การกดขี่ข่มเหง การตรากตรำ และการไร้ญาติขาดมิตร 1 แล้วข้าพเจ้าได้มองดูและได้เห็นการกดขี่ข่มเหงทั้งปวงซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ ข้าพเจ้าเห็นน้ำตาของคนที่ถูกกดขี่ข่มเหง และไม่มีใครปลอบโยนเขา อำนาจทั้งหลายก็อยู่ในมือของคนที่กดขี่ และไม่มีใครปลอบโยนเขา 2 ข้าพเจ้าจึงประกาศว่าคนที่ตายไปแล้ว มีความสุขมากกว่าคนเป็นซึ่งยังต้องมีชีวิตอยู่ 3 แต่คนที่ยังไม่เกิดมา ที่ยังไม่เคยเห็นความชั่วร้าย ที่เขาเคยทำกันมาภายใต้ดวงอาทิตย์ ก็ยังดีกว่าคนทั้งสองจำพวกนั้น 4 และข้าพเจ้าได้เห็นว่าการงานทั้งหลายและความสำเร็จทั้งปวงเกิดขึ้นจากการอิจฉาเพื่อนบ้านด้วยกัน นี่ก็อนิจจัง เหมือนวิ่งไล่ตามลม 5 คนโง่งอมืองอเท้า และทำลายตัวเอง 6 มีทรัพย์เพียงกำมือเดียวแต่มีความสงบสุข ก็ดีกว่ามีเต็มสองมือแต่ต้องตรากตรำ และวิ่งไล่ตามลม 7 ข้าพเจ้ายังเห็นความอนิจจังบางอย่างภายใต้ดวงอาทิตย์ 8 คนหนึ่งที่อยู่ตามลำพัง ไม่มีลูก ไม่มีพี่น้อง เขาตรากตรำไม่จบสิ้น ถึงอย่างนั้นตาของเขาก็ไม่พึงพอใจกับทรัพย์สมบัติที่ตนมี เขาถามตนเองว่า “ฉันจะตรากตรำไปเพื่อใคร และฉันจะทำตัวอดอยากปากแห้งไปทำไม?” นี่ก็อนิจจัง เป็นเรื่องน่าสังเวช! 9 สองคนช่วยกันทำดีกว่าทำคนเดียว เพราะจะได้ผลงานที่ดีกว่า 10 หากคนหนึ่งล้มลง เพื่อนของเขาก็สามารถพยุงเขาขึ้น แต่น่าสงสารคนที่อยู่คนเดียว เพราะเมื่อเขาล้มลงก็ไม่มีใครพยุงเขาขึ้น! 11 นอกจากนี้หากสองคนนอนด้วยกัน ก็ได้ไออุ่นจากกันและกัน แต่คนที่นอนอยู่คนเดียวจะอุ่นได้อย่างไร? 12 ตัวคนเดียวอาจถูกปราบลง […]
Monthly Archives: June 2018
ปัญญาจารย์ 5
จงยำเกรงพระเจ้า 1 จงระมัดระวังแต่ละย่างก้าวเมื่อท่านไปยังพระนิเวศของพระเจ้า เข้าไปฟังใกล้ๆ ก็ดีกว่าถวายเครื่องบูชาแบบคนโง่ ซึ่งไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด 2 อย่าปากไว อย่าใจร้อนผลีผลาม พลั้งปากพล่อยๆ ต่อหน้าพระเจ้า พระเจ้าประทับในฟ้าสวรรค์ ส่วนท่านอยู่บนโลก ฉะนั้นจงพูดแต่น้อยคำ 3 ห่วงกังวลมากก็ฝันมาก ยิ่งพูดมากก็ยิ่งพูดโง่ๆ 4 เมื่อถวายปฏิญาณต่อพระเจ้าแล้ว จงรีบทำให้ครบถ้วน พระเจ้าไม่พอพระทัยคนโง่ จงทำตามที่ปฏิญาณไว้ 5 ไม่ปฏิญาณยังดีกว่าปฏิญาณแล้วไม่ทำให้ครบถ้วน 6 อย่าให้ปากพาตัวหลงทำบาป และอย่าแก้ตัวกับผู้สื่อสารของพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าเผลอปฏิญาณไป” จะให้พระเจ้าทรงพระพิโรธวาจาของท่านและทำลายกิจการจากน้ำมือของท่านทำไมเล่า? 7 ฝันมากและพูดมากก็อนิจจัง ดังนั้นจงยำเกรงพระเจ้าเถิด ความร่ำรวยก็อนิจจัง 8 หากท่านเห็นคนจนในเมืองถูกข่มเหงรังแกและเห็นความยุติธรรมและสิทธิถูกละเลยในที่ใดก็ตาม อย่าฉงนสนเท่ห์เลย เพราะเจ้าหน้าที่ทุกคนอยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ที่อยู่เหนือเขาและเหนือกว่านั้นขึ้นไปก็ยังมีผู้บังคับบัญชาสูงขึ้นไปอีก 9 ทุกคนฉวยเอาผลิตผลจากแผ่นดิน กษัตริย์เองทรงได้ประโยชน์จากเรือกสวนไร่นา 10 ผู้รักเงินย่อมไม่อิ่มด้วยเงิน ผู้รักสมบัติไม่เคยอิ่มด้วยรายได้ นี่ก็อนิจจัง 11 เมื่อมีข้าวของเพิ่มขึ้น ก็เพิ่มคนบริโภค คนที่เป็นเจ้าของจะได้ประโยชน์อะไร นอกจากชมเล่นเป็นขวัญตา? 12 กรรมกรนอนหลับสบาย ไม่ว่าเขาได้กินมากหรือกินน้อย แต่ข้าวของเหลือเฟือของคนรวย ไม่ช่วยให้เขาหลับได้ 13 […]
ปัญญาจารย์ 6
1 ข้าพเจ้าเห็นความเลวร้ายอีกอย่างหนึ่งภายใต้ดวงอาทิตย์ ซึ่งหนักหนาสาหัสสำหรับมนุษย์ 2 คือพระเจ้าประทานความมั่งคั่ง ทรัพย์สมบัติ และเกียรติแก่บางคน จนเขามีทุกสิ่งที่ใจปรารถนา แต่พระเจ้าไม่ได้ให้เขาชื่นชมสิ่งเหล่านั้น กลับมีคนแปลกหน้ามาชื่นชมแทน นี่ก็อนิจจัง เป็นความเลวร้ายที่น่าสลดใจ 3 บางคนอาจมีลูกหลานนับร้อยและมีอายุยืน แต่ไม่ว่าจะอายุยืนแค่ไหน ถ้าไม่สามารถชื่นชมความรุ่งเรืองของตน และไม่ได้รับการจัดงานศพอย่างสมเกียรติแล้ว ข้าพเจ้าขอบอกว่าทารกที่ตายตั้งแต่เกิดยังดีกว่าเขาเสียอีก 4 ทารกนั้นเกิดมาอย่างไร้ความหมาย จากไปในความมืด และชื่อนั้นถูกคลุมไว้ในความมืด 5 แม้ไม่เคยเห็นแสงตะวัน ไม่รับรู้สิ่งใด ก็ยังได้พักสงบมากกว่าเขา 6 ต่อให้เขามีอายุยืนพันปีทวีเท่า แต่ไม่ได้ชื่นชมกับความเจริญรุ่งเรืองของตน ทุกคนล้วนไปยังที่เดียวกันไม่ใช่หรือ? 7 ทุกคนลงทุนลงแรงก็เพื่อปากท้อง กระนั้นความอยากของเขาก็ไม่เคยอิ่ม 8 คนฉลาดได้เปรียบอะไรกว่าคนโง่? คนยากจนแม้รู้ว่าควรประพฤติปฏิบัติอย่างไรต่อหน้าคนอื่นๆ ก็จะได้ประโยชน์อะไรเล่า? 9 มีเท่าที่ตาเห็นก็ดีกว่าเที่ยวอยากได้ไปเรื่อย นี่ก็อนิจจัง วิ่งไล่ตามลม 10 สิ่งใดๆ ที่มีอยู่ล้วนถูกระบุชื่อไว้ก่อนแล้ว และมนุษย์เป็นอะไรก็รู้กันอยู่แล้ว ไม่มีใครสามารถขัดขืนต่อสู้ กับผู้ที่แข็งแรงกว่าตน 11 ยิ่งพูดหลายคำ ยิ่งลดทอนความหมาย แล้วนั่นจะเป็นประโยชน์กับใคร? 12 เพราะใครเล่าจะรู้ว่าอะไรดีสำหรับมนุษย์ในช่วงชีวิตอันสั้นและคืนวันอันอนิจจังซึ่งผ่านพ้นไปเหมือนเงา? ใครจะบอกเขาได้ว่าหลังจากเขาจากไปแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างภายใต้ดวงอาทิตย์? —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/6-af60b54411c5681a71bc60a1ce0d7441.mp3?version_id=179—
ปัญญาจารย์ 7
สติปัญญา 1 ชื่อเสียงดีมีค่ายิ่งกว่าน้ำหอมราคาแพง และวันตายก็ดีกว่าวันเกิด 2 ไปบ้านที่มีการไว้ทุกข์ ก็ดีกว่าไปบ้านที่มีงานเลี้ยง เพราะความตายเป็นจุดหมายปลายทางของทุกคน ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ควรใส่ใจในข้อนี้ 3 โศกเศร้าดีกว่าหัวเราะ เพราะใบหน้าโศกเศร้านั้นเป็นผลดีต่อจิตใจ 4 ใจแบบคนฉลาดพบได้ในบ้านที่มีความโศกเศร้า แต่ใจแบบคนโง่พบได้ในบ้านที่มีความรื่นเริง 5 ฟังคำตำหนิของคนฉลาด ดีกว่าฟังคนโง่ร้องเพลงสรรเสริญเยินยอ 6 เสียงหัวเราะของคนโง่ ก็เหมือนเสียงแตกปะทุของหนามในไฟใต้หม้อ นี่ก็อนิจจัง 7 เมื่อคนฉลาดกดขี่ผู้อื่น เขาก็ทำตัวเหมือนคนโง่ และเมื่อรับสินบน ก็ทำให้ชีวิตเสื่อมทราม 8 ตอนจบดีกว่าตอนเริ่ม ความอดทนอดกลั้นดีกว่าความหยิ่งจองหอง 9 อย่าปล่อยให้ใจของเจ้าโกรธเร็ว เพราะความโกรธอยู่ในใจของคนโง่ 10 อย่าถามว่า “ทำไมสมัยก่อนดีกว่าเดี๋ยวนี้?” เพราะนั่นไม่ใช่คำถามที่ฉลาดเลย 11 สติปัญญาเป็นสิ่งดีเช่นเดียวกับมรดก เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เห็นตะวัน 12 สติปัญญาเป็นที่พักพิง เช่นเดียวกับเงิน แต่ข้อได้เปรียบของความรู้ก็คือ สติปัญญาสงวนชีวิตของผู้มีปัญญาไว้ 13 จงพิเคราะห์ดูพระราชกิจของพระเจ้า สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำให้คด ใครจะเหยียดให้ตรงได้? 14 จงสุขใจในยามดี แต่เมื่อถึงยามทุกข์ยากก็จงใคร่ครวญ พระเจ้าทรงบันดาลทั้งยามดีและยามร้าย มนุษย์จึงไม่สามารถรู้อะไรเลยเกี่ยวกับอนาคตของตน 15 […]
ปัญญาจารย์ 8
1 ใครเล่าเสมอเหมือนคนฉลาด? ใครเล่ารู้คำอธิบายของสิ่งต่างๆ? สติปัญญาทำให้หน้าตาของคนเราแจ่มใส และทำให้สีหน้าแข็งกระด้างเปลี่ยนไป เชื่อฟังกษัตริย์ 2 จงเชื่อฟังพระบัญชาของกษัตริย์ เพราะท่านได้ปฏิญาณไว้ต่อหน้าพระเจ้าแล้ว 3 อย่าหุนหันออกไปให้พ้นพระพักตร์กษัตริย์ อย่ายืนหยัดปกป้องสิ่งที่ไม่ดี เพราะพระองค์จะทรงกระทำสิ่งใดก็ได้ตามแต่ชอบพระทัย 4 เนื่องจากพระดำรัสของกษัตริย์มีอำนาจสูงสุด ใครจะแย้งพระองค์ได้ว่า “พระองค์ทรงทำอะไรเช่นนั้น?” 5 ผู้ใดเชื่อฟังคำบัญชาของพระองค์จะไม่ประสบอันตราย จิตใจของคนมีปัญญาจะรู้โอกาสและวิธีการอันเหมาะอันควร 6 เพราะมีโอกาสและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับทุกสิ่ง แม้ว่าความทุกข์ยากของมนุษย์จะถาโถมเข้าใส่เขาอย่างหนักหน่วงก็ตาม 7 เนื่องจากไม่มีมนุษย์คนใดหยั่งรู้อนาคต ใครเล่าจะสามารถบอกได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น? 8 ไม่มีใครฉุดรั้งจิตวิญญาณไว้ได้ฉันใด ก็ไม่มีใครมีอำนาจเหนือวันตายฉันนั้น ยามสงครามไม่มีการปลดประจำการฉันใด ความชั่วร้ายก็จะไม่ยอมปล่อยคนชั่วฉันนั้น 9 ข้าพเจ้าเห็นมาหมดแล้ว เมื่อใส่ใจกับทุกสิ่งที่ทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ ก็พบว่าบางครั้งมีคนขึ้นมามีอำนาจเหนือผู้อื่น แต่กลับเป็นภัยแก่ตน 10 และข้าพเจ้าก็เห็นบรรดาคนชั่วร้ายถูกฝัง ผู้ซึ่งเข้าออกในสถานบริสุทธิ์และได้รับการยกย่องในนครซึ่งเขาทำชั่วนั่นแหละ นี่ก็อนิจจัง 11 เมื่ออาชญากรยังไม่ได้ถูกตัดสินลงโทษ จิตใจของผู้คนก็เต็มไปด้วยกลอุบายที่จะทำผิด 12 ถึงแม้คนชั่วจะก่อกรรมทำเข็ญเป็นร้อยครั้งและยังมีชีวิตอยู่ยืนยาว ข้าพเจ้าก็ยังรู้แน่แก่ใจว่าบรรดาผู้ที่ยำเกรงพระเจ้าซึ่งอยู่ต่อหน้าพระองค์ย่อมได้ดีกว่า 13 เนื่องจากคนชั่วไม่ยำเกรงพระเจ้า เขาจะไม่ได้ดีและวันคืนของเขาจะไม่ทอดยาวเหมือนเงา 14 มีสิ่งอนิจจังอีกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้คือ คนชอบธรรมรับผลที่ควรตกแก่คนชั่ว แต่คนชั่วกลับรับผลที่ควรตกแก่คนชอบธรรม ข้าพเจ้ากล่าวว่า นี่ก็อนิจจัง […]
ปัญญาจารย์ 9
จุดหมายปลายทางของทุกคน 1 ข้าพเจ้าจึงได้พิเคราะห์สิ่งทั้งปวงนี้ และสรุปว่า ทั้งคนชอบธรรมและคนฉลาดและการกระทำของพวกเขาล้วนอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า แต่ไม่มีใครรู้ว่าความรักหรือความเกลียดรอคอยเขาอยู่เบื้องหน้า 2 ทุกคนมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน ไม่ว่าคนชอบธรรมหรือคนชั่ว คนดีหรือคนเลวคนไม่เป็นมลทินหรือคนเป็นมลทิน คนถวายเครื่องบูชาหรือคนไม่ถวาย สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนดีฉันใด ก็เกิดขึ้นกับคนบาปฉันนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่กล่าวคำสาบานฉันใด ก็เกิดขึ้นกับคนที่กลัวจะสาบานฉันนั้น 3 นี่เป็นสิ่งเลวร้ายในบรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์ คือทุกคนมีอันเป็นไปแบบเดียวกันหมด ยิ่งกว่านั้นจิตใจของมนุษย์ยังเต็มไปด้วยความชั่วร้ายและบ้าคลั่งตราบชั่วชีวิต และหลังจากนั้นเขาก็ตายตามคนอื่นไป 4 มีความหวังสำหรับคนเป็นเท่านั้นแม้แต่สุนัขเป็นๆ ก็ยังดีกว่าราชสีห์ที่ตายแล้ว! 5 เพราะอย่างน้อยคนเป็นรู้ว่าเขาจะตาย แต่คนตายไม่รู้อะไรเลย ไม่มีบำเหน็จรางวัลต่อไป ไม่มีแม้แต่ผู้ที่ระลึกถึงเขา 6 ความรัก ความเกลียด และความอิจฉาของเขา ล้วนผ่านพ้นไปนานแสนนาน และเขาไม่มีส่วนร่วมกับสิ่งใดๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้ดวงอาทิตย์อีกต่อไป 7 ฉะนั้นไปเถิด ไปรับประทานอาหารของท่านด้วยความปีติยินดี และดื่มเหล้าองุ่นของท่านด้วยใจเปรมปรีดิ์ เพราะขณะนี้แหละที่พระเจ้าโปรดปรานสิ่งที่ท่านทำ 8 จงสวมเสื้อผ้าสีขาวเสมอและชโลมศีรษะด้วยน้ำมัน 9 จงอยู่กินกับภรรยาที่รักด้วยความชื่นชมยินดีตลอดวันคืนอนิจจัง ซึ่งพระเจ้าประทานแก่ท่านภายใต้ดวงอาทิตย์ เพราะนี่คือส่วนในชีวิตของท่าน และในการงานตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ 10 มือของท่านหยิบจับการใด จงทำการนั้นเต็มกำลังความสามารถเพราะในแดนมรณาที่ท่านกำลังจะไปถึงนั้น ไม่มีงาน ไม่มีการวางแผน ไม่มีความรู้หรือสติปัญญา 11 ข้าพเจ้าเห็นสิ่งอื่นอีกภายใต้ดวงอาทิตย์คือ […]
ปัญญาจารย์ 10
1 แมลงวันตายทำให้น้ำหอมเหม็นคลุ้งฉันใด ความโง่เขลานิดหน่อยก็อาจบั่นทอนสติปัญญาและเกียรติฉันนั้น 2 ใจของคนฉลาดไขว่คว้าหาความถูกต้อง ส่วนใจของคนโง่เอียงไปสู่ความชั่วร้าย 3 คนโง่แม้เดินไปตามถนนหนทาง ก็ยังไม่มีสำนึก และทำให้คนดูออกว่าเขาโง่แค่ไหน 4 หากเจ้านายโกรธเคืองท่าน อย่าเพิ่งทิ้งหน้าที่ไป ความสงบสยบความผิดพลาดใหญ่หลวงได้ 5 ข้าพเจ้าได้เห็นความชั่วร้ายอีกอย่างหนึ่งภายใต้ดวงอาทิตย์ เป็นความผิดที่เกิดขึ้นจากผู้ครอบครอง 6 คือให้คนโง่ได้ตำแหน่งสูง ขณะที่คนร่ำรวยอยู่ในตำแหน่งต่ำต้อย 7 ข้าพเจ้าเห็นทาสนั่งบนหลังม้า ขณะที่เจ้านายเดินเท้าไปเหมือนทาส 8 คนที่ขุดหลุมอาจจะตกลงไปในหลุม คนที่รื้อกำแพงอาจจะถูกงูกัด 9 คนที่สกัดหินอาจได้รับบาดเจ็บเพราะหิน คนที่เลื่อยซุงอาจได้รับอันตรายจากซุง 10 หากขวานทื่อ และไม่ได้ลับให้คม เวลาใช้ก็ต้องออกแรงมากขึ้น แต่ความเชี่ยวชาญจะนำความสำเร็จมาให้ 11 หมองูก็ไม่มีประโยชน์ หากเขาถูกกัดก่อนที่จะสะกดมันได้ 12 ถ้อยคำของคนฉลาดนั้นน่าฟัง แต่คนโง่ย่อยยับเพราะลมปากของตัวเอง 13 พอเริ่มพูดก็แสดงความโง่ พูดจบก็ยิ่งบ้าเลวทราม 14 และต่อความยาวสาวความยืดไม่รู้จบ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ใครเล่าจะบอกเขาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายหลัง? 15 งานของคนโง่ทำให้เขาอ่อนระโหย เขาไม่รู้จักทางเข้าเมือง 16 วิบัติแก่เจ้า ดินแดนซึ่งมีคนรับใช้เป็นกษัตริย์ และบรรดาเจ้านายกินเลี้ยงเฮฮากันตั้งแต่เช้า 17 […]
ปัญญาจารย์ 11
ขนมปังบนน้ำ 1 จงโยนขนมปังของท่านลงบนน้ำ เพราะหลังจากนั้นหลายวันท่านจะพบมันอีก 2 จงแบ่งปันให้คนเจ็ดคนหรือแปดคน เพราะท่านไม่รู้ว่าภัยพิบัติอันใดจะเกิดขึ้นในแผ่นดิน 3 หากเมฆอุ้มน้ำไว้เต็ม มันจะเทฝนลงมาบนโลก ไม่ว่าต้นไม้จะล้มไปทางเหนือหรือทางใต้ มันล้มลงตรงไหน มันก็นอนอยู่ตรงนั้น 4 ผู้ใดมัวสังเกตลมก็จะไม่หว่านพืช และผู้ใดที่มองเมฆก็จะไม่เก็บเกี่ยว 5 ท่านไม่หยั่งรู้ทางของลม หรือไม่รู้ว่าร่างกายถูกปั้นขึ้นมาในครรภ์มารดาได้ฉันใด ท่านก็ไม่อาจเข้าใจพระราชกิจของพระเจ้า พระผู้สร้างสรรพสิ่งฉันนั้น 6 จงหว่านเมล็ดพืชของท่านในยามเช้า และเมื่อตกเย็นก็อย่าให้มือของท่านว่างงาน เพราะท่านไม่รู้ว่างานไหนจะสำเร็จ งานนั้นหรืองานนี้ หรือทั้งสองงานจะเจริญดีเหมือนกัน จงระลึกถึงพระผู้สร้างของเจ้าเมื่อยังเยาว์วัย 7 แสงสว่างนั้นชื่นใจ และการได้เห็นแสงตะวันก็ชื่นตา 8 คนเราจะมีชีวิตสั้นยาวเท่าใด ก็ให้ชื่นชมทุกวันคืนของชีวิตเถิด แต่ให้เขาระลึกถึงวันคืนอันมืดมนไว้ด้วย เพราะจะมีหลายวัน ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นล้วนอนิจจัง 9 เยาวชนเอ๋ย จงมีความสุขขณะที่เจ้าอยู่ในปฐมวัย และให้จิตใจเบิกบานแจ่มใสตลอดวันเวลาในวัยเยาว์ของเจ้า จงทำตามที่ใจของเจ้าเรียกร้อง และทำสิ่งใดก็ได้ตามที่ตาเห็นชอบ แต่รู้ไว้เถิดว่า เนื่องด้วยสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ พระเจ้าจะทรงนำเจ้าเข้าสู่การพิพากษา 10 ฉะนั้นจงขจัดความห่วงกังวลออกจากจิตใจ และสลัดความทุกข์ร้อนออกจากกายของเจ้า เพราะวัยเยาว์และพละกำลังล้วนอนิจจัง —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/ECC/11-440dbdfd2f58614fbf1317368688cfb1.mp3?version_id=179—
ปัญญาจารย์ 12
1 เจ้าจงระลึกถึงพระผู้สร้างของเจ้า ตลอดวันเวลาที่เจ้ายังเยาว์วัย ก่อนยามทุกข์ลำเค็ญจะมาถึง และปีเดือนเหล่านั้นใกล้เข้ามา เมื่อเจ้าจะพูดว่า “ฉันไม่เห็นชื่นชมอะไรในชีวิต” 2 ก่อนดวงอาทิตย์และแสงสว่าง ดวงจันทร์และดวงดาวจะมืดมัวลง ก่อนเมฆจะหวนกลับมาภายหลังฝน 3 เมื่อคนเฝ้าเรือนตัวสั่น และชายฉกรรจ์ค้อมตัวลง เมื่อคนโม่แป้งหยุดโม่เพราะเหลืออยู่ไม่กี่คน และบรรดาผู้ที่มองผ่านหน้าต่างเริ่มมองเห็นไม่ชัด 4 เมื่อประตูที่เปิดสู่ถนนนั้นถูกปิดไป และเสียงโม่เบาลง เมื่อคนเราตื่นขึ้นยามแว่วเสียงนกร้อง แต่เสียงเพลงทั้งปวงของพวกมันก็แผ่วลง 5 เมื่อคนเรากลัวความสูง และกลัวภัยอันตรายในท้องถนน เมื่อต้นอัลมอนด์ผลิดอก ตั๊กแตนลากขาเดินไป และความปรารถนาไม่ถูกปลุกเร้าอีกต่อไป เมื่อนั้นมนุษย์ก็ไปสู่บ้านนิรันดร์ของตน และคนไว้ทุกข์เดินไปตามถนน 6 จงระลึกถึงพระองค์ ก่อนที่สายเงินจะขาดผึง หรือชามทองคำจะแตก ก่อนที่คนโทจะแหลกละเอียดที่น้ำพุ หรือล้อหักเสียที่บ่อน้ำ 7 เมื่อนั้นธุลีดินจะกลับคืนสู่แผ่นดินที่มันจากมา และจิตวิญญาณกลับคืนสู่พระเจ้าผู้ประทานให้ 8 ปัญญาจารย์กล่าวว่า “อนิจจัง! อนิจจัง! ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง!” บทสรุป 9 ปัญญาจารย์นั้นไม่เพียงแต่เฉลียวฉลาด แต่ยังถ่ายทอดความรู้ให้แก่ประชาชนอีกด้วย เขาใคร่ครวญ ค้นคว้า และรวบรวมสุภาษิตต่างๆ ไว้ให้เป็นระบบ 10 เขาเสาะหาถ้อยคำที่เหมาะเจาะ สิ่งที่เขาเขียนนั้นเที่ยงตรงและเป็นจริง 11 […]
สุภาษิต 1
จุดประสงค์และหัวใจของสุภาษิต 1 สุภาษิตของกษัตริย์โซโลมอนแห่งอิสราเอล โอรสของดาวิด 2 เพื่อบรรลุปัญญาและคำสั่งสอน เพื่อให้เข้าใจถ้อยคำแห่งวิจารณญาณ 3 เพื่อรับฟังคำสั่งสอนที่ทำให้เกิดไหวพริบปฏิภาณ ทำสิ่งที่ถูกต้อง ยุติธรรม และเที่ยงธรรม 4 เพื่อให้คนอ่อนต่อโลกรู้ทันเล่ห์เหลี่ยม ให้เยาวชนมีความรู้และความเฉลียวฉลาด 5 ให้ผู้ที่ฉลาดรับฟังและเพิ่มพูนความรู้ ให้ผู้ที่มีความเข้าใจได้รับการชี้แนะ 6 เพื่อให้เข้าใจสุภาษิตและคำอุปมา คำสอนและคำปริศนาของปราชญ์ 7 ความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นบ่อเกิดของความรู้ ส่วนคนโง่ดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน บทนำ 8 ลูกเอ๋ย จงฟังคำสั่งสอนของพ่อเจ้า และอย่าละเลยคำสอนของแม่เจ้า 9 เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นมาลัยประดับเกล้า เป็นสร้อยประดับคอของเจ้า 10 ลูกเอ๋ย หากคนบาปมาชักชวนเจ้า อย่าคล้อยตามพวกเขา 11 หากพวกเขากล่าวว่า “มากับเราเถิด ให้เราซุ่มคอยเอาเลือดคน ให้เราดักทำร้ายคนบริสุทธิ์เล่นเถิด 12 ให้เราเป็นเหมือนหลุมฝังศพที่กลืนพวกเขาทั้งเป็น กลืนพวกเขาทั้งตัวเหมือนคนตกลงไปในหลุมลึก 13 เราจะยึดของมีค่าทุกชนิด เอาของที่ปล้นมาเก็บไว้ให้เต็มบ้านของเรา 14 มาเป็นพวกเราสิ จะได้ใช้เงินกระเป๋าเดียวกับเรา” 15 ลูกเอ๋ย อย่าไปร่วมทางกับพวกเขา อย่าเดินในทางของพวกเขาเลย 16 […]