ตำหนิผู้นำและผู้เผยพระวจนะ 1 แล้วข้าพเจ้ากล่าวว่า “บรรดาผู้นำของยาโคบ จงฟังเถิด ท่านผู้ที่ปกครองพงศ์พันธุ์อิสราเอล ท่านควรจะรู้จักความยุติธรรมไม่ใช่หรือ? 2 ท่านซึ่งชังความดีและรักความชั่ว ผู้ถลกหนังประชากรของเรา และฉีกเนื้อจากกระดูกของพวกเขา 3 ผู้กินเนื้อพี่น้องร่วมชาติของเรา เลาะหนังของเขาออก และหักกระดูกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผู้ห้ำหั่นพวกเขาเหมือนหั่นเนื้อใส่กระทะ เหมือนหั่นเนื้อใส่หม้อ” 4 แล้วพวกเขาจะร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์จะไม่ทรงตอบ ครั้งนั้นพระองค์จะทรงซ่อนพระพักตร์จากพวกเขา เพราะความชั่วที่พวกเขาได้ทำ 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ว่า “สำหรับบรรดาผู้เผยพระวจนะ ผู้ซึ่งนำประชากรของเราหลงเตลิดไป หากใครเลี้ยงดูพวกเขา พวกเขาก็จะประกาศว่า ‘จงมีสันติสุขเถิด’ ใครไม่เลี้ยงดูพวกเขา พวกเขาก็เตรียมจะทำศึกด้วย 6 ฉะนั้นค่ำคืนจะมาถึงเจ้า เจ้าจะไม่เห็นนิมิตใดๆ ความมืดมาถึงเจ้า ไม่มีการทำนายทายทักใดๆ ดวงอาทิตย์จะลับไปสำหรับบรรดาผู้เผยพระวจนะ และกลางวันจะมืดไปสำหรับพวกเขา 7 ผู้ทำนายจะอับอาย และหมอดูจะขายหน้า ทุกคนจะเอามือปิดหน้าของตน เพราะไม่มีคำตอบจากพระเจ้า” 8 แต่ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเปี่ยมด้วยฤทธิ์อำนาจ ด้วยพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้า และด้วยความยุติธรรมกับกำลัง เพื่อประกาศให้ยาโคบทราบถึงการล่วงละเมิดของเขา และให้อิสราเอลทราบถึงบาปของตน 9 บรรดาผู้นำของพงศ์พันธุ์ยาโคบ จงฟังเถิด ท่านผู้ที่ปกครองพงศ์พันธุ์อิสราเอล ผู้ชิงชังความยุติธรรม […]
Monthly Archives: June 2018
มีคาห์ 4
ภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า 1 ในบั้นปลาย ภูเขาที่พระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งอยู่จะได้รับการสถาปนา ให้เป็นเอกในหมู่ภูเขาทั้งหลาย จะได้รับการเชิดชูเหนือบรรดาเนินเขา และชนชาติต่างๆ จะหลั่งไหลไปที่นั่น 2 ประชาชาติมากมายจะมาและกล่าวว่า “มาเถิด ให้เราขึ้นไปบนภูเขาขององค์พระผู้เป็นเจ้า ไปยังพระนิเวศของพระเจ้าของยาโคบ พระองค์จะทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่เรา เพื่อเราจะดำเนินในวิถีทางของพระองค์” บทบัญญัติจะออกมาจากศิโยน พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะออกมาจากเยรูซาเล็ม 3 พระองค์จะทรงตัดสินความระหว่างชนชาติทั้งหลาย และยุติกรณีพิพาทให้บรรดาชาติมหาอำนาจทั่วแดน พวกเขาจะตีดาบให้เป็นผาลไถนา และตีหอกให้เป็นขอลิด ชนชาติต่างๆ จะเลิกรบราฆ่าฟันกัน ทั้งจะไม่มีการฝึกรบอีกต่อไป 4 ทุกคนจะนั่งอยู่ใต้เถาองุ่นของตน และใต้ต้นมะเดื่อของตน และจะไม่มีใครทำให้เขากลัว เพราะพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ได้ตรัสไว้แล้ว 5 ชนชาติทั้งปวงอาจจะดำเนิน ในนามของเทพเจ้าของตน ส่วนเราจะดำเนินในพระนามพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราตลอดนิรันดร์ แผนการขององค์พระผู้เป็นเจ้า 6 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ในวันนั้น เราจะรวบรวมคนขาพิการ เราจะรวบรวมบรรดาเชลย ตลอดจนบรรดาคนที่เราให้พบกับความทุกข์โศก 7 เราจะให้คนขาพิการเป็นคนที่เหลืออยู่ ให้คนที่ถูกเนรเทศเป็นชาติที่แข็งแกร่ง องค์พระผู้เป็นเจ้าจะปกครองพวกเขาในภูเขาศิโยน ตั้งแต่วันนั้นตราบชั่วนิรันดร์ 8 ส่วนเจ้าผู้เป็นหอสังเกตการณ์ของฝูงแกะ เป็นที่มั่นของธิดาแห่งศิโยน อำนาจดั้งเดิมจะกลับคืนมาเป็นของเจ้า ธิดาแห่งเยรูซาเล็มจะได้รับอำนาจครอบครอง” 9 เหตุใดเจ้าจึงร้องเสียงดัง เจ้าไม่มีกษัตริย์หรือ? ที่ปรึกษาของเจ้าย่อยยับไปแล้วหรือ? […]
มีคาห์ 5
ผู้ปกครองตามพระสัญญาจะมาจากเบธเลเฮม 1 นครแห่งกองทหารเอ๋ย จัดทัพเถิด เพราะศัตรูมาล้อมเมืองของเราแล้ว เขาจะเอาไม้เท้าฟาดแก้มผู้ปกครองของอิสราเอล 2 “ส่วนเจ้า เบธเลเฮม เอฟราธาห์เอ๋ย ถึงแม้เจ้าเป็นคนเล็กน้อยในหมู่ตระกูลต่างๆของยูดาห์ แต่จะมีผู้หนึ่งออกมาจากเจ้าเพื่อเรา เป็นผู้ที่จะครอบครองอิสราเอล ผู้นั้นมีที่มาจากอดีตกาล จากโบราณกาล” 3 ฉะนั้น อิสราเอลจะถูกทอดทิ้ง จวบจนเมื่อถึงเวลาที่ผู้หญิงซึ่งกำลังเจ็บครรภ์นั้นคลอดบุตร และพี่น้องอื่นๆ ของบุคคลนั้น กลับมาสมทบกับชนอิสราเอล 4 เขาจะยืนหยัดเลี้ยงดูฝูงแกะของเขา โดยกำลังขององค์พระผู้เป็นเจ้า โดยบารมีแห่งพระนามของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา และพวกเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงปลอดภัย เพราะความยิ่งใหญ่ของเขาผู้นั้นจะแผ่ถึงสุดปลายแผ่นดินโลก 5 และเขาจะนำความสงบสุขมาให้พวกเขา การช่วยกู้และความย่อยยับ เมื่อคราวอัสซีเรียรุกรานดินแดนของเรา และกรีธาทัพผ่านป้อมของเรา เราจะตั้งคนเลี้ยงแกะเจ็ดแปดคน คือตั้งเหล่าผู้นำขึ้นมาสู้กับเขา 6 พวกเขาจะปกครองดินแดนอัสซีเรียด้วยดาบ ปกครองดินแดนของนิมโรดด้วยดาบซึ่งชักออก ผู้นั้นจะกอบกู้เราจากอัสซีเรีย ซึ่งมารุกรานดินแดนของเรา และกรีธาทัพเข้ามาในเขตแดนของเรา 7 คนหยิบมือที่เหลือของยาโคบ จะอยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย เหมือนน้ำค้างจากองค์พระผู้เป็นเจ้า เหมือนสายฝนโปรยปรายลงบนหญ้า ซึ่งไม่ต้องรอคอย หรือพึ่งพามนุษย์ 8 คนหยิบมือที่เหลือของยาโคบจะอยู่ในหมู่ประชาชาติ อยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ ดั่งราชสีห์ในหมู่สัตว์ป่า เหมือนสิงห์หนุ่มในหมู่ฝูงแกะ ซึ่งเหยียบย่ำและขยี้ขณะย่างไป โดยไม่มีใครช่วยได้ […]
มีคาห์ 6
องค์พระผู้เป็นเจ้า 1 จงฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด “ขอเจ้ายืนขึ้น แถลงคดีความของเจ้าต่อหน้าภูเขาทั้งหลาย และให้บรรดาเนินเขาฟังสิ่งที่เจ้าพูด 2 “ภูเขาทั้งหลายจงฟังการกล่าวโทษขององค์พระผู้เป็นเจ้า จงฟังเถิด เจ้าซึ่งเป็นฐานรากอันมั่นคงของโลก เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีคดีความกับประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงตั้งข้อหาอิสราเอล 3 “ประชากรของเราเอ๋ย เราทำอะไรเจ้า? เราได้ใส่ภาระอันใดให้แก่เจ้า? จงตอบเรามา 4 เรานำเจ้าออกมาจากอียิปต์ และไถ่เจ้าจากแดนทาส เราส่งโมเสสมาเพื่อนำเจ้า พร้อมทั้งอาโรนและมิเรียม 5 ประชากรของเราเอ๋ย จงระลึกถึงกษัตริย์บาลาคแห่งโมอับที่พยายามจะทำให้เจ้าถูกสาปแช่ง แต่บาลาอัมบุตรเบโอร์กลับอวยพรเจ้าแทน จงระลึกถึงการเดินทางของเจ้าจากชิทธีมถึงกิลกาล เพื่อเจ้าจะได้รู้ถึงความซื่อสัตย์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า” 6 ข้าพเจ้าจะนำสิ่งใดมาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้า และกราบลงต่อพระเจ้าผู้ประทับในสวรรค์? ควรที่ข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยเครื่องเผาบูชา ด้วยบรรดาลูกวัวหนึ่งขวบหรือ? 7 องค์พระผู้เป็นเจ้าจะพอพระทัยแกะนับพันๆ ตัว และธารน้ำมันนับหมื่นๆ สายหรือ? ควรที่ข้าพเจ้าจะถวายลูกหัวปีเพื่อการละเมิดของข้าพเจ้า ถวายเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าพเจ้าเพื่อบาปแห่งจิตวิญญาณของข้าพเจ้าหรือ? 8 มนุษย์เอ๋ย พระองค์ได้ทรงสำแดงแก่ท่านแล้วว่าอะไรดี และอะไรที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์จากท่าน? คือจงประพฤติอย่างเที่ยงธรรม รักความเมตตากรุณา และดำเนินอย่างถ่อมใจไปกับพระเจ้าของท่าน ความผิดและโทษทัณฑ์ของอิสราเอล 9 ฟังเถิด!องค์พระผู้เป็นเจ้ากำลังตรัสเรียกเยรูซาเล็ม เป็นการฉลาดที่จะยำเกรงพระนามพระองค์ “จงฟังเถิด เผ่าที่ชุมนุมกันในกรุงนั้น 10 พงศ์พันธุ์ที่ชั่วร้ายเอ๋ย […]
มีคาห์ 7
ความทุกข์ลำเค็ญของอิสราเอล 1 อนิจจาหมดหวังเสียแล้วหนอ! ข้าพเจ้าเป็นเหมือนคนไปเก็บผลไม้ในฤดูร้อน หลังจากเขาเก็บองุ่นไปหมดสวนแล้ว ไม่มีพวงองุ่นให้รับประทาน ไม่มีทั้งมะเดื่อต้นฤดูที่ปรารถนา 2 คนชอบธรรมสูญสิ้นไปจากแผ่นดิน ไม่มีคนซื่อตรงเหลืออยู่สักคนเดียว ทุกคนซุ่มดักฆ่าคน ต่างก็เหวี่ยงตาข่ายดักพี่น้องของตน 3 มือสองข้างช่ำชองในการทำชั่ว ผู้ปกครองเรียกร้องของกำนัล ตุลาการรับสินบน ผู้มีอิทธิพลบงการตามใจชอบ พวกเขาทั้งหมดคบคิดกัน 4 แม้แต่คนที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขาก็เป็นเหมือนต้นหนาม คนที่ซื่อตรงที่สุดก็เลวยิ่งกว่าหนามแหลม วันของผู้ที่จับตาดูเจ้าก็มาถึงแล้ว เป็นวันที่พระเจ้ามาเยือนท่าน บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะว้าวุ่นสับสน 5 อย่าวางใจเพื่อนบ้าน อย่ามั่นใจในมิตรสหาย แม้แต่หญิงในอ้อมอก จงระวังคำพูดของท่าน 6 เพราะลูกชายจะดูหมิ่นพ่อ ลูกสาวจะลุกขึ้นมาขัดแย้งกับแม่ ลูกสะใภ้ขัดแย้งกับแม่สามี ศัตรูของเขาจะเป็นคนในครัวเรือนของเขาเอง 7 แต่ส่วนข้าพเจ้าจะมุ่งหวังในองค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารอคอยพระเจ้าพระผู้ช่วยของข้าพเจ้า พระเจ้าของข้าพเจ้าจะทรงสดับฟังข้าพเจ้า อิสราเอลจะลุกขึ้นมา 8 ศัตรูของข้าเอ๋ย! อย่ากระหยิ่มยิ้มเยาะข้าเลย ถึงแม้ข้าล้มลง ข้าจะลุกขึ้นมาอีก ถึงแม้ข้านั่งอยู่ในความมืด องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเป็นความสว่างของข้า 9 เพราะข้าพเจ้าได้ทำบาปต่อพระองค์ ข้าพเจ้าก็จะทนรับพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตราบจนพระองค์ทรงว่าคดีให้ และผดุงสิทธิ์ของข้าพเจ้าไว้ พระองค์จะทรงนำข้าพเจ้าออกมาสู่ความสว่าง ข้าพเจ้าจะเห็นความชอบธรรมของพระองค์ 10 แล้วศัตรูของข้าพเจ้าจะเห็น […]
โยนาห์ 1
โยนาห์หนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้า 1 พระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงโยนาห์บุตรอามิททัยว่า 2 “จงไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ เทศนาตักเตือนกรุงนั้นเพราะความชั่วช้าของเขากระฉ่อนขึ้นมาต่อหน้าเรา” 3 แต่โยนาห์หนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามุ่งหน้าไปยังเมืองทารชิช เขาเดินทางไปที่ยัฟฟาและพบเรือที่จะไปเมืองนั้น จึงจ่ายค่าโดยสารแล้วขึ้นเรือจะไปทารชิช เพื่อหนีจากองค์พระผู้เป็นเจ้า 4 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลให้เกิดพายุใหญ่เหนือทะเล พายุโหมกระหน่ำจนเรือแทบจะอับปางอยู่รอมร่อ 5 ลูกเรือทั้งหมดกลัวมาก ต่างก็ร้องเรียกให้เทพเจ้าของตนมาช่วย และโยนสินค้าทิ้งไปเพื่อให้เรือเบาลง ส่วนโยนาห์นอนหลับสนิทอยู่ในห้องข้างในเรือ 6 นายเรือไปหาเขาและพูดว่า “ท่านหลับอยู่ได้อย่างไร? จงลุกขึ้นมาอ้อนวอนให้พระเจ้าของท่านช่วย! เผื่อพระองค์จะทรงพระกรุณา เราจะได้รอดตาย” 7 แล้วลูกเรือทั้งหลายพูดกันว่า “ให้เรามาจับสลากดูว่าใครเป็นตัวการทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งนี้” เขาจึงจับสลากกันและสลากนั้นตกแก่โยนาห์ 8 เขาก็ถามโยนาห์ว่า “บอกเรามาเถิดว่าใครเป็นต้นเหตุสร้างความเดือดร้อนให้เราในครั้งนี้? ท่านทำอะไร? มาจากที่ไหน? อยู่ประเทศอะไร? เป็นคนชาติไหน?” 9 โยนาห์ตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวฮีบรู นับถือพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ผู้ทรงสร้างทะเลและแผ่นดิน” 10 พวกเขาฟังแล้วตกใจมากและถามว่า “ท่านทำอะไรลงไป?” (พวกเขารู้ว่าโยนาห์หลบหนีองค์พระผู้เป็นเจ้ามา เพราะโยนาห์เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้แล้ว) 11 ทะเลยิ่งปั่นป่วนขึ้นทุกทีๆ พวกเขาจึงถามโยนาห์ว่า “เราควรทำอย่างไรกับท่านดีทะเลจึงจะสงบ?” 12 โยนาห์ตอบว่า “จับข้าพเจ้าโยนลงทะเลเถิด แล้วทะเลก็จะสงบ ข้าพเจ้ารู้ว่าที่เกิดพายุรุนแรงครั้งนี้ก็เพราะข้าพเจ้าผิดเอง” 13 […]
โยนาห์ 2
คำอธิษฐานของโยนาห์ 1 ขณะอยู่ในท้องปลานั้น โยนาห์อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา 2 เขากล่าวว่า “ในยามทุกข์ลำเค็ญ ข้าพระองค์ร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า และพระองค์ทรงตอบข้าพระองค์ ข้าพระองค์วิงวอนขอความช่วยเหลือจากห้วงลึกของแดนมรณา และพระองค์ทรงสดับฟังเสียงร้องของข้าพระองค์ 3 พระองค์ทรงเหวี่ยงข้าพระองค์ลงมาในห้วงลึก สู่ใจกลางมหาสมุทร กระแสน้ำถาโถมเข้าใส่ข้าพระองค์ และระลอกคลื่นของพระองค์ ท่วมมิดข้าพระองค์ 4 ข้าพระองค์กล่าวว่า ‘ข้าพระองค์ถูกเนรเทศ พ้นจากสายพระเนตรของพระองค์แล้ว ถึงกระนั้นข้าพระองค์จะมุ่งมอง ไปยังพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อีก’ 5 น้ำท่วมมิดข้าพระองค์ ที่ลึกล้อมรอบข้าพระองค์ สาหร่ายทะเลพันรอบศีรษะของข้าพระองค์ 6 ข้าพระองค์จมลงมาถึงรากภูเขา แผ่นดินเบื้องล่างขังข้าพระองค์ไว้เป็นนิตย์ แต่พระองค์ทรงช่วยชีวิตข้าพระองค์ขึ้นมาจากเหว ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ 7 “เมื่อชีวิตของข้าพระองค์กำลังจะหลุดลอยไป ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ระลึกถึงพระองค์ คำอธิษฐานของข้าพระองค์ขึ้นไปถึงพระองค์ ไปถึงพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ 8 “บรรดาคนที่ยึดติดกับเทวรูปอันไร้ค่า สูญเสียพระคุณซึ่งเขาควรจะได้ 9 ส่วนข้าพระองค์จะถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ ด้วยบทเพลงโมทนาพระคุณ ข้าพระองค์ปฏิญาณไว้อย่างไร ข้าพระองค์จะทำเช่นนั้น การช่วยให้รอดมาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า” 10 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งปลานั้น มันก็สำรอกโยนาห์ออกมาไว้ที่ริมฝั่ง —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JON/2-07fe5cd5eade27fd5cde079ebd91414f.mp3?version_id=179—
โยนาห์ 3
โยนาห์ไปยังนีนะเวห์ 1 แล้วมีพระดำรัสจากองค์พระผู้เป็นเจ้ามาถึงโยนาห์เป็นครั้งที่สองว่า 2 “จงไปนีนะเวห์นครใหญ่ และประกาศแก่ชาวกรุงนั้นตามที่เราสั่งเจ้า” 3 โยนาห์ก็เชื่อฟังพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าและไปยังนีนะเวห์ นครนั้นใหญ่มาก ต้องใช้เวลาสามวันจึงเดินทางทั่ว 4 ในวันแรกโยนาห์ตั้งต้นเดินเข้าไปในกรุงนั้น เขาประกาศว่า “อีกสี่สิบวันนีนะเวห์จะถูกทำลาย” 5 ชาวนีนะเวห์ก็เชื่อพระเจ้า พวกเขาประกาศให้มีการถืออดอาหาร แล้วชาวกรุงทุกคนตั้งแต่ผู้ใหญ่ที่สุดจนถึงผู้น้อยที่สุดสวมเสื้อผ้ากระสอบ 6 เมื่อกษัตริย์นีนะเวห์ทรงทราบเรื่องนี้ ก็ทรงลุกขึ้นจากบัลลังก์ ถอดฉลองพระองค์ออก เอาเสื้อผ้ากระสอบคลุมพระองค์ และประทับในกองฝุ่นธุลี 7 แล้วทรงออกประกาศในกรุงนีนะเวห์ว่า “โดยพระราชกฤษฎีกาของกษัตริย์ และขุนนางทั้งหลาย “ห้ามไม่ให้ผู้ใดหรือสัตว์ตัวใดกินหรือดื่มอะไร 8 แต่ให้ทั้งคนและสัตว์ห่มตัวด้วยผ้ากระสอบ ให้ทุกคนทูลอ้อนวอนพระเจ้าอย่างเร่งด่วน และให้เลิกทำชั่ว เลิกการทารุณ 9 ใครจะรู้ได้ พระเจ้าอาจจะทรงอดกลั้นพระทัยไว้ และด้วยพระเมตตา พระองค์อาจจะทรงหันจากพระพิโรธอันรุนแรง เพื่อเราจะไม่ต้องพินาศ” 10 เมื่อพระเจ้าทอดพระเนตรการกระทำของพวกเขาและเห็นเขาเลิกทำชั่ว ก็ทรงเอ็นดูสงสารและไม่ได้ทำลายพวกเขาตามที่ทรงคาดโทษไว้ —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/JON/3-9e7f4a34a5524f24017a4e40e4331f4a.mp3?version_id=179—
โยนาห์ 4
โยนาห์โกรธที่องค์พระผู้เป็นเจ้า 1 แต่โยนาห์ไม่พอใจมากและโกรธ 2 เขาอธิษฐานต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ก็บอกตั้งแต่ยังอยู่ที่บ้านแล้วไม่ใช่หรือว่ามันจะเป็นอย่างนี้? เพราะเหตุนี้แหละ ข้าพระองค์ถึงได้รีบหนีไปเมืองทารชิช ข้าพระองค์รู้อยู่ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยพระคุณและความเอ็นดูสงสาร ทรงเป็นพระเจ้าผู้กริ้วช้าและเปี่ยมด้วยความรัก พระเจ้าทรงอดพระทัยไว้ไม่ลงโทษ 3 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าบัดนี้ขอทรงเอาชีวิตข้าพระองค์ไปเถิด ข้าพระองค์ตายเสียดีกว่าอยู่” 4 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะโกรธ?” 5 โยนาห์ก็ออกไปอยู่นอกเมืองทางตะวันออก แล้วสร้างเพิงขึ้นหลังหนึ่ง แล้วนั่งอยู่ใต้ร่มเพิง และคอยดูเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับกรุงนีนะเวห์ 6 แล้วพระเจ้าพระยาห์เวห์ทรงบันดาลให้เถาไม้เลื้อยเถาหนึ่งงอกขึ้นเหนือโยนาห์ ช่วยบังแดดให้ศีรษะของเขา เพื่อบรรเทาความเดือดเนื้อร้อนใจของเขา โยนาห์ก็มีความสุขมากที่มีเถาไม้เลื้อยนี้ 7 แต่พอฟ้าสางวันรุ่งขึ้น พระเจ้าทรงให้มีหนอนกัดกินเถาไม้เลื้อยนั้น จนมันเหี่ยวเฉาไป 8 เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น พระเจ้าทรงให้มีลมตะวันออกอันร้อนระอุพัดมา แสงอาทิตย์ก็แผดเปรี้ยงเหนือศีรษะของโยนาห์จนเขาแทบเป็นลม โยนาห์อยากตายและตัดพ้อว่า “ข้าพระองค์ตายเสียก็ดีกว่าอยู่” 9 แต่พระเจ้าตรัสกับโยนาห์ว่า “เจ้ามีสิทธิ์จะโกรธเรื่องเถาไม้เลื้อยนี้หรือ?” โยนาห์ทูลว่า “ข้าพระองค์มีสิทธิ์ ข้าพระองค์โกรธจนอยากตาย” 10 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “เจ้าเสียดายเถาไม้เลื้อยนี้ ทั้งๆ ที่เจ้าไม่ได้ปลูกหรือดูแลมันให้โต มันงอกขึ้นในชั่วข้ามคืนและตายไปในชั่วข้ามคืน 11 ก็แล้วนีนะเวห์ซึ่งมีคนกว่า 120,000 คน ซึ่งไม่รู้ประสาว่าไหนมือซ้ายไหนมือขวา […]
โอบาดีห์ 1
1 นิมิตของโอบาดีห์ พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิตตรัสเกี่ยวกับเอโดมว่า เราได้ยินถ้อยคำจากองค์พระผู้เป็นเจ้าดังนี้ มีทูตคนหนึ่งถูกส่งไปยังประชาชาติต่างๆ เพื่อแจ้งว่า “ลุกขึ้นเถิด ให้เราไปรบกับเอโดม” 2 “ดูเถิด เราจะทำให้เจ้าเล็กกระจ้อยร่อยในหมู่ประชาชาติ เจ้าจะถูกเหยียดหยามยิ่งนัก 3 ความหยิ่งผยองในใจได้หลอกลวงเจ้า เจ้าผู้อาศัยอยู่ในซอกหิน และสร้างบ้านไว้บนที่สูง เจ้าผู้บอกตัวเองว่า ‘ใครเล่าสามารถดึงเราลงไปอยู่ที่พื้นได้?’ 4 ถึงแม้เจ้าเหินฟ้าเหมือนนกอินทรี และสร้างรังไว้กลางหมู่ดาว เราก็จะฉุดเจ้าลงมาจากที่นั่น” องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น 5 “หากขโมยมาหาเจ้า หากโจรบุกมาในยามค่ำคืน เจ้าจะย่อยยับสักปานใด เขาจะไม่ขโมยไปเพียงเท่าที่เขาอยากได้หรือ? หากคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า เขาจะไม่เหลือไว้บ้างนิดหน่อยหรือ? 6 แต่เอซาวจะถูกปล้นชิงจนหมดสิ้น ทรัพย์สมบัติที่เขาซ่อนไว้ถูกปล้นชิงไปหมด! 7 พันธมิตรทั้งหมดจะบังคับให้เจ้าออกไปจนสุดแดน เพื่อนฝูงจะหลอกและเอาชนะเจ้า เพื่อนร่วมสำรับอาหารเดียวกันกับเจ้าจะวางกับดักเจ้า แต่เจ้าจะไม่ระแคะระคาย” 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศว่า “ในวันนั้น เราจะไม่ทำลายปราชญ์ของเอโดม และผู้ที่มีความเข้าใจที่ภูเขาต่างๆ ของเอซาวหรือ? 9 เทมานเอ๋ย นักรบของเจ้าจะครั่นคร้าม และทุกคนที่ภูเขาของเอซาว จะถูกประหาร 10 เพราะความอำมหิตที่เจ้าทำแก่ยาโคบน้องชายของเจ้า เจ้าจะอับอายขายหน้า เจ้าจะถูกทำลายไปตลอดกาล 11 ในวันที่เจ้ายืนเฉยอย่างไม่แยแส […]