2พงศ์กษัตริย์ 7

1 เอลีชากล่าวว่า “จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า วันพรุ่งนี้เวลาราวๆ นี้ แป้งประมาณ 7.3 ลิตรหรือข้าวบาร์เลย์ประมาณ 15 ลิตรจะซื้อขายกันด้วยเงินหนัก 1 เชเขลที่ประตูเมืองสะมาเรีย” 2 นายทหารที่ติดตามกษัตริย์กล่าวกับคนของพระเจ้าว่า “ต่อให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดฟ้าสวรรค์ก็จะเป็นไปได้หรือ?” เอลีชาตอบว่า “เจ้าจะเห็นกับตา แต่เจ้าจะไม่มีโอกาสได้กิน!” วงล้อมแตก 3 มีคนโรคเรื้อนสี่คนนั่งอยู่ตรงทางเข้าประตูเมือง พวกเขาพูดกันว่า “ทำไมมานั่งรอความตายอยู่ที่นี่? 4 เราอยู่ที่นี่ก็จะอดตาย ถ้ากลับเข้าไปในเมืองก็อดตายกันอยู่ดี เราไปสวามิภักดิ์ต่อพวกอารัมกันเถิด ถ้าเขาไว้ชีวิตเรา เราก็อยู่ ถ้าเขาฆ่าเรา เราก็ตาย” 5 ตอนพลบค่ำพวกเขาพากันไปยังค่ายพักอารัม แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่นเลย 6 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้กองทัพอารัมได้ยินเสียงรถม้าศึก เสียงควบม้า เสียงกองทัพใหญ่ จึงพูดกันว่า “กษัตริย์อิสราเอลจ้างพวกฮิตไทต์และกษัตริย์อียิปต์มาโจมตีเราแล้ว!” 7 พวกเขาจึงเตลิดหนีไปเมื่อพลบค่ำ ทิ้งเต็นท์ ม้า ลา และข้าวของทุกอย่างไว้ แล้วหนีเอาชีวิตรอด 8 เมื่อคนโรคเรื้อนเหล่านั้นมาถึงริมค่าย ก็เข้าไปในเต็นท์และกินดื่ม พวกเขาขนเงินทองและเสื้อผ้าออกมาแล้วซ่อนไว้ พวกเขากลับมาอีกและเข้าไปในเต็นท์อื่น แล้วขนของไปเก็บซ่อนไว้ 9 แล้วพวกเขาพูดกันว่า […]

2พงศ์กษัตริย์ 8

หญิงชาวชูเนมได้ที่ดินกลับคืนมา 1 เอลีชากล่าวแก่หญิงซึ่งเขาได้ชุบชีวิตบุตรของนางว่า “จงพาครอบครัวของเจ้าย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้เกิดการกันดารอาหารในแผ่นดินอิสราเอลถึงเจ็ดปี” 2 หญิงนั้นจึงอพยพครอบครัวไปอาศัยที่แผ่นดินฟีลิสเตียเป็นเวลาเจ็ดปีตามที่คนของพระเจ้าบอก 3 เมื่อครบเจ็ดปีนางก็กลับมาจากดินแดนฟีลิสเตีย ไปเข้าเฝ้ากษัตริย์เพื่อถวายฎีกาขอรับบ้านและที่ดินคืน 4 ขณะนั้นกษัตริย์ได้ตรัสกับเกหะซีคนรับใช้ของเอลีชาว่า “จงเล่าการใหญ่ทั้งปวงที่เอลีชาทำให้เราฟัง” 5 ระหว่างที่เกหะซีกำลังทูลเรื่องราวเมื่อครั้งเอลีชาชุบชีวิตเด็กชายคนหนึ่ง เวลานั้นเองมารดาของเด็กนั้นก็เดินเข้าไปเพื่อทูลขอบ้านและที่ดินคืน เกหะซีจึงทูลว่า “ข้าแต่ฝ่าพระบาท นี่แหละผู้หญิงคนนั้น และนี่ก็ลูกของนางที่เอลีชาช่วยให้ฟื้นคืนชีวิต” 6 กษัตริย์จึงตรัสถามนาง นางก็กราบทูลว่าเป็นเช่นนั้น แล้วกษัตริย์ทรงมอบหมายให้ข้าราชการคนหนึ่งจัดการเรื่องของนาง และตรัสว่า “จงคืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของนาง รวมทั้งรายได้จากที่ดินของนางตั้งแต่วันที่นางจากไปจนถึงวันนี้ด้วย” ฮาซาเอลปลงพระชนม์เบนฮาดัด 7 เอลีชาไปยังกรุงดามัสกัส กษัตริย์เบนฮาดัดแห่งอารัมประชวรอยู่ เมื่อทรงทราบว่าคนของพระเจ้ามา 8 ก็ตรัสกับฮาซาเอลว่า “จงนำของกำนัลไปพบคนของพระเจ้า ให้เขาช่วยทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ‘เราจะหายป่วยหรือไม่?’ ” 9 ฮาซาเอลก็นำผลผลิตดีเยี่ยมของดามัสกัสบรรทุกอูฐสี่สิบตัวมาเป็นของกำนัลสำหรับเอลีชา เขามายืนต่อหน้าเอลีชาและกล่าวว่า “กษัตริย์เบนฮาดัดแห่งอารัมบุตรของท่านส่งข้าพเจ้ามาเรียนถามว่า ‘เราจะหายป่วยหรือไม่?’ ” 10 เอลีชาตอบว่า “จงไปบอกเขาว่า ‘เจ้าจะหายป่วยแน่นอน’ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงแก่เราว่าเขาจะตาย” 11 เอลีชาจ้องหน้าฮาซาเอลเขม็งจนเขารู้สึกอึดอัด แล้วคนของพระเจ้าก็เริ่มร้องไห้ 12 ฮาซาเอลถามว่า “ท่านร้องไห้ทำไม?” […]

2พงศ์กษัตริย์ 9

เยฮูได้รับการเจิมตั้งเป็นกษัตริย์อิสราเอล 1 เอลีชาเรียกผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งมาสั่งว่า “จงคาดเอวทับเสื้อคลุมให้ทะมัดทะแมง ถือน้ำมันขวดนี้ไปราโมทกิเลอาด 2 เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว ให้ถามหาเยฮูบุตรเยโฮชาฟัทหลานนิมชี นำเขาออกจากกลุ่มเพื่อนและพาเข้าไปในห้องชั้นใน 3 แล้วรินน้ำมันลงบนศีรษะของเขาและประกาศว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า เราเจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล’ จากนั้นเจ้าจงเปิดประตูและวิ่งไป อย่าชักช้า!” 4 ฉะนั้นผู้เผยพระวจนะหนุ่มจึงไปที่ราโมทกิเลอาด 5 เมื่อเขาไปถึงที่นั่นก็พบนายทัพทั้งหลายนั่งอยู่ด้วยกัน จึงกล่าวว่า “ข้าพเจ้ามีเรื่องจะเรียนท่านแม่ทัพ” เยฮูถามว่า “แม่ทัพคนไหนล่ะ?” เขาตอบว่า “ท่านนี่แหละ ท่านแม่ทัพ” 6 เยฮูจึงลุกขึ้นเข้าไปในบ้าน แล้วผู้เผยพระวจนะรินน้ำมันลงบนศีรษะของเยฮูและประกาศว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘เราเจิมตั้งเจ้าให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลประชากรขององค์พระผู้เป็นเจ้า 7 เจ้าจงทำลายล้างราชวงศ์อาหับนายของเจ้า เราจะแก้แค้นให้กับโลหิตของผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา และบรรดาผู้รับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งถูกเยเซเบลสังหาร 8 ทั้งราชวงศ์ของอาหับจะพินาศ เราจะประหารผู้ชายทุกคนในวงศ์วานของอาหับทั้งที่เป็นทาสหรือเป็นไทในอิสราเอล 9 เราจะให้วงศ์วานของอาหับเป็นเหมือนวงศ์วานของเยโรโบอัมบุตรเนบัทและเหมือนวงศ์วานของบาอาชาบุตรอาหิยาห์ 10 ส่วนเยเซเบลจะถูกสุนัขกัดกินบนที่ดินผืนนั้นในยิสเรเอล และจะไม่มีใครฝังศพพระนาง’ ” แล้วผู้เผยพระวจนะคนนั้นก็เปิดประตูวิ่งออกไป 11 เมื่อเยฮูกลับไปหาเพื่อนพ้อง เพื่อนคนหนึ่งถามเขาว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือ? เจ้าคนบ้านั่นมาหาท่านทำไม?” เยฮูตอบว่า “พวกท่านก็รู้ว่าเขาเป็นใครและมาพูดเรื่องอะไร” 12 พวกเขาตอบว่า “อย่าบ่ายเบี่ยงเลย! จงบอกมาเถิด” […]

2พงศ์กษัตริย์ 10

ราชวงศ์อาหับถูกประหาร 1 ในเมืองสะมาเรียมีผู้ชายที่เป็นเชื้อพระวงศ์ของอาหับอยู่เจ็ดสิบคน เยฮูจึงส่งสาส์นไปยังเจ้าหน้าที่ของยิสเรเอลบรรดาผู้อาวุโสและองครักษ์ของเหล่าเชื้อพระวงศ์ของอาหับ มีใจความว่า 2 “ในเมื่อวงศ์วานเจ้านายของท่านก็อยู่กับพวกท่าน และท่านมีรถม้าศึก ม้า เมืองป้อมปราการ และอาวุธ ดังนั้นทันทีที่ได้รับสาส์นฉบับนี้ 3 จงเลือกเชื้อพระวงศ์คนที่ดีเลิศที่สุดของเจ้านายของท่าน และตั้งเขาไว้บนบัลลังก์ของบิดา จากนั้นจงต่อสู้เพื่อราชวงศ์ของนายของท่าน” 4 แต่พวกเขาหวาดหวั่นขวัญผวาและกล่าวว่า “กษัตริย์สององค์ยังไม่อาจต่อกรกับเขาได้ แล้วเราจะทำอะไรได้?” 5 ฉะนั้นเจ้ากรมวัง เจ้ากรมเมือง บรรดาผู้อาวุโส และองครักษ์ทั้งหลายจึงส่งสาส์นมาถึงเยฮูว่า “เราเป็นผู้รับใช้ของท่านและจะปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน เราจะไม่แต่งตั้งผู้หนึ่งผู้ใดเป็นกษัตริย์ ท่านจงทำตามที่เห็นว่าดีที่สุดเถิด” 6 เยฮูเขียนสาส์นฉบับที่สองถึงคนเหล่านั้นความว่า “หากท่านทั้งหลายเป็นฝ่ายเราและจะปฏิบัติตามคำสั่งของเรา ก็จงนำศีรษะเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่เป็นชายของเจ้านายของท่านมาให้เราที่ยิสเรเอลพรุ่งนี้ในเวลาเดียวกันนี้” ขณะนั้นเชื้อพระวงศ์ทั้งเจ็ดสิบคนของอาหับพักอยู่ตามบ้านของบรรดาผู้นำของเมืองที่เลี้ยงดูพวกเขามา 7 เมื่อผู้นำเหล่านั้นได้รับสาส์นก็ประหารเชื้อพระวงศ์ของอาหับทั้งเจ็ดสิบคน ตัดศีรษะใส่ตะกร้านำมามอบให้เยฮูที่ยิสเรเอล 8 เมื่อผู้สื่อสารมาแจ้งเยฮูว่า “พวกเขาได้นำศีรษะของบรรดาเชื้อพระวงศ์มาแล้ว” เยฮูก็สั่งว่า “ให้กองสุมกันเป็นสองกองตรงทางเข้าประตูเมืองจนถึงรุ่งเช้า” 9 เช้าวันรุ่งขึ้นเยฮูก็ออกไปปราศรัยต่อหน้าประชาชนทั้งปวงว่า “พวกท่านไม่ได้ทำผิดอันใด ข้าพเจ้าเองที่คิดล้มล้างนายของข้าพเจ้าและประหารเขา แต่ใครเล่าประหารเชื้อพระวงศ์เหล่านี้? 10 รู้ไว้เถิดว่าพระดำรัสที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้เกี่ยวกับราชวงศ์อาหับจะสำเร็จทุกประการองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกระทำตามที่ทรงสัญญาไว้ผ่านทางเอลียาห์ผู้รับใช้ของพระองค์” 11 จากนั้นเยฮูก็ประหารพวกพ้องทั้งหมดของอาหับที่เหลืออยู่ในยิสเรเอล รวมทั้งข้าราชบริพารคนสำคัญ สหายคนสนิทและปุโรหิต ไม่มีใครเหลือรอดสักคน 12 แล้วเยฮูออกเดินทางไปสะมาเรีย […]

2พงศ์กษัตริย์ 11

พระนางอาธาลิยาห์กับโยอาช 1 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ราชมารดาของอาหัสยาห์เห็นว่าโอรสสิ้นพระชนม์แล้ว ก็สังหารเชื้อพระวงศ์ทั้งหมด 2 แต่เยโฮเชบาธิดาของกษัตริย์เยโฮรัมน้องสาวของอาหัสยาห์ซ่อนตัวโยอาชโอรสของอาหัสยาห์ไว้ไม่ให้ถูกประหารพร้อมโอรสองค์อื่นๆ เยโฮเชบาพาโยอาชกับพี่เลี้ยงไปซ่อนไว้ในห้องบรรทม ให้พ้นจากพระนางอาธาลิยาห์ โยอาชจึงไม่ถูกประหาร 3 โยอาชกับพี่เลี้ยงหลบซ่อนตัวในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดหกปีที่พระนางอาธาลิยาห์ครองราชย์ 4 ในปีที่เจ็ดเยโฮยาดาเรียกชุมนุมนายกองทหารรักษาพระองค์ชาวคารีและยามให้มายังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเขาทำพันธสัญญากับคนเหล่านั้นและให้พวกเขาถวายสัตย์ปฏิญาณที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจากนั้นนำโยอาชโอรสของอาหัสยาห์ออกมาอยู่ต่อหน้าพวกเขา 5 เยโฮยาดาสั่งพวกเขาว่า “หนึ่งในสามของผู้ประจำหน้าที่รักษาการณ์ในวันสะบาโตจะเฝ้าพระราชวัง 6 หนึ่งในสามอยู่ที่ประตูสูร และหนึ่งในสามอยู่ที่ประตูหลังยามซึ่งอยู่เวรเฝ้าพระวิหาร 7 และอีกสองพวกซึ่งออกเวรวันสะบาโตทั้งหมดจะเฝ้าพระวิหารเพื่ออารักขากษัตริย์ 8 จงอารักขารอบองค์กษัตริย์ ถืออาวุธพร้อมและประหารทุกคนที่พยายามจะบุกเข้ามา จงอยู่เคียงข้างพระองค์ไม่ว่าจะเสด็จไปทางใด” 9 บรรดานายทหารจึงปฏิบัติตามคำสั่งของปุโรหิตเยโฮยาดา ต่างนำพลที่จะผลัดเวรกันในวันสะบาโตมาพบเยโฮยาดา 10 แล้วเขานำหอกและโล่ของกษัตริย์ดาวิดในคลังพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาแจกจ่ายให้บรรดานายทหาร 11 ทหารยามถืออาวุธพร้อมยืนอารักขารอบองค์กษัตริย์ ประจำการอยู่ใกล้แท่นบูชาและจากด้านทิศใต้ของพระวิหารไปจดด้านทิศเหนือ 12 เยโฮยาดานำราชโอรสออกมาและสวมมงกุฎให้พระองค์ ถวายหนังสือพันธสัญญาและประกาศว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ พวกเขาเจิมตั้งพระองค์ ประชาชนปรบมือและโห่ร้องว่า “ขอกษัตริย์จงทรงพระเจริญ!” 13 เมื่อพระนางอาธาลิยาห์ได้ยินเสียงยามและประชาชน พระนางก็เสด็จมาหาประชาชนที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 14 พระนางทอดพระเนตรเห็นกษัตริย์ประทับยืนอยู่ข้างเสาตามพระราชประเพณี มีเจ้าหน้าที่กับคนเป่าแตรอยู่ข้างพระองค์ และปวงชนกำลังรื่นเริงยินดีและเป่าแตร พระนางอาธาลิยาห์ก็ทรงฉีกฉลองพระองค์และร้องตะโกนว่า “กบฏ! กบฏ!” 15 ปุโรหิตเยโฮยาดาสั่งบรรดาผู้บังคับกองร้อยซึ่งรับผิดชอบกองทหารว่า “คุมตัวพระนางออกไปจากแถวทหาร อย่าประหารพระนางในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าแต่ให้ฆ่าทุกคนที่พยายามจะเข้ามาช่วยพระนาง” 16 พวกเขาจึงคุมตัวพระนางไปยังประตูที่ม้าผ่านเข้าพระราชวัง […]

2พงศ์กษัตริย์ 12

โยอาชทรงซ่อมแซมพระวิหาร 1 โยอาชขึ้นเป็นกษัตริย์ตรงกับปีที่เจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เยฮู พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็มอยู่สี่สิบปี ราชมารดาคือศิบียาห์จากเบเออร์เชบา 2 โยอาชทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดหลายปีที่มีปุโรหิตเยโฮยาดาคอยถวายคำปรึกษา 3 แต่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายยังไม่ถูกทำลาย ประชากรยังคงไปถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น 4 โยอาชตรัสกับเหล่าปุโรหิตว่า “จงรวบรวมเงินที่ผู้คนนำมาถวายที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือเงินที่เรียกเก็บรายบุคคลจากการทำสำมะโนประชากร เงินถวายตามคำปฏิญาณ และเงินถวายตามความสมัครใจให้แก่พระวิหาร 5 ให้ปุโรหิตทุกคนรับเงินจากผู้ดูแลรักษาเงินคนใดคนหนึ่ง แล้วใช้เงินนั้นซ่อมแซมพระวิหารส่วนที่ชำรุด” 6 แต่จนถึงปีที่ยี่สิบสามแห่งรัชกาลโยอาช บรรดาปุโรหิตก็ยังไม่ได้ซ่อมแซมพระวิหาร 7 โยอาชจึงเรียกเยโฮยาดาและปุโรหิตอื่นๆ มาเข้าเฝ้าและตรัสถามว่า “เหตุใดท่านทั้งหลายจึงยังไม่ได้ซ่อมแซมพระวิหารส่วนที่ชำรุด? ต่อแต่นี้ไปอย่ารับเงินจากผู้ดูแลรักษาเงินอีกเลย แต่จงมอบไว้สำหรับการบูรณะซ่อมแซมพระวิหาร” 8 บรรดาปุโรหิตจึงตกลงกันว่าจะไม่รับเงินจากประชาชนอีกต่อไป และจะไม่ดำเนินการซ่อมแซมพระวิหารเอง 9 ปุโรหิตเยโฮยาดาเจาะรูไว้ที่ฝาหีบใหญ่ และนำหีบมาตั้งไว้ที่ข้างขวาแท่นบูชา ตรงทางเข้าพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าปุโรหิตที่เฝ้าประตูจะนำเงินถวายทั้งหมดที่คนนำมาถวายที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าหย่อนลงในหีบ 10 เมื่อใดก็ตามที่เห็นว่าในหีบมีเงินมากแล้ว ราชเลขาและมหาปุโรหิตจะนับเงินที่นำมาถวายในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและเก็บใส่ถุง 11 หลังจากจัดสรรเงินที่นับแล้วก็นำไปมอบให้ผู้ควบคุมการก่อสร้างพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อจ่ายให้ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง 12 ช่างก่อ ช่างสกัดหิน เพื่อซื้อไม้ซุงและหินสกัด และเพื่อค่าใช้จ่ายอื่นๆ สำหรับการซ่อมแซมพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 13 เงินถวายนี้ไม่ได้ใช้สำหรับทำอ่างเงิน กรรไกรตัดไส้ตะเกียง อ่างประพรม แตร หรือภาชนะเงินหรือทองในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า 14 แต่จ่ายให้กับคนงานเพื่อการซ่อมแซมพระวิหารเท่านั้น 15 […]

2พงศ์กษัตริย์ 13

กษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอล 1 เยโฮอาหาสโอรสของเยฮูขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรียตรงกับปีที่ยี่สิบสามของรัชกาลกษัตริย์โยอาชโอรสของอาหัสยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่สิบเจ็ดปี 2 เยโฮอาหาสทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าตามอย่างบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม พระองค์ไม่ได้ทรงเลิกทำบาปนั้น 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงทรงพระพิโรธอิสราเอลยิ่งนัก และทรงให้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของกษัตริย์ฮาซาเอลแห่งอารัมและเบนฮาดัดราชโอรสเป็นเวลานาน 4 แล้วเยโฮอาหาสอธิษฐานวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสดับฟังเพราะทรงทอดพระเนตรเห็นว่ากษัตริย์อารัมกดขี่ข่มเหงอิสราเอลยิ่งนัก 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงประทานผู้กอบกู้ซึ่งช่วยอิสราเอลพ้นจากอำนาจของอารัม ดังนั้นชนอิสราเอลจึงได้อยู่ในบ้านเรือนของตนเหมือนแต่ก่อน 6 แต่พวกเขายังไม่ได้หันหนีจากบาปของราชวงศ์เยโรโบอัมซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม พวกเขายังคงดำเนินในบาปนั้น เสาเจ้าแม่อาเชราห์ยังคงอยู่ในสะมาเรีย 7 กองทัพของเยโฮอาหาสเหลือเพียงพลม้าห้าสิบคน รถม้าศึกสิบคัน และพลเดินเท้าหนึ่งหมื่นคน เนื่องจากถูกกษัตริย์อารัมทำลายจนเป็นเหมือนฝุ่นละอองเวลานวดข้าว 8 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเยโฮอาหาส พระราชกิจ และความสำเร็จทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 9 เยโฮอาหาสทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ที่สะมาเรีย แล้วเยโฮอาชโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอล 10 เยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลในสะมาเรีย ตรงกับปีที่สามสิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์สิบหกปี 11 เยโฮอาชทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไม่ได้เลิกทำบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม พระองค์ยังคงดำเนินในบาปนั้น 12 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของเยโฮอาช พระราชกิจ และความสำเร็จทั้งปวง รวมทั้งการสงครามกับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์มีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 13 เยโฮอาชทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ในสะมาเรียร่วมกับบรรดากษัตริย์อิสราเอล แล้วเยโรโบอัมขึ้นครองราชย์แทน 14 เมื่อเอลีชาป่วยหนักใกล้ตาย กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลเสด็จมาเยี่ยมและทรงกันแสงต่อหน้าเขา และคร่ำครวญว่า “ท่านบิดา! ท่านบิดาของข้าพเจ้า! […]

2พงศ์กษัตริย์ 14

กษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ 1 อามาซิยาห์โอรสกษัตริย์โยอาชแห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สองของรัชกาลกษัตริย์เยโฮอาช โอรสกษัตริย์เยโฮอาหาสแห่งอิสราเอล 2 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ 25 พรรษา พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี ราชมารดาคือเยโฮอัดดีนจากเยรูซาเล็ม 3 อามาซิยาห์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าแม้จะไม่เทียบเท่าดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษ พระองค์ทรงดำเนินตามแบบอย่างทั้งสิ้นของโยอาชราชบิดา 4 แต่ไม่ได้ทำลายสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น 5 ทันทีที่อามาซิยาห์ทรงกุมอำนาจเหนือราชอาณาจักร ก็ทรงประหารชีวิตข้าราชสำนักที่ปลงพระชนม์พระราชบิดาซึ่งเป็นกษัตริย์ 6 แต่ไม่ได้ประหารลูกของเขาตามที่เขียนไว้ในหนังสือบทบัญญัติของโมเสสซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งไว้ว่า “อย่าประหารบิดาเพราะบาปของบุตร หรือประหารบุตรเพราะบาปของบิดา แต่ละคนจะต้องตายเพราะบาปของตนเอง” 7 อามาซิยาห์คือผู้พิชิตชาวเอโดมหนึ่งหมื่นคนในหุบเขาเกลือ ทรงตีเมืองเสลาได้ และเปลี่ยนชื่อเป็นโยกเธเอล ซึ่งยังคงเรียกกันอยู่จนทุกวันนี้ 8 แล้วอามาซิยาห์ส่งผู้สื่อสารไปถึงเยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสซึ่งเป็นโอรสกษัตริย์เยฮูแห่งอิสราเอลท้าทายว่า “จงออกมาเผชิญหน้ากัน” 9 แต่กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลทรงตอบกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ว่า “ต้นหนามในเลบานอนส่งข่าวมาถึงต้นสนซีดาร์ในเลบานอนว่า ‘ยกลูกสาวของท่านให้แต่งงานกับลูกชายของข้าพเจ้าเถิด’ แล้วมีสัตว์ป่าตัวหนึ่งในเลบานอนมาเหยียบย่ำต้นหนามนั้นป่นปี้ 10 ท่านพิชิตเอโดมได้ก็เลยผยอง ขอเชิญภาคภูมิใจในชัยชนะไปเถิด แต่จงอยู่กับบ้าน! จะแกว่งเท้าหาเสี้ยนไปทำไม ทำไมหาเรื่องให้ตัวท่านเองและยูดาห์ย่อยยับไปด้วย?” 11 แต่ว่าอามาซิยาห์ไม่ทรงฟัง กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลจึงทรงบุกเข้าโจมตี และมาเผชิญหน้ากับกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ที่เบธเชเมชในยูดาห์ 12 แล้วยูดาห์ก็ถูกอิสราเอลรุกไล่ ทุกคนพ่ายหนีกลับบ้านของตน 13 กษัตริย์เยโฮอาชแห่งอิสราเอลทรงจับกุมกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ซึ่งเป็นโอรสของโยอาชผู้เป็นโอรสของอาหัสยาห์ได้ที่เบธเชเมช เยโฮอาชเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม […]

2พงศ์กษัตริย์ 15

กษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ 1 อาซาริยาห์โอรสกษัตริย์อามาซิยาห์แห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่ยี่สิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เยโรโบอัมแห่งอิสราเอล 2 เมื่อพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ทรงมีพระชนมายุสิบหกพรรษา ทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 52 ปี ราชมารดาคือเยโคลียาห์จากเยรูซาเล็ม 3 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับอามาซิยาห์ราชบิดา 4 แต่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลายยังไม่ได้ถูกทำลายไป ประชากรยังคงถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมที่นั่น 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้กษัตริย์อาซาริยาห์เป็นโรคเรื้อนจนสิ้นพระชนม์ อาซาริยาห์จึงแยกประทับอยู่ในพระตำหนักต่างหากโยธามราชโอรสของพระองค์ทรงดูแลพระราชวังและปกครองประชาชนในแผ่นดินนั้น 6 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลของอาซาริยาห์และพระราชกิจทั้งปวงมีบันทึกไว้ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 7 อาซาริยาห์ทรงล่วงลับไปอยู่กับบรรพบุรุษและถูกฝังไว้ใกล้ๆ กับพวกเขาในเมืองดาวิด แล้วโยธามโอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทน กษัตริย์เศคาริยาห์แห่งอิสราเอล 8 เศคาริยาห์โอรสเยโรโบอัมขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งอิสราเอลตรงกับปีที่สามสิบแปดของรัชกาลกษัตริย์อาซาริยาห์แห่งยูดาห์ พระองค์ทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียหกเดือน 9 พระองค์ทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรขององค์พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับบรรพบุรุษ ไม่ได้ทรงหันจากบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทซึ่งชักนำอิสราเอลให้ทำตาม 10 ชัลลูมบุตรยาเบชคิดร้ายและปลงพระชนม์เศคาริยาห์ต่อหน้าประชาชนแล้วขึ้นครองราชย์แทน 11 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลเศคาริยาห์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล 12 จึงเป็นจริงตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเยฮูว่า “วงศ์วานของเจ้าสี่ชั่วอายุคนจะได้ครองบัลลังก์อิสราเอล” กษัตริย์ชัลลูมแห่งอิสราเอล 13 ชัลลูมบุตรยาเบชขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สามสิบเก้าของรัชกาลกษัตริย์อุสซียาห์แห่งยูดาห์ และทรงครองราชย์อยู่ในสะมาเรียหนึ่งเดือน 14 จากนั้นเมนาเฮมบุตรกาดีจากเมืองทีรซาห์ขึ้นมายังสะมาเรีย ปลงพระชนม์ชัลลูมแล้วขึ้นครองราชย์แทน 15 เหตุการณ์อื่นๆ ในรัชกาลชัลลูมและการชิงราชบัลลังก์บันทึกอยู่ในจดหมายเหตุกษัตริย์แห่งอิสราเอล 16 ครั้งนั้นเมนาเฮมยกทัพจากเมืองทีรซาห์เข้าโจมตีเมืองทิฟสาห์และทุกคนในเมืองและละแวกนั้น เนื่องจากชาวเมืองนั้นไม่ยอมเปิดประตูรับ เขาปล้นเมืองทิฟสาห์และผ่าท้องหญิงมีครรภ์ทั้งหมด กษัตริย์เมนาเฮมแห่งอิสราเอล 17 […]

2พงศ์กษัตริย์ 16

กษัตริย์อาหัสแห่งยูดาห์ 1 อาหัสโอรสกษัตริย์โยธามแห่งยูดาห์ขึ้นครองราชย์ตรงกับปีที่สิบเจ็ดของรัชกาลกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์ 2 ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุยี่สิบพรรษา และทรงครองราชย์อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มสิบหกปี อาหัสไม่ได้ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์เหมือนที่ดาวิดผู้เป็นบรรพบุรุษเคยทำ 3 แต่ทรงทำตามอย่างกษัตริย์ทั้งหลายของอิสราเอล ถึงกับนำโอรสของพระองค์มาเผาบูชายัญตามแบบอย่างอันน่าชิงชังของชนชาติต่างๆ ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขับไล่ออกไปให้พ้นหน้าชาวอิสราเอล 4 อาหัสถวายเครื่องบูชาและเผาเครื่องหอมตามสถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย บนเนินเขาต่างๆ และใต้ต้นไม้ใหญ่ทุกต้น 5 ต่อมากษัตริย์เรซีนแห่งอารัมและกษัตริย์เปคาห์บุตรเรมาลิยาห์แห่งอิสราเอลกรีธาทัพมารบกับอาหัสและล้อมกรุงเยรูซาเล็ม แต่พิชิตไม่ได้ 6 ครั้งนั้นกษัตริย์เรซีนแห่งอารัมทรงยึดเอลัทคืนให้อารัม โดยขับไล่ชาวยูดาห์ออกไป แล้วชาวเอโดมจึงเข้าไปอาศัยอยู่ที่เอลัทตราบจนทุกวันนี้ 7 อาหัสทรงส่งทูตไปแจ้งกษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรียว่า “ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของท่านและผู้สวามิภักดิ์ต่อท่าน ขอโปรดมาช่วยรบกับทัพอารัมและอิสราเอลซึ่งยกมาโจมตีข้าพเจ้าด้วยเถิด” 8 อาหัสได้นำทองคำและเงินที่มีในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าและคลังหลวงส่งไปบรรณาการแด่กษัตริย์อัสซีเรีย 9 กษัตริย์อัสซีเรียจึงโจมตีและยึดเมืองดามัสกัส ประหารเรซีน แล้วกวาดต้อนชาวเมืองไปเป็นเชลยที่เมืองคีร์ 10 กษัตริย์อาหัสเสด็จไปที่เมืองดามัสกัสเพื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์ทิกลัทปิเลเสอร์แห่งอัสซีเรีย พระองค์ทรงเห็นแท่นบูชาที่เมืองดามัสกัส จึงส่งแบบร่างและรายละเอียดในการสร้างแท่นบูชามาให้ปุโรหิตอุรียาห์ 11 ดังนั้นปุโรหิตอุรียาห์จึงสร้างแท่นบูชาขึ้นมาอีกแท่นหนึ่งตามแบบที่กษัตริย์อาหัสส่งมาจากเมืองดามัสกัสทุกประการ และสร้างเสร็จก่อนที่กษัตริย์อาหัสจะเสด็จกลับมา 12 เมื่อกษัตริย์เสด็จกลับมาจากเมืองดามัสกัสและเห็นแท่น ก็ถวายเครื่องบูชาบนแท่นนั้น 13 ทรงถวายเครื่องเผาบูชา ธัญบูชา เครื่องดื่มบูชา และประพรมเลือดจากเครื่องสันติบูชาบนแท่นนั้น 14 ส่วนแท่นบูชาทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าแท่นเดิมนั้น พระองค์ทรงย้ายจากด้านหน้าของพระวิหาร คือระหว่างแท่นบูชาใหม่กับพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าไปตั้งไว้ด้านทิศเหนือของแท่นบูชาใหม่ 15 กษัตริย์อาหัสทรงบัญชาปุโรหิตอุรียาห์ว่า “จงใช้แท่นบูชาใหม่นี้สำหรับถวายเครื่องเผาบูชายามเช้า ธัญบูชายามเย็น […]