ปฐมกาล 39

โยเซฟกับภรรยาของโปทิฟาร์ 1 บัดนี้โยเซฟถูกนำมาถึงอียิปต์ คนอิชมาเอลได้ขายเขาให้กับโปทิฟาร์ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ซึ่งเป็นขุนนางคนหนึ่งของฟาโรห์ 2 องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับโยเซฟและทรงอวยพรให้เขาเจริญรุ่งเรืองขึ้นในบ้านของเจ้านายชาวอียิปต์ 3 เมื่อนายเห็นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเขา และองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานความสำเร็จในทุกสิ่งที่เขาทำ 4 โยเซฟจึงเป็นที่โปรดปรานและกลายเป็นคนสนิทของนาย โปทิฟาร์จึงตั้งให้โยเซฟดูแลครัวเรือนของเขา และมอบทุกสิ่งที่เขามีอยู่ไว้ในมือของโยเซฟ 5 ตั้งแต่นายมอบหมายให้โยเซฟดูแลทุกสิ่งในครัวเรือนและทุกสิ่งที่เขามีองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรครอบครัวของคนอียิปต์นั้นเพราะเห็นแก่โยเซฟองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรทุกสิ่งของโปทิฟาร์ทั้งในบ้านและในทุ่งนา 6 ดังนั้นโปทิฟาร์จึงไว้ใจให้โยเซฟดูแลทุกสิ่งที่เขามี เมื่อมีโยเซฟเป็นผู้ดูแล เขาไม่ต้องรับรู้เรื่องใดเลย เว้นแต่อาหารที่จะรับประทาน โยเซฟเป็นชายรูปหล่อหุ่นดี 7 จากนั้นไม่นานภรรยาของเจ้านายจ้องมองโยเซฟตาเป็นมัน นางจึงชวนเขาว่า “มานอนกับฉันสิ!” 8 แต่โยเซฟปฏิเสธและกล่าวกับนางว่า “ภายใต้การดูแลของข้า นายไม่ต้องรับรู้เรื่องใดในบ้านเลย ทุกสิ่งที่นายมีอยู่ นายก็มอบให้ข้าจัดการ 9 ในบ้านนี้ไม่มีใครใหญ่เกินข้า เจ้านายของข้าไม่หวงสิ่งใดกับข้านอกจากท่าน เพราะท่านเป็นภรรยาของนาย ข้าจะทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้และทำบาปต่อพระเจ้าได้อย่างไร?” 10 แม้นางชวนโยเซฟวันแล้ววันเล่า เขาก็ปฏิเสธที่จะหลับนอนกับนางหรือแม้แต่จะอยู่ใกล้นาง 11 วันหนึ่งขณะที่โยเซฟเข้าไปในบ้านเพื่อทำงานตามหน้าที่ของเขา ขณะนั้นไม่มีคนรับใช้อื่นๆ อยู่ในบ้านเลย 12 ภรรยาของโปทิฟาร์เข้ามากระชากเสื้อของโยเซฟไว้แล้วบอกว่า “มานอนกับฉันเถิด!” แต่เขาทิ้งเสื้อไว้ในมือของนางแล้ววิ่งหนีออกไปนอกบ้าน 13 เมื่อนางเห็นว่าเสื้อของโยเซฟอยู่ในมือ และตัวเขาวิ่งออกไปนอกบ้านแล้ว 14 นางจึงเรียกคนรับใช้คนอื่นๆ ในบ้านมาและกล่าวว่า “ดูสิ สามีฉันนำเจ้าฮีบรูคนนี้มาหยามพวกเรา […]

ปฐมกาล 40

หัวหน้าพนักงานเชิญจอกเสวยและหัวหน้าพนักงานทำขนมปัง 1 ต่อมาพนักงานเชิญจอกเสวยและพนักงานทำขนมปังของกษัตริย์แห่งอียิปต์ทำผิดต่อกษัตริย์แห่งอียิปต์ผู้เป็นนาย 2 ฟาโรห์กริ้วเจ้าพนักงานทั้งสองคนนี้ คือพนักงานเชิญจอกเสวยและพนักงานทำขนมปัง 3 จึงทรงให้คุมขังคนทั้งสองไว้ในคุกซึ่งอยู่ในบ้านของผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ เป็นคุกเดียวกันกับที่โยเซฟถูกคุมขัง 4 ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์มอบหมายให้โยเซฟคอยดูแลคนทั้งสอง หลังจากเขาทั้งสองถูกคุมขังอยู่ระยะหนึ่ง 5 คืนหนึ่งพนักงานสองคนที่ถูกคุมขัง คือพนักงานเชิญจอกเสวยและพนักงานทำขนมปัง ต่างก็ฝัน และความฝันของแต่ละคนนั้นก็มีความหมายแตกต่างกัน 6 เช้าวันต่อมาเมื่อโยเซฟมาพบพวกเขาทั้งสอง เขาสังเกตเห็นว่าคนทั้งสองมีสีหน้าเศร้าหมอง 7 ดังนั้นเขาจึงถามเจ้าพนักงานของฟาโรห์ทั้งสองคนที่ถูกคุมขังด้วยกันกับเขาในบ้านของเจ้านายว่า “เหตุใดวันนี้ท่านจึงมีสีหน้าเศร้าหมอง?” 8 เขาตอบว่า “เราทั้งสองคนฝัน แต่ไม่มีใครบอกความหมายของความฝันให้เรา” โยเซฟจึงบอกว่า “มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ความหมายของความฝันไม่ใช่หรือ? จงเล่าความฝันของท่านให้ข้าฟังเถิด” 9 ดังนั้นพนักงานเชิญจอกเสวยจึงเล่าความฝันของเขาให้โยเซฟฟังว่า “ในความฝันของข้านั้น ข้าเห็นเถาองุ่นอยู่เบื้องหน้า 10 และเถาองุ่นนั้นมีสามกิ่ง ทันทีที่มันผลิดอกออกผล มันก็มีพวงองุ่นสุก 11 จอกของฟาโรห์อยู่ในมือข้า ข้าจึงเด็ดองุ่นมาคั้นน้ำใส่จอกแล้วยื่นถวายแด่ฟาโรห์” 12 โยเซฟกล่าวว่า “ความฝันของท่านมีความหมายดังนี้ กิ่งสามกิ่งหมายถึงสามวัน 13 ภายในสามวันนี้ ฟาโรห์จะทรงปล่อยท่านและคืนตำแหน่งให้ท่าน ท่านจะเชิญจอกเสวยของฟาโรห์เหมือนที่ท่านเคยรับใช้พระองค์มา 14 เมื่อท่านได้ดีแล้ว โปรดระลึกถึงข้าและเมตตาสงสารข้าด้วย โปรดช่วยทูลฟาโรห์เรื่องของข้าและช่วยข้าออกจากคุกนี้ 15 เพราะข้าถูกลากตัวมาจากดินแดนของชาวฮีบรู […]

ปฐมกาล 41

ความฝันของฟาโรห์ 1 เวลาผ่านไปสองปีเต็ม คืนหนึ่งฟาโรห์ทรงฝันว่าพระองค์ทรงยืนอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ 2 มีวัวอ้วนพีแข็งแรงเจ็ดตัวขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ กินหญ้าอยู่ริมฝั่ง 3 แล้วมีวัวอีกเจ็ดตัวขึ้นมาจากแม่น้ำไนล์ แต่พวกหลังนี้ตัวผอมแห้งจนน่าเกลียด พวกมันเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างวัวอ้วนพีแข็งแรง 4 วัวผอมโซน่าเกลียดเหล่านั้นก็กินวัวอ้วนพีแข็งแรงทั้งเจ็ดตัว แล้วฟาโรห์ทรงตื่นจากบรรทม 5 พระองค์บรรทมหลับไปอีกและทรงฝันเป็นครั้งที่สอง คราวนี้ทรงเห็นข้าวต้นหนึ่งกำลังออกรวงเจ็ดรวงซึ่งมีเมล็ดเต่งงามดี 6 หลังจากนั้นมีอีกเจ็ดรวงผลิออกมา แต่มีเมล็ดเหี่ยวแห้งเพราะลมตะวันออก 7 แล้วรวงข้าวที่เหี่ยวแห้งก็กลืนกินรวงข้าวที่เต่งงามเจ็ดรวงนั้นจนหมด แล้วฟาโรห์ตื่นจากบรรทมและทรงทราบว่าเป็นความฝัน 8 เช้าวันรุ่งขึ้นฟาโรห์ทรงกังวลพระทัยนักจึงรับสั่งให้บรรดานักเล่นอาคมและปราชญ์ของอียิปต์มาเข้าเฝ้า พระองค์ทรงเล่าความฝันให้ฟัง แต่ไม่มีใครบอกได้ว่าความฝันพวกนั้นหมายถึงอะไร 9 แล้วหัวหน้าพนักงานเชิญจอกเสวยจึงกราบทูลว่า “วันนี้ข้าพระบาทระลึกถึงความผิดพลาดของตนได้แล้ว 10 ครั้งหนึ่งฟาโรห์กริ้วข้าพระบาท และทรงให้จำคุกข้าพระบาทพร้อมกับหัวหน้าพนักงานทำขนมปังไว้ในบ้านของผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ 11 คืนหนึ่งข้าพระบาททั้งสองต่างฝันไป และความฝันของแต่ละคนนั้นก็มีความหมายแตกต่างกัน 12 ขณะนั้นชายหนุ่มฮีบรูคนหนึ่งซึ่งเป็นทาสรับใช้ของท่านผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ถูกจำคุกอยู่กับข้าพระบาททั้งสอง ข้าพระบาทจึงเล่าความฝันให้เขาฟัง เขาก็บอกความหมายของความฝันให้กับข้าพระบาททั้งสอง 13 ทุกสิ่งก็เป็นไปตามที่เขาได้ทำนายให้กับข้าพระบาททุกประการ คือข้าพระบาทได้กลับเข้ามาประจำหน้าที่ดังเดิม ส่วนอีกคนหนึ่งก็ถูกเสียบประหาร” 14 ฟาโรห์จึงรับสั่งให้นำโยเซฟมาเข้าเฝ้า เขาจึงถูกนำตัวออกจากคุกอย่างเร่งด่วน เมื่อโกนหนวดเคราและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เข้าเฝ้าฟาโรห์ 15 ฟาโรห์ตรัสกับโยเซฟว่า “เราฝันไป และไม่มีใครบอกความหมายของความฝันได้ แต่เราได้ยินมาว่าเมื่อใครเล่าความฝันให้เจ้าฟัง เจ้าก็สามารถบอกความหมายของความฝันนั้นได้” 16 […]

ปฐมกาล 42

พวกพี่ชายของโยเซฟไปอียิปต์ 1 ฝ่ายยาโคบทราบมาว่ามีข้าวที่อียิปต์ จึงพูดกับลูกๆ ว่า “มานั่งมองหน้ากันอยู่ทำไม? 2 พ่อได้ยินว่าที่อียิปต์มีข้าว พวกเจ้าจงลงไปที่นั่นและซื้อมาให้พวกเรา เพื่อเราจะไม่อดตาย” 3 ดังนั้นพี่ชายทั้งสิบคนของโยเซฟจึงเดินทางลงไปอียิปต์เพื่อซื้อข้าว 4 แต่ยาโคบไม่ยอมให้เบนยามินน้องชายของโยเซฟไปกับคนอื่นๆ ด้วย เพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายแก่เขา 5 ดังนั้นบรรดาบุตรชายของอิสราเอลจึงร่วมเดินทางไปซื้อข้าวพร้อมกับคนอื่นๆ เพราะที่คานาอันก็กันดารอาหารเช่นกัน 6 ขณะนั้นโยเซฟเป็นผู้ว่าราชการแผ่นดินมีหน้าที่ขายข้าวให้กับประชาชนทุกคน ดังนั้นเมื่อพวกพี่ชายของโยเซฟมาถึง พวกเขาจึงน้อมคำนับโยเซฟซบหน้าลงกับดิน 7 โยเซฟเห็นพวกพี่ๆ ก็จำได้ทันที แต่เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้จักและพูดจาหาเรื่องพวกเขา เขาถามว่า “พวกเจ้ามาจากที่ไหน?” พวกเขาตอบว่า “จากดินแดนคานาอันเพื่อซื้อข้าว” 8 แม้โยเซฟจะจำพวกพี่ชายของเขาได้ แต่พวกเขาจำโยเซฟไม่ได้ 9 แล้วโยเซฟก็หวนรำลึกถึงความฝันในอดีตและพูดกับพวกเขาว่า “พวกเจ้าเป็นสายลับ! พวกเจ้าเข้ามาดูว่าดินแดนของเรามีจุดอ่อนตรงไหน” 10 พวกเขาตอบว่า “ไม่ใช่นายท่าน ผู้รับใช้ของท่านมาเพื่อซื้ออาหาร 11 เราทุกคนเป็นพี่น้องพ่อเดียวกัน ผู้รับใช้ของท่านเป็นคนสุจริต ไม่ใช่สายลับ” 12 โยเซฟยืนกรานว่า “ไม่จริง! พวกเจ้าเข้ามาดูว่าดินแดนของเรามีจุดอ่อนตรงไหน” 13 แต่พวกเขาตอบว่า “ท่านขอรับ เรามีด้วยกันสิบสองคนพี่น้องพ่อเดียวกัน พ่อของเราอยู่ในดินแดนคานาอัน […]

ปฐมกาล 43

การเดินทางไปอียิปต์ครั้งที่สอง 1 ขณะนั้นการกันดารอาหารยังคงรุนแรงอยู่ 2 เมื่อข้าวที่พวกเขาเอามาจากอียิปต์หมดแล้ว บิดาก็พูดกับพวกเขาว่า “จงกลับไปซื้ออาหารมาให้เราอีกหน่อย” 3 แต่ยูดาห์พูดกับบิดาว่า “คนๆ นั้นกำชับไว้ว่า ‘เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้มาพบเรา ถ้าไม่พาน้องชายคนเล็กมาด้วย’ 4 ถ้าพ่อยอมให้น้องไปกับพวกเรา พวกเราก็จะลงไปอียิปต์เพื่อซื้ออาหารมาให้พ่อ 5 แต่ถ้าพ่อไม่ยอมให้น้องไป พวกเราก็จะไม่ไป เพราะเจ้านายคนนั้นสั่งไว้ว่า ‘เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้มาพบเรา ถ้าไม่พาน้องชายคนเล็กมาด้วย’ ” 6 อิสราเอลผู้เป็นบิดาจึงถามว่า “ทำไมเจ้านำปัญหามาให้เราเช่นนี้ เจ้าไปบอกเขาทำไมว่ามีน้องชายอีกคนหนึ่ง?” 7 พวกเขาตอบว่า “ก็เขาเจาะจงถามถึงพวกเราและครอบครัวของเรา เขาถามเราว่า ‘พ่อของเจ้ายังมีชีวิตอยู่หรือ? เจ้ามีน้องอีกคนหนึ่งไหม?’ เราเพียงแต่ตอบไปตามที่เขาถาม เราจะไปรู้หรือว่าเขาจะสั่งว่า ‘จงพาน้องชายของพวกเจ้าลงมาที่นี่’?” 8 แล้วยูดาห์ก็พูดกับอิสราเอลบิดาของเขาว่า “ให้น้องไปกับเราเถิด เราจะได้ออกเดินทางทันที เพื่อว่าพวกเรา ตัวพ่อ และลูกๆ ของเราจะไม่ต้องอดตาย 9 ตัวข้าเองจะรับประกันความปลอดภัยของเขา ให้พ่อถือว่าข้าเป็นผู้รับผิดชอบเขาเอง ถ้าข้าพาเขากลับมาให้พ่อเห็นหน้าไม่ได้ ก็ขอให้เป็นตราบาปติดตัวข้าไปตลอดชีวิต 10 ถ้าพวกเราไม่มัวรีรออยู่เช่นนี้ ป่านนี้พวกเราคงไปและกลับมาเป็นครั้งที่สองแล้ว” 11 ในที่สุดอิสราเอลก็พูดกับพวกเขาว่า “หากต้องเป็นเช่นนี้ ก็ให้ทำดังนี้ก็แล้วกัน […]

ปฐมกาล 44

ถ้วยเงินในกระสอบ 1 ต่อมาโยเซฟสั่งคนต้นเรือนประจำบ้านของเขาว่า “จงเอาอาหารยัดใส่กระสอบของพวกเขาทุกคนมากเท่าที่พวกเขาจะขนไปได้ และจงใส่เงินของพวกเขาแต่ละคนไว้ที่ปากกระสอบของพวกเขาด้วย 2 แล้วใส่ถ้วยเงินของเราไว้ที่ปากกระสอบของน้องคนเล็ก พร้อมเงินค่าข้าวของเขา” เขาก็ปฏิบัติตามคำสั่งของโยเซฟ 3 ครั้นรุ่งเช้า คนของโยเซฟก็ส่งชายเหล่านั้นพร้อมฝูงลาออกเดินทางไป 4 เมื่อพวกเขาเดินทางไปได้ไม่ไกลจากเมืองนัก โยเซฟก็สั่งคนต้นเรือนว่า “จงตามชายเหล่านั้นไปทันที และเมื่อเจ้าตามไปทันแล้วให้ถามพวกเขาว่า ‘เหตุใดพวกท่านจึงตอบแทนความดีด้วยความชั่ว? 5 นี่เป็นถ้วยซึ่งนายของเราใช้ดื่มและใช้ทำนายไม่ใช่หรือ? พวกท่านได้ทำสิ่งชั่วช้าลงไปแล้ว’ ” 6 เมื่อคนต้นเรือนไล่ตามคนเหล่านั้นทัน เขาก็พูดตามที่โยเซฟสั่ง 7 แต่ชายเหล่านั้นพูดว่า “เหตุใดเจ้านายของเราจึงพูดเช่นนั้น? ไม่มีทางที่ผู้รับใช้ของท่านจะทำเช่นนั้น! 8 พวกเราอุตส่าห์นำเงินจากดินแดนคานาอันที่พบในปากกระสอบของเรามาคืนให้ท่าน แล้วทำไมเราจึงต้องขโมยเงินหรือทองจากบ้านนายของท่านด้วย? 9 ถ้าพบถ้วยเงินของนายท่านอยู่ที่ผู้รับใช้ของท่านคนใดก็ให้ผู้นั้นตายเสียเถิด แล้วพวกเราที่เหลือทั้งหมดจะยอมเป็นทาสนายของท่าน” 10 เขาจึงว่า “ดี ให้เป็นไปตามที่ท่านว่า ถ้าเราพบของนั้นที่ใคร เขาจะกลายเป็นทาสของเรา แต่พวกที่เหลือจะพ้นผิด” 11 พวกเขาแต่ละคนจึงรีบปลดกระสอบลงจากหลังลาและเปิดออก 12 แล้วคนต้นเรือนจึงเริ่มค้นดูตั้งแต่กระสอบของพี่ชายคนโตไปจนถึงน้องคนสุดท้อง ก็พบถ้วยเงินในกระสอบของเบนยามิน 13 เมื่อเห็นดังนั้น พวกเขาจึงฉีกเสื้อผ้าของตนด้วยความทุกข์ใจ เอาของขึ้นลาแล้วกลับเข้ามาในเมือง 14 โยเซฟยังคงอยู่ที่บ้านเมื่อยูดาห์กับพี่น้องของเขามาถึง พวกเขารีบทรุดตัวลงกับพื้นต่อหน้าโยเซฟ 15 โยเซฟถามว่า […]

ปฐมกาล 45

โยเซฟแสดงตัวกับพี่น้อง 1 โยเซฟไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าบรรดาคนที่ยืนอยู่ได้อีกต่อไป จึงร้องสั่งบริวารว่า “จงออกไปให้พ้นหน้าเราให้หมดทุกคน!” ดังนั้นจึงไม่มีผู้อื่นอยู่กับโยเซฟเมื่อเขาแสดงตัวกับพี่น้องของเขา 2 แล้วเขาก็ร้องไห้เสียงดังจนชาวอียิปต์ทั้งหลายได้ยิน และข่าวก็ไปถึงราชวังของฟาโรห์ 3 โยเซฟบอกพวกพี่น้องว่า “เราคือโยเซฟ! พ่อของเรายังมีชีวิตอยู่หรือ?” แต่พวกพี่น้องก็พูดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขาต่างตกใจกลัวที่ได้เผชิญหน้ากับโยเซฟ 4 แล้วโยเซฟจึงพูดกับพี่น้องของเขาว่า “เข้ามาใกล้ๆ เราเถิด” พวกเขาก็เดินเข้าไปใกล้ เขาพูดอีกว่า “เราคือโยเซฟพี่น้องของท่าน คนที่ท่านขายเข้ามาในอียิปต์ 5 แต่บัดนี้อย่าเสียใจและอย่าโกรธตนเองที่ได้ขายเรามาที่นี่ เพราะว่าพระเจ้าทรงส่งเรามาล่วงหน้าพวกพี่เพื่อช่วยชีวิตคนทั้งหลาย 6 การกันดารอาหารในแผ่นดินนี้เพิ่งเกิดขึ้นเพียงสองปี แล้วอีกห้าปีข้างหน้าก็จะเพาะปลูกหรือเก็บเกี่ยวไม่ได้ 7 แต่พระเจ้าทรงส่งเรามาล่วงหน้าพวกพี่เพื่อปกป้องรักษาคนที่เหลือบนแผ่นดินโลกไว้ และทรงช่วยชีวิตพวกพี่ไว้ด้วยการช่วยกู้ยิ่งใหญ่ 8 “ฉะนั้นจึงไม่ใช่พวกพี่ที่ส่งเรามาที่นี่ แต่เป็นพระเจ้าเอง พระองค์ทรงโปรดให้เราเป็นเหมือนบิดาแก่ฟาโรห์ เป็นเจ้านายเหนือข้าราชสำนักทั้งสิ้นและเป็นผู้ปกครองอียิปต์ทั้งประเทศ 9 บัดนี้จงรีบกลับไปหาพ่อของเราเถิด และบอกพ่อว่า ‘โยเซฟลูกของพ่อกล่าวดังนี้ว่า พระเจ้าทรงกระทำให้เราเป็นเจ้านายเหนือดินแดนอียิปต์ เชิญลงมาหาเราเถิด อย่าชักช้าอยู่เลย 10 พ่อจะได้มาอยู่ในดินแดนโกเชน อยู่ใกล้ๆ เรา ทั้งตัวพ่อพร้อมลูกหลาน ฝูงสัตว์ และทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านมี 11 เราจะดูแลจัดหาสิ่งต่างๆ ให้พ่อที่นั่น เพราะจะกันดารอาหารอีกห้าปี […]

ปฐมกาล 46

ยาโคบไปอียิปต์ 1 ดังนั้นอิสราเอลจึงออกเดินทางพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหมด เมื่อมาถึงเมืองเบเออร์เชบาเขาก็ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าของอิสอัคบิดาของเขา 2 ในตอนกลางคืนพระเจ้าตรัสกับเขาทางนิมิตว่า “ยาโคบ! ยาโคบเอ๋ย!” ยาโคบทูลว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่” 3 พระองค์ตรัสว่า “เราคือพระเจ้า พระเจ้าของบิดาเจ้า อย่ากลัวที่จะต้องลงไปอียิปต์ เพราะเราจะให้เจ้าเป็นชนชาติใหญ่ที่นั่น 4 เราจะลงไปอียิปต์กับเจ้า และเราจะนำเจ้ากลับมาอีกอย่างแน่นอน และเมื่อเจ้าตาย โยเซฟจะเป็นผู้ปิดตาเจ้า” 5 ยาโคบจึงตัดสินใจออกจากเมืองเบเออร์เชบา ลูกๆ ของอิสราเอลได้พายาโคบบิดาของพวกเขา พร้อมด้วยบุตรหลานและภรรยาของตน เดินทางมากับขบวนเกวียนซึ่งฟาโรห์ส่งมารับพวกเขา 6 ดังนั้นยาโคบและลูกหลานของเขาเดินทางมายังอียิปต์ พร้อมทั้งฝูงสัตว์และทรัพย์สมบัติที่หาได้ในแผ่นดินคานาอัน 7 ยาโคบพาลูกหลานทั้งหมดของเขามายังอียิปต์ คือบุตรชายบุตรสาวและหลานชายหลานสาว 8 ต่อไปนี้เป็นรายชื่อบุตรชายของอิสราเอล (ยาโคบและพงศ์พันธุ์ของเขา) ผู้ไปอียิปต์ ได้แก่ รูเบน บุตรชายหัวปีของยาโคบ 9 บุตรของรูเบนได้แก่ ฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคารมี 10 บุตรของสิเมโอนได้แก่ เยมูเอล ยามีน โอหาด ยาคีน โศหาร์ และชาอูลบุตรชายที่เกิดจากหญิงชาวคานาอัน 11 […]

ปฐมกาล 47

1 โยเซฟจึงเข้าไปทูลฟาโรห์ว่า “บิดาและพี่น้องของข้าพระบาทจากคานาอัน พร้อมด้วยฝูงสัตว์และทรัพย์สมบัติได้มาถึงโกเชนแล้ว” 2 โยเซฟได้คัดเลือกพี่น้องของเขามาห้าคน แล้วเบิกตัวเข้าเฝ้าฟาโรห์ 3 ฟาโรห์ตรัสถามว่า “พวกเจ้ามีอาชีพอะไร?” พวกเขาทูลว่า “ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเป็นคนเลี้ยงแกะตามอย่างบรรพบุรุษของข้าพระบาททั้งหลาย” 4 พวกเขายังทูลฟาโรห์อีกว่า “พวกข้าพระบาทต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่อย่างคนต่างด้าวสักระยะหนึ่ง เนื่องจากเกิดการกันดารอาหารอย่างรุนแรงในคานาอัน ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทไม่มีทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ ดังนั้นขอโปรดอนุญาตให้ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้อาศัยในโกเชนเถิด” 5 ฟาโรห์ตรัสกับโยเซฟว่า “บิดากับพี่น้องของเจ้ามาหาเจ้าแล้ว 6 และเจ้าก็มีอำนาจเหนือแผ่นดินอียิปต์ จงให้บิดาและพี่น้องของเจ้าตั้งถิ่นฐานในส่วนที่ดีที่สุดของดินแดนนี้ จงให้พวกเขาอาศัยอยู่ในโกเชน และหากเจ้ารู้ว่าพี่น้องของเจ้าคนใดมีความสามารถพิเศษก็แต่งตั้งเขาให้ดูแลฝูงสัตว์ของเราด้วย” 7 จากนั้นโยเซฟก็นำตัวยาโคบผู้เป็นบิดามาเข้าเฝ้าฟาโรห์ หลังจากยาโคบถวายพระพรแด่ฟาโรห์แล้ว 8 ฟาโรห์ตรัสถามว่า “ท่านอายุเท่าไรแล้ว?” 9 ยาโคบทูลว่า “ข้าพเจ้าร่อนเร่มา 130 ปีแล้ว ปีเดือนของข้าพระบาทก็สั้นและลำเค็ญ ไม่ยืนยาวเหมือนบรรพบุรุษผู้มีชีวิตเร่ร่อนเช่นกัน” 10 แล้วยาโคบก็ถวายพระพรแด่ฟาโรห์และออกไป 11 โยเซฟจึงให้บิดาและพี่น้องของเขาอาศัยอยู่ในอียิปต์ และมอบที่ดินที่ดีที่สุดคือเมืองราเมเสสให้แก่พวกเขาตามรับสั่งของฟาโรห์ 12 โยเซฟยังได้จัดหาอาหารให้บิดา พี่น้อง และทุกคนในครัวเรือนของบิดาของเขา รวมทั้งลูกหลานของพวกเขาทุกคนด้วย โยเซฟและการกันดารอาหาร 13 ครั้งนั้นทั่วแผ่นดินไม่มีอาหาร เพราะการกันดารอาหารรุนแรงจนผู้คนทั่วอียิปต์และคานาอันต่างพากันอดอยากหิวโหย 14 ชาวอียิปต์และชาวคานาอันเอาเงินออกมาซื้อข้าวจนหมด […]

ปฐมกาล 48

มนัสเสห์และเอฟราอิม 1 ต่อมามีคนมาบอกโยเซฟว่า “บิดาของท่านป่วย” เขาจึงพาบุตรสองคนคือมนัสเสห์และเอฟราอิมไปเยี่ยม 2 เมื่อมีคนมาบอกยาโคบว่า “โยเซฟบุตรชายของท่านมาหา” อิสราเอลจึงรวบรวมกำลังพยุงกายขึ้นนั่งบนเตียง 3 ยาโคบกล่าวกับโยเซฟว่า “พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ได้ปรากฏแก่เราที่ลูสในดินแดนคานาอัน และที่นั่นพระองค์ทรงอวยพรเรา 4 ตรัสว่า ‘เราจะทำให้เจ้ามีลูกมีหลานทวีจำนวนขึ้นมากมาย เราจะทำให้เจ้าเป็นประชาคมของชนชาติทั้งหลาย และจะยกดินแดนนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์นิรันดร์แก่วงศ์วานของเจ้าสืบไป’ 5 “บัดนี้ เอฟราอิมและมนัสเสห์ ลูกทั้งสองคนของเจ้าซึ่งเกิดในอียิปต์ก่อนที่เราจะมาถึง เขาจะถูกนับว่าเป็นลูกของเรา เขาทั้งสองจะเป็นลูกของเราเหมือนรูเบนและสิเมโอน 6 ส่วนลูกคนอื่นๆ ของเจ้าที่เกิดมาภายหลังเขาทั้งสองจะเป็นทายาทของเจ้าเอง และจะรับมรดกส่วนของเอฟราอิมและมนัสเสห์ 7 ที่เราทำเช่นนี้ก็เพราะเมื่อครั้งเรากลับมาจากปัดดาน เราเศร้าเสียใจมากที่ราเชลเสียชีวิตในดินแดนคานาอันขณะเดินทาง ไม่ไกลจากเอฟราธาห์นัก เราจึงฝังนางไว้บนเส้นทางไปเอฟราธาห์” (คือเบธเลเฮม) 8 เมื่ออิสราเอลเห็นบุตรชายของโยเซฟก็ถามว่า “นี่ใคร?” 9 โยเซฟตอบบิดาของเขาว่า “นี่คือลูกชายที่พระเจ้าประทานให้เราที่นี่” แล้วอิสราเอลจึงพูดว่า “จงนำพวกเขามาหาเรา เพื่อเราจะได้อวยพรเขา” 10 บัดนี้อิสราเอลตาฝ้าฟางเพราะอายุมาก มองอะไรแทบไม่เห็น โยเซฟจึงพาบุตรชายทั้งสองคนเข้าไปใกล้และบิดาของโยเซฟก็จูบและกอดพวกเขา 11 แล้วอิสราเอลพูดกับโยเซฟว่า “เราไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นหน้าเจ้าอีกครั้งหนึ่ง แล้วเดี๋ยวนี้พระเจ้ายังทรงอนุญาตให้เราได้เห็นลูกของเจ้าอีกด้วย” 12 โยเซฟเอาบุตรทั้งสองออกจากตักอิสราเอล แล้วโยเซฟหมอบซบหน้าลงกับพื้น 13 […]