึ้นมาภายใต้ดวงอาทิตย์ […]

ปัญญาจารย์ 3

มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง 1 มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง มีกำหนดเวลาสำหรับกิจกรรมทุกอย่าง ภายใต้ฟ้าสวรรค์นี้ 2 มีเวลาเกิด เวลาตาย เวลาปลูก เวลาถอน 3 เวลาฆ่า เวลาเยียวยารักษา เวลารื้อถอน เวลาสร้างขึ้นใหม่ 4 เวลาร้องไห้ เวลาหัวเราะ เวลาไว้ทุกข์ เวลาเต้นรำ 5 เวลาโยนก้อนหิน เวลาเก็บรวบรวมก้อนหิน เวลาโอบกอด เวลาหันหนี 6 เวลาค้นหา เวลาเลิกรา เวลาทะนุถนอม เวลาเหวี่ยงทิ้งไป 7 เวลาฉีกขาด เวลาซ่อมแซม เวลานิ่งเงียบ เวลาพูดจา 8 เวลารัก เวลาเกลียด เวลาสงคราม เวลาสันติ 9 คนเราได้อะไรจากการตรากตรำทำงานหรือ? 10 ข้าพเจ้าเห็นภาระซึ่งพระเจ้าทรงวางไว้บนมนุษย์ 11 พระองค์ทรงทำให้ทุกสิ่งงดงามตามเวลาของมัน ทั้งทรงตั้งนิรันดร์กาลไว้ในจิตใจของมนุษย์ ถึงอย่างนั้นมนุษย์ก็ไม่สามารถหยั่งรู้ถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงทำตั้งแต่ต้นจนจบได้ 12 ข้าพเจ้ารู้ว่าสำหรับมนุษย์ไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำตัวให้มีความสุข และทำดีขณะยังมีชีวิตอยู่ 13 คนเราทุกคนควรกิน ดื่ม และหาความอิ่มใจในการตรากตรำทำงานทั้งสิ้น […]

ปัญญาจารย์ 4

การกดขี่ข่มเหง การตรากตรำ และการไร้ญาติขาดมิตร 1 แล้วข้าพเจ้าได้มองดูและได้เห็นการกดขี่ข่มเหงทั้งปวงซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ ข้าพเจ้าเห็นน้ำตาของคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง และไม่มีใครปลอบโยนเขา อำนาจทั้งหลายก็อยู่ในมือของคนที่กดขี่ และไม่มีใครปลอบโยนเขา 2 ข้าพเจ้าจึงประกาศว่าคนที่ตายไปแล้ว มีความสุขมากกว่าคนเป็นซึ่งยังต้องมีชีวิตอยู่ 3 แต่คนที่ยังไม่เกิดมา ที่ยังไม่เคยเห็นความชั่วร้าย ที่เขาเคยทำกันมาภายใต้ดวงอาทิตย์ ก็ยังดีกว่าคนทั้งสองจำพวกนั้น 4 และข้าพเจ้าได้เห็นว่าการงานทั้งหลายและความสำเร็จทั้งปวงเกิดขึ้นจากการอิจฉาเพื่อนบ้านด้วยกัน นี่ก็อนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม 5 คนโง่งอมืองอเท้า และทำลายตัวเอง 6 มีทรัพย์เพียงกำมือเดียวแต่มีความสงบสุข ก็ดีกว่ามีเต็มสองมือแต่ต้องตรากตรำ และวิ่งไล่ตามลม 7 ข้าพเจ้ายังเห็นความอนิจจังบางอย่างภายใต้ดวงอาทิตย์ 8 คนหนึ่งที่อยู่ตามลำพัง ไม่มีลูก ไม่มีพี่น้อง เขาตรากตรำไม่จบสิ้น ถึงอย่างนั้นตาของเขาก็ไม่พึงพอใจกับทรัพย์สมบัติที่ตนมี เขาถามตนเองว่า “ฉันจะตรากตรำไปเพื่อใคร และฉันจะทำตัวอดอยากปากแห้งไปทำไม?” นี่ก็อนิจจัง เป็นเรื่องน่าสังเวช! 9 สองคนช่วยกันทำดีกว่าทำคนเดียว เพราะจะได้ผลงานที่ดีกว่า 10 หากคนหนึ่งล้มลง เพื่อนของเขาก็สามารถพยุงเขาขึ้น แต่น่าสงสารคนที่อยู่คนเดียว เพราะเมื่อเขาล้มลงก็ไม่มีใครพยุงเขาขึ้น! 11 นอกจากนี้หากสองคนนอนด้วยกัน ก็ได้ไออุ่นจากกันและกัน แต่คนที่นอนอยู่คนเดียวจะอุ่นได้อย่างไร? 12 ตัวคนเดียวอาจถูกปราบลง […]

ปัญญาจารย์ 5

จงยำเกรงพระเจ้า 1 จงระมัดระวังแต่ละย่างก้าวเมื่อท่านไปยังพระนิเวศของพระเจ้า เข้าไปฟังใกล้ๆ ก็ดีกว่าถวายเครื่องบูชาแบบคนโง่ ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด 2 อย่าปากไว อย่าใจร้อนผลีผลาม พลั้งปากพล่อยๆ ต่อหน้าพระเจ้า พระเจ้าประทับในฟ้าสวรรค์ ส่วนท่านอยู่บนโลก ฉะนั้นจงพูดแต่น้อยคำ 3 ห่วงกังวลมากก็ฝันมาก ยิ่งพูดมากก็ยิ่งพูดโง่ๆ 4 เมื่อถวายปฏิญาณต่อพระเจ้าแล้ว จงรีบทำให้ครบถ้วน พระเจ้าไม่พอพระทัยคนโง่ จงทำตามที่ปฏิญาณไว้ 5 ไม่ปฏิญาณยังดีกว่าปฏิญาณแล้วไม่ทำให้ครบถ้วน 6 อย่าให้ปากพาตัวหลงทำบาป และอย่าแก้ตัวกับผู้สื่อสารของพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเผลอปฏิญาณไป” จะให้พระเจ้าทรงพระพิโรธวาจาของท่านและทำลายกิจการจากน้ำมือของท่านทำไมเล่า? 7 ฝันมากและพูดมากก็อนิจจัง ดังนั้นจงยำเกรงพระเจ้าเถิด ความร่ำรวยก็อนิจจัง 8 หากท่านเห็นคนจนในเมืองถูกข่มเหงรังแกและเห็นความยุติธรรมและสิทธิถูกละเลยในที่ใดก็ตาม อย่าฉงนสนเท่ห์เลย เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ที่อยู่เหนือเขาและเหนือกว่านั้นขึ้นไปก็ยังมีผู้บังคับบัญชาสูงขึ้นไปอีก 9 ทุกคนฉวยเอาผลิตผลจากแผ่นดิน กษัตริย์เองทรงได้ประโยชน์จากเรือกสวนไร่นา 10 ผู้รักเงินย่อมไม่อิ่มด้วยเงิน ผู้รักสมบัติไม่เคยอิ่มด้วยรายได้ นี่ก็อนิจจัง 11 เมื่อมีข้าวของเพิ่มขึ้น ก็เพิ่มคนบริโภค คนที่เป็นเจ้าของจะได้ประโยชน์อะไร นอกจากชมเล่นเป็นขวัญตา? 12 กรรมกรนอนหลับสบาย ไม่ว่าเขาได้กินมากหรือกินน้อย แต่ข้าวของเหลือเฟือของคนรวย ไม่ช่วยให้เขาหลับได้ 13 […]

ปัญญาจารย์ 6

1 ข้าพเจ้าเห็นความเลวร้ายอีกอย่างหนึ่งภายใต้ดวงอาทิตย์ ซึ่งหนักหนาสาหัสสำหรับมนุษย์ 2 คือพระเจ้าประทานความมั่งคั่ง ทรัพย์สมบัติ และเกียรติแก่บางคน จนเขามีทุกสิ่งที่ใจปรารถนา แต่พระเจ้าไม่ได้ให้เขาชื่นชมสิ่งเหล่านั้น กลับมีคนแปลกหน้ามาชื่นชมแทน นี่ก็อนิจจัง เป็นความเลวร้ายที่น่าสลดใจ 3 บางคนอาจมีลูกหลานนับร้อยและมีอายุยืน แต่ไม่ว่าจะอายุยืนแค่ไหน ถ้าไม่สามารถชื่นชมความรุ่งเรืองของตน และไม่ได้รับการจัดงานศพอย่างสมเกียรติแล้ว ข้าพเจ้าขอบอกว่าทารกที่ตายตั้งแต่เกิดยังดีกว่าเขาเสียอีก 4 ทารกนั้นเกิดมาอย่างไร้ความหมาย จากไปในความมืด และชื่อนั้นถูกคลุมไว้ในความมืด 5 แม้ไม่เคยเห็นแสงตะวัน ไม่รับรู้สิ่งใด ก็ยังได้พักสงบมากกว่าเขา 6 ต่อให้เขามีอายุยืนพันปีทวีเท่า แต่ไม่ได้ชื่นชมกับความเจริญรุ่งเรืองของตน ทุกคนล้วนไปยังที่เดียวกันไม่ใช่หรือ? 7 ทุกคนลงทุนลงแรงก็เพื่อปากท้อง กระนั้นความอยากของเขาก็ไม่เคยอิ่ม 8 คนฉลาดได้เปรียบอะไรกว่าคนโง่? คนยากจนแม้รู้ว่าควรประพฤติปฏิบัติอย่างไรต่อหน้าคนอื่นๆ ก็จะได้ประโยชน์อะไรเล่า? 9 มีเท่าที่ตาเห็นก็ดีกว่าเที่ยวอยากได้ไปเรื่อย นี่ก็อนิจจัง วิ่งไล่ตามลม 10 สิ่งใดๆ ที่มีอยู่ล้วนถูกระบุชื่อไว้ก่อนแล้ว และมนุษย์เป็นอะไรก็รู้กันอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถขัดขืนต่อสู้ กับผู้ที่แข็งแรงกว่าตน 11 ยิ่งพูดหลายคำ ยิ่งลดทอนความหมาย แล้วนั่นจะเป็นประโยชน์กับใคร? 12 เพราะใครเล่าจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับมนุษย์ในช่วงชีวิตอันสั้นและคืนวันอันอนิจจังซึ่งผ่านพ้นไปเหมือนเงา? ใครจะบอกเขาได้ว่าหลังจากเขาจากไปแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างภายใต้ดวงอาทิตย์? —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/6-af60b54411c5681a71bc60a1ce0d7441.mp3?version_id=179—

ปัญญาจารย์ 7

สติปัญญา 1 ชื่อเสียงดีมีค่ายิ่งกว่าน้ำหอมราคาแพง และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด 2 ไปบ้านที่มีการไว้ทุกข์ ก็ดีกว่าไปบ้านที่มีงานเลี้ยง เพราะความตายเป็นจุดหมายปลายทางของทุกคน ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ควรใส่ใจในข้อนี้ 3 โศกเศร้าดีกว่าหัวเราะ เพราะใบหน้าโศกเศร้านั้นเป็นผลดีต่อจิตใจ 4 ใจแบบคนฉลาดพบได้ในบ้านที่มีความโศกเศร้า แต่ใจแบบคนโง่พบได้ในบ้านที่มีความรื่นเริง 5 ฟังคำตำหนิของคนฉลาด ดีกว่าฟังคนโง่ร้องเพลงสรรเสริญเยินยอ 6 เสียงหัวเราะของคนโง่ ก็เหมือนเสียงแตกปะทุของหนามในไฟใต้หม้อ นี่ก็อนิจจัง 7 เมื่อคนฉลาดกดขี่ผู้อื่น เขาก็ทำตัวเหมือนคนโง่ และเมื่อรับสินบน ก็ทำให้ชีวิตเสื่อมทราม 8 ตอนจบดีกว่าตอนเริ่ม ความอดทนอดกลั้นดีกว่าความหยิ่งจองหอง 9 อย่าปล่อยให้ใจของเจ้าโกรธเร็ว เพราะความโกรธอยู่ในใจของคนโง่ 10 อย่าถามว่า “ทำไมสมัยก่อนดีกว่าเดี๋ยวนี้?” เพราะนั่นไม่ใช่คำถามที่ฉลาดเลย 11 สติปัญญาเป็นสิ่งดีเช่นเดียวกับมรดก เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เห็นตะวัน 12 สติปัญญาเป็นที่พักพิง เช่นเดียวกับเงิน แต่ข้อได้เปรียบของความรู้ก็คือ สติปัญญาสงวนชีวิตของผู้มีปัญญาไว้ 13 จงพิเคราะห์ดูพระราชกิจของพระเจ้า สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำให้คด ใครจะเหยียดให้ตรงได้? 14 จงสุขใจในยามดี แต่เมื่อถึงยามทุกข์ยากก็จงใคร่ครวญ พระเจ้าทรงบันดาลทั้งยามดีและยามร้าย มนุษย์จึงไม่สามารถรู้อะไรเลยเกี่ยวกับอนาคตของตน 15 […]

ปัญญาจารย์ 8

1 ใครเล่าเสมอเหมือนคนฉลาด? ใครเล่ารู้คำอธิบายของสิ่งต่างๆ? สติปัญญาทำให้หน้าตาของคนเราแจ่มใส และทำให้สีหน้าแข็งกระด้างเปลี่ยนไป เชื่อฟังกษัตริย์ 2 จงเชื่อฟังพระบัญชาของกษัตริย์ เพราะท่านได้ปฏิญาณไว้ต่อหน้าพระเจ้าแล้ว 3 อย่าหุนหันออกไปให้พ้นพระพักตร์กษัตริย์ อย่ายืนหยัดปกป้องสิ่งที่ไม่ดี เพราะพระองค์จะทรงกระทำสิ่งใดก็ได้ตามแต่ชอบพระทัย 4 เนื่องจากพระดำรัสของกษัตริย์มีอำนาจสูงสุด ใครจะแย้งพระองค์ได้ว่า “พระองค์ทรงทำอะไรเช่นนั้น?” 5 ผู้ใดเชื่อฟังคำบัญชาของพระองค์จะไม่ประสบอันตราย จิตใจของคนมีปัญญาจะรู้โอกาสและวิธีการอันเหมาะอันควร 6 เพราะมีโอกาสและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับทุกสิ่ง แม้ว่าความทุกข์ยากของมนุษย์จะถาโถมเข้าใส่เขาอย่างหนักหน่วงก็ตาม 7 เนื่องจากไม่มีมนุษย์คนใดหยั่งรู้อนาคต ใครเล่าจะสามารถบอกได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น? 8 ไม่มีใครฉุดรั้งจิตวิญญาณไว้ได้ฉันใด ก็ไม่มีใครมีอำนาจเหนือวันตายฉันนั้น ยามสงครามไม่มีการปลดประจำการฉันใด ความชั่วร้ายก็จะไม่ยอมปล่อยคนชั่วฉันนั้น 9 ข้าพเจ้าเห็นมาหมดแล้ว เมื่อใส่ใจกับทุกสิ่งที่ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ ก็พบว่าบางครั้งมีคนขึ้นมามีอำนาจเหนือผู้อื่น แต่กลับเป็นภัยแก่ตน 10 และข้าพเจ้าก็เห็นบรรดาคนชั่วร้ายถูกฝัง ผู้ซึ่งเข้าออกในสถานบริสุทธิ์และได้รับการยกย่องในนครซึ่งเขาทำชั่วนั่นแหละ นี่ก็อนิจจัง 11 เมื่ออาชญากรยังไม่ได้ถูกตัดสินลงโทษ จิตใจของผู้คนก็เต็มไปด้วยกลอุบายที่จะทำผิด 12 ถึงแม้คนชั่วจะก่อกรรมทำเข็ญเป็นร้อยครั้งและยังมีชีวิตอยู่ยืนยาว ข้าพเจ้าก็ยังรู้แน่แก่ใจว่าบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าซึ่งอยู่ต่อหน้าพระองค์ย่อมได้ดีกว่า 13 เนื่องจากคนชั่วไม่ยำเกรงพระเจ้า เขาจะไม่ได้ดีและวันคืนของเขาจะไม่ทอดยาวเหมือนเงา 14 มีสิ่งอนิจจังอีกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้คือ คนชอบธรรมรับผลที่ควรตกแก่คนชั่ว แต่คนชั่วกลับรับผลที่ควรตกแก่คนชอบธรรม ข้าพเจ้ากล่าวว่า นี่ก็อนิจจัง […]

ปัญญาจารย์ 9

จุดหมายปลายทางของทุกคน 1 ข้าพเจ้าจึงได้พิเคราะห์สิ่งทั้งปวงนี้ และสรุปว่า ทั้งคนชอบธรรมและคนฉลาดและการกระทำของพวกเขาล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า แต่ไม่มีใครรู้ว่าความรักหรือความเกลียดรอคอยเขาอยู่เบื้องหน้า 2 ทุกคนมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ไม่ว่าคนชอบธรรมหรือคนชั่ว คนดีหรือคนเลวคนไม่เป็นมลทินหรือคนเป็นมลทิน คนถวายเครื่องบูชาหรือคนไม่ถวาย สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนดีฉันใด ก็เกิดขึ้นกับคนบาปฉันนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่กล่าวคำสาบานฉันใด ก็เกิดขึ้นกับคนที่กลัวจะสาบานฉันนั้น 3 นี่เป็นสิ่งเลวร้ายในบรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ คือทุกคนมีอันเป็นไปแบบเดียวกันหมด ยิ่งกว่านั้นจิตใจของมนุษย์ยังเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและบ้าคลั่งตราบชั่วชีวิต และหลังจากนั้นเขาก็ตายตามคนอื่นไป 4 มีความหวังสำหรับคนเป็นเท่านั้นแม้แต่สุนัขเป็นๆ ก็ยังดีกว่าราชสีห์ที่ตายแล้ว! 5 เพราะอย่างน้อยคนเป็นรู้ว่าเขาจะตาย แต่คนตายไม่รู้อะไรเลย ไม่มีบำเหน็จรางวัลต่อไป ไม่มีแม้แต่ผู้ที่ระลึกถึงเขา 6 ความรัก ความเกลียด และความอิจฉาของเขา ล้วนผ่านพ้นไปนานแสนนาน และเขาไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งใดๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกต่อไป 7 ฉะนั้นไปเถิด ไปรับประทานอาหารของท่านด้วยความปีติยินดี และดื่มเหล้าองุ่นของท่านด้วยใจเปรมปรีดิ์ เพราะขณะนี้แหละที่พระเจ้าโปรดปรานสิ่งที่ท่านทำ 8 จงสวมเสื้อผ้าสีขาวเสมอและชโลมศีรษะด้วยน้ำมัน 9 จงอยู่กินกับภรรยาที่รักด้วยความชื่นชมยินดีตลอดวันคืนอนิจจัง ซึ่งพระเจ้าประทานแก่ท่านภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะนี่คือส่วนในชีวิตของท่าน และในการงานตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ 10 มือของท่านหยิบจับการใด จงทำการนั้นเต็มกำลังความสามารถเพราะในแดนมรณาที่ท่านกำลังจะไปถึงนั้น ไม่มีงาน ไม่มีการวางแผน ไม่มีความรู้หรือสติปัญญา 11 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งอื่นอีกภายใต้ดวงอาทิตย์คือ […]

ปัญญาจารย์ 10

1 แมลงวันตายทำให้น้ำหอมเหม็นคลุ้งฉันใด ความโง่เขลานิดหน่อยก็อาจบั่นทอนสติปัญญาและเกียรติฉันนั้น 2 ใจของคนฉลาดไขว่คว้าหาความถูกต้อง ส่วนใจของคนโง่เอียงไปสู่ความชั่วร้าย 3 คนโง่แม้เดินไปตามถนนหนทาง ก็ยังไม่มีสำนึก และทำให้คนดูออกว่าเขาโง่แค่ไหน 4 หากเจ้านายโกรธเคืองท่าน อย่าเพิ่งทิ้งหน้าที่ไป ความสงบสยบความผิดพลาดใหญ่หลวงได้ 5 ข้าพเจ้าได้เห็นความชั่วร้ายอีกอย่างหนึ่งภายใต้ดวงอาทิตย์ เป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากผู้ครอบครอง 6 คือให้คนโง่ได้ตำแหน่งสูง ขณะที่คนร่ำรวยอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อย 7 ข้าพเจ้าเห็นทาสนั่งบนหลังม้า ขณะที่เจ้านายเดินเท้าไปเหมือนทาส 8 คนที่ขุดหลุมอาจจะตกลงไปในหลุม คนที่รื้อกำแพงอาจจะถูกงูกัด 9 คนที่สกัดหินอาจได้รับบาดเจ็บเพราะหิน คนที่เลื่อยซุงอาจได้รับอันตรายจากซุง 10 หากขวานทื่อ และไม่ได้ลับให้คม เวลาใช้ก็ต้องออกแรงมากขึ้น แต่ความเชี่ยวชาญจะนำความสำเร็จมาให้ 11 หมองูก็ไม่มีประโยชน์ หากเขาถูกกัดก่อนที่จะสะกดมันได้ 12 ถ้อยคำของคนฉลาดนั้นน่าฟัง แต่คนโง่ย่อยยับเพราะลมปากของตัวเอง 13 พอเริ่มพูดก็แสดงความโง่ พูดจบก็ยิ่งบ้าเลวทราม 14 และต่อความยาวสาวความยืดไม่รู้จบ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครเล่าจะบอกเขาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง? 15 งานของคนโง่ทำให้เขาอ่อนระโหย เขาไม่รู้จักทางเข้าเมือง 16 วิบัติแก่เจ้า ดินแดนซึ่งมีคนรับใช้เป็นกษัตริย์ และบรรดาเจ้านายกินเลี้ยงเฮฮากันตั้งแต่เช้า 17 […]