โยชูวา 20

เมืองลี้ภัย 1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า 2 “จงสั่งประชากรอิสราเอลให้กำหนดเมืองลี้ภัยตามที่เราได้สั่งโมเสสไว้ 3 ผู้ใดกระทำให้คนตายโดยไม่เจตนาและเป็นอุบัติเหตุสามารถหนีมายังเมืองเหล่านี้ และได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากผู้แก้แค้น 4 “เมื่อผู้ถูกกล่าวหาหนีมายังเมืองลี้ภัยแห่งใดแห่งหนึ่ง เขาต้องยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูเมืองและชี้แจงคดีต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโสของเมืองนั้น ผู้อาวุโสจะต้องยินยอมให้ผู้นั้นเข้ามาและให้ที่พักอาศัยแก่เขา 5 หากผู้แก้แค้นไล่ตามมา อย่ามอบตัวผู้ถูกกล่าวหาให้แก่ผู้แก้แค้น เพราะเขาฆ่าเพื่อนบ้านโดยไม่ตั้งใจและไม่ได้คิดมุ่งร้ายไว้ก่อน 6 เขาจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองนั้นจนกระทั่งได้รับการไต่สวนต่อหน้าชุมนุมประชากร และจวบจนมหาปุโรหิตซึ่งดำรงตำแหน่งในช่วงเกิดเหตุนั้นสิ้นชีวิต เขาจึงจะกลับภูมิลำเนาเดิมที่เขาหนีมาได้” 7 เมืองที่เขาตั้งเป็นเมืองลี้ภัยคือเคเดชแห่งกาลิลีในแถบเทือกเขาแห่งนัฟทาลี เชเคมในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิม และคีริยาทอารบา (คือเฮโบรน) ในแถบเทือกเขาแห่งยูดาห์ 8 ทางฟากตะวันออกของจอร์แดนแห่งเยรีโคพวกเขากำหนดเมืองเบเซอร์ในถิ่นกันดารบนที่ราบสูงในเขตเผ่ารูเบน เมืองราโมทในกิเลอาดในเขตเผ่ากาด และเมืองโกลานในบาชานในเขตเผ่ามนัสเสห์ 9 เมืองลี้ภัยเหล่านี้สำหรับทั้งชาวอิสราเอลและคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา เพื่อผู้ใดก็ตามที่ทำให้คนตายโดยไม่เจตนา สามารถไปหลบอยู่ที่เมืองเหล่านี้โดยไม่ถูกฆ่าล้างแค้นก่อนที่จะได้รับการไต่สวนคดีต่อหน้าชุมนุมประชากร —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JOS/20-631404e74fb468de165f40b320c1d7ce.mp3?version_id=179—

โยชูวา 21

เมืองสำหรับเผ่าเลวี 1 บรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่าเลวีมาหารือกับปุโรหิตเอเลอาซาร์ โยชูวาบุตรนูนและบรรดาหัวหน้าครอบครัวของเผ่าอื่นๆ ของอิสราเอล 2 ที่ชิโลห์ในคานาอันและกล่าวกับพวกเขาว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสให้ยกเมืองต่างๆ แก่พวกข้าพเจ้า เพื่อเป็นที่อาศัยพร้อมกับทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์ของเรา” 3 ดังนั้นชนอิสราเอลจึงยกเมืองต่างๆ กับทุ่งหญ้าในเขตกรรมสิทธิ์ของตนให้แก่ชนเลวีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาไว้ 4 สลากแรกได้แก่ตระกูลโคฮาทของเผ่าเลวี วงศ์วานของอาโรนตามแต่ละตระกูลได้รับ 13 เมืองจากเผ่ายูดาห์ สิเมโอน และเบนยามิน 5 ส่วนลูกหลานที่เหลือของโคฮาทได้รับ 10 เมืองจากตระกูลต่างๆ ของเผ่าเอฟราอิม ดาน และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า 6 วงศ์วานเกอร์โชนได้รับ 13 เมืองจากตระกูลต่างๆ ของเผ่าอิสสาคาร์ อาเชอร์ นัฟทาลี และมนัสเสห์อีกครึ่งเผ่าในบาชาน 7 วงศ์วานเมรารีตามแต่ละตระกูลได้รับ 12 เมืองจากเผ่ารูเบน กาด และเศบูลุน 8 ดังนั้นชาวอิสราเอลได้แบ่งสรรเมืองและทุ่งหญ้าเหล่านี้ให้แก่คนเลวีตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบัญชาโมเสสไว้ 9 พวกเขาแบ่งสรรเมืองจากเผ่ายูดาห์และสิเมโอนตามรายชื่อดังนี้ 10 (เมืองเหล่านี้เป็นของคนเลวีปุโรหิตจากตระกูลโคฮาทวงศ์วานของอาโรน เนื่องจากสลากแรกเป็นของพวกเขา) 11 พวกเขาได้ให้เมืองคีริยาทอารบา (คือเฮโบรน) กับทุ่งหญ้าโดยรอบในแถบเทือกเขาแห่งยูดาห์ (อารบาเป็นบรรพบุรุษของชาวอานาค) 12 แต่ทุ่งนากับหมู่บ้านโดยรอบได้ยกให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์เป็นกรรมสิทธิ์ […]

โยชูวา 22

เผ่าทางด้านตะวันออกกลับบ้าน 1 แล้วโยชูวาเรียกชุมนุมเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า 2 และกล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายได้ทำทุกสิ่งตามที่โมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าบัญชาไว้ และเชื่อฟังคำสั่งของข้าพเจ้าทุกอย่าง 3 ท่านไม่ได้ละทิ้งพี่น้อง แต่ปฏิบัติหน้าที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบหมายมาเป็นเวลานานจนถึงทุกวันนี้ 4 บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงโปรดประทานการหยุดพักแก่พี่น้องของท่านตามที่ทรงสัญญาไว้ ฉะนั้นจงกลับไปยังบ้านของท่านในดินแดนอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบให้ท่านแล้ว 5 แต่จงตั้งใจปฏิบัติตามบทบัญญัติและกฎเกณฑ์ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้มอบไว้กับท่าน คือจงรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน จงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ จงปฏิบัติตามพระบัญชา จงยึดมั่นในพระองค์ และปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจเถิด” 6 โยชูวาจึงอวยพรพวกเขาและส่งกลับไปยังดินแดนของเขา 7 (โมเสสได้มอบดินแดนบาชานให้เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า ส่วนอีกครึ่งเผ่า โยชูวาได้มอบดินแดนทางฟากตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้ครอบครองร่วมกับพี่น้องเผ่าอื่นๆ) โยชูวาส่งพวกเขากลับบ้านและอวยพรพวกเขา 8 พร้อมทั้งกล่าวว่า “จงกลับบ้านไปพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมาย ทั้งฝูงสัตว์ เงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ และเหล็ก พร้อมทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์จำนวนมาก และจงแบ่งทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากศัตรูให้แก่พี่น้องของท่าน” 9 ดังนั้นบรรดาคนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าจึงจากชนอิสราเอลที่ชิโลห์ในคานาอัน เพื่อกลับสู่กิเลอาดอันเป็นดินแดนกรรมสิทธิ์ของตนซึ่งได้มาตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้บัญชาผ่านทางโมเสส 10 เมื่อพวกเขามาถึงเกลีโลทใกล้แม่น้ำจอร์แดนในแผ่นดินคานาอัน ชนเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้สร้างแท่นบูชาขนาดใหญ่ขึ้นใกล้ๆ แม่น้ำจอร์แดนนั้น 11 เมื่อชาวอิสราเอลได้ยินว่าพวกเขาได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่เกลีโลท ชายแดนคานาอันใกล้แม่น้ำจอร์แดนในเขตแดนอิสราเอล 12 ประชากรอิสราเอลทั้งหมดก็มาชุมนุมกันที่ชิโลห์เตรียมรบกับพวกเขา […]

โยชูวา 23

โยชูวาอำลาเหล่าผู้นำ 1 หลังจากนี้เป็นเวลานานและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดให้อิสราเอลพักสงบจากศัตรูรอบด้าน ครั้งนั้นโยชูวาแก่มากแล้ว 2 เขาเรียกประชุมอิสราเอลทั้งปวง อันมีผู้อาวุโส ผู้นำ ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ เขากล่าวกับคนเหล่านั้นว่า “ข้าพเจ้าก็แก่มากแล้ว 3 ท่านเองได้เห็นสิ่งทั้งปวงซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงกระทำแก่ชนชาติทั้งหมดนี้เพื่อท่าน พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านนี่แหละที่ทรงต่อสู้กับศัตรูเพื่อท่าน 4 จงจำไว้ว่าข้าพเจ้าได้แบ่งสรรดินแดนของชาติต่างๆ ซึ่งยังไม่ได้พิชิตเช่นเดียวกับดินแดนที่ข้าพเจ้าได้พิชิตแล้วให้แก่ท่าน คือดินแดนทั้งหมดระหว่างแม่น้ำจอร์แดนกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้านตะวันตก 5 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเองจะทรงขับไล่พวกเขาออกไปให้พ้นจากทางของท่าน และท่านจะยึดครองดินแดนของพวกเขาตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสัญญากับท่านไว้ 6 “จงเข้มแข็งและใส่ใจปฏิบัติตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส โดยไม่หันเหไปทางซ้ายหรือทางขวา 7 อย่าคบหากับชนชาติเหล่านี้ซึ่งยังคงอยู่ท่ามกลางพวกท่าน อย่าเอ่ยนามหรือสาบานโดยอ้างชื่อพระทั้งหลายของเขา อย่าปรนนิบัติหรือกราบไหว้พระเหล่านั้น 8 แต่จงยึดมั่นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเหมือนที่ท่านทำอยู่จนถึงบัดนี้ 9 “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงขับไล่ชนชาติต่างๆ ที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งออกไปต่อหน้าท่าน และไม่มีผู้ใดต้านทานท่านได้ตราบจนทุกวันนี้ 10 ท่านหนึ่งคนรุกไล่ศัตรูนับพันเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงต่อสู้เพื่อท่านตามที่ทรงสัญญาไว้ 11 ฉะนั้นจงใส่ใจที่จะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 12 “แต่หากพวกท่านหันหนี และไปคบหากับชนชาติเหล่านี้ที่ยังคงหลงเหลือท่ามกลางพวกท่าน หากท่านแต่งงานกับเขาหรือข้องเกี่ยวกับเขา 13 ก็จงรู้แน่เถิดว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะไม่ขับไล่ชนชาติเหล่านั้นออกไปให้พ้นหน้าท่าน แต่ในทางกลับกัน เขาจะกลายป็นบ่วงแร้วและกับดักล่อท่าน เป็นแส้ที่โบยหลังของท่าน เป็นเสี้ยนหนามของท่าน จนกว่าท่านจะพินาศไปจากดินแดนอันอุดมสมบูรณ์นี้ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน 14 “อีกไม่นานข้าพเจ้าก็จะตายไปเหมือนคนอื่นๆ ท่านก็รู้ด้วยสุดจิตสุดใจว่าพระสัญญาอันประเสริฐซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านให้ไว้กับท่านนั้นล้วนเป็นจริง ไม่มีขาดตกบกพร่องไปแม้แต่ข้อเดียว 15 […]

โยชูวา 24

ฟื้นฟูพันธสัญญาที่เชเคม 1 แล้วโยชูวาจึงเรียกอิสราเอลทุกเผ่าที่เชเคม พร้อมทั้งบรรดาผู้อาวุโส ผู้นำ ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ของอิสราเอลมาเข้าเฝ้าต่อหน้าพระเจ้า 2 โยชูวากล่าวแก่ประชากรทั้งปวงดังนี้ “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสว่า ‘นานมาแล้วบรรพบุรุษของเจ้าทั้งหลาย รวมทั้งเทราห์บิดาของอับราฮัมและนาโฮร์อาศัยอยู่ฟากข้างโน้นของแม่น้ำยูเฟรติสและนมัสการพระอื่นๆ 3 แต่เราได้พาอับราฮัมบิดาของเจ้าจากดินแดนนั้น ข้ามแม่น้ำยูเฟรติสมายังดินแดนคานาอัน และให้เขามีลูกหลานมากมาย เราให้อิสอัคแก่เขา 4 และเราให้ยาโคบกับเอซาวแก่อิสอัค เรายกดินแดนแถบภูเขาเสอีร์ให้แก่เอซาว ส่วนยาโคบกับลูกๆ ไปยังอียิปต์ 5 “ ‘แล้วเราส่งโมเสสกับอาโรนไป เราลงโทษชาวอียิปต์ด้วยภัยพิบัติต่างๆ ที่เราทำ และนำพวกเจ้าออกมา 6 เมื่อเรานำบรรพบุรุษของเจ้าออกจากอียิปต์มาถึงทะเลแดงและรถม้าศึกกับเหล่าทหารม้าของชาวอียิปต์ไล่ล่าพวกเขามาจนถึงทะเลนั้น 7 พวกเขาได้ร้องขอความช่วยเหลือจากองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระองค์ก็ทรงบันดาลความมืดกั้นระหว่างพวกเจ้ากับชาวอียิปต์ พระองค์ให้ทะเลถาโถมเข้าใส่พวกเขา เจ้าทั้งหลายได้เห็นสิ่งที่เราทำแก่ชาวอียิปต์กับตา จากนั้นพวกเจ้าอาศัยอยู่ในถิ่นกันดารเป็นเวลานาน 8 “ ‘เราได้นำเจ้าทั้งหลายมายังดินแดนของชาวอาโมไรต์ทางฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน เขาสู้รบกับเจ้า แต่เรามอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า เราทำลายพวกเขาให้พ้นหน้าเจ้า และเจ้าเข้ายึดครองดินแดนของพวกเขา 9 เมื่อบาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับเตรียมสู้รบกับอิสราเอล เขาได้เรียกบาลาอัมบุตรเบโอร์มาแช่งเจ้า 10 แต่เราไม่ฟังบาลาอัม ดังนั้นเขาจึงอวยพรเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า และเรากอบกู้เจ้าจากเงื้อมมือของเขา 11 “ ‘จากนั้นเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดนมายังเยรีโค ชาวเยรีโคสู้กับเจ้า เช่นเดียวกับชาวอาโมไรต์ เปริสซี คานาอัน ฮิตไทต์ เกอร์กาชี […]

เฉลยธรรมบัญญัติ 1

พระบัญชาให้ออกจากโฮเรบ 1 ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำซึ่งโมเสสกล่าวแก่ชาวอิสราเอลทั้งปวงในถิ่นกันดารฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน คือที่ราบอาราบาห์ ซึ่งอยู่ตรงข้ามเมืองสูฟ ที่แห่งนี้อยู่ระหว่างปารานกับโทเฟล ลาบาน ฮาเซโรท และดีซาหับ 2 (การเดินทางจากโฮเรบไปยังคาเดชบารเนียผ่านไปทางภูเขาเสอีร์ ต้องใช้เวลาสิบเอ็ดวัน) 3 ในวันที่หนึ่ง เดือนที่สิบเอ็ด ปีที่สี่สิบ โมเสสประกาศแก่ชนอิสราเอลถึงสิ่งทั้งปวงที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสสเกี่ยวกับพวกเขา 4 ในเวลานั้นเขาเพิ่งรบชนะกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ผู้ปกครองเฮชโบน และพวกเขารบชนะกษัตริย์โอกแห่งบาชานผู้ปกครองอัชทาโรทที่เอเดรอี 5 โมเสสเริ่มชี้แจงบทบัญญัติที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนในดินแดนโมอับดังนี้ว่า 6 พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตรัสกับเราที่ภูเขาโฮเรบว่า “พวกเจ้าพักอยู่ที่ภูเขานี้นานพอแล้ว 7 จงเลิกค่ายและรุกเข้าไปในแดนเทือกเขาของชาวอาโมไรต์ จงเข้าไปยังชนชาติที่อยู่ใกล้เคียงทั้งปวงในที่ราบอาราบาห์ ในภูเขา ในเชิงเขาทางตะวันตก ในเนเกบและชายฝั่งทะเล ไปยังดินแดนคานาอันและเลบานอน จนจดแม่น้ำใหญ่คือแม่น้ำยูเฟรติส 8 ดูเถิดเราได้ยกดินแดนนี้ให้เจ้า จงไปครอบครองดินแดนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้สัญญาว่าจะยกให้แก่บรรพบุรุษของเจ้าคืออับราฮัม อิสอัค และยาโคบ และกับวงศ์วานของพวกเขา” การแต่งตั้งผู้นำ 9 ครั้งนั้นข้าพเจ้าได้กล่าวแก่พวกท่านว่า “พวกท่านเป็นภาระหนักเกินกว่าข้าพเจ้าจะรับผิดชอบเพียงคนเดียว 10 พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงให้ท่านทวีจำนวนขึ้นจนในวันนี้มีมากมายดุจดวงดาวในท้องฟ้า 11 ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านทรงเพิ่มพูนพวกท่านยิ่งขึ้นอีกพันเท่า และทรงอวยพรพวกท่านตามที่ทรงสัญญาไว้! 12 แต่ข้าพเจ้าเพียงคนเดียวจะรับปัญหา ภาระ และกรณีพิพาททั้งปวงของพวกท่านได้อย่างไร? 13 จงเลือกบางคนจากแต่ละเผ่า ซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาด […]

เฉลยธรรมบัญญัติ 2

การเร่ร่อนในถิ่นกันดาร 1 จากนั้นเราวกกลับไปยังถิ่นกันดาร ตามเส้นทางสู่ทะเลแดงตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาข้าพเจ้า เรารอนแรมอยู่แถบเทือกเขาเสอีร์เป็นเวลานาน 2 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า 3 “เจ้าทั้งหลายวนเวียนอยู่แถบเทือกเขานี้นานพอแล้ว บัดนี้จงขึ้นไปทางเหนือ 4 จงสั่งประชากรดังนี้ว่า ‘เจ้ากำลังจะผ่านดินแดนของพี่น้องของเจ้าผู้เป็นวงศ์วานของเอซาวซึ่งอาศัยอยู่ในเสอีร์ พวกเขาจะหวาดกลัวเจ้า แต่จงระมัดระวัง 5 อย่ายั่วยุพวกเขาให้ทำสงครามเพราะเราจะไม่ยกดินแดนของเขาให้เจ้าแม้แต่คืบเดียว เราได้ยกดินแดนเทือกเขาเสอีร์ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเอซาวแล้ว 6 เจ้าจะต้องจ่ายเงินค่าน้ำค่าอาหารให้แก่เขา’ ” 7 พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรการงานทุกอย่างที่ท่านทำ ทรงดูแลท่านตลอดการเดินทางผ่านถิ่นกันดารอันกว้างใหญ่นี้ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสถิตกับท่านตลอดสี่สิบปีมานี้ และท่านไม่ได้ขัดสนสิ่งใดเลย 8 ฉะนั้นเราจึงเดินทางผ่านพี่น้องของเรา คือวงศ์วานเอซาวซึ่งอาศัยในเสอีร์ หันจากเส้นทางอาราบาห์ซึ่งมาจากเอลัทและเอซีโอนเกเบอร์ และเลี้ยวไปตามทางถิ่นกันดารโมอับ 9 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อย่าไปรบกวนหรือยั่วยุชาวโมอับให้ทำสงคราม เพราะเราจะไม่ยกดินแดนส่วนใดของเขาให้เจ้า เราได้ยกดินแดนอาร์ให้เป็นกรรมสิทธิ์แก่วงศ์วานของโลทแล้ว” 10 (ชาวเอมิมเคยอาศัยอยู่ที่นั่น เป็นชนชาติใหญ่และเข้มแข็ง สูงใหญ่เหมือนมนุษย์ยักษ์อานาค 11 ทั้งชาวเอมิมและชาวอานาคมักจะถูกเรียกว่าเรฟาอิม แต่คนโมอับเรียกพวกเขาว่าเอมิม 12 ชาวโฮรีเคยอาศัยอยู่ในเสอีร์ แต่ถูกวงศ์วานของเอซาวขับไล่ออกไป พวก เขาทำลายชาวโฮรีและยึดครองดินแดน เหมือนที่อิสราเอลจะยึดครองดินแดนซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้ายกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขา) 13 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “บัดนี้จงลุกขึ้นข้ามหุบเขาเศเรด” เราก็ข้ามไป 14 เราใช้เวลา 38 […]

เฉลยธรรมบัญญัติ 3

พิชิตกษัตริย์โอกแห่งบาชาน 1 ต่อมาเราขึ้นไปตามเส้นทางสู่ดินแดนบาชาน และกษัตริย์โอกแห่งบาชานยกไพร่พลทั้งหมดขึ้นมาสู้กับเราที่เอเดรอี 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ไม่ต้องกลัวเขา เพราะเราได้มอบเขากับไพร่พลทั้งหมดและดินแดนของเขาแก่เจ้าแล้ว จงทำกับเขาเหมือนที่ได้ทำกับกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์ผู้ปกครองอยู่ในเฮชโบน” 3 ดังนั้นพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราได้ทรงมอบกษัตริย์โอกแห่งบาชานกับไพร่พลทั้งหมดไว้ในมือของเรา เราประหารพวกเขาหมดไม่เหลือรอดสักคน 4 ในเวลานั้นเรายึดหัวเมืองทั้งหกสิบแห่งของเขา คือทั่วภูมิภาคอารโกบซึ่งเป็นอาณาจักรของโอกในบาชาน 5 เมืองเหล่านี้เป็นเมืองป้อมปราการ มีกำแพงสูง ประตูก็ลงดาลแน่นหนา และเราตีหมู่บ้านมากมายหลายแห่งซึ่งไม่มีกำแพงล้อมรอบได้ด้วย 6 เราทำลายล้างพวกเขาหมดสิ้นเหมือนที่ได้ทำแก่กษัตริย์สิโหนแห่งเฮชโบน คือทำลายล้างทุกเมือง ทำลายทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก 7 แต่เรายึดฝูงสัตว์พร้อมทั้งทรัพย์สินที่ได้จากเมืองต่างๆ มาเป็นของเรา 8 ครั้งนั้นเราได้ยึดครองดินแดนทั้งหมดของกษัตริย์ชาวอาโมไรต์ทั้งสองในฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน จากโกรกธารอารโนนจดภูเขาเฮอร์โมน 9 (ชาวไซดอนเรียกภูเขาเฮอร์โมนว่า สีรีออน ส่วนชาวอาโมไรต์เรียกว่า เสนีร์) 10 เรายึดทุกเมืองบนที่ราบสูงนั้น และกิเลอาดกับบาชานทั้งหมดไปถึงเมืองสาเลคาห์และเมืองเอเดรอีของอาณาจักรโอกในบาชาน 11 (กษัตริย์โอกแห่งบาชานผู้นี้เป็นเรฟาอิมคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เตียงเหล็กของเขายาว 9 ศอกและกว้าง 4 ศอกเตียงนี้ยังอยู่ที่รับบาห์ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งของชาวอัมโมน) การแบ่งดินแดน 12 ข้าพเจ้ายกดินแดนที่ยึดมาได้ในครั้งนั้นให้แก่เผ่ารูเบนและเผ่ากาด คือตั้งแต่อาโรเออร์ริมโกรกธารอารโนน ครึ่งหนึ่งของแดนเทือกเขากิเลอาดและหัวเมืองต่างๆ 13 ส่วนดินแดนกิเลอาดที่เหลือและดินแดนบาชานทั้งหมดซึ่งเดิมเป็นอาณาจักรของกษัตริย์โอกมอบให้แก่เผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า (อารโกบในบาชานนี้เคยได้ชื่อว่า […]

เฉลยธรรมบัญญัติ 4

บัญชาให้เชื่อฟัง 1 อิสราเอลเอ๋ย บัดนี้จงฟังกฎหมายและบทบัญญัติซึ่งข้าพเจ้าจะสอน จงปฏิบัติตามเพื่อท่านจะมีชีวิตอยู่และเข้าไปครอบครองดินแดนที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของท่านกำลังยกให้ท่าน 2 อย่าเพิ่มเติมหรือตัดทอนข้อความใดๆ ในบทบัญญัตินี้ แต่จงปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านซึ่งข้าพเจ้ามอบให้แก่ท่าน 3 ท่านก็ได้เห็นกับตาแล้วถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำที่บาอัลเปโอร์ พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านทรงประหารทุกคนที่ติดตามพระบาอัลแห่งเปโอร์ 4 แต่ทุกคนที่ยึดมั่นในพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ตราบจนทุกวันนี้ 5 ดูเถิด ข้าพเจ้าได้สอนกฎหมายและบทบัญญัติตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าทรงบัญชาแก่ท่าน เพื่อท่านจะปฏิบัติตามในดินแดนที่ท่านจะเข้ายึดครอง 6 จงปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อแสดงให้ประชาชาติทั้งหลายเห็นถึงสติปัญญาและความเข้าใจของท่าน เมื่อพวกเขาได้ยินถึงกฎหมายเหล่านี้ พวกเขาจะกล่าวว่า “ชนชาติยิ่งใหญ่นี้มีปัญญาและมีความเข้าใจจริงๆ” 7 ชาติใดเล่าที่ยิ่งใหญ่ขนาดมีพระเจ้าของพวกเขาอยู่ใกล้ชิดอย่างที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงอยู่ใกล้ชิดเราทุกครั้งที่เราทูลอธิษฐานต่อพระองค์? 8 และมีชาติใดเล่าที่ยิ่งใหญ่ขนาดมีกฎหมายและบทบัญญัติอันชอบธรรมเหมือนบทบัญญัติซึ่งข้าพเจ้ามอบให้พวกท่านในวันนี้? 9 แต่จงรักษาตัวรักษาใจของท่านให้ดีเพื่อท่านจะไม่หลงลืมสิ่งที่ท่านเห็นกับตา ไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เลือนรางจากใจตราบชั่วชีวิต จงสอนลูกหลานสืบต่อกันไป 10 จงรำลึกถึงวันที่ท่านยืนอยู่ต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายที่ภูเขาโฮเรบ เมื่อพระองค์ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงเรียกประชากรมาชุมนุมต่อหน้าเรา เพื่อฟังถ้อยคำของเรา เพื่อเขาจะเรียนรู้ที่จะยำเกรงเราตราบเท่าที่เขายังมีชีวิตอยู่บนแผ่นดินนี้ และเพื่อเขาจะสอนบัญญัติของเราแก่ลูกหลาน” 11 ท่านทั้งหลายได้เข้ามาใกล้และยืนอยู่ที่เชิงเขาซึ่งมีไฟลุกโชติช่วงขึ้นสู่ท้องฟ้า รายรอบด้วยเมฆดำและความมืดทึบ 12 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับท่านจากเปลวไฟ ท่านได้ยินพระดำรัสแต่ไม่ได้เห็นรูปพรรณสัณฐานของพระองค์ มีแต่พระสุรเสียงเท่านั้น 13 พระองค์ทรงประกาศพันธสัญญาของพระองค์ คือบัญญัติสิบประการซึ่งพระองค์ทรงบัญชาให้ท่านปฏิบัติตาม แล้วทรงจารึกบัญญัตินั้นไว้บนศิลาสองแผ่น 14 ครั้งนั้นเององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาให้ข้าพเจ้าสอนกฎหมายและบทบัญญัติซึ่งท่านจะต้องปฏิบัติตามในดินแดนที่ท่านกำลังจะข้ามแม่น้ำจอร์แดนเข้าไปยึดครอง ห้ามกราบไหว้รูปเคารพ 15 พวกท่านไม่ได้เห็นรูปพรรณสัณฐานใดๆ […]

เฉลยธรรมบัญญัติ 5

พระบัญญัติสิบประการ 1 โมเสสเรียกชาวอิสราเอลทั้งปวงมาประชุมและกล่าวว่า “อิสราเอลเอ๋ย จงฟังกฎหมายและบทบัญญัติซึ่งข้าพเจ้าประกาศแก่ท่านวันนี้ จงเรียนรู้และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 2 พระยาห์เวห์พระเจ้าของเราทรงทำพันธสัญญากับเราที่ภูเขาโฮเรบ 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงทำพันธสัญญานี้กับบรรพบุรุษของเรา แต่กับพวกเราทุกคนที่มีชีวิตอยู่ที่นี่ในวันนี้ 4 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสออกมาจากไฟต่อหน้าท่านบนภูเขานั้น 5 (ในครั้งนั้นข้าพเจ้าเป็นคนกลางระหว่างองค์พระผู้เป็นเจ้ากับท่านเพื่อประกาศพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าแก่ท่าน เพราะท่านกลัวไฟและไม่ได้ขึ้นไปบนภูเขา) และพระองค์ตรัสว่า 6 “เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า ผู้นำเจ้าออกมาจากอียิปต์ ออกจากแดนทาส 7 “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดต่อหน้าเรา 8 “อย่าสร้างแบบจำลองให้กับตนเอง เป็นรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีอยู่ในฟ้าสวรรค์เบื้องบน แผ่นดินโลกเบื้องล่าง หรือท้องน้ำเบื้องลึก 9 อย่ากราบไหว้หรือนมัสการสิ่งเหล่านั้น เพราะเรา พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเป็นพระเจ้าผู้หึงหวง เราจะลงโทษลูกหลานของผู้ที่เกลียดชังเราไปสามสี่ชั่วอายุเพราะบาปของเขา 10 แต่เราจะรักลูกหลานของผู้ที่รักเราและปฏิบัติตามคำสั่งของเราตลอดพันชั่วอายุคน 11 “อย่ายกพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้ามาอ้างอย่างไม่สมควร เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษผู้ที่อ้างพระนามของพระองค์เช่นนั้น 12 “จงรักษาวันสะบาโตโดยการทำให้วันนั้นบริสุทธิ์ตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าได้ทรงบัญชาไว้ 13 จงทำงานทั้งสิ้นของเจ้าในหกวัน 14 แต่ในวันที่เจ็ดเป็นวันสะบาโตแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า อย่าทำงานใดๆ ในวันนั้นไม่ว่าตัวเจ้า บุตรชาย บุตรสาว ทาสชายหญิง วัว ลา สัตว์ใดๆ แม้แต่คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับเจ้า เพื่อทาสชายหญิงของเจ้าจะได้พักเช่นเดียวกับเจ้า 15 […]