กิจการของอัครทูต 21

ไปกรุงเยรูซาเล็ม 1 เมื่อเราแยกจากคนเหล่านั้นแล้วเราก็ออกทะเล แล่นตรงมาที่เกาะโขส ถึงเกาะโรดส์ในวันรุ่งขึ้น และจากที่นั่นมาถึงเมืองปาทารา 2 เราพบเรือลำหนึ่งกำลังข้ามไปยังเมืองฟีนิเซียจึงลงเรือลำนั้นไป 3 หลังจากเห็นเกาะไซปรัสและล่องผ่านทางใต้ของเกาะลงมาถึงแคว้นซีเรีย เรือก็เทียบท่าและขนสินค้าลงที่เมืองไทระ 4 เราพบพวกสาวกที่นั่นและพักอยู่กับพวกเขาเจ็ดวัน พวกเขารบเร้าเปาโลโดยการทรงนำของพระวิญญาณไม่ให้เขาไปกรุงเยรูซาเล็ม 5 แต่เมื่อถึงเวลาเราก็อำลาและออกเดินทางต่อ สาวกทั้งปวงตลอดจนภรรยากับลูกๆ ของพวกเขามาส่งเราออกจากเมืองและเราคุกเข่าลงอธิษฐานกันที่ชายหาด 6 หลังจากร่ำลากันแล้วเราก็ลงเรือส่วนพวกเขาก็กลับบ้าน 7 จากเมืองไทระเราเดินทางต่อมาขึ้นฝั่งที่เมืองทอเลมาอิส ที่นั่นเราได้ทักทายพวกพี่น้องและพักอยู่กับพวกเขาหนึ่งวัน 8 วันรุ่งขึ้นเราออกจากที่นั่นและมาถึงเมืองซีซารียา เราพักอยู่ที่บ้านของฟีลิปผู้ประกาศข่าวประเสริฐซึ่งเป็นหนึ่งในคณะเจ็ดคน 9 ฟีลิปมีบุตรสาวที่ยังไม่ได้สมรสสี่คนเป็นผู้พยากรณ์ 10 หลังจากเราอยู่ที่นั่นหลายวันแล้วก็มีผู้พยากรณ์คนหนึ่งชื่ออากาบัส มาจากแคว้นยูเดีย 11 เขาเข้ามาหาเรา เอาสายคาดเอวของเปาโลมัดมือมัดเท้าของตนและกล่าวว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า ‘ชาวยิวในกรุงเยรูซาเล็มจะมัดเจ้าของสายคาดเอวนี้อย่างนี้แหละและจะมอบเขาให้คนต่างชาติ’ ” 12 เมื่อได้ฟังเช่นนี้เรากับคนที่นั่นจึงอ้อนวอนเปาโลไม่ให้ไปกรุงเยรูซาเล็ม 13 เปาโลตอบว่า “พวกท่านร้องไห้และทำให้ข้าพเจ้าชอกช้ำใจทำไมเล่า? อย่าว่าแต่ถูกมัดเลย ต่อให้ต้องตายในเยรูซาเล็มเพื่อพระนามขององค์พระเยซูเจ้า ข้าพเจ้าก็พร้อมแล้ว” 14 เมื่อเขาไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามเราจึงเลิกอ้อนวอนและกล่าวว่า “ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า” 15 หลังจากนั้นเราก็เตรียมตัวและขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 16 สาวกบางคนจากเมืองซีซารียามากับเราด้วยและนำเรามาพักที่บ้านของมนาสัน เขามาจากเกาะไซปรัสและเป็นสาวกรุ่นแรกๆ เปาโลมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม 17 เมื่อเรามาถึงกรุงเยรูซาเล็มพวกพี่น้องต้อนรับเราอย่างอบอุ่น […]

กิจการของอัครทูต 22

1 “พ่อแม่พี่น้อง บัดนี้โปรดฟังคำชี้แจงของข้าพเจ้า” 2 เมื่อพวกนั้นได้ยินเขากล่าวเป็นภาษาอารเมคก็เงียบงัน แล้วเปาโลจึงกล่าวว่า 3 “ข้าพเจ้าเป็นยิว เกิดที่เมืองทาร์ซัสในแคว้นซิลีเซียแต่เติบโตขึ้นในเมืองนี้ ข้าพเจ้าเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์กามาลิเอลได้รับการอบรมสั่งสอนในด้านบทบัญญัติของบรรพบุรุษของเราเป็นอย่างดีและมีใจร้อนรนเพื่อพระเจ้าเช่นเดียวกับที่ท่านทั้งหลายเป็นอยู่ทุกวันนี้ 4 ข้าพเจ้าได้ข่มเหงบรรดาผู้ติดตาม ‘ทางนี้’ ถึงตาย ได้จับกุมทั้งชายหญิงและโยนพวกเขาเข้าคุก 5 มหาปุโรหิตกับสมาชิกสภาทั้งปวงก็เป็นพยานได้ ข้าพเจ้าถึงกับขอจดหมายจากพวกเขาเหล่านี้ไปถึงพวกพี่น้องของพวกเขาในเมืองดามัสกัส แล้วเดินทางไปที่นั่นเพื่อจับคนพวกนี้เป็นนักโทษและพามาที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อลงโทษ 6 “ประมาณเที่ยงขณะที่ข้าพเจ้ามาเกือบจะถึงเมืองดามัสกัสแล้ว ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าจากฟ้าสวรรค์ส่องแวบวาบรอบตัวข้าพเจ้า 7 ข้าพเจ้าล้มลงกับพื้นและได้ยินพระสุรเสียงตรัสกับข้าพเจ้าว่า ‘เซาโล! เซาโลเอ๋ย! เจ้าข่มเหงเราทำไม?’ 8 “ข้าพเจ้าถามว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด?’ “พระองค์ตรัสตอบว่า ‘เราคือเยซูแห่งนาซาเร็ธผู้ที่เจ้ากำลังข่มเหง’ 9 คนที่ไปกับข้าพเจ้าเห็นแสงสว่างนั้นแต่ไม่เข้าใจพระสุรเสียงที่ตรัสกับข้าพเจ้า 10 “ข้าพเจ้าทูลถามว่า ‘พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์ควรทำเช่นไร?’ “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘จงลุกขึ้น เข้าไปในเมืองดามัสกัส ที่นั่นจะมีผู้บอกให้รู้ทุกสิ่งที่เจ้าได้รับมอบหมายให้ทำ’ 11 คนที่ไปด้วยจูงมือข้าพเจ้าพาเข้าเมืองดามัสกัสเพราะแสงจ้านั้นทำให้ข้าพเจ้าตาบอด 12 “มีคนหนึ่งชื่ออานาเนียมาหาข้าพเจ้า เขาเคร่งครัดในบทบัญญัติและเป็นที่นับถืออย่างยิ่งของชาวยิวทั้งปวงที่นั่น 13 เขายืนข้างๆ ข้าพเจ้าและกล่าวว่า ‘พี่เซาโลเอ๋ย จงมองเห็นเถิด!’ วินาทีนั้นเอง ข้าพเจ้าก็สามารถมองเห็นเขา […]

กิจการของอัครทูต 23

1 เปาโลมองตรงไปที่สมาชิกสภาแซนเฮดรินและกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของตนต่อพระเจ้าด้วยจิตสำนึกอันดีมาจนทุกวันนี้” 2 ถึงตรงนี้มหาปุโรหิตอานาเนียสั่งให้คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ตบปากเปาโล 3 แล้วเปาโลจึงกล่าวกับเขาว่า “พระเจ้าจะทรงตบท่านผู้เป็นผนังฉาบปูนขาว! ท่านนั่งอยู่ที่นั่นเพื่อตัดสินข้าพเจ้าตามบทบัญญัติแล้วยังละเมิดบทบัญญัติโดยสั่งให้ตบข้าพเจ้า!” 4 บรรดาผู้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เปาโลกล่าวว่า “เจ้าบังอาจลบหลู่มหาปุโรหิตของพระเจ้าหรือ?” 5 เปาโลตอบว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ทราบว่านี่คือมหาปุโรหิตเพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘อย่าพูดล่วงเกินผู้มีอำนาจปกครองในหมู่พวกเจ้า’” 6 เมื่อเปาโลเห็นว่าบางคนในพวกนั้นเป็นพวกสะดูสี บางคนก็เป็นฟาริสี เขาจึงร้องขึ้นต่อหน้าสภาแซนเฮดรินว่า “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเป็นฟาริสี เป็นลูกของฟาริสี ที่ต้องถูกพิจารณาคดี ก็เพราะข้าพเจ้ามีความหวังในการเป็นขึ้นจากตาย” 7 พอเขากล่าวเช่นนั้น พวกฟาริสีกับพวกสะดูสีก็ถกเถียงกัน ที่ประชุมแบ่งเป็นสองฝ่าย 8 (พวกสะดูสีบอกว่าไม่มีการเป็นขึ้นจากตาย ไม่มีทูตสวรรค์ และไม่มีวิญญาณ ส่วนพวกฟาริสียอมรับว่ามีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด) 9 จึงเกิดโกลาหลกันใหญ่ พวกธรรมาจารย์ที่เป็นฟาริสีบางคนลุกขึ้นโต้แย้งอย่างแข็งขันว่า “เราเห็นว่าชายผู้นี้ไม่มีความผิดจะว่าอย่างไรหากวิญญาณหรือทูตสวรรค์ได้พูดกับเขา?” 10 การโต้เถียงดุเดือดขึ้นจนนายพันเกรงว่าเปาโลจะถูกพวกเขาฉีกเป็นชิ้นๆ จึงสั่งทหารให้ลงไปใช้กำลังเอาตัวเปาโลออกมาจากพวกนั้นและนำเขาไปที่กองทหาร 11 ในคืนต่อมาองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับยืนใกล้เปาโลและตรัสว่า “จงกล้าหาญเถิด! เจ้าได้เป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็มอย่างไร เจ้าจะต้องเป็นพยานในกรุงโรมด้วยอย่างนั้น” แผนสังหารเปาโล 12 เช้าวันต่อมาพวกยิวคบคิดกันและสาบานตัวว่าจะไม่กินไม่ดื่มจนกว่าจะได้ฆ่าเปาโล 13 มีชายสี่สิบกว่าคนที่ร่วมในแผนการนี้ […]

กิจการของอัครทูต 24

ไต่สวนคดีต่อหน้าเฟลิกส์ 1 ห้าวันต่อมามหาปุโรหิตอานาเนีย กลุ่มผู้อาวุโส และทนายเทอร์ทูลลัส มายังเมืองซีซารียาและยื่นฟ้องเปาโลต่อผู้ว่าการ 2 เมื่อเบิกตัวเปาโลเข้ามาเทอร์ทูลลัสก็แถลงคดีต่อหน้าผู้ว่าการดังนี้ “กราบเรียนใต้เท้า พวกข้าพเจ้าสงบสุขกันมานานภายใต้การปกครองของใต้เท้าและการที่ใต้เท้าเห็นการณ์ไกลได้ทำให้มีการปฏิรูปต่างๆ ขึ้นในชนชาตินี้ 3 ใต้เท้าเฟลิกส์ พวกข้าพเจ้าน้อมรับสิ่งนี้ด้วยความสำนึกในบุญคุณอย่างยิ่งในทุกหนทุกแห่งและในทุกๆ ด้าน 4 แต่เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนใต้เท้ามากไปกว่านี้ ข้าพเจ้าขอวิงวอน ใต้เท้าได้โปรดรับฟังเราโดยสังเขปดังนี้ 5 “พวกข้าพเจ้าพบว่าชายผู้นี้เป็นตัวก่อกวนปลุกปั่นให้เกิดการจลาจลในหมู่ชาวยิวทั่วโลก เขาเป็นแกนนำคนหนึ่งของพวกนิกายนาซาเร็ธ 6 และถึงกับพยายามจะทำให้พระวิหารเสื่อมความศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพวกข้าพเจ้าจึงจับกุมตัวเขาไว้ 8 ขอใต้เท้าไต่สวนเขาเอง แล้วใต้เท้าจะทราบความจริงเกี่ยวกับข้อกล่าวหาทั้งปวงที่พวกข้าพเจ้าฟ้องเขา” 9 พวกยิวร่วมในการกล่าวหาด้วยยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความจริง 10 เมื่อผู้ว่าการโบกมือให้เปาโลพูดเขาจึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้าทราบว่าใต้เท้าตัดสินความให้ชนชาตินี้มาตลอดหลายปี ดังนั้นข้าพเจ้าจึงยินดีที่จะขอแก้ข้อกล่าวหา 11 ใต้เท้าสามารถตรวจสอบได้โดยง่ายดายว่าเมื่อไม่เกินสิบสองวันมานี้ข้าพเจ้าได้ขึ้นไปนมัสการที่กรุงเยรูซาเล็ม 12 โจทก์ไม่ได้พบเห็นข้าพเจ้าโต้เถียงกับใครที่พระวิหารหรือปลุกปั่นฝูงชน ไม่ว่าในธรรมศาลาต่างๆ หรือที่ใดๆ ในกรุง 13 และพวกเขาก็ไม่อาจหาข้อพิสูจน์รับรองคำกล่าวหาทั้งปวงที่ฟ้องร้องข้าพเจ้าอยู่นี้ 14 อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยอมรับว่าข้าพเจ้านมัสการพระเจ้าของบรรพบุรุษในฐานะสาวกของ ‘ทางนั้น’ ซึ่งพวกเขาเรียกว่านิกายหนึ่ง ข้าพเจ้าเชื่อทุกสิ่งที่สอดคล้องกับบทบัญญัติและทุกสิ่งที่ได้เขียนไว้ในหนังสือผู้เผยพระวจนะ 15 และข้าพเจ้าเองมีความหวังในพระเจ้าเช่นเดียวกับคนเหล่านี้ว่าทั้งคนชอบธรรมและคนชั่วจะเป็นขึ้นจากตาย 16 ดังนั้นข้าพเจ้าจึงพากเพียรทุกวิถีทางที่จะรักษาจิตสำนึกอันดีงามทั้งต่อหน้าพระเจ้าและต่อหน้ามนุษย์ 17 “หลังจากหายหน้าไปหลายปีข้าพเจ้ามายังกรุงเยรูซาเล็มเพื่อนำความช่วยเหลือผู้ยากไร้มาให้พี่น้องร่วมชาติและเพื่อถวายเครื่องบูชา […]

กิจการของอัครทูต 25

การไต่สวนต่อหน้าเฟสทัส 1 เมื่อเฟสทัสมาถึงแคว้นนั้นได้สามวันเขาก็ออกจากเมืองซีซารียาขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 2 พวกหัวหน้าปุโรหิตและเหล่าผู้นำชาวยิวมายื่นฟ้องเปาโลต่อเขาที่นั่น 3 พวกเขาขอร้องเฟสทัสให้เห็นแก่พวกเขาโดยให้ย้ายเปาโลมายังกรุงเยรูซาเล็มเพราะว่าพวกเขาเตรียมซุ่มดักฆ่าเปาโลกลางทาง 4 เฟสทัสตอบว่า “เปาโลถูกคุมตัวอยู่ที่เมืองซีซารียาและเราเองกำลังจะไปที่นั่นในไม่ช้านี้ 5 ถ้าเขาได้ทำผิดประการใดก็ให้ผู้นำของพวกท่านบางคนไปกับเราและยื่นฟ้องเขาที่นั่น” 6 หลังจากพักอยู่กับพวกเขาได้แปดหรือสิบวันเฟสทัสก็ไปยังเมืองซีซารียา ในวันรุ่งขึ้นเฟสทัสเปิดศาลพิจารณาคดีและสั่งให้นำตัวเปาโลเข้ามา 7 เมื่อเปาโลปรากฏตัวพวกยิวที่ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มก็เข้าไปยืนห้อมล้อมและฟ้องร้องเขาด้วยข้อหาร้ายแรงหลายประการซึ่งหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ 8 แล้วเปาโลจึงแก้ข้อกล่าวหาว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อบทบัญญัติของยิวหรือต่อพระวิหารหรือต่อซีซาร์” 9 เฟสทัสอยากเอาใจพวกยิวจึงกล่าวกับเปาโลว่า “เจ้าเต็มใจจะขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อสู้คดีตามข้อกล่าวหาเหล่านี้ต่อหน้าเราที่นั่นหรือไม่?” 10 เปาโลตอบว่า “ขณะนี้ข้าพเจ้าก็ยืนอยู่ต่อหน้าศาลของซีซาร์ที่ซึ่งข้าพเจ้าสมควรจะถูกไต่สวนอยู่แล้ว ข้าพเจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อพวกยิวตามที่ใต้เท้าเองก็ทราบดี 11 อย่างไรก็ตามหากว่าข้าพเจ้าได้ทำผิดใดๆ อันควรแก่โทษประหารข้าพเจ้าก็ยอมตายโดยไม่ขัดขืนเลย แต่หากข้อกล่าวหาใดๆ ของชาวยิวเหล่านี้ไม่เป็นความจริงก็ไม่มีใครมีสิทธิ์มอบตัวข้าพเจ้าให้พวกเขา ข้าพเจ้าขอถวายฎีกาถึงซีซาร์!” 12 หลังจากหารือกับคณะที่ปรึกษาแล้วเฟสทัสก็ประกาศว่า “เจ้าได้ถวายฎีกาถึงซีซาร์เจ้าก็ต้องไปเข้าเฝ้าซีซาร์!” เฟสทัสหารือกับกษัตริย์อากริปปา 13 หลังจากนั้นสองสามวันกษัตริย์อากริปปากับพระนางเบอร์นิสเสด็จมาเยี่ยมคารวะเฟสทัสที่เมืองซีซารียา 14 เนื่องจากอากริปปาประทับอยู่ที่นั่นหลายวันเฟสทัสจึงปรึกษาเรื่องเปาโลกับกษัตริย์ว่า “ที่นี่มีนักโทษคนหนึ่งซึ่งเฟลิกส์ขังทิ้งไว้ 15 เมื่อข้าพเจ้าไปที่กรุงเยรูซาเล็มพวกหัวหน้าปุโรหิตและผู้อาวุโสของพวกยิวยื่นฟ้องเขาและขอให้ข้าพเจ้าตัดสินลงโทษเขา 16 “ข้าพเจ้าบอกพวกนั้นว่าตามธรรมเนียมโรมันจะมอบตัวจำเลยก็ต่อเมื่อโจทก์กับจำเลยมาพร้อมหน้ากันและจำเลยมีโอกาสแก้ข้อหาเสียก่อน 17 เมื่อพวกเขามาที่นี่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่รอช้าแต่เปิดศาลพิจารณาคดีในวันรุ่งขึ้นและสั่งให้นำตัวชายผู้นี้เข้ามา 18 พอโจทก์ลุกขึ้นพูดก็ไม่ได้ฟ้องร้องเรื่องอาชญากรรมใดๆ ตามที่ข้าพเจ้าคาดหมายไว้ 19 แต่พวกเขากลับโต้แย้งกันในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับศาสนาของพวกเขาเองและเกี่ยวกับคนหนึ่งที่ตายไปแล้วชื่อเยซูผู้ซึ่งเปาโลอ้างว่ายังมีชีวิตอยู่ […]

กิจการของอัครทูต 26

1 แล้วกษัตริย์อากริปปาจึงตรัสกับเปาโลว่า “เจ้าได้รับอนุญาตให้พูดแก้คดีเองได้” ดังนั้นเปาโลจึงโบกมือของตนและเริ่มแก้คดีว่า 2 “ข้าแต่กษัตริย์อากริปปา ข้าพระบาทถือเป็นโอกาสดีที่ได้ยืนแก้ข้อกล่าวหาทั้งปวงของพวกยิวอยู่เฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาทในวันนี้ 3 ที่ข้าพระบาทรู้สึกเช่นนี้ก็เพราะฝ่าพระบาททรงคุ้นเคยกับขนบธรรมเนียมและข้อขัดแย้งต่างๆ ทั้งมวลของชาวยิวเป็นอย่างดี ฉะนั้นขอทรงอดทนฟังข้าพระบาทเถิด 4 “ชาวยิวล้วนทราบแนวทางการดำเนินชีวิตของข้าพระบาทมาตั้งแต่เด็ก นับแต่ถือกำเนิดในบ้านเมืองของข้าพระบาทเองและทั้งในกรุงเยรูซาเล็มด้วย 5 พวกเขาได้รู้จักข้าพระบาทมาเนิ่นนาน และหากพวกเขายินยอมพวกเขาก็สามารถเป็นพยานได้ว่าข้าพระบาทใช้ชีวิตตามนิกายที่เคร่งครัดที่สุดในศาสนาของพวกข้าพระบาทคือเป็นฟาริสี 6 และบัดนี้ที่ข้าพระบาทถูกไต่สวนในวันนี้ก็เพราะข้าพระบาทมีความหวังในสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้กับเหล่าบรรพบุรุษ 7 เป็นพระสัญญาที่พวกข้าพระบาทสิบสองตระกูลคาดหวังว่าจะเป็นจริง ขณะพากเพียรปรนนิบัติพระเจ้าทั้งกลางวันกลางคืน ข้าแต่กษัตริย์ เพราะความหวังนี้เองพวกยิวจึงกล่าวหาข้าพระบาท 8 เหตุใดพวกท่านจึงเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่พระเจ้าจะทรงให้คนตายเป็นขึ้นมา? 9 “ข้าพระบาทเองก็เคยเชื่อว่าควรทำทุกวิถีทางเท่าที่เป็นไปได้เพื่อต่อต้านพระนามของพระเยซูแห่งนาซาเร็ธ 10 และนั่นแหละคือสิ่งที่ข้าพระบาทได้ทำในกรุงเยรูซาเล็ม ข้าพระบาทได้จับประชากรของพระเจ้าหลายคนเข้าคุกโดยอาศัยสิทธิอำนาจของพวกหัวหน้าปุโรหิต และเมื่อพวกนั้นถูกฆ่าข้าพระบาทก็เห็นดีด้วย 11 หลายครั้งข้าพระบาทไปตามธรรมศาลาต่างๆ เพื่อลงโทษคนพวกนั้นและพยายามบีบบังคับให้เขากล่าวคำหมิ่นประมาทพระเยซู ข้าพระบาทโกรธเกลียดเขายิ่งนักถึงกับตามไปข่มเหงพวกเขาที่เมืองต่างๆ ในดินแดนอื่นๆ 12 “ในการเดินทางคราวหนึ่ง ข้าพระบาทกำลังจะไปยังเมืองดามัสกัสโดยได้รับสิทธิอำนาจและการมอบหมายจากพวกหัวหน้าปุโรหิต 13 ข้าแต่กษัตริย์ ประมาณเที่ยงวันขณะอยู่ระหว่างทางข้าพระบาทเห็นแสงสว่างจากฟ้าสวรรค์ แสงนั้นเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์ส่องรอบข้าพระบาทกับเพื่อนร่วมทาง 14 พวกข้าพระบาททั้งหมดล้มลงกับพื้น และข้าพระบาทได้ยินเสียงหนึ่งพูดกับข้าพระบาทเป็นภาษาอารเมคว่า ‘เซาโล เซาโลเอ๋ย เจ้าข่มเหงเราทำไม? เป็นการยากที่เจ้าจะขัดขืนความประสงค์ของเรา’ 15 “แล้วข้าพระบาทถามว่า ‘พระองค์เจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นผู้ใด?’ […]

กิจการของอัครทูต 27

เปาโลลงเรือไปโรม 1 เมื่อมีมติให้เราลงเรือไปยังอิตาลีเปาโลและนักโทษอื่นๆ บางคนจึงถูกส่งตัวให้นายร้อยยูเลียสจากกองจักรวรรดิ 2 เรามาลงเรือลำหนึ่งจากเมืองอัดรามิททิยุมซึ่งกำลังจะแล่นไปยังท่าต่างๆ ตามชายฝั่งของแคว้นเอเชีย แล้วเรือก็ออกทะเลอาริสทารคัส ชาวมาซิโดเนียจากเมืองเธสะโลนิกาอยู่กับเราด้วย 3 วันรุ่งขึ้นเราแวะที่เมืองไซดอน ฝ่ายยูเลียสมีความกรุณาต่อเปาโลจึงอนุญาตให้เขาไปหาเพื่อนฝูงเพื่อคนเหล่านั้นจะได้จัดหาสิ่งที่จำเป็นให้เขา 4 จากที่นั่นเราออกทะเลอีกแล้วแล่นไปทางด้านปลอดลมของเกาะไซปรัสเนื่องจากเราแล่นทวนกระแสลม 5 เมื่อแล่นข้ามทะเลนอกชายฝั่งแคว้นซิลีเซียกับปัมฟีเลียเราก็มาแวะที่เมืองมิราในแคว้นลีเซีย 6 ที่นั่นนายร้อยพบเรือจากเมืองอเล็กซานเดรียกำลังจะไปอิตาลีจึงให้เราลงเรือลำนั้น 7 เราแล่นช้าๆ อยู่หลายวันก็มาถึงเมืองคนีดัสอย่างยากลำบาก เมื่อลมไม่อำนวยเราจึงแล่นมาทางด้านปลอดลมของเกาะครีตตรงข้ามเมืองสัลโมเน 8 เราแล่นเรือเลียบฝั่งอย่างยากเย็นและมาถึงที่แห่งหนึ่งเรียกกันว่าท่างามใกล้เมืองลาเซีย 9 เมื่อเสียเวลาไปมากและการเดินเรือก็อันตรายเพราะบัดนี้เป็นช่วงหลังวันอดอาหารแล้ว ดังนั้นเปาโลจึงเตือนว่า 10 “ท่านทั้งหลาย ข้าพเจ้าเห็นว่าการเดินทางของเราจะประสบหายนะและเพิ่มความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ทั้งเรือและสินค้าตลอดจนชีวิตของเราเองด้วย” 11 แต่นายร้อยไม่ฟังเปาโลกลับคล้อยตามคำแนะนำของต้นหนและเจ้าของเรือมากกว่า 12 เนื่องจากท่างามนั้นไม่เหมาะที่จะจอดในฤดูหนาวคนส่วนใหญ่จึงตกลงให้เราแล่นเรือต่อไป หวังว่าจะไปถึงเมืองฟีนิกซ์และจอดพักในฤดูหนาวที่นั่น ฟีนิกซ์เป็นเมืองท่าของเกาะครีต หันหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนือกับตะวันตกเฉียงใต้ พายุ 13 เมื่อลมใต้พัดมาเบาๆ พวกเขาก็คิดว่าเป็นไปตามที่ปรารถนาแล้ว จึงถอนสมอแล้วแล่นเรือเลียบชายฝั่งเกาะครีต 14 ไม่นานเรือก็ถูกลมซึ่งแรงพอๆ กับพายุหมุนที่เรียกกันว่า “ลมตะวันออกเฉียงเหนือ” ซัดออกจากเกาะ 15 เรือติดอยู่ในพายุและต้านลมไม่ไหวดังนั้นเราจึงปล่อยเรือไปตามกระแสลม 16 ขณะเรากำลังผ่านด้านปลอดลมของเกาะเล็กๆ ที่ชื่อว่าคาวดาเราก็แทบจะรักษาเรือชูชีพไว้ไม่ได้ 17 เมื่อชักรอกเรือชูชีพขึ้นมาไว้บนเรือแล้วพวกเขาก็เอาเชือกลอดใต้เรือใหญ่เพื่อยึดเรือไว้ เนื่องจากเกรงว่าจะเกยสันดอนเสอร์ทิสจึงหย่อนสมอเรือและปล่อยเรือไปตามกระแสลม […]

กิจการของอัครทูต 28

บนเกาะมอลตา 1 เมื่อขึ้นฝั่งโดยปลอดภัยแล้วเราจึงรู้ว่าเกาะนั้นชื่อเกาะมอลตา 2 ชาวเกาะกรุณาเราเป็นพิเศษพวกเขาก่อไฟต้อนรับเราทุกคนเพราะฝนตกและหนาว 3 เปาโลเก็บกิ่งไม้มาหอบหนึ่งขณะเขากำลังเอาไม้หอบนั้นใส่ไฟมีงูพิษตัวหนึ่งถูกความร้อนจึงพุ่งออกมากัดติดที่มือของเขา 4 เมื่อชาวเกาะเห็นงูห้อยอยู่ที่มือของเปาโลก็พูดกันว่า “คนนี้ต้องเป็นฆาตกรแน่ๆ เพราะถึงแม้ว่าเขารอดตายจากทะเลเจ้าแห่งความยุติธรรมก็ยังไม่ปล่อยให้มีชีวิต” 5 แต่เปาโลสะบัดงูทิ้งลงในไฟและไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด 6 พวกเขาคาดว่าเปาโลจะบวมขึ้นหรือล้มตายทันทีแต่หลังจากคอยดูอยู่นานและไม่เห็นเขาเป็นอะไรจึงเปลี่ยนความคิดและพูดว่าเปาโลเป็นเทพเจ้า 7 มีที่ดินแปลงหนึ่งอยู่ใกล้ๆ ที่นั่นเป็นของปูบลิอัสหัวหน้าชาวเกาะ เขาต้อนรับขับสู้เราอย่างดีตลอดสามวัน 8 บิดาของปูบลิอัสป่วยมีไข้และเป็นบิดนอนซมอยู่ เปาโลเข้าไปเยี่ยม หลังจากอธิษฐานแล้วก็วางมือบนเขา รักษาเขาให้หาย 9 เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นคนป่วยอื่นๆ ที่เกาะนั้นก็มาและรับการรักษาให้หาย 10 พวกเขาให้เกียรติเราหลายๆ ด้านและเมื่อเราพร้อมที่จะออกเรือเขาก็นำสิ่งของที่จำเป็นมาให้เรา ถึงกรุงโรม 11 สามเดือนต่อมาเราลงเรือซึ่งมาพักหนาวอยู่ที่เกาะนี้ เรือนั้นมาจากเมืองอเล็กซานเดรีย มีรูปแกะสลักเทพเจ้าแฝด คือคาสเตอร์และพอลลักซ์ที่หัวเรือ 12 เราจอดแวะที่เมืองไซราคิวส์สามวัน 13 จากที่นั่นเราแล่นเรือมาถึงเมืองเรยีอูม วันรุ่งขึ้นลมใต้พัดมาและในวันต่อมาก็ถึงเมืองโปทิโอลี 14 เราพบพี่น้องบางคนที่นั่น เขาเชิญให้เราพักอยู่ด้วยหนึ่งสัปดาห์แล้วเราก็มากรุงโรม 15 พวกพี่น้องที่กรุงโรมได้ข่าวว่าเราจะมาจึงออกมารับเราไกลถึงย่านอัปปีอัสและบ้านสามโรงแรม เมื่อได้เห็นคนเหล่านี้เปาโลก็ขอบพระคุณพระเจ้าและมีกำลังใจขึ้น 16 เมื่อเรามาถึงกรุงโรมเปาโลได้รับอนุญาตให้อยู่ตามลำพังโดยมีทหารคนหนึ่งคอยคุมเขาไว้ เปาโลเทศนาในกรุงโรม 17 สามวันต่อมาเปาโลเชิญบรรดาผู้นำชาวยิวมาประชุม เมื่อพวกเขามาพร้อมหน้ากันเปาโลก็กล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย แม้ว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดอะไรต่อพี่น้องร่วมชาติของเราหรือผิดธรรมเนียมของเหล่าบรรพบุรุษ […]