สำมะโนประชากร 1 วันที่หนึ่งเดือนที่สองของปีที่สอง หลังจากชาวอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสในเต็นท์นัดพบที่ถิ่นกันดารซีนายว่า 2 “จงสำรวจสำมะโนประชากรชุมชนอิสราเอลทั้งหมด แยกเป็นรายตระกูลและครอบครัว ให้ทำบัญชีรายชื่อผู้ชายทุกคน 3 เจ้ากับอาโรนจะต้องนับจำนวนผู้ชายในอิสราเอลที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปซึ่งสามารถทำหน้าที่ในกองทัพได้ โดยแยกพวกเขาออกเป็นหมู่เหล่า 4 ผู้นำจากแต่ละเผ่า เผ่าละหนึ่งคนจะเป็นผู้ช่วยของเจ้า 5 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อของผู้นำที่จะมาช่วยเจ้าได้แก่ จากเผ่ารูเบนคือ เอลีซูร์บุตรเชเดเออร์ 6 จากเผ่าสิเมโอนคือ เชลูมิเอลบุตรศูริชัดดัย 7 จากเผ่ายูดาห์คือ นาห์โชนบุตรอัมมีนาดับ 8 จากเผ่าอิสสาคาร์คือ เนธันเอลบุตรศุอาร์ 9 จากเผ่าเศบูลุนคือ เอลีอับบุตรเฮโลน 10 จากบุตรของโยเซฟคือ จากเผ่าเอฟราอิมคือ เอลีชามาบุตรอัมมีฮูด จากเผ่ามนัสเสห์คือ กามาลิเอลบุตรเปดาซูร์ 11 จากเผ่าเบนยามินคือ อาบีดันบุตรกิเดโอนี 12 จากเผ่าดานคือ อาหิเยเซอร์บุตรอัมมีชัดดัย 13 จากเผ่าอาเชอร์คือ ปากีเอลบุตรโอคราน 14 จากเผ่ากาดคือ เอลียาสาฟบุตรเดอูเอล 15 จากเผ่านัฟทาลีคือ อาหิราบุตรเอนัน” 16 คนเหล่านี้ได้รับการแต่งตั้งจากชุมชนให้เป็นผู้นำเผ่าต่างๆ ตามบรรพบุรุษ พวกเขาเป็นหัวหน้าตระกูลต่างๆ […]
Category Archives: กันดารวิถี
กันดารวิถี 2
การจัดตั้งค่ายของเผ่าต่างๆ 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “ชนอิสราเอลจะตั้งค่ายรอบเต็นท์นัดพบ ให้ห่างจากเต็นท์นัดพบระยะหนึ่ง แต่ละคนอยู่ภายใต้ธงประจำกองของเขาพร้อมกับธงประจำครอบครัว” 3 ด้านตะวันออกของพลับพลาเป็นที่ตั้งค่ายของหมู่เหล่ายูดาห์ภายใต้ธงประจำกองของพวกเขา ผู้นำคือนาห์โชนบุตรอัมมีนาดับ 4 จำนวนพล 74,600 คน 5 ถัดมาเป็นที่ตั้งค่ายของเผ่าอิสสาคาร์ ผู้นำคือเนธันเอลบุตรศุอาร์ 6 จำนวนพล 54,400 คน 7 จากนั้นได้แก่เผ่าเศบูลุน ผู้นำคือเอลีอับบุตรเฮโลน 8 จำนวนพล 57,400 คน 9 รวมพลแนวรบด้านเผ่ายูดาห์ตามหมู่เหล่าของพวกเขาได้ 186,400 คน กลุ่มนี้จะเคลื่อนกำลังออกไปเป็นกลุ่มแรก 10 ด้านใต้ของพลับพลาเป็นที่ตั้งค่ายของหมู่เหล่ารูเบนภายใต้ธงประจำกองของพวกเขา ผู้นำคือเอลีซูร์บุตรเชเดเออร์ 11 จำนวนพล 46,500 คน 12 ถัดมาคือเผ่าสิเมโอน ผู้นำคือเชลูมิเอลบุตรศูริชัดดัย 13 จำนวนพล 59,300 คน 14 ถัดมาคือเผ่ากาด ผู้นำคือเอลียาสาฟบุตรเดอูเอล 15 จำนวนพล 45,650 คน 16 […]
กันดารวิถี 3
คนเลวี 1 ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวอาโรนและโมเสส เมื่อครั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสบนภูเขาซีนาย 2 บุตรชายของอาโรนได้แก่ นาดับซึ่งเป็นบุตรหัวปี อาบีฮู เอเลอาซาร์ และอิธามาร์ 3 คนเหล่านี้ซึ่งเป็นบุตรของอาโรนได้รับการเจิมตั้งและสถาปนาให้ปรนนิบัติในฐานะปุโรหิต 4 แต่นาดับและอาบีฮูเสียชีวิตต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในถิ่นกันดารซีนายเมื่อได้จุดไฟต้องห้ามขึ้น คนทั้งสองไม่มีบุตร จึงเหลือแต่เอเลอาซาร์และอิธามาร์ทำหน้าที่ปุโรหิตในช่วงชีวิตของอาโรนผู้เป็นบิดา 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 6 “จงนำคนเผ่าเลวีมารายงานตัวต่อปุโรหิตอาโรนเพื่อช่วยงานเขา 7 คนเหล่านี้จะปฏิบัติหน้าที่ในเต็นท์นัดพบแทนอาโรนและชาวอิสราเอลทั้งหมด โดยรับผิดชอบงานเกี่ยวกับพลับพลาทั้งหมด 8 พวกเขาจะต้องคอยดูแลส่วนประกอบทั้งหมดของเต็นท์นัดพบ และปฏิบัติหน้าที่ที่พลับพลาเพื่อชนอิสราเอล 9 จงมอบคนเลวีให้แก่อาโรนและบรรดาบุตรชายของเขา คนเลวีเป็นชาวอิสราเอลที่คอยช่วยงานเขาอย่างเต็มที่ 10 จงแต่งตั้งอาโรนกับบุตรชายของเขาให้ปฏิบัติหน้าที่ปุโรหิต ใครอื่นล่วงล้ำเข้ามาใกล้สถานนมัสการจะมีโทษถึงตาย” 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสอีกว่า 12 “เราได้เลือกชนเผ่าเลวีจากชนอิสราเอลให้เป็นตัวแทนบุตรชายหัวปีของหญิงชาวอิสราเอลทุกคน คนเลวีเป็นของเรา 13 เพราะบุตรหัวปีเป็นของเรา ตั้งแต่วันที่เราประหารบุตรชายหัวปีทั้งปวงของชาวอียิปต์ เราได้แยกลูกหัวปีของอิสราเอลทั้งหมด ไม่ว่าคนหรือสัตว์มาเป็นของเรา เราคือพระยาห์เวห์” 14 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสในถิ่นกันดารซีนายว่า 15 “จงนับจำนวนคนเลวีตามครอบครัวและตระกูลของเขา นับผู้ชายทุกคนอายุหนึ่งเดือนขึ้นไป” 16 ดังนั้นโมเสสก็นับพวกเขาตามคำสั่งขององค์พระผู้เป็นเจ้า 17 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อบุตรของเลวี ได้แก่ เกอร์โชน โคฮาท […]
กันดารวิถี 4
คนโคฮาท 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 2 “จงทำบัญชีรายชื่อคนโคฮาทซึ่งเป็นเชื้อสายหนึ่งของคนเลวีตามตระกูลและตามครอบครัวของเขา 3 จงนับผู้ชายทุกคนซึ่งมีอายุตั้งแต่สามสิบปีถึงห้าสิบปีซึ่งมีคุณสมบัติที่จะมารับใช้ในเต็นท์นัดพบ 4 “ภารกิจของคนโคฮาทในเต็นท์นัดพบคือ ดูแลสิ่งบริสุทธิ์ที่สุด 5 เมื่อโยกย้ายค่ายพัก อาโรนกับบุตรชายจะเข้าไปปลดม่านกั้นอภิสุทธิสถานลงมาคลุมหีบพันธสัญญา 6 จากนั้นเอาหนังพะยูนคลุมทับม่าน ใช้ผ้าสีน้ำเงินคลุมทับหนังพะยูนอีกชั้นหนึ่ง แล้วสอดคานหามหีบพันธสัญญา 7 “ให้พวกเขาคลี่ผ้าสีน้ำเงินคลุมโต๊ะเครื่องถวายเบื้องพระพักตร์ วางจาน ชาม เหยือก และขนมปังซึ่งต้องตั้งไว้เสมอบนโต๊ะนั้น 8 เอาผ้าสีแดงคลุมทับสิ่งเหล่านั้น แล้วใช้หนังพะยูนคลุมทับไว้ และสอดคานหามเข้าที่ห่วงของโต๊ะ 9 “จากนั้นเอาผ้าสีน้ำเงินคลุมคันประทีป ตะเกียง กรรไกรแต่งไส้ตะเกียง ถาด และภาชนะทั้งหมดสำหรับบรรจุน้ำมันมะกอกเพื่อใช้เติมตะเกียง 10 แล้วใช้หนังพะยูนห่อทับอีกรอบ นำทั้งห่อขึ้นไปวางบนแคร่หาม 11 “จากนั้นคลี่ผ้าสีน้ำเงินคลุมแท่นบูชาทองคำ คลุมด้วยหนังพะยูนอีกชั้น แล้วสอดคานลอดห่วงของแท่น 12 “พวกเขาต้องใช้ผ้าสีน้ำเงินห่อภาชนะเครื่องใช้ทั้งหมดที่ใช้ในสถานนมัสการ คลุมทับด้วยหนังพะยูน แล้วนำไปวางบนแคร่หาม 13 “ให้เขาเอาขี้เถ้าออกจากแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ และใช้ผ้าสีม่วงคลุมแท่น 14 แล้วเอาภาชนะเครื่องใช้ประจำแท่นทั้งหมดได้แก่ ถาดรองไฟ ขอเกี่ยว ทัพพี อ่างประพรม และภาชนะอื่นๆ วางบนผ้านั้น […]
กันดารวิถี 5
ความบริสุทธิ์ของค่าย 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงสั่งประชากรอิสราเอลให้ส่งคนที่เป็นโรคผิวหนังผู้มีสิ่งที่หลั่งออกหรือผู้ที่เป็นมลทินตามระเบียบพิธีเพราะไปแตะต้องซากศพ ออกไปจากค่าย 3 ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย จงส่งคนเหล่านี้ออกไปนอกค่าย เพื่อไม่ให้เป็นมลทินแก่ค่ายพักซึ่งเราอยู่ท่ามกลางพวกเขา” 4 ชาวอิสราเอลก็ปฏิบัติตามโดยส่งคนเหล่านั้นออกไปนอกค่ายตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส การชดใช้เมื่อทำผิด 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 6 “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘เมื่อหญิงหรือชายใดทำผิดต่อคนอื่นอย่างหนึ่งอย่างใด ผู้นั้นย่อมมีความผิดเพราะไม่ซื่อสัตย์ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า 7 เขาจะต้องสารภาพบาปและชดใช้เต็มจำนวนตามความเสียหาย และชดใช้เพิ่มอีกหนึ่งในห้าให้แก่ผู้เสียหาย 8 แต่หากผู้เสียหายไม่มีญาติสนิทที่จะรับแทน ค่าชดใช้นั้นเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าและต้องนำไปมอบแก่ปุโรหิตพร้อมด้วยแกะตัวผู้สำหรับขออภัยโทษบาปให้เขา 9 ของถวายอันบริสุทธิ์ทั้งหมดที่ประชากรอิสราเอลนำมามอบแก่ปุโรหิตถือเป็นของปุโรหิต 10 ของถวายอันบริสุทธิ์ของแต่ละคนเป็นกรรมสิทธิ์ของเขาเอง แต่สิ่งที่ยกให้ปุโรหิตจะเป็นของปุโรหิต’ ” ทดสอบภรรยาที่ไม่ซื่อสัตย์ 11 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 12 “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘ภรรยาของชายคนใดคบชู้และไม่ซื่อสัตย์ต่อเขา 13 โดยไปนอนกับชายอื่นและยังเป็นความลับ ไม่เป็นที่ประจักษ์ต่อสามี (เพราะว่าไม่มีพยานหลักฐานและจับไม่ได้คาหนังคาเขา) 14 และถ้าสามีรู้สึกหึงหวง และสงสัยในตัวภรรยาของตน ไม่ว่าภรรยาจะทำผิดหรือไม่ก็ตาม 15 เขาจะต้องพาภรรยาและเครื่องบูชาของเธอคือแป้งบาร์เลย์ประมาณ 2 ลิตรมาหาปุโรหิตโดยไม่ต้องเคล้าน้ำมันหรือโรยเครื่องหอม เพราะเป็นธัญบูชาเรื่องความหึงหวง และเป็นเครื่องบูชาที่เตือนให้ระลึกถึงความผิด 16 “ ‘ปุโรหิตจะพานางมายืนอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า 17 จากนั้นเขาจะเอาน้ำบริสุทธิ์บรรจุในภาชนะดินเผา ผสมฝุ่นที่พื้นพลับพลาลงในน้ำนั้น […]
กันดารวิถี 6
นาศีร์ 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘ชายหรือหญิงคนใดถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นพิเศษว่าจะเป็นนาศีร์อุทิศตนแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 3 เขาต้องงดเครื่องดื่มมึนเมาหรือเหล้าองุ่น น้ำองุ่น ผลองุ่นสดหรือลูกเกด และน้ำส้มสายชูที่ได้จากเหล้าองุ่น 4 ตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์นั้น เขาจะไม่กินสิ่งใดที่มาจากต้นองุ่น แม้แต่เมล็ดหรือเปลือกองุ่น 5 “ ‘ตลอดช่วงนั้นเขาจะไม่ตัดผม เขาต้องรักษาตนให้บริสุทธิ์ เขาจึงต้องไว้ผมยาว 6 ตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเขาจะต้องไม่ย่างกรายเข้าใกล้ซากศพ 7 แม้ว่าจะเป็นศพของบิดามารดาหรือพี่น้องชายหญิง เขาจะต้องไม่ทำตัวให้เป็นมลทินตามระเบียบพิธี เพราะสัญลักษณ์แห่งการเป็นนาศีร์อยู่บนศีรษะของเขา 8 ตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์ เขาต้องชำระตัวให้บริสุทธิ์แยกไว้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 9 “ ‘หากมีคนมาตายอยู่ข้างตัวเขาโดยปัจจุบันทันด่วน ทำให้ผมที่เขาถวายปฏิญาณไว้เป็นมลทิน เขาต้องโกนศีรษะในวันชำระตัวคือวันที่เจ็ด 10 ในวันที่แปดเขาต้องนำนกเขาหรือนกพิราบรุ่นสองตัวมามอบแก่ปุโรหิตตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 11 ปุโรหิตจะถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป อีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาเพื่อลบบาปสำหรับผู้นั้น เพราะเขาได้ทำบาปโดยการอยู่ใกล้ซากศพ ในวันเดียวกันนั้นเขาต้องชำระศีรษะถวายอีกครั้ง 12 เขาต้องอุทิศตนแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์ และนำแกะผู้อายุหนึ่งขวบตัวหนึ่งมาเป็นเครื่องบูชาลบความผิด วันอื่นๆ ก่อนหน้านั้นไม่นับ เพราะเขาได้เป็นมลทินตลอดระยะเวลาที่เขาเป็นนาศีร์ 13 “ ‘เมื่อครบกำหนดการเป็นนาศีร์ตามกฎของนาศีร์แล้ว เขาจะต้องมาที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ 14 และถวายสัตว์ที่ไม่มีตำหนิแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าคือ ถวายลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา ลูกแกะตัวเมียอายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป และแกะผู้อีกหนึ่งตัวเป็นเครื่องสันติบูชา 15 พร้อมกับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา […]
กันดารวิถี 7
ของถวายเมื่อถวายพลับพลา 1 เมื่อโมเสสสร้างพลับพลาเสร็จแล้ว เขาเจิมและชำระพลับพลากับส่วนประกอบทั้งหมด รวมทั้งแท่นบูชาและภาชนะเครื่องใช้ทุกอย่างสำหรับแท่นบูชา 2 บรรดาผู้นำของอิสราเอลและหัวหน้าครอบครัวต่างๆ ได้ถวายเครื่องบูชา พวกเขาเป็นหัวหน้าเผ่าต่างๆ ซึ่งรับผิดชอบผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้ 3 พวกเขานำเกวียนหกเล่มและวัวสิบสองตัวมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นำสองคนถวายเกวียนเล่มหนึ่งกับวัวคนละตัวตรงหน้าพลับพลา 4 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 5 “จงรับของถวายจากเขาเถิด และใช้วัวกับเกวียนเหล่านั้นสำหรับงานที่เต็นท์นัดพบ จงมอบของเหล่านั้นให้คนเลวีไว้ใช้ในงานของเขาแต่ละคน” 6 โมเสสจึงนำเกวียนและวัวไปมอบให้คนเลวี 7 เขามอบเกวียนสองเล่มและวัวสี่ตัวให้คนเกอร์โชนเพื่อใช้สอยในงานของเขา 8 มอบเกวียนสี่เล่มพร้อมวัวแปดตัวแก่คนเมรารีเพื่อใช้ในงานของเขา คนเหล่านี้อยู่ใต้บังคับบัญชาของปุโรหิตอิธามาร์บุตรของอาโรน 9 แต่โมเสสไม่ได้มอบสิ่งใดให้คนโคฮาท เพราะพวกเขาจะต้องหามเครื่องใช้ศักดิ์สิทธิ์ตามที่พวกเขารับผิดชอบ 10 ในวันที่เจิมแท่นบูชา บรรดาผู้นำได้นำเครื่องบูชามาถวายที่แท่นบูชา 11 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ให้ผู้นำแต่ละคนนำของถวายมาคนละวันเพื่อมอบถวายแท่นบูชา” 12 ในวันแรกนาห์โชนบุตรอัมมีนาดับแห่งเผ่ายูดาห์นำของมาถวาย ได้แก่ 13 จานเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัมอ่างประพรม ทำจากเงินหนึ่งใบหนักประมาณ 800 กรัมทั้งจานและชามใส่แป้งละเอียดเคล้าน้ำมันสำหรับเป็นธัญบูชา 14 จานทองคำหนึ่งใบหนักประมาณ 110 กรัมบรรจุเครื่องหอม 15 วัวหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะตัวผู้อายุหนึ่งขวบหนึ่งตัวสำหรับเป็นเครื่องเผาบูชา 16 แพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 17 […]
กันดารวิถี 8
อาโรนตั้งประทีป 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงบอกอาโรนว่า ‘เมื่อท่านจุดตะเกียงทั้งเจ็ดดวง ตะเกียงต้องให้แสงสว่างบริเวณด้านหน้าของคันประทีป’ ” 3 อาโรนก็ปฏิบัติตาม ตั้งตะเกียงบนคันประทีปส่องไปข้างหน้าตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสส 4 คันประทีปนี้เคาะแต่งขึ้นจากทองคำตั้งแต่ฐานจนถึงยอด ตามแบบที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงแก่โมเสส แยกคนเลวีไว้เฉพาะ 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 6 “จงแยกคนเลวีจากเผ่าอื่นๆ ของอิสราเอล และชำระพวกเขาตามระเบียบพิธี 7 จงทำสิ่งต่อไปนี้เพื่อที่จะชำระพวกเขาคือ พรมน้ำแห่งการชำระเหนือพวกเขา แล้วให้โกนขนทั้งตัวและซักเสื้อผ้า 8 ให้พวกเขานำวัวหนุ่มหนึ่งตัว พร้อมด้วยธัญบูชาคือแป้งละเอียดเคล้าน้ำมัน และให้นำวัวหนุ่มอีกตัวหนึ่งมาสำหรับเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป 9 จงพาคนเลวีมาที่หน้าเต็นท์นัดพบต่อหน้าปวงประชากรอิสราเอล 10 จงนำคนเลวีมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและให้ชาวอิสราเอลวางมือบนพวกเขา 11 อาโรนจะต้องเบิกตัวคนเลวีเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าในฐานะเป็นเครื่องบูชายื่นถวายจากชนอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะพร้อมปฏิบัติงานรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า 12 “แล้วคนเลวีจะวางมือบนหัววัวทั้งสองตัว และถวายวัวตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องเผาบูชาเพื่อลบบาปให้คนเลวี 13 จากนั้นให้คนเลวีมายืนต่อหน้าอาโรนและบรรดาบุตรชาย และมอบถวายพวกเขาเป็นเครื่องบูชายื่นถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 14 เจ้าต้องแยกคนเลวีออกจากประชากรอิสราเอลทั้งหมดด้วยวิธีนี้ และคนเลวีจะเป็นของเรา 15 “หลังจากที่เจ้าได้ชำระคนเลวีให้บริสุทธิ์ และถวายตัวพวกเขาเป็นเครื่องบูชายื่นถวายแล้ว พวกเขาจะมาปฏิบัติงานที่เต็นท์นัดพบ 16 พวกเขาคือชนอิสราเอลที่ยกให้เป็นสิทธิ์ขาดของเรา เรารับพวกเขาเป็นตัวแทนบุตรชายหัวปีซึ่งเป็นบุตรชายคนแรกจากครรภ์ของหญิงอิสราเอลทุกคน 17 เพราะลูกหัวปีของอิสราเอลทั้งหมดไม่ว่าคนหรือสัตว์ต้องเป็นของเรา ในคืนที่เราประหารลูกหัวปีทั้งสิ้นของอียิปต์ เราได้แยกพวกเขาไว้เป็นของเราแล้ว […]
กันดารวิถี 9
พิธีปัสกา 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสในถิ่นกันดารซีนายในเดือนที่หนึ่งของปีที่สองหลังจากพวกเขาออกจากอียิปต์ว่า 2 “ให้ประชากรอิสราเอลฉลองเทศกาลปัสกาตามเวลาที่กำหนดไว้ 3 ให้ฉลองพิธีนี้ตามเวลาที่กำหนดคือ เริ่มตั้งแต่พลบค่ำของวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่ง จงปฏิบัติตามระเบียบกฎเกณฑ์ของเราเกี่ยวกับพิธีนี้ทุกประการ” 4 ดังนั้นโมเสสจึงประกาศให้ชนอิสราเอลฉลองเทศกาลปัสกา 5 พวกเขาก็ฉลองในถิ่นกันดารซีนายตั้งแต่พลบค่ำของวันที่สิบสี่ของเดือนที่หนึ่ง ชาวอิสราเอลก็ทำทุกอย่างตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสไว้ 6 แต่มีบางคนไม่สามารถฉลองปัสกาในวันนั้นเพราะเป็นมลทินตามระเบียบพิธีในเรื่องศพ ดังนั้นพวกเขาจึงมาหาโมเสสกับอาโรนในวันเดียวกันนั้น 7 และกล่าวกับโมเสสว่า “พวกข้าพเจ้าเป็นมลทินเนื่องจากศพ เหตุใดจึงถูกห้ามไม่ให้ถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับพี่น้องอิสราเอลอื่นๆ ตามเวลาที่กำหนด?” 8 โมเสสตอบพวกเขาว่า “จงคอยอยู่ก่อน ดูว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะตรัสสั่งว่าอย่างไรเกี่ยวกับพวกท่าน” 9 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 10 “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘เมื่อใครในพวกท่านหรือวงศ์วานของท่านเป็นมลทินเพราะศพ หรืออยู่ระหว่างการเดินทางก็ยังฉลองปัสกาขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ 11 แต่ต้องเป็นเดือนถัดไป คือเริ่มจากตอนพลบค่ำของวันที่สิบสี่ของเดือนที่สอง พวกเขาต้องกินลูกแกะพร้อมกับขนมปังไม่ใส่เชื้อและผักขม 12 อย่าเหลือสิ่งใดค้างไว้จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น และอย่าหักกระดูกแกะแม้สักซี่ เมื่อพวกเขาฉลองปัสกานี้ พวกเขาต้องรักษากฎระเบียบของพิธีนี้ทุกประการ 13 แต่หากผู้ใดไม่ได้เป็นมลทินตามระเบียบพิธีและไม่ได้อยู่ระหว่างการเดินทาง แต่ไม่ฉลองเทศกาลปัสกา จะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา โทษฐานบิดพลิ้วไม่ถวายเครื่องบูชาแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตามเวลาที่กำหนด ผู้นั้นจะต้องรับผลจากบาปของตน 14 “ ‘คนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่พวกเจ้าที่ต้องการร่วมฉลองปัสกาขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบเดียวกัน เป็นกฎเกณฑ์สำหรับทั้งคนต่างด้าวและคนอิสราเอลโดยกำเนิด’ ” เมฆเหนือพลับพลา 15 วันที่พลับพลาซึ่งเป็นเต็นท์แห่งพันธสัญญาถูกตั้งขึ้น มีเมฆปกคลุมเหนือพลับพลาตั้งแต่เย็นจนถึงเช้า แลดูเหมือนไฟ […]
กันดารวิถี 10
แตรเงิน 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงทำแตรเงินคู่หนึ่งสำหรับเป่าเรียกชุมนุมและเป็นสัญญาณให้เคลื่อนย้ายค่าย 3 เมื่อเป่าแตรทั้งสองด้วยเสียงยาว ประชากรทั้งหมดจะมาชุมนุมกันต่อหน้าเจ้าตรงทางเข้าเต็นท์นัดพบ 4 หากเป่าคันเดียว ให้เฉพาะผู้นำตระกูลต่างๆ ของอิสราเอลมาชุมนุมกันต่อหน้าเจ้า 5 เมื่อเป่าสัญญาณเสียงสั้นเพื่อจะออกเดินทาง ตระกูลที่ตั้งค่ายพักแรมด้านทิศตะวันออกของพลับพลาจะออกเดินทางก่อน 6 เมื่อเป่าสัญญาณเสียงสั้นครั้งที่สอง ตระกูลต่างๆ ด้านทิศใต้จะออกเดินทาง เสียงแตรนี้เป็นสัญญาณออกเดินทาง 7 เมื่อจะเรียกชุมนุมประชากรจงเป่าแตรทั้งสองด้วยเสียงยาว 8 “บรรดาปุโรหิตบุตรของอาโรนเป็นผู้เป่าแตร นี่ต้องเป็นข้อปฏิบัติถาวรสำหรับเจ้าสืบไปทุกชั่วอายุ 9 เมื่อเจ้าสู้รบกับศัตรูที่มาข่มเหงเจ้าในดินแดนของเจ้า จงเป่าแตรทั้งสอง แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าจะทรงระลึกถึงเจ้า และช่วยเจ้าให้พ้นจากเหล่าศัตรู 10 จงเป่าแตรทั้งสองในเทศกาลรื่นเริงของเจ้าด้วย ในเทศกาลต่างๆ ตามเวลาที่กำหนดและวันต้นเดือน เพื่อฉลองเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชา เป็นอนุสรณ์ให้นึกถึงเจ้าต่อหน้าพระเจ้าของเจ้า เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า” อิสราเอลเคลื่อนย้ายค่ายจากภูเขาซีนาย 11 เมฆซึ่งอยู่เหนือพลับพลาแห่งพันธสัญญาลอยขึ้นในวันที่ยี่สิบเดือนที่สองของปีที่สอง 12 ชาวอิสราเอลจึงออกจากถิ่นกันดารซีนาย ติดตามเมฆจนเมฆนั้นมาหยุดอยู่ที่ถิ่นกันดารปาราน 13 พวกเขาออกเดินทางเป็นครั้งแรกตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาผ่านทางโมเสส 14 หมู่เหล่าของค่ายยูดาห์ออกเดินทางก่อนภายใต้ธงประจำกองของพวกเขา โดยมีนาห์โชนบุตรอัมมีนาดับเป็นผู้นำ 15 ถัดจากนั้นคือเผ่าอิสสาคาร์ นำโดยเนธันเอลบุตรศุอาร์ 16 ถัดไปคือเผ่าเศบูลุน นำโดยเอลีอับบุตรเฮโลน 17 […]