เอเสเคียล 43

พระเกียรติสิริกลับคืนสู่พระวิหาร 1 แล้วชายผู้นั้นนำข้าพเจ้ามายังประตูซึ่งหันไปทางตะวันออก 2 และข้าพเจ้าเห็นพระเกียรติสิริของพระเจ้าแห่งอิสราเอลมาจากทางตะวันออก พระสุรเสียงของพระองค์เหมือนเสียงกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และแผ่นดินก็เจิดจ้าด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์ 3 นิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นนี้เหมือนกับนิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นในคราวที่พระองค์เสด็จมาทำลายกรุงนั้น และเหมือนนิมิตที่ข้าพเจ้าเห็นริมแม่น้ำเคบาร์ ข้าพเจ้าจึงหมอบกายซบหน้าลงกับพื้น 4 พระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าเข้าสู่พระวิหารทางประตูด้านตะวันออก 5 แล้วพระวิญญาณทรงยกข้าพเจ้าขึ้น นำข้าพเจ้ามาที่ลานชั้นใน และพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปกคลุมทั่วพระวิหาร 6 ขณะที่เขาผู้นั้นยืนอยู่ข้างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้ยินผู้หนึ่งตรัสกับข้าพเจ้าดังมาจากภายในพระวิหาร 7 พระองค์ตรัสว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย บัลลังก์และแท่นวางเท้าของเราอยู่ที่นี่ นี่คือที่ซึ่งเราจะสถิตอยู่ท่ามกลางชนชาติอิสราเอลตลอดไป พงศ์พันธุ์อิสราเอล ไม่ว่าประชาชนหรือกษัตริย์จะไม่ทำให้นามอันบริสุทธิ์ของเราแปดเปื้อนมลทินอีก โดยการนอกใจและกราบไหว้รูปเคารพอันไร้ชีวิตของกษัตริย์ของเขาที่สถานบูชาบนที่สูงทั้งหลาย 8 เมื่อพวกเขาวางธรณีประตูถัดจากธรณีประตูของเรา และประตูถัดจากประตูของเรา มีเพียงผนังซึ่งกั้นระหว่างเรากับเขา เขาก็ทำให้นามอันบริสุทธิ์ของเราเป็นมลทินโดยการกระทำอันน่าชิงชัง ฉะนั้นเราจึงทำลายเขาด้วยความโกรธ 9 บัดนี้ให้เขากำจัดการนอกใจและรูปเคารพอันไร้ชีวิตของเหล่ากษัตริย์ของพวกเขาไปจากเรา แล้วเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาตลอดไป 10 “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวถึงพระวิหารให้ประชาชนอิสราเอลฟัง เพื่อเขาจะละอายใจในบาปของตน ให้เขาพิจารณาแผนผังของพระวิหาร 11 และหากเขาละอายใจในสิ่งทั้งปวงที่ทำไปแล้ว ก็จงแจ้งแผนผังพระวิหาร การจัดเตรียมทางเข้าออก แผนผังทั้งหมด ตลอดจนกฎเกณฑ์และบทบัญญัติต่างๆ จงบันทึกสิ่งเหล่านี้ไว้ต่อหน้าเขา เพื่อเขาจะทำตามแผนผังและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทั้งปวง 12 “นี่เป็นกฎเรื่องพระวิหาร คืออาณาบริเวณโดยรอบบนยอดเขาจะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด นั่นเป็นกฎของพระวิหาร แท่นบูชา […]

เอเสเคียล 44

เจ้านาย ชนเลวี ปุโรหิต 1 แล้วชายผู้นั้นพาข้าพเจ้ามาที่ประตูชั้นนอก ทางด้านตะวันออกของสถานนมัสการ ประตูนั้นปิดอยู่ 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “ให้ประตูปิดอยู่อย่างนี้ อย่าเปิด อย่าให้ใครเข้าไปทางนี้ ให้ประตูปิดอยู่ตลอดเวลา เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลได้เสด็จเข้าไปทางนี้ 3 เจ้านายองค์นั้นองค์เดียวที่สามารถประทับอยู่ตรงทางเข้า เพื่อรับประทานอาหารต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้ากษัตริย์นั้นจะเข้าทางมุขหน้าและออกไปทางเดียวกัน” 4 แล้วเขาผู้นั้นพาข้าพเจ้าผ่านประตูด้านเหนือมายังด้านหน้าของพระวิหาร ข้าพเจ้ามองเห็นพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปกคลุมทั่วพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพเจ้าก็หมอบกายซบหน้าลงกับพื้น 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมองให้เต็มตา จงฟังให้เต็มหู และจงเอาใจใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราบอกเจ้า เรื่องกฎเกณฑ์เกี่ยวกับพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงใส่ใจเรื่องทางเข้าพระวิหารและทางเข้าออกทุกทางของสถานนมัสการ 6 จงกล่าวกับพงศ์พันธุ์อิสราเอลซึ่งชอบกบฏว่า ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย! พอเสียทีกับการกระทำอันน่าชิงชังทั้งหลายของเจ้า 7 นอกเหนือจากความประพฤติอันน่าชิงชังอื่นๆ แล้ว เจ้ายังพาชาวต่างชาติผู้ไม่ได้เข้าสุหนัตทั้งกายและใจเข้ามายังสถานนมัสการของเรา เป็นการทำให้วิหารของเรามัวหมอง ในขณะที่เจ้าถวายอาหาร ไขมัน และเลือดแก่เรา เจ้าก็ละเมิดพันธสัญญาของเรา 8 แทนที่จะปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าเกี่ยวกับสิ่งบริสุทธิ์ของเรา เจ้าก็ให้คนอื่นมารับผิดชอบดูแลสถานนมัสการของเรา 9 พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า อย่าให้ชาวต่างชาติคนใดที่ไม่ได้เข้าสุหนัตทั้งกายและใจเข้ามาในสถานนมัสการของเรา ห้ามแม้กระทั่งชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในหมู่ชาวอิสราเอล 10 “ ‘ชนเลวีที่ห่างไกลจากเราเมื่อครั้งอิสราเอลหลงผิดไป และที่เตลิดจากเราไปติดตามรูปเคารพต่างๆ จะต้องรับผลที่เกิดจากบาปของพวกเขา 11 เขาอาจจะทำงานรับใช้ในสถานนมัสการของเรา ดูแลประตูพระวิหารและปฏิบัติงานที่นั่น […]

เอเสเคียล 45

การแบ่งสรรที่ดิน 1 “ ‘เมื่อเจ้าแบ่งสรรดินแดนกรรมสิทธิ์ จงถวายที่ดินส่วนหนึ่งแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ยาว 25,000 คิวบิทและกว้าง 20,000 คิวบิททั้งเขตแดนนั้นจะเป็นที่บริสุทธิ์ 2 ในบริเวณนี้ให้มีที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ 500 คิวบิทเพื่อเป็นสถานนมัสการและมีที่ว่างโดยรอบเป็นระยะ 50 คิวบิท 3 ในเขตศักดิ์สิทธิ์นี้ จงวัดที่แบ่งออกมาให้ได้ขนาดยาว 25,000 คิวบิท กว้าง 10,000 คิวบิทในบริเวณนี้จะเป็นสถานนมัสการคืออภิสุทธิสถาน 4 จะเป็นเขตแดนบริสุทธิ์สำหรับบรรดาปุโรหิต ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสถานนมัสการ และเข้าปรนนิบัติรับใช้อยู่ต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าใช้เป็นที่สำหรับบ้านเรือนของปุโรหิตและวิสุทธิสถานของสถานนมัสการ 5 อีกส่วนซึ่งยาว 25,000 คิวบิท และกว้าง 10,000 คิวบิท เป็นของคนเลวีซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในพระวิหาร มอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเขาที่จะสร้างบ้านเมืองเพื่ออยู่อาศัย 6 “ ‘เจ้าจงมอบที่กว้าง 5,000 คิวบิทยาว 25,000 คิวบิท ต่อจากเขตศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นส่วนของเมืองนั้น ที่นี่จะเป็นของพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมด 7 “ ‘ที่ดินแต่ละข้างของเนื้อที่เขตศักดิ์สิทธิ์และทรัพย์สมบัติของเมืองยกให้เป็นของเจ้านาย ทอดออกไปทางตะวันตกและตะวันออก ตลอดความยาวของพรมแดนตะวันตกจดตะวันออกเทียบเท่ากับส่วนที่ยกให้ตระกูลหนึ่ง 8 ที่ดินนี้จะเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้านายในอิสราเอล และเจ้านายเหล่านั้นจะได้ไม่กดขี่ข่มเหงประชากรของเราอีกต่อไป แต่จะยอมให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลครอบครองดินแดนตามตระกูลต่างๆ 9 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่าบรรดาเจ้านายของอิสราเอลเอ๋ย เจ้าทำเกินเลยมามากพอแล้ว! เลิกกดขี่ข่มเหงและทารุณเถิด […]

เอเสเคียล 46

1 “ ‘พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสดังนี้ว่า ประตูด้านตะวันออกสู่ลานชั้นในให้ปิดตลอดวันทำงานหกวัน แต่ให้เปิดในวันสะบาโตและวันขึ้นหนึ่งค่ำ 2 เจ้านายจะเข้ามาจากด้านนอกผ่านมุขตรงทางเข้าและยืนอยู่ข้างเสาประตู ให้เหล่าปุโรหิตถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องสันติบูชาของเจ้านาย ให้เจ้านายนมัสการพระเจ้าที่ธรณีประตูนั้นแล้วออกไป แต่ไม่ต้องปิดประตูจนกว่าจะถึงเวลาเย็น 3 ในวันสะบาโตและวันขึ้นหนึ่งค่ำ ให้ประชาชนทั้งปวงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าที่ทางเข้าก่อนถึงประตูนั้น 4 เครื่องเผาบูชาที่เจ้านายนำมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าในวันสะบาโตได้แก่ ลูกแกะตัวผู้หกตัวและแกะผู้หนึ่งตัว ล้วนไม่มีตำหนิ 5 ธัญบูชา 1 เอฟาห์ถวายควบคู่แกะผู้ ส่วนธัญบูชาควบคู่ลูกแกะ แล้วแต่เจ้านายจะเห็นชอบ และถวายน้ำมัน 1 ฮินควบคู่ธัญบูชาทุกๆ 1 เอฟาห์ 6 ในวันขึ้นหนึ่งค่ำ ให้เจ้านายถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัว ลูกแกะหกตัวและแกะผู้หนึ่งตัว ล้วนไม่มีตำหนิ 7 ให้เขาเตรียมธัญบูชา 1 เอฟาห์ควบคู่กับวัวผู้ และอีก 1 เอฟาห์ควบคู่กับแกะผู้ และตามที่เห็นชอบควบคู่กับลูกแกะ พร้อมทั้งน้ำมัน 1 ฮินต่อธัญบูชาทุกๆ 1 เอฟาห์ 8 เมื่อเจ้านายเข้ามา ให้เข้าทางมุขตรงทางเข้าและออกไปทางเดียวกันนั้น 9 “ ‘เมื่อประชาชนมาเข้าเฝ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าตามเทศกาลที่กำหนด ใครที่เข้าทางประตูด้านเหนือเพื่อนมัสการให้ออกทางประตูด้านใต้ และใครที่เข้าทางประตูด้านใต้ให้ออกทางประตูด้านเหนือ ไม่ให้ผู้ใดกลับออกไปทางเดียวกับที่ตนเข้ามา แต่ให้กลับออกไปทางประตูตรงกันข้าม 10 […]

เอเสเคียล 47

แม่น้ำซึ่งไหลจากพระวิหาร 1 ชายผู้นั้นพาข้าพเจ้ากลับมาที่ทางเข้าพระวิหาร และข้าพเจ้าเห็นสายน้ำไหลออกมาจากใต้ธรณีประตูพระวิหารไปทางตะวันออก (เพราะพระวิหารหันหน้าไปทางตะวันออก) น้ำนั้นไหลมาจากด้านใต้ของพระวิหาร ทางใต้ของแท่นบูชา 2 แล้วเขาพาข้าพเจ้าออกมาทางประตูด้านเหนือ พาอ้อมด้านนอกไปยังประตูชั้นนอก ซึ่งหันหน้าไปทางตะวันออก และน้ำนั้นไหลออกมาจากทางทิศใต้ 3 ขณะที่เขาผู้นั้นไปทางตะวันออก มีสายวัดอยู่ในมือ วัดได้ 1,000 คิวบิทจากนั้นเขาก็พาข้าพเจ้าลุยน้ำไปซึ่งลึกระดับตาตุ่ม 4 เขาวัดไปอีก 1,000 คิวบิท แล้วพาข้าพเจ้าลุยน้ำซึ่งลึกระดับหัวเข่า เขาวัดอีก 1,000 คิวบิท และพาข้าพเจ้าลุยน้ำซึ่งสูงขึ้นถึงระดับเอว 5 เขาวัดอีก 1,000 คิวบิท คราวนี้เป็นแม่น้ำซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจลุยข้ามไปได้ เพราะน้ำลึกพอที่จะว่ายไป แต่ไม่มีใครเดินลุยข้ามแม่น้ำนั้นได้ 6 เขาถามข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือไม่?” แล้วเขาพาข้าพเจ้ากลับมาที่ริมฝั่งแม่น้ำนั้น 7 เมื่อข้าพเจ้ามาถึงที่นั่นก็เห็นต้นไม้มากมายที่ตลิ่งทั้งสองฟาก 8 เขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “น้ำนี้ไหลไปยังภูมิภาคตะวันออกลงสู่อาราบาห์และไหลสู่ทะเลตายเมื่อไหลลงทะเลตายก็ทำให้น้ำนั้นเป็นน้ำจืด 9 น้ำนั้นไหลไปที่ไหนก็มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ที่นั่นคลาคล่ำ จะมีปลาอุดมสมบูรณ์เพราะน้ำนี้ไหลไปทำให้น้ำเค็มกลายเป็นน้ำจืด ฉะนั้นที่ซึ่งน้ำนี้ไหลไปจึงมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ 10 ชาวประมงจะยืนอยู่ตามชายฝั่งทะเล จากเอนเกดีถึงเอนเอกลาอิมจะมีที่สำหรับตากอวน จะมีปลาหลากชนิดเหมือนในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน 11 แต่ตามห้วยตามหนองน้ำจะไม่เป็นน้ำจืดเพื่อจะได้มีแหล่งเกลือ 12 […]

เอเสเคียล 48

การแบ่งดินแดน 1 “นี่คือรายชื่อของเผ่าต่างๆ คือที่ชายแดนด้านเหนือ ดานจะได้รับส่วนหนึ่งตามเส้นทางเฮทโลนถึงเลโบฮามัทและฮาซาร์เอนัน และพรมแดนด้านเหนือของดามัสกัส ถัดจากฮามัทจะเป็นส่วนของเขตแดนจากด้านตะวันออกไปด้านตะวันตก 2 “อาเชอร์จะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของดานจากตะวันออกถึงตะวันตก 3 “นัฟทาลีจะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของอาเชอร์จากตะวันออกถึงตะวันตก 4 “มนัสเสห์จะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของนัฟทาลีจากตะวันออกถึงตะวันตก 5 “เอฟราอิมจะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของมนัสเสห์จากตะวันออกถึงตะวันตก 6 “รูเบนจะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของเอฟราอิมจากตะวันออกถึงตะวันตก 7 “ยูดาห์จะได้รับส่วนหนึ่ง จะมีเขตแดนติดกับดินแดนของรูเบนจากตะวันออกถึงตะวันตก 8 “ถัดจากเขตแดนของยูดาห์จากตะวันออกถึงตะวันตกจะเป็นส่วนพิเศษที่เจ้าต้องถวาย ซึ่งมีความกว้าง 25,000 คิวบิทความยาวจากตะวันออกถึงตะวันตกจะเท่ากับส่วนของแต่ละเผ่า สถานนมัสการจะอยู่ที่ศูนย์กลางของส่วนนี้ 9 “ส่วนพิเศษซึ่งเจ้าจะต้องถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้านี้ยาว 25,000 คิวบิทและกว้าง 10,000 คิวบิท 10 ต่อไปนี้เป็นเขตศักดิ์สิทธิ์สำหรับบรรดาปุโรหิต มีความยาววัดขึ้นไปทางเหนือ 25,000 คิวบิท ความกว้างด้านตะวันตก 10,000 คิวบิท ความกว้างด้านตะวันออก 10,000 คิวบิท และความยาวทางทิศใต้ 25,000 คิวบิท โดยมีสถานนมัสการขององค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นศูนย์กลาง 11 ที่ส่วนนี้สำหรับปุโรหิตเชื้อสายศาโดกที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ ซึ่งซื่อสัตย์ในการปรนนิบัติรับใช้เรา […]

เพลงคร่ำครวญ 1

1 โอ กรุงที่เคยมีพลเมืองหนาแน่น กลับอ้างว้างเสียแล้ว! กรุงที่เคยยิ่งใหญ่ในหมู่ประชาชาติ กลับเป็นเหมือนหญิงม่ายเสียแล้ว! กรุงซึ่งเคยเป็นราชินีในหมู่แว่นแคว้นต่างๆ กลับตกเป็นทาสเสียแล้ว 2 ยามค่ำคืนเธอร่ำไห้อย่างขมขื่น น้ำตาไหลอาบแก้ม ในบรรดาคนรักของเธอ ไม่มีสักคนที่ปลอบโยนเธอ สหายทั้งปวงก็ทรยศเธอ พวกเขากลับกลายเป็นศัตรูของเธอ 3 หลังจากทุกข์ลำเค็ญและกรำงานหนัก ยูดาห์ก็ตกเป็นเชลย เธอไปอยู่ท่ามกลางประชาชาติต่างๆ ไม่พบที่พักพิง บรรดาผู้ตามล่าเธอก็ไล่ทันเธอ ในยามที่เธอทุกข์เข็ญ 4 ถนนหนทางสู่ศิโยนคร่ำครวญหวนไห้ เพราะไม่มีใครมางานเทศกาลตามกำหนด ประตูเมืองทั้งหมดก็เริศร้าง บรรดาปุโรหิตของเธอทอดถอนใจ บรรดาหญิงสาวของเธอก็โศกเศร้า ตัวเธอเองก็ทุกข์ทรมานขมขื่น 5 ศัตรูของเธอกลับกลายเป็นนาย อริทั้งหลายของเธอเบิกบานสำราญใจ เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำความทุกข์ระทมมาให้เธอ เพราะบาปมากมายของเธอ ลูกเล็กเด็กแดงของเธอ ตกไปเป็นเชลยต่อหน้าศัตรู 6 ความโอ่อ่าตระการทั้งปวง พรากไปจากธิดาแห่งศิโยนเสียแล้ว เจ้านายของเธอเป็นเหมือนกวาง ที่หาทุ่งหญ้าไม่ได้ ต้องหนีไปต่อหน้านักล่า อย่างอ่อนแรง 7 ในยามทุกข์ลำเค็ญและต้องระหกระเหิน เยรูซาเล็มก็หวนระลึกถึงสิ่งเลอเลิศ ที่เธอเคยมีในวันเก่าก่อน เมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู ไม่มีใครช่วยเหลือเธอ เหล่าศัตรูมองดูเธอ และหัวเราะเยาะความย่อยยับของเธอ 8 เยรูซาเล็มได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นเธอจึงแปดเปื้อนมลทิน บรรดาคนที่เคยยกย่องเธอก็เหยียดหยามเธอ […]

เพลงคร่ำครวญ 2

1 โอ เมฆแห่งพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า ปกคลุมเหนือธิดาแห่งศิโยน! พระองค์ทรงเหวี่ยงความโอ่อ่าตระการของอิสราเอล จากฟ้าลงดิน ในวันแห่งพระพิโรธ พระองค์ไม่ได้ทรงระลึกถึงแท่นรองพระบาทของพระองค์ 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลาย ที่อาศัยทุกแห่งของยาโคบอย่างไร้ความปรานี พระองค์ทรงทลายที่มั่นทั้งหลายของธิดาแห่งยูดาห์ ด้วยพระพิโรธของพระองค์ ทรงนำอาณาจักรและเหล่าเจ้านายของยูดาห์ ตกต่ำลงมาถึงดินอย่างน่าอัปยศอดสู 3 พระองค์ทรงล้มล้างอำนาจทั้งสิ้นของอิสราเอล ด้วยพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์ พระองค์ทรงเพิกถอนการปกป้องรักษา เมื่อศัตรูรุกเข้ามาโจมตี ทรงเผาผลาญยาโคบเหมือนเปลวไฟลุกโชน ซึ่งแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่รอบๆ มัน 4 พระองค์ทรงน้าวคันศรเหมือนทรงเป็นศัตรู พระหัตถ์ขวาของพระองค์เตรียมพร้อมจะปล่อยลูกศร ทรงประหารทุกคนผู้เป็นที่ชื่นตาชื่นใจ เหมือนทรงเป็นศัตรู ทรงระบายพระพิโรธเหมือนไฟ แผดเผาเต็นท์ของธิดาแห่งศิโยน 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นเหมือนศัตรู พระองค์ทรงกลืนกินอิสราเอลให้สิ้นไป ทรงกวาดล้างปราสาทราชวัง และทรงทำลายที่มั่นต่างๆ ในอิสราเอล ทรงทำให้การร้องไห้คร่ำครวญทวีเพิ่มขึ้น สำหรับธิดาแห่งยูดาห์ 6 พระองค์ทรงทิ้งที่ประทับของพระองค์ให้รกร้างดั่งสวนร้าง ทรงทำลายสถานนมัสการของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ศิโยนหลงลืม เทศกาลตามกำหนดและสะบาโตทั้งหลาย พระองค์ทรงเขี่ยทั้งกษัตริย์และปุโรหิตทิ้ง ด้วยพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์ 7 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิเสธแท่นบูชา และทอดทิ้งสถานนมัสการของพระองค์ พระองค์ทรงมอบกำแพงปราสาทราชวัง ไว้ในมือของศัตรู เหล่าศัตรูส่งเสียงโห่ร้องในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้า ราวกับวันฉลองตามเทศกาล 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระทัย ที่จะทลายกำแพงล้อมรอบธิดาแห่งศิโยน […]

เพลงคร่ำครวญ 3

1 ข้าพเจ้าคือผู้ที่เห็นความทุกข์ลำเค็ญ จากไม้เรียวแห่งพระพิโรธของพระองค์ 2 พระองค์ทรงขับไล่ข้าพเจ้าออกมาเดิน ในความมืดมนแทนที่จะเดินในความสว่าง 3 อันที่จริงพระองค์ทรงหันมาเล่นงานข้าพเจ้า ครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดวันคืน 4 พระองค์ทรงกระทำให้เนื้อและหนังของข้าพเจ้าเหี่ยวย่นไป ทรงหักกระดูกของข้าพเจ้า 5 พระองค์ทรงล้อมกรอบข้าพเจ้าไว้ ด้วยความขมขื่นและความทุกข์ลำเค็ญ 6 พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าอยู่ในความมืด เหมือนคนที่ตายไปนานแล้ว 7 พระองค์ทรงล้อมข้าพเจ้าไว้ไม่ให้หนีไปได้ พระองค์ทรงถ่วงข้าพเจ้าด้วยโซ่ตรวน 8 แม้เมื่อข้าพเจ้าทูลวิงวอนขอความช่วยเหลือ พระองค์ไม่ทรงรับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า 9 พระองค์ทรงวางศิลากั้นทางของข้าพเจ้า ทรงทำให้หนทางของข้าพเจ้าคดเคี้ยว 10 พระองค์ทรงเป็นดั่งหมีที่คอยตะครุบ ดั่งสิงโตที่ซุ่มอยู่ 11 พระองค์ทรงลากข้าพเจ้าออกจากทางและฉีกข้าพเจ้าเป็นชิ้นๆ แล้วทิ้งข้าพเจ้าโดยไม่มีใครมาช่วย 12 พระองค์ทรงโก่งคันธนู เล็งข้าพเจ้าเป็นเป้า 13 ลูกธนูจากแล่งธนูของพระองค์ เสียบทะลุหัวใจของข้าพเจ้า 14 ข้าพเจ้าตกเป็นขี้ปากให้พี่น้องร่วมชาติหัวเราะเยาะ เขาร้องเพลงล้อเลียนข้าพเจ้าวันยังค่ำ 15 พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้ากินผักรสขมจนอิ่ม และทำให้ข้าพเจ้าเข็ดขมด้วยบอระเพ็ด 16 พระองค์ทรงเลาะฟันของข้าพเจ้าด้วยกรวด ทรงเหยียบย่ำข้าพเจ้าจมฝุ่นธุลี 17 สันติสุขถูกพรากไปจากใจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าลืมไปแล้วว่าความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างไร 18 ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่า “ศักดิ์ศรีของข้าพเจ้าสูญสิ้นเสียแล้ว และทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดหวังจากองค์พระผู้เป็นเจ้าก็พังทลาย” […]

เพลงคร่ำครวญ 4

1 ทองคำหมดความสุกปลั่งเสียแล้วหนอ ทองบริสุทธิ์มัวหมองไปเสียแล้ว! อัญมณีศักดิ์สิทธิ์กระจัดกระจายเกลื่อนกลาด อยู่ทุกหัวถนน 2 เหตุใดบรรดาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแห่งศิโยนซึ่งเคยสูงค่าเทียบทองเนื้อเก้า จึงถูกตีราคาเพียงหม้อดิน ฝีมือช่างปั้น! 3 แม้หมาในยังให้นม ฟูมฟักลูกของมัน แต่พี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้ากลับใจไม้ไส้ระกำ เหมือนนกกระจอกเทศในทะเลทราย 4 ทารกลิ้นแห้งคับเพดานปาก เพราะความหิวกระหาย เด็กๆ ร้องขออาหาร แต่ไม่มีใครหยิบยื่นให้ 5 บรรดาผู้ที่เคยกินอาหารชั้นเลิศ บัดนี้สิ้นเนื้อประดาตัวอยู่ตามถนน บรรดาผู้ที่เคยนุ่งห่มอาภรณ์สีม่วงล้ำค่า บัดนี้นอนคลุกกองขี้เถ้า 6 โทษทัณฑ์ของพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้า ใหญ่หลวงกว่าโทษทัณฑ์ของโสโดม ซึ่งถูกคว่ำทลายในชั่วพริบตา โดยไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วย 7 บรรดาเจ้าใหญ่นายโตของเราผุดผ่องยิ่งกว่าหิมะ ขาวยิ่งกว่าน้ำนม ร่างกายของพวกเขาเปล่งปลั่งยิ่งกว่าทับทิม รูปร่างหน้าตาสง่างามดั่งอัญมณี 8 แต่บัดนี้ผิวพรรณของพวกเขาหมองคล้ำยิ่งกว่าเขม่า เขาอยู่ตามถนนโดยไม่มีใครจำได้ หนังของเขาเหี่ยวหุ้มกระดูก ซูบผอมราวไม้เสียบผี 9 บรรดาคนที่ถูกปลิดชีวิตด้วยคมดาบ ก็ยังดีกว่าคนที่ตายเพราะความอดอยาก ทุกข์ทรมานเพราะความหิวโหย ตายไปอย่างช้าๆ เพราะขาดธัญญาหาร 10 บรรดาหญิงผู้มีใจอ่อนโยน จับลูกในไส้มาต้มกิน ในช่วงที่ชนชาติของเรา ถูกทำลายล้าง 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงระบาย พระพิโรธอันรุนแรงออกมาเต็มที่ ทรงจุดไฟขึ้นในศิโยน […]