ภัยพิบัติที่เกิดกับฝูงสัตว์ 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงไปหาฟาโรห์และกล่าวกับเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนฮีบรูตรัสว่า “จงปล่อยประชากรของเราไปเพื่อพวกเขาจะได้นมัสการเรา” 2 หากเจ้าไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปและยังคงหน่วงเหนี่ยวไว้ 3 พระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะนำภัยพิบัติอันน่าสะพรึงกลัวมาสู่ฝูงสัตว์ของเจ้าในท้องทุ่ง ไม่ว่าจะเป็นฝูงม้า ลา อูฐ วัว แกะและแพะ 4 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างฝูงสัตว์ของอิสราเอลกับของอียิปต์ เพื่อว่าสัตว์ของชาวอิสราเอลจะไม่ตายแม้แต่ตัวเดียว’ ” 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดเวลาและตรัสว่า “ในวันพรุ่งนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำสิ่งนี้ในแผ่นดินอียิปต์” 6 และองค์พระผู้เป็นเจ้าก็ทรงกระทำเช่นนั้นในวันต่อมา ฝูงสัตว์ของชาวอียิปต์พากันล้มตายหมด ส่วนฝูงสัตว์ของอิสราเอลไม่ตายแม้แต่ตัวเดียว 7 ฟาโรห์ส่งคนไปตรวจสอบและพบว่าสัตว์ของอิสราเอลไม่ตายเลยสักตัว แต่ฟาโรห์ก็ยังคงมีพระทัยแข็งกระด้างและไม่ยอมปล่อยประชากรอิสราเอลไป ภัยพิบัติจากฝี 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า “จงกอบเขม่าจากเตาขึ้นมาและให้โมเสสซัดขึ้นไปในอากาศต่อหน้าฟาโรห์ 9 เขม่านั้นจะกลายเป็นฝุ่นละเอียดฟุ้งตลบไปทั่วดินแดนอียิปต์ ทำให้เกิดฝีแตกลามตามตัวผู้คนและสัตว์ทั่วแผ่นดิน” 10 ดังนั้นเขาทั้งสองจึงนำเขม่าจากเตาไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ แล้วโมเสสก็ซัดเขม่าขึ้นไปในอากาศ ทำให้เกิดเป็นฝีแตกลามทั่วตัวคนและสัตว์ 11 บรรดานักเล่นอาคมไม่อาจยืนสู้หน้าโมเสสได้ เพราะฝีขึ้นที่ตัวพวกเขาเหมือนชาวอียิปต์ทั้งปวงด้วย 12 แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ฟาโรห์มีพระทัยแข็งกระด้างไม่ยอมฟังโมเสสและอาโรน ดังที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสไว้กับโมเสส ภัยพิบัติจากลูกเห็บ 13 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงตื่นแต่เช้ามืดไปเข้าเฝ้าฟาโรห์และบอกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนฮีบรูตรัสดังนี้ว่า จงปล่อยประชากรของเราไปเพื่อพวกเขาจะได้นมัสการเรา 14 มิฉะนั้นครั้งนี้เราจะส่งภัยพิบัติอย่างรุนแรงมายังเจ้า ข้าราชการและราษฎรของเจ้า เพื่อเจ้าจะได้รู้ว่าทั่วพิภพนี้ไม่มีผู้ใดเสมอเหมือนเรา […]
Monthly Archives: June 2018
อพยพ 10
ภัยพิบัติจากฝูงตั๊กแตน 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงกลับไปพบฟาโรห์อีก เพราะเราทำให้เขากับข้าราชการใจแข็งกระด้าง เพื่อเราจะแสดงหมายสำคัญของเราท่ามกลางพวกเขา 2 เพื่อเจ้าจะได้เล่าให้ลูกหลานฟังถึงการที่เราจัดการกับชาวอียิปต์อย่างหนักหน่วง และเราได้แสดงหมายสำคัญของเราท่ามกลางพวกเขาแล้ว พวกเจ้าจะได้รู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์” 3 ดังนั้นโมเสสกับอาโรนจึงไปเข้าเฝ้าฟาโรห์และทูลว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนฮีบรูตรัสว่า ‘เจ้าจะไม่ยอมถ่อมตัวลงต่อหน้าเราอีกนานเท่าใด? จงปล่อยประชากรของเราไปเพื่อพวกเขาจะได้นมัสการเรา 4 หากเจ้าไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป เราจะนำตั๊กแตนมาสู่ประเทศของเจ้าในวันพรุ่งนี้ 5 ตั๊กแตนจะแห่มามืดฟ้ามัวดินและกัดกินพืชพันธุ์ทุกอย่างที่เหลือรอดจากลูกเห็บ รวมทั้งต้นไม้ทุกต้นในเรือกสวนไร่นาของเจ้า 6 ตั๊กแตนจะเข้ามาเต็มพระราชวัง เต็มบ้านของข้าราชการทุกคนและทุกบ้านในอียิปต์ นี่คือสิ่งที่บรรพบุรุษของเจ้าไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่พวกเขาตั้งรกรากในแผ่นดินนี้’ ” แล้วโมเสสก็ไปจากฟาโรห์ 7 บรรดาข้าราชการทูลฟาโรห์ว่า “ชายคนนี้จะเป็นบ่วงดักเราไปนานเท่าใด? ขอทรงปล่อยชนชาตินี้ไปนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขาเถิด ฝ่าพระบาทยังไม่ทรงตระหนักหรือว่าอียิปต์พินาศแล้ว?” 8 โมเสสและอาโรนจึงถูกนำตัวมาเข้าเฝ้าฟาโรห์อีก ฟาโรห์ตรัสว่า “ไปนมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้าเถิด แต่จะมีใครไปบ้าง?” 9 โมเสสทูลตอบว่า “พวกข้าพระบาทจะไปกันทั้งหมด ทั้งคนหนุ่มคนแก่ บุตรชายบุตรสาว และฝูงสัตว์ เพราะพวกเราจะไปเลี้ยงฉลองถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า” 10 ฟาโรห์ตรัสว่า “ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับเจ้าเถิด หากเราปล่อยเจ้าไปพร้อมกับผู้หญิงและเด็กๆ! เห็นได้ชัดว่าเจ้ามีแผนการร้าย 11 ไม่ได้! ให้เฉพาะพวกผู้ชายไปนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะนั่นเป็นสิ่งที่เจ้าขอไว้” แล้วโมเสสกับอาโรนก็ถูกไล่ออกไปให้พ้นพระพักตร์ฟาโรห์ 12 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงชูมือขึ้นเหนืออียิปต์เพื่อฝูงตั๊กแตนจะได้มาปกคลุมทั่วดินแดนและกัดกินพืชพันธุ์ทุกอย่างในท้องทุ่งที่เหลือจากการทำลายล้างของลูกเห็บ” […]
อพยพ 11
ภัยพิบัติมาถึงบุตรหัวปี 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราจะส่งภัยพิบัติอีกอย่างหนึ่งมายังฟาโรห์และดินแดนอียิปต์ หลังจากนั้นเขาจะยอมปล่อยเจ้าไปจากที่นี่ เขาจะเสือกไสพวกเจ้าออกไปจนหมด 2 จงบอกชนอิสราเอลทั้งชายหญิงให้เตรียมขอเครื่องเงินเครื่องทองของมีค่าจากเพื่อนบ้านไว้” 3 (องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ชาวอียิปต์ชื่นชอบชาวอิสราเอลมาก และโมเสสเองก็เป็นที่นับหน้าถือตาอย่างสูงในอียิปต์ ทั้งข้าราชการของฟาโรห์และประชาชนอียิปต์ล้วนเคารพยำเกรงเขา) 4 ดังนั้นโมเสสจึงกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ประมาณเที่ยงคืนเราจะไปทั่วอียิปต์ 5 แล้วลูกชายหัวปีทุกคนในอียิปต์จะต้องตาย ตั้งแต่โอรสหัวปีของฟาโรห์ผู้ประทับบนบัลลังก์ ไปจนถึงลูกชายหัวปีของทาสหญิงที่กำลังโม่แป้ง และแม้แต่ลูกหัวปีของสัตว์ด้วย 6 เสียงร่ำไห้จะดังระงมไปทั่วแดนอียิปต์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีเกิดขึ้นอีก 7 แต่ท่ามกลางชนอิสราเอลจะไม่มีอะไรมากล้ำกราย ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ไม่มีแม้แต่เสียงสุนัขเห่า’ แล้วฝ่าพระบาทจะได้ทรงทราบว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดข้อแตกต่างระหว่างอิสราเอลกับอียิปต์ 8 บรรดาข้าราชการของฝ่าพระบาทจะรีบมาหาข้าพระบาท และกราบกรานอ้อนวอนว่า ‘กรุณาออกไปเถิด พาผู้คนทั้งหมดไปกับท่านด้วย’ เมื่อนั้นข้าพระบาทจึงจะไป” แล้วโมเสสก็ทูลลาฟาโรห์ไปด้วยความโกรธ 9 องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสกับโมเสสไว้แล้วว่า “ฟาโรห์จะไม่ฟังเจ้า เพื่อว่าการอัศจรรย์ของเราจะได้เพิ่มทวียิ่งขึ้นในอียิปต์” 10 โมเสสและอาโรนได้ทำการอัศจรรย์ทั้งหมดนี้ต่อหน้าฟาโรห์ แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ฟาโรห์มีพระทัยแข็งกระด้างและไม่ยอมปล่อยชนอิสราเอลออกจากอียิปต์ —https://cdn-youversionapi.global.ssl.fastly.net/audio-bible-youversionapi/26/32k/EXO/11-1b11199927e24f48ca6136d59551f601.mp3?version_id=179—
อพยพ 12
ปัสกา 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนในอียิปต์ว่า 2 “นับแต่นี้ไป ให้เดือนนี้เป็นเดือนแรกของเจ้า เป็นเดือนแรกของปีสำหรับเจ้า 3 จงแจ้งแก่ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดว่า ในวันที่สิบของเดือนนี้ แต่ละครอบครัวจะคัดลูกแกะตัวหนึ่ง 4 หรือหากเป็นครอบครัวเล็กมีคนน้อยกินลูกแกะตัวหนึ่งไม่หมด ก็ให้รวมกับเพื่อนบ้านซึ่งอยู่ใกล้กันที่สุด เลือกลูกแกะให้เหมาะกับจำนวนคนที่จะกินและตามปริมาณที่แต่ละคนจะกินได้ 5 สัตว์ที่เจ้าเลือกนี้อาจจะเอามาจากฝูงแกะหรือแพะ และต้องเป็นตัวผู้อายุหนึ่งปีไม่มีตำหนิ 6 จงดูแลมันไว้จนถึงเย็นวันที่สิบสี่ของเดือน ซึ่งเป็นเวลาที่ประชากรของชุมชนอิสราเอลทั้งปวงจะต้องฆ่าลูกแกะในตอนพลบค่ำ 7 แล้วให้พวกเขาเอาเลือดบางส่วนทาที่ด้านข้างและด้านบนของวงกบประตูบ้านที่เขากินลูกแกะนั้น 8 คืนวันนั้นทุกคนจงกินแกะหรือแพะย่าง ขนมปังไม่ใส่เชื้อ และผักรสขม 9 อย่ากินเนื้อทั้งดิบๆ หรือเนื้อต้ม แต่จงย่างทั้งหัว ขา และเครื่องใน 10 หากกินไม่หมดในคืนวันนั้น วันรุ่งขึ้นจงเผาส่วนที่เหลือทิ้ง 11 ในการกินเลี้ยงนี้ จงสวมชุดเดินทาง คาดเข็มขัด ใส่รองเท้า และถือไม้เท้าไว้ จงกินอย่างเร่งรีบ การฉลองนี้คือปัสกาขององค์พระผู้เป็นเจ้า 12 “ในคืนเดียวกันนั้นเราจะไปทั่วอียิปต์และประหารลูกหัวปีทั้งหมดไม่ว่าของคนหรือของสัตว์ และจะลงโทษพระทั้งปวงของอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์ 13 บ้านที่เจ้าอยู่จะมีเลือดเป็นเครื่องหมายสำหรับเจ้า และเมื่อเรามองเห็นเลือดนั้นเราจะผ่านเจ้าไป จะไม่มีภัยพิบัติใดมาแผ้วพานเจ้าเมื่อเราลงโทษอียิปต์ 14 “นี่คือวันที่เจ้าต้องรำลึก เจ้าจงถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุ […]
อพยพ 13
การถวายบุตรหัวปี 1 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 2 “จงแยกบุตรชายหัวปีทุกคนและสัตว์หัวปีตัวผู้ทุกตัวมอบถวายแก่เรา ลูกหัวปีท่ามกลางอิสราเอลไม่ว่าคนหรือสัตว์ล้วนเป็นของเรา” 3 แล้วโมเสสกล่าวแก่เหล่าประชากรว่า “จงระลึกถึงวันนี้ วันที่ท่านออกมาจากอียิปต์ ออกจากดินแดนแห่งการเป็นทาส เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำท่านทั้งหลายออกมาด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ ท่านอย่ารับประทานอาหารใดๆ ที่ใส่เชื้อ 4 ท่านทั้งหลายออกมาในวันนี้ในเดือนอาบีบ 5 เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำท่านเข้าสู่ดินแดนของชาวคานาอัน ชาวฮิตไทต์ ชาวอาโมไรต์ ชาวฮีไวต์ และชาวเยบุส ตามที่พระองค์ทรงสาบานไว้กับบรรพบุรุษของท่านว่าจะประทานแก่ท่าน ดินแดนซึ่งอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง ท่านทั้งหลายจงถือพิธีดังกล่าวในเดือนนี้ 6 ตลอดเจ็ดวันท่านจงกินขนมปังไม่ใส่เชื้อ แล้วในวันที่เจ็ดจะมีพิธีเลี้ยงฉลองถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า 7 ตลอดเจ็ดวันจงกินขนมปังไม่ใส่เชื้อและอย่าให้มีเชื้ออยู่ท่ามกลางพวกท่านหรือที่ใดๆ ในเขตแดนของท่าน 8 ในวันนั้นจงบอกบุตรหลานว่า ‘ที่เราทำเช่นนี้ก็เพื่อรำลึกถึงสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำเพื่อเราเมื่อเราออกจากอียิปต์’ 9 พิธีรำลึกนี้จะเป็นเหมือนเครื่องหมายที่มือของท่านและเป็นเครื่องเตือนใจที่หน้าผากของท่าน เพื่อบทบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะอยู่ที่ริมฝีปากของท่าน เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำท่านออกจากอียิปต์โดยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระองค์ 10 ท่านต้องรักษาข้อปฏิบัตินี้ตามเวลาที่กำหนดเป็นประจำทุกปี 11 “หลังจากที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำท่านทั้งหลายเข้าสู่ดินแดนคานาอันและประทานดินแดนแก่ท่านตามที่ทรงสัญญาโดยปฏิญาณไว้กับท่านและบรรพบุรุษของท่านแล้ว 12 ท่านจงถวายลูกหัวปีจากทุกครรภ์แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าลูกสัตว์หัวปีตัวผู้ทุกตัวในฝูงสัตว์ของท่านเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า 13 จงใช้ลูกแกะหนึ่งตัวไถ่ลาหัวปีแต่ละตัว แต่ถ้าท่านไม่ไถ่จงหักคอลานั้นเสีย ส่วนบุตรชายหัวปีจงไถ่ไว้ทุกคน 14 “และในอนาคต เมื่อลูกหลานถามท่านว่า ‘นี่หมายความว่าอะไร?’ ท่านจงบอกพวกเขาว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำพวกเราออกมาจากอียิปต์ พ้นจากดินแดนแห่งความเป็นทาสโดยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ […]
อพยพ 14
1 แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งโมเสสว่า 2 “จงบอกชนอิสราเอลให้วกไปตั้งค่ายใกล้ปีหะหิโรท ซึ่งอยู่ระหว่างมิกดลกับทะเลแดง ให้พวกเขาตั้งค่ายริมทะเลตรงข้ามบาอัลเซโฟน 3 ฟาโรห์จะคิดว่า ‘ชาวอิสราเอลนั้นเร่ร่อนไปทั่วดินแดนด้วยความสับสน ติดกับอยู่ในทะเลทราย’ 4 เราจะทำให้ฟาโรห์ใจแข็งกระด้าง เขาจะไล่ตามพวกเจ้า เพื่อเราจะได้รับเกียรติโดยทางฟาโรห์กับกองทัพทั้งสิ้นของเขา และชาวอียิปต์ทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราคือองค์พระผู้เป็นเจ้า” ดังนั้นชาวอิสราเอลจึงตั้งค่ายพักแรมตามคำสั่ง 5 เมื่อกษัตริย์อียิปต์ทรงทราบว่าชาวอิสราเอลหนีไปแล้ว ฟาโรห์กับเหล่าข้าราชการก็เปลี่ยนใจ แล้วฟาโรห์ตรัสว่า “เราทำอะไรลงไป? ทำไมเราปล่อยชาวอิสราเอลไปและสูญเสียแรงงานของพวกเขา!” 6 ดังนั้นฟาโรห์จึงเสด็จขึ้นรถม้าศึกและนำกองทัพไปด้วย 7 พระองค์ทรงนำรถม้าศึกที่ดีที่สุดหกร้อยคันและรถม้าศึกอื่นๆ ทั้งปวงของอียิปต์พร้อมทั้งนายทหารบัญชาการ 8 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์มีใจแข็งกระด้าง ฟาโรห์จึงไล่ตามชนอิสราเอลซึ่งยกขบวนออกมาอย่างกล้าหาญ 9 กองทัพอียิปต์ได้แก่ กองม้า รถม้าศึก และพลม้าและทหารของฟาโรห์ทั้งสิ้นออกติดตามชาวอิสราเอลมาทันพวกเขาซึ่งตั้งค่ายริมทะเล ใกล้ปีหะหิโรท ตรงข้ามกับบาอัลเซโฟน 10 เมื่อชนอิสราเอลมองเห็นกองทัพอียิปต์เข้ามาใกล้ก็ตกใจกลัวยิ่งนักและร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้า 11 พวกเขากล่าวกับโมเสสว่า “ที่อียิปต์ไม่มีหลุมฝังศพพวกเราหรือ? ท่านจึงพาเรามาตายในถิ่นกันดารนี้ ทำไมหนอท่านจึงนำเราออกมาจากอียิปต์? 12 เราบอกท่านตั้งแต่อยู่ที่อียิปต์แล้วไม่ใช่หรือว่า ‘อย่ามายุ่งกับพวกเรา ปล่อยให้เรารับใช้ชาวอียิปต์’? ปล่อยให้เรารับใช้ชาวอียิปต์ก็ยังดีกว่าเอาชีวิตมาทิ้งในถิ่นกันดารนี้!” 13 โมเสสตอบประชากรว่า “อย่ากลัวเลย จงหนักแน่นเข้าไว้ ท่านจะได้เห็นการช่วยกู้ที่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนำมาให้ท่านในวันนี้ ท่านจะไม่ได้เห็นชาวอียิปต์ที่ท่านเห็นอยู่ในเวลานี้อีกเลย […]
อพยพ 15
บทเพลงของโมเสสและมิเรียม 1 โมเสสและชาวอิสราเอลจึงร้องเพลงนี้ถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพเจ้าจะร้องเพลงถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงเป็นที่เทิดทูนสูงส่ง พระองค์ทรงเหวี่ยงม้าและพลม้า ลงในทะเล 2 “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกำลังและบทเพลงของข้าพเจ้า พระองค์ได้ทรงมาเป็นความรอดของข้าพเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระองค์ ทรงเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเทิดทูนพระองค์ 3 องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นนักรบ พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์ 4 พระองค์ทรงเหวี่ยงรถม้าศึกและกองทัพของฟาโรห์ ลงในทะเล นายทหารฝีมือดีที่สุดของฟาโรห์ จมน้ำตายในทะเลแดง 5 น้ำลึกหลากท่วมพวกเขา พวกเขาจมดิ่งลงในห้วงลึกเหมือนก้อนหินก้อนหนึ่ง 6 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระหัตถ์ขวาของพระองค์ ทรงฤทธานุภาพน่าเกรงขาม ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระหัตถ์ขวาของพระองค์ ขยี้ศัตรูแหลกลาญ 7 ด้วยเดชานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระองค์ทรงคว่ำทุกคนที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์ ทรงระบายพระพิโรธเผาผลาญพวกเขา เหมือนไฟเผาตอข้าว 8 โดยพายุอันเกรี้ยวกราดที่พัดออกจากพระนาสิกของพระองค์ น้ำก็แยกตั้งขึ้น น้ำที่ซัดสาดตั้งตระหง่านดั่งกำแพง น้ำลึกตั้งขึ้นที่ใจกลางทะเล 9 “ศัตรูโอ้อวดว่า ‘ข้าจะรุกไล่พวกเขา ข้าจะตามพวกเขาทัน แล้วเอาของที่ยึดได้มาแบ่งกัน ข้าจะกลืนกินพวกเขา ข้าจะชักดาบออกมา และมือของข้าจะทำลายพวกเขา’ 10 แต่พระองค์ทรงระบายลมหายใจของพระองค์ ทะเลก็ท่วมพวกเขา เขาจมดิ่งลงในห้วงน้ำใหญ่ เหมือนก้อนตะกั่ว 11 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าในบรรดาพระทั้งปวง ใครเล่าจะเสมอเหมือนพระองค์? […]
อพยพ 16
มานาและนกคุ่ม 1 จากนั้นชุมชนอิสราเอลทั้งหมดออกเดินทางจากเอลิมถึงถิ่นกันดารสีน ซึ่งอยู่ระหว่างเอลิมกับซีนาย ถึงที่นั่นในวันที่สิบห้าของเดือนที่สองนับตั้งแต่พวกเขาออกจากอียิปต์ 2 ในถิ่นกันดารนั้นชนอิสราเอลทั้งปวงบ่นว่าโมเสสกับอาโรน 3 ชนอิสราเอลกล่าวกับเขาทั้งสองว่า “เราน่าจะตายด้วยน้ำมือขององค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่อยู่ที่อียิปต์แล้ว! ตอนที่เราอยู่ที่นั่น เรานั่งล้อมวงหม้อเนื้อและกินอาหารทุกอย่างที่เราต้องการ แต่ท่านพาเราออกมาอดตายกันหมดในถิ่นกันดาร” 4 องค์พระผู้เป็นเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า “ดูเถิด เราจะให้อาหารตกลงมาจากท้องฟ้าแก่พวกเจ้า ให้ทุกคนออกไปเก็บอาหารแต่ละวันมากน้อยตามความต้องการในวันนั้น เราจะทดลองดูว่าพวกเขาจะปฏิบัติตามคำสั่งของเราหรือไม่ 5 บอกพวกเขาว่าให้เก็บอาหารมากกว่าปกติเป็นสองเท่าในวันที่หก” 6 ดังนั้นโมเสสกับอาโรนจึงกล่าวแก่ประชากรอิสราเอลว่า “ในเวลาเย็นท่านจะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ที่นำท่านออกจากอียิปต์ 7 และในเวลาเช้าท่านจะเห็นพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงได้ยินพวกท่านบ่นว่าพระองค์ แล้วเราทั้งสองเป็นใครกันเล่า ท่านจึงมาบ่นว่าเรา?” 8 โมเสสกล่าวอีกว่า “ท่านจะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเมื่อพระองค์ประทานเนื้อให้ในเวลาเย็นและประทานอาหารทั้งหมดที่ท่านต้องการในเวลาเช้า เพราะพระองค์ทรงได้ยินท่านบ่นว่าพระองค์แล้ว เราเป็นใครเล่า? ท่านไม่ได้ต่อว่าเรา แต่บ่นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า” 9 แล้วโมเสสบอกอาโรนว่า “จงกล่าวแก่ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดว่า ‘จงเข้ามาต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะทรงได้ยินเสียงบ่นว่าของพวกเจ้าแล้ว’ ” 10 ขณะอาโรนกำลังกล่าวแก่ชุมชนอิสราเอลทั้งปวง พวกเขามองไปทางถิ่นกันดารเห็นพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏในเมฆ 11 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า 12 “เราได้ยินคำบ่นของชนอิสราเอลแล้ว จงบอกพวกเขาว่า ‘ในเวลาพลบค่ำพวกเจ้าจะมีเนื้อกิน และในเวลาเช้าพวกเจ้าจะมีอาหารกินจนอิ่ม แล้วพวกเจ้าจะรู้ว่าเราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า’ ” 13 เย็นวันนั้นนกคุ่มบินมาตกเต็มค่าย และในเวลาเช้าตรู่บริเวณรอบค่ายมีน้ำค้างชุ่ม 14 เมื่อน้ำค้างระเหยไปก็เหลือเกล็ดเล็กๆ […]
อพยพ 17
น้ำจากศิลา 1 ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดออกจากถิ่นกันดารสีน เดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชา พวกเขาตั้งค่ายพักที่เรฟีดิม แต่ที่นั่นไม่มีน้ำให้ประชากรดื่ม 2 ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พอใจโมเสสและกล่าวว่า “ขอน้ำให้เราดื่ม” โมเสสตอบว่า “ทำไมพวกท่านไม่พอใจเรา? ทำไมจึงลองดีกับองค์พระผู้เป็นเจ้า?” 3 แต่เนื่องจากพวกเขากระหายน้ำ จึงบ่นว่าโมเสสว่า “ทำไมถึงพาพวกเรา ทั้งลูกเล็กเด็กแดงและฝูงสัตว์ของเราออกมาจากอียิปต์ ให้มาอดน้ำตายกันที่นี่?” 4 โมเสสจึงทูลวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ข้าพระองค์ควรทำอย่างไรกับคนเหล่านี้? พวกเขาพร้อมที่จะเอาหินขว้างข้าพระองค์อยู่แล้ว” 5 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบโมเสสว่า “เจ้าจงเดินนำหน้าชนอิสราเอลไป พาผู้อาวุโสบางคนของอิสราเอลไปด้วย และถือไม้เท้าที่เจ้าใช้ตีลงบนแม่น้ำไนล์นั้นไปด้วย 6 เราจะยืนอยู่ต่อหน้าเจ้าที่ศิลาแห่งโฮเรบ จงเอาไม้เท้าตีศิลาก้อนนั้น แล้วน้ำจะไหลออกมาให้ผู้คนดื่ม” ดังนั้นโมเสสก็ทำตามนี้ต่อหน้าบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอล 7 โมเสสเรียกสถานที่นั้นว่ามัสสาห์และเมรีบาห์เพราะที่นั่นเองชนอิสราเอลไม่พอใจและลองดีกับองค์พระผู้เป็นเจ้าโดยกล่าวว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตท่ามกลางพวกเราหรือไม่?” ชาวอามาเลขพ่ายแพ้ 8 ชาวอามาเลขมาโจมตีชาวอิสราเอลที่เรฟีดิม 9 โมเสสบอกโยชูวาว่า “ให้เลือกคนของเราบางส่วนออกไปสู้รบกับชาวอามาเลข แล้วพรุ่งนี้เราจะยืนบนเนินเขาถือไม้เท้าของพระเจ้า” 10 โยชูวาจึงออกไปสู้รบกับชาวอามาเลขตามที่โมเสสสั่ง ส่วนโมเสส อาโรน และเฮอร์ขึ้นไปบนเนินเขา 11 ตราบเท่าที่โมเสสชูมือขึ้น อิสราเอลก็เป็นฝ่ายชนะ แต่เมื่อใดเขาลดแขนลง ทหารของอามาเลขก็เป็นฝ่ายชนะ 12 เมื่อแขนของโมเสสล้ามาก อาโรนกับเฮอร์จึงกลิ้งก้อนหินมาให้โมเสสนั่ง […]
อพยพ 18
เยโธรมาเยี่ยมโมเสส 1 ฝ่ายเยโธรซึ่งเป็นปุโรหิตของชาวมีเดียนและเป็นพ่อตาของโมเสสได้ยินทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำเพื่อโมเสสและประชากรอิสราเอลของพระองค์ และได้ยินถึงวิธีที่องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงนำอิสราเอลออกมาจากอียิปต์ 2 ก่อนหน้านี้โมเสสได้ส่งศิปโปราห์ภรรยาของตนกลับไปหาเยโธรพ่อตาของเขาและเยโธรรับนางไว้ 3 พร้อมด้วยบุตรชายสองคนของเขา คนหนึ่งคือเกอร์โชมเพราะโมเสสกล่าวว่า “เราเป็นคนต่างด้าวในต่างแดน” 4 และอีกคนหนึ่งคือเอลีเยเซอร์เพราะโมเสสกล่าวว่า “พระเจ้าของบรรพบุรุษของข้าพเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยของข้าพเจ้า และทรงกอบกู้ข้าพเจ้าจากคมดาบของฟาโรห์” 5 เยโธรพ่อตาของโมเสสพาบุตรและภรรยาของโมเสสมาถึง ขณะที่โมเสสและประชากรตั้งค่ายพักในถิ่นกันดารใกล้ภูเขาของพระเจ้า 6 เยโธรส่งข่าวมายังโมเสสว่า “เยโธรพ่อตาของเจ้ากำลังมาหาเจ้า พาภรรยาและบุตรทั้งสองของเจ้ามาด้วย” 7 ดังนั้นโมเสสจึงออกไปต้อนรับพ่อตา คำนับและจูบทักทายกัน แล้วเข้าไปในเต็นท์ 8 โมเสสเล่าให้พ่อตาฟังเกี่ยวกับทุกสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำกับฟาโรห์และชาวอียิปต์เพื่อชนอิสราเอล ตลอดจนปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการเดินทาง และวิธีที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกอบกู้พวกเขา 9 เยโธรยินดีมากเมื่อได้ยินเรื่องดีๆ ทั้งหมดที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำเพื่ออิสราเอล ในการกอบกู้พวกเขาออกจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ 10 เยโธรกล่าวว่า “สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงช่วยเจ้าจากเงื้อมมือของฟาโรห์และชาวอียิปต์ และทรงช่วยประชากรอิสราเอลจากเงื้อมมือของชาวอียิปต์ 11 เดี๋ยวนี้พ่อรู้แล้วว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยิ่งใหญ่เหนือพระทั้งปวง เพราะพระองค์ทรงจัดการกับคนเหล่านั้นที่ได้ทำต่อชนชาติอิสราเอลอย่างโอหัง” 12 แล้วเยโธรพ่อตาของโมเสสจึงถวายเครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาอื่นๆ แด่พระเจ้า อาโรนกับบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลก็มารับประทานอาหารร่วมกับพ่อตาของโมเสสต่อหน้าพระเจ้า 13 วันต่อมาโมเสสนั่งประจำการตัดสินความให้เหล่าประชากร พวกเขายืนห้อมล้อมตั้งแต่เช้าจดเย็น 14 เมื่อพ่อตาของโมเสสเห็นทุกสิ่งที่โมเสสทำเพื่อประชาชนจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ากำลังทำอะไรกับประชากรเหล่านี้? ทำไมเจ้านั่งตัดสินความอยู่คนเดียว ขณะที่ประชากรทั้งหมดนี้ยืนห้อมล้อมเจ้าตั้งแต่เช้าจดเย็น?” 15 โมเสสตอบว่า […]